ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #5 : ผู้ต้องสงสัยทั้งสาม

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 66


    (04.08.21)
    สามคน บนถนนยามรัตติกาล



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้

    Parinuttha



    ตอนที่ 5 ผู้ต้องสงสัยทั้งสาม




    บ่ายสองวันจันทร์ กลุ่มนักสืบเยาวชนเดินกลับบ้านด้วยกันตามปกติ หัวข้อสนทนาเป็นเรื่องของพ่อนักสืบจอมอวดดีที่ไปผจญภัยในดินแดนแห่งโฮล์มส์ เด็กชายตะลอนทัวร์ไปยังสถานที่ในฝันได้แค่ครึ่งวันก็เจอเข้ากับคดีใหญ่

    เป็นคดีเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุในลอนดอน เขาเคยวางระเบิดที่โรงพยาบาลมากว่าสองแห่งแล้ว และคนที่ตกเป็นเป้าก็คือ มินอร์ว่า กลาส ราชินีคอร์ดหญ้า แม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขันเพราะถูกข่มขู่เรื่องแม่ แต่เธอก็ยังสามารถตีลูกเทนนิสลงบนสนามเป็นจุดอักษรเบลล์ เพื่อบอกใบ้ให้ใครสักคนอ่านข้อความนี้ออกแล้วมาช่วยเธอได้

    “คุณมินอร์ว่า...ผมคือลูกศิษย์ของโฮล์มส์ครับ!

    มิตสึฮิโกะลองกดมือถือหาข่าวดู แต่ก็มีแค่ข่าวเด็กชายญี่ปุ่นคนหนึ่งตะโกนออกมากลางสนามทำให้การแข่งขันหยุดชะงักเท่านั้น โคนันหัวเราะแห้งๆ บอกว่าเขาทำแบบนั้นเพื่อจับคนร้าย

    “งั้นนายก็คงไม่ได้ออกสื่อสินะ” ไฮบาระดึงโคนันมากระซิบ “เพราะเอโดงาวะ โคนัน คือเด็กที่เข้าประเทศอังกฤษไม่ได้น่ะ”

    “แล้วยังไงต่อล่ะ ที่นายไม่เชื่อคำแนะนำของฉันแล้วกินยานั่นเข้าไป กลับไปเป็น คุโด้ ชินอิจิ แล้วก็กลับไปพบกับผู้หญิงจากสำนักงานนักสืบใช่ไหม” ไฮบาระถามไปอย่างนั้น ทั้งที่เธอก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

    “อ่า เรื่องยาน่ะ ขอบใจมากนะ”

    เด็กหญิงลอบถอนหายใจ ถ้าหากว่าเธอเดาใจเขาไม่ออก แล้วไม่ได้ส่งยาสำรองให้ยูซากุกับยูกิโกะ พ่อกับแม่ของเขา เป็นคนเอาไปให้ล่ะก็ บางทีพ่อนักสืบจอมเสล่ออาจต้องติดแหง็กอยู่ที่ลอนดอนตลอดไปก็ได้

    “แน่ใจนะ ว่าตอนนั้นนายไม่ได้เผลอลืมตัวสารภาพอะไรออกไปน่ะ”

    โคนันหน้าแดง พลางนึกย้อนถึงตอนนั้น ในตู้โทรศัพท์ เขาต้องกินยาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบเพื่อไม่ให้รันจับได้ แต่กลับเกิดผลลัพธ์ที่เขาไม่คาดคิด

    “โง่จริง ฉันมันโง่จริงๆ ที่ตื่นเต้นไม่เข้าเรื่อง” เด็กสาวพูดทั้งน้ำตา “เหมือนอย่างที่เขาพูดไว้นั่นแหละ ความรักก็คือศูนย์ ไม่ว่าฉันจะพยายามสักแค่ไหน มันก็แพ้อยู่ดีนั่นแหละ”

    “เอ่อ พูดอะไรของเธอน่ะ”

    “ไม่เข้าใจเหรอ เธอเป็นนักสืบไม่ใช่หรือไง ถ้าเธอเป็นนักสืบ...ก็ลองไขเข้าไปในหัวใจฉันดูบ้างสิ คนบ้า!

    รันตะคอกแล้วหุนหันวิ่งออกไปทันที ชินอิจิไล่ตาม ข้ามสะพานมาจนถึงทางเท้าริมถนนซึ่งมีหอนาฬิกาบิกเบนเป็นฉากหลัง เด็กหนุ่มจับแขนเธอไว้ พยายามเรียกให้เธอใจเย็น

    “ไม่นะ ปล่อยฉันสิ”

    “เธอน่ะ เข้าใจยากที่สุดเลย”

    “หา?”

    “เธอมันก็เหมือนคดีที่ยากสุดๆ มีแต่ความรู้สึกที่ไม่จำเป็นเยอะแยะเต็มไปหมด ถึงฉันเป็นโฮล์มส์ก็เถอะ ฉันคงไขคดีนี้ไม่ได้หรอก เพราะไม่มีใครอ่านหัวใจของคนรัก...ได้อย่างถูกต้องหรอกน่า”

    รันอึ้งกับคำพูดและสีหน้าจริงจังของชินอิจิ หัวใจซึ่งเจ็บปวดเปื้อนหยาดน้ำตาเมื่อครู่ กำลังพองโตราวกับบอลลูนที่ถูกเป่าลม คนรักรันมั่นใจว่าเธอไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ เธอได้ยินมันชัดยิ่งกว่าคำไหนๆ ใบหน้าของชินอิจิลอยเด่นอยู่ในสายตาของเธอ แม้แต่หอนาฬิกาบิกเบนซึ่งมีท้องฟ้ายามสนธยาเป็นฉากหลังก็ไม่ได้สวยงามเกินกว่าใบหน้าของเขา

    “ความรักก็คือศูนย์งั้นเหรอ อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย” เด็กหนุ่มปล่อยแขนอีกฝ่าย แล้วชี้นิ้วประกอบ “บอกราชินีคอร์ดหญ้าไปเลย ศูนย์...คือการเริ่มต้นต่างหากล่ะ”

    โคนันหวนนึกด้วยใบหน้าแดงน้อยๆ ทว่าห้วงคำนึงแห่งความหวานก็ถูกขัดขึ้นด้วยการปรามของเด็กหญิงข้างกาย

    “ฉันขอย้ำอีกครั้งนะ ยานั่นมันช่วยให้นายคืนร่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น” ไฮบาระย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ภายในสถานการณ์แบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้านายเกิดสารภาพแล้วปล่อยให้เธอคนนั้นต้องรอเก้อ”

    “เมื่อก่อนนี้นายก็เคยบอกกับตัวเองไม่ใช่เหรอ ว่าการทำให้เธออยากพบนายมากขึ้นกว่าเดิม ก็มีแต่จะทำให้เธอต้องเศร้าเสียใจมากขึ้นเท่านั้น” ใช่ ไฮบาระยังจำคำพูดทุกคำของเขาได้

    ก็ฉันไม่มีทางเลือกนี่นาโคนันแอบคิดในใจ ขืนพูดออกไป ไฮบาระได้ทำหน้ายักษ์ใส่แน่

    “ห้ามลืมล่ะ สำหรับนายแล้ว การมายืนอยู่ในที่แจ้งเป็นสิ่งต้องห้าม จนกว่าเวลานั้นจะมาถึง นายจำเป็นต้องซ่อนตัวต่อไปเรื่อยๆ ...”

    “อะไรกันเหรอๆ อยากเล่นซ่อนหาเหรอ” คำถามของอายูมิทำเอาโคนันและไฮบาระสะดุ้ง

    “งั้นเราไปเตะกระป๋องกันนะครับ เราเพิ่งได้กระป๋องน้ำผลไม้ที่เก็นตะคุงดื่มเสร็จมาแล้วล่ะ” มิตสึฮิโกะเสนอ ขณะถือกระป๋องเปล่าให้ดู

    “ถ้างั้นล่ะก็ ฉันรู้จักที่ดีๆ ด้วยแหละ” เก็นตะว่าแล้วดันหลังพวกโคนันให้ออกวิ่งไป

     










    กลุ่มนักสืบเยาวชนเดินมาถึงตึกร้างที่กำลังจะถูกทุบทิ้งในอาทิตย์หน้านี้แล้ว และเพราะประตูบานเลื่อนเปิดแง้มอยู่ จึงพอทำให้พวกเด็กๆ มุดลอดเข้าไปได้

    ไฮบาระมองตามหลังเพื่อนๆ ก่อนถอดกระเป๋าออกแล้วโยนเข้าไป “เฮ้อ...เล่นซ่อนหากันหน่อยก็ได้ ฮึ้บ”

    โคนันซึ่งเป่ายิงฉุบห่วยที่สุดในกลุ่มรั้งตำแหน่งคนหาอีกตามเคย แต่จะว่าไปหน้าที่นี้ก็เหมาะกับเขาดี สำหรับคนที่มีทักษะการวิเคราะห์และสันนิษฐานเป็นเลิศน่ะ เด็กชายหาทุกคนเจอได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เหลือเพียงแค่เก็นตะเท่านั้น แต่เด็กชายอ้วนก็เรียกเขาด้วยเข็มกลัดนักสืบเสียก่อน บอกว่าได้ยินเสียงเคาะแปลกๆ เป็นจังหวะ 252

    ทว่าพอเข้าไปตรวจดูก็เจอพนักงานรื้อตึกสองคนกำลังใช้ค้อนเคาะเสาอยู่ พนักงานพวกนั้นแก้ตัวกลบเกลื่อนไป แต่โคนันก็จับพิรุธได้ เพราะการทำลายตึกนี้ไม่สามารถใช้ระเบิดอย่างที่หอศิลป์โทโตะเคยใช้ เด็กชายแนะนำให้รีบโทรแจ้งตำรวจกันก่อน แต่คนร้ายคนนั้นก็มาได้ยินเข้าพอดี โคนันร้องบอกให้เพื่อนหนีไป และคิดจะจัดการคนร้ายไปสักคนหนึ่งด้วยเข็มขัดยิงลูกบอล โชคร้ายที่คนร้ายอีกคนเปิดประตูออกมาพอดี ลูกฟุตบอลความเร็วสูงจึงพุ่งกลับมากระแทกหน้าเขาจนหมดสติไป

    ไฮบาระเห็นว่าที่โคนันลงมาช้า อาจเพราะถูกคนร้ายจับตัวไว้แล้ว จึงเสนอแผนเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้เพื่อนๆ หนีไปและหาทางแจ้งตำรวจ แต่พอได้ยินคนร้ายขู่จะฆ่าโคนันกับไฮบาระ มิตสึฮิโกะก็ตัดใจไม่โทรแจ้ง

    คนร้ายหาพวกเด็กๆ จนทั่วแต่ก็ไม่เจอ ทำให้โคนันเดาได้ว่าพวกเด็กๆ น่าจะซ่อนอยู่ในล็อกเกอร์ในห้องที่จับเขากับไฮบาระมัดไว้นี้ จึงใช้เข็มกลัดนักสืบส่งเสียงเคาะเป็นสัญญาณ ให้มิตสึฮิโกะใช้มือถือของตัวเองโทรเข้าเครื่องของทุกคนที่กระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ เพื่อล่อคนร้ายออกไป โดยใช้รหัสขอความช่วยเหลือของหน่วยดับเพลิงในโตเกียวที่พี่สาวของมิตสึโกะเคยสอนไว้ จนสามารถล่อมันทั้งสองคนออกไปได้

    “ที่ห้องขังไง นี่ต้องเป็นแผนที่ล่อนายออกมาจากห้องนั่นแน่เลย” พนักงานอ้วนฉุกคิดได้ “สิ่งเดียวที่พวกเราไม่ได้หาคือล็อกเกอร์”

    “ให้ตายสิ งั้นเสียงที่ฉันได้ยินเมื่อกี้ก็ใช่น่ะสิ” พนักงานผอมรีบรื้อเก้าอี้และข้าวของที่เอามาวางกั้นประตูไว้อย่างหัวเสีย “หน็อย เจ้าพวกเด็กบ้า กล้าหลอกฉันดีนักนะ เดี๋ยวเถอะแก หืม...อ๊าก!

    คนร้ายร้องครางและหมดสติทั้งยืน เมื่อถูกโคนันที่แก้มัดได้แล้ว ยิงเข็มยาสลบเข้ากลางแสกหน้า โคนันใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงคุยกับคนร้ายอีกคนในสาย ลวงให้รีบหนีไป

    “เฮ้ย นี่ เดี๋ยวก่อนสิ อ๊ะ...” พนักงานอ้วนชะงัก รู้สึกถึงมือที่เอื้อมมาแตะไหล่เขาจากในมุมมืด พร้อมกลิ่นอายบางอย่างที่ทำเอาเขาเสียวสันหลังวาบ

    โคนันจัดการมัดคนร้ายไว้ด้วยเทปกาว ส่วนคนร้ายอีกคน เดี๋ยวพวกมันก็คงสาวไส้กันเอง แต่ตอนที่ใกล้จะวางใจกันแล้วนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบพื้นกำลังใกล้เข้ามา โคนันบอกให้พวกเด็กๆ หลบไปก่อน ส่วนไฮบาระขยับมาชิดและจับไหล่โคนันไว้เหมือนทุกครั้งยามรู้สึกถึงกลิ่นอายอำมหิต

    ความรู้สึกกดดันแบบนี้ หรือว่า...

    ไฮบาระลุ้นจนตัวโก่ง แต่ใบหน้าของผู้ชายซึ่งปรากฏขึ้นหลังประตูเปิดออกก็ทำให้ทุกคนแปลกใจปนโล่งใจ เพราะเขาไม่ใช่ใครอื่นเลย แต่เป็นชายที่อาศัยอยู่ข้างบ้านดอกเตอร์คนนั้น

    “คุณสึบารุ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ”

    ชายหนุ่มอธิบายว่าเย็นแล้วแต่ไฟที่บ้านดอกเตอร์ไม่เปิด แถมประตูบ้านไม่ได้ล็อก เอะใจว่าจะเกิดอะไร เลยใช้แว่นตาสะกดรองสำรองในห้องของดอกเตอร์ตามสัญญาณจากเข็มกลัดนักสืบมาถึงที่นี่

    “งั้นหรือว่า คุณลุงคนที่ถูกลักพาตัวจะเป็น...”

    “ใช่ คนที่เธอรู้จักดี” สึบารุใช้กุญแจที่เอามาจากคนร้ายเปิดไขตู้ล็อกเกอร์ “ดร.อากาสะ นั่นแหละ”

    ดอกเตอร์อากาสะถูกมัดและปิดปากด้วยเทปกาวกำลังหลับปุ๋ยอยู่ข้างใน สึบารุช่วยแก้เชือกให้ แล้วสันนิษฐานว่าคงเพราะดอกเตอร์ประดิษฐ์ของมากมายจึงถูกเข้าใจผิดว่าร่ำรวย จนถูกจับตัวมาเรียกค่าไถ่ ส่วนลูกสาวชั้นมัธยมที่คนร้ายเข้าใจผิดก็คือไฮบาระนั่นเอง

    “ว่าแต่ คุณสึบารุครับ คุณพอจะเห็นคนร้ายหรือเปล่าครับ”

    “อ้อ เขาสลบอยู่ตรงบันไดนั่นแหละ ก็เล่นตาลีตาเหลือกวิ่งหนีจนพลาดท่าตกบันไดไปน่ะ” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ

    “พี่สึบารุเหมือนซุปเปอร์แมนเลยค่ะ” อายูมิหาคำชมใหม่ให้เขาอีกแล้ว

    “นั่นสินะ”

    “หือ” ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อยเมื่อไฮบาระเออออเหมือนเห็นด้วย

    “รู้ขนาดที่ว่าบ้านไม่ได้เปิดไฟเลยตามมาดูเนี่ย อย่างกับจับตามองตลอดเวลาเลย”

    “จะว่าจับตามองก็ใช่อยู่แหละ” ไฮบาระขมวดคิ้วด้วยความอึดอัด แต่ก็พอจะโล่งใจได้ด้วยคำพูดต่อมา “เพราะเที่ยงนี้ฉันทำแกงกะหรี่เยอะมากเลยกะจะเอามาแบ่งให้น่ะ”

    “แกงกะหรี่!

    “งั้นพรุ่งนี้มื้อเที่ยง เราไปกินที่บ้าน ดร. กันเถอะ นะ”

    เด็กๆ ถูกแกงกะหรี่เบนความสนใจไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับเขาและเธอ สองคนยังคงจ้องกันอย่างไม่ลดละ ไฮบาระไม่อาจวางใจเขา แถมยังไม่สามารถอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้เลย ไม่รู้เป็นเพราะเขาเก็บสีหน้าเก่งยิ่งกว่าเธอ หรือเพราะกรอบแว่นนั้นช่วยบดบังทุกอย่างเอาไว้กันแน่

     










    สุดสัปดาห์เวียนมาอีกหน กลุ่มนักสืบเยาวชนกำลังเก็บของเตรียมตัวไปตั้งแคมป์วันพรุ่งนี้ ส่วนโคนันก็แอบกระซิบกับไฮบาระกันสองคนอีกตามเคย

    “ถ้างั้น นักสืบที่ชื่อเซระนั่น ก็รู้ทั้งชื่อนายและเรื่องที่นายเป็นนักสืบด้วยงั้นสิ”

    โคนันเล่าย้อนไปคร่าวๆ ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน เขา รัน และโซโนโกะ เดินทางไปที่โรงแรมเบกะเพื่อกินเค้กไวกิ้ง ฉลองให้รันที่ได้แชมป์คาราเต้ระดับภูมิภาคมาครอง ตอนนั้นโซโนโกะถูกพวกโรคจิตลวนลามและได้ เซระ คนนั้น ช่วยเอาไว้ นอกจากเจ้าตัวจะมีฝีมือด้านเทควันโดพอตัวแล้ว ยังมีทักษะการสืบสวนพอๆ กับเขาอีก แม้ท้ายสุดจะผิดพลาด จนโคนันต้องใช้เสียงของ คุโด้ ชินอิจิ ในการคลี่คลายคดีก็เถอะ แต่เหมือนกับว่าเซระจงใจบีบให้เขาทำแบบนั้นมากกว่า

    นอกจากนี้ นัยน์ตาสีเขียวมะกอกนั่น โคนันคิดว่าคล้ายกับใครบางคนที่เขาเคยรู้จัก

    “จะว่าไป ผมเห็นคุณรันเดินอยู่กับเด็ก ม.ปลาย ด้วย” มิตสึฮิโกะนึกขึ้นได้

    “เป็นผู้ชายที่เราไม่รู้จักด้วยล่ะ”

    “เอ๊ะ แต่คนคนนั้นเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอครับ”

    ขณะที่มิตสึฮิโกะกับเก็นตะกำลังเถียงกันเรื่องนักเรียน ม.ปลาย แปลกหน้าคนนั้น ไฮบาระก็สังเกตเห็นท่าทางไม่สบายใจของโคนัน เลยแนะนำให้เขาโทรไปถามให้จบเรื่อง ที่แท้คนคนนั้นก็คือเซระนั่นเอง แต่แทนที่อีกฝ่ายสายจะวางไปทันที โคนันกลับได้ยินการสนทนาอื่นแทรกเข้ามา

    และเป็นเรื่องเลวร้ายสุดๆ เพราะตอนนี้สำนักงานนักสืบโมริถูกคนร้ายซึ่งมีระเบิดผูกติดตัวบุกเข้ามายึดไว้ เพื่อขอให้นักสืบโมริช่วยไขคดีที่น้องสาวของเขาซึ่งเป็นนักเขียนฆ่าตัวตายในเรียวกังออนเซ็นแห่งหนึ่ง ต้องขอบคุณไหวพริบของเซระที่ใช้ตุ๊กตาที่ห้อยมือถือของรันแอบคั่นเอาไว้ ทำให้โคนันได้ฟังสถานการณ์ต่อ ผู้ต้องสงสัยมี 3 คน คือ ช้าง จิ้งจอก และหนู

    แต่คนร้ายก็จับได้เสียก่อนว่าสายยังไม่ตัดไป โคนันจึงต้องใช้เสียงของ คุโด้ ชินอิจิ อีกครั้ง เขาแต่งเรื่องว่าน้องสาวของคนร้ายฆ่าตัวตาย เพราะเห็นภาพตัวเองซ้อนทับตัวเอกในนิยายขบวนแห่ศพของยมทูต เพื่อลวงให้คนร้ายยอมจำนน

    “นั่นเป็นเรื่องที่ฉันโมเมขึ้นมาเพื่อแก้สถานการณ์น่ะ”

    ไฮบาระแอบคิด นอกจากเขาจะได้ทักษะการไขคดีมาจากพ่อแล้ว ยังได้ทักษะการแต่งเรื่องมาด้วยเหรอเนี่ย

    ส่วนคนร้ายตัวจริงคือจิ้งจอก เป็นเพื่อนร่วมเขียนผลงานกับน้องสาวคนร้าย เธอแค้นที่โดนหักหลังเรื่องงานเขียน และมีหลักฐานมัดตัวจากหนังสือเล่มนั้น แต่เพราะเป็นหนังสือเล่มแรกที่ได้ตีพิมพ์ จึงไม่สามารถทำลายทิ้งได้

    และเรื่องราวก็จบลงโดยการที่โคนันใช้เสียงของ คุโด้ ชินอิจิ คลี่คลายคดีต่อหน้าเซระอีกครั้ง

    แต่ดูท่าว่าเขากับเซระคงผูกพันกันด้วยโชคชะตาบางอย่าง โคนันมารู้เอาทีหลังว่าเซระย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเทย์ตัน แถมคุณเธอยังเป็นผู้หญิงอีกต่างหาก และโชคชะตานั้นก็ยังคงดำเนินไปจนถึงตอนที่มีคดีใหญ่เกิดขึ้น

     










    นักสืบโมริกดรีโมตปิดทีวี หลังฟังข่าวโจรสามคนปล้นธนาคารที่เอามาฉายซ้ำจนเบื่อแล้ว เขาจุดบุหรี่สูบขณะคุยกับรันและโคนันเรื่องข่าว เนื้อหาข่าวบอกว่า พวกโจรปล้นเงินไปกว่าสองร้อยล้านและยังยิงพนักงานตายไปอีกหนึ่งคน

    “แต่พวกนั้นก็ชุ่ยเหมือนกันนะครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มผมบลอนด์ผิวเข้มดังมาจากด้านหลัง “เงินสดที่พวกมันเอาไปกว่าสองร้อยล้านเป็นธนบัตรใหม่ที่เพิ่งถูกส่งมาจากสำนักงานใหญ่ ดังนั้นเลขบนธนบัตรเลยถูกบันทึกไว้หมดแล้ว”

    นักสืบโมริเห็นด้วย เพราะโจรพวกนั้นได้เงินก้อนใหญ่ที่ใช้ไม่ได้ไป จะถูกจับเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา

    “เฮ้ย! แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะเนี่ย” เขาหันขวับ จึงเห็นอามูโร่ที่โผล่เข้ามาร่วมวง กำลังยืนอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “ผมเอาแซนด์วิชมาให้ อ.โมริ ทานเป็นมื้อกลางวันน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบ แล้วยกถาดในมือให้ดู ทั้งยังบอกว่าทำมาเผื่อรันและโคนันด้วย โคนันยิ้มแห้งๆ คิดในใจ

    หมอนี่ประจบเก่งจริงๆ เลยแฮะ

    แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคดีดีเอ็นเอที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากได้เจอกับเซระ เขาก็ได้พบกับคนที่เรียกตัวเองว่านักสืบชื่อ อามุโร่ โทโอรุด้วยหลักฐานที่มีหลายๆ อย่าง ทำให้ชายหนุ่มสันนิษฐานและสรุปว่าคุณบัมบะ ไรตะ เพื่อนเก่าของลุงโมริเป็นฆาตกร แต่โคนันก็ค้นพบความจริง และใช้โคโกโร่นิทราพิสูจน์ว่านั่นเป็นการฆ่าตัวตายไม่ใช่ฆาตกรรม เพราะคุณคะมง ฮัตสึเนะ ผู้ตายได้รู้ความจริงจากหมอว่าเธอเป็นฝาแฝดกับว่าที่สามี ไม่สามารถแต่งงานกันได้ เธอซึ่งยอมรับความจริงไม่ไหวและคงไม่สามารถรักเขาแบบอื่นได้อีกแล้ว จึงจุดไฟเผาตัวเองราวกับว่าต้องการหวนคืนสู่จุดเริ่มต้นที่พวกเธอเคยมีชะตากรรมร่วมกัน สำหรับโคนันแล้วมันช่างเป็นคดีน่าเศร้าที่เขาไม่ได้เจอมานานและไม่คิดจะอยากเจออีก

    อามุโร่รู้สึกประทับใจกับการคลี่คลายคดีของนักสืบโมริมาก จึงมาทำงานพิเศษที่ร้านปัวโรต์และมาขอเป็นลูกศิษย์ของ โมริ โคโกโร่ หลังจากนั้นเขาก็เทียวไปเทียวมา ทั้งจ่ายค่าเล่าเรียนแพงๆ ขยันเอานู่นเอานี่มาฝากอย่างที่เห็น

    ชายหนุ่มรู้ว่านักสืบโมริจะไปพบผู้ว่าจ้างเลยขอตามไปด้วย แถมเป็นผู้ว่าจ้างรายแรกที่รับงานทางอินเทอร์เน็ต สถานที่นัดเจอคือร้านโครัมโบ จ้างให้ช่วยหากุญแจล็อกเกอร์หยอดเหรียญ ปกติแล้วที่กุญแจจะมีชื่อบริษัทสลักอยู่ แค่ติดต่อบริษัทและถามถึงที่อยู่ที่บริษัทส่งล็อกเกอร์ไปก็เป็นอันปิดคดี แต่นักสืบโมริไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่คดีใหญ่อย่างการฆาตกรรมและการลักพาตัวโคนัน

    “อะไรนะ! โคนันคุงถูกลักพาตัวไปเหรอ?” เสียงร้องของดอกเตอร์อากาสะหลังรับสายจากเด็กสาวแห่งสำนักงานนักสืบโมริทำเอาไฮบาระหันขวับ “ถูกฆาตกรจับตัวไปงั้นเหรอ”

    “ค่ะ เพราะงั้นช่วยใช้แว่นตาสะกดรอยรับสัญญาณจากเข็มกลัดนักสืบของโคนันคุงให้ทีนะคะ”

    “อา เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจัดการให้นะ”

    ไฮบาระหน้าถอดสี จับต้นชนปลายไม่ถูก คนอย่างเอโดงาวะคุงเนี่ยนะจะถูกคนร้ายลักพาตัวไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้รถเต่าของดอกเตอร์กำลังส่งซ่อมอยู่ด้วย

    “ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องเรียกแท็กซี่แล้วไล่ตามไปล่ะนะ” ดอกเตอร์คิดทางอื่นไม่ออก

    “งั้น...นั่งรถของผมตามไปไหมครับ” ไฮบาระสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูแว่วมา จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากสึบารุ ที่ยกหม้อแกงมาฝากได้จังหวะพอดี อย่างกับแอบฟังพวกเธอตลอดเวลา

    “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้กะจะแอบฟังหรอก แค่ทำสตูว์มาแบ่งให้ แล้วก็บังเอิญที่พวกคุณคุยกันน่ะครับ” ชายหนุ่มหาข้ออ้างข้างๆ คูๆ

    “สึ...สึบารุคุง” ดอกเตอร์เหลียวมองเมื่อรู้สึกถึงมือเล็กๆ ของไฮบาระที่กำลังเกาะติดชายเสื้อของเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว

    “เอาล่ะ ถ้าจะตามเขาก็เร็วเข้าเถอะ” ชายหนุ่มวางหม้อสตูว์ลงบนเคาน์เตอร์

    “เอ่อ แต่ว่า...”

    “งั้น คุณก็ให้ ดร. ยืมกุญแจรถก็พอ แล้วฉันกับ ดร. จะไปกันสองคน” เด็กหญิงเสนอพลางยื่นมือขอกุญแจ

    “ผมให้ยืมได้นะ แต่ถ้าไม่รู้ใจก็ขับลำบาก ผมขับให้จะดีกว่า” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ

    “งั้นฉันกับสึบารุคุงไปกันสองคนก็แล้วกัน” ดอกเตอร์สรุป เพราะดูท่าแล้วไฮบาระคงไม่อยากไปกับสึบารุนัก และถ้าขืนชักช้ากว่านี้ โคนันอาจจะตกอยู่ในอันตราย

    “ครับ แบบนั้นก็ได้ครับ ถ้าเธออยากจะคอยอยู่ที่บ้านคนเดียวแล้วก็กระวนกระวายรอฟังข่าวของเด็กคนนั้นล่ะก็นะ”

    ไฮบาระกัดฟันกรอด นัยน์ตาสั่นไหว นอกจากกลิ่นอายที่รุนแรงแล้ว วิธีการพูดของเขายังสร้างความกดดันให้คนฟังได้เป็นอย่างมาก

    “ถ้าเธอไม่รังเกียจล่ะก็ ฉันก็อยากจะให้เธอไปด้วยกันน่ะนะ แต่ก็...ไม่ได้บังคับหรอกนะ” ไฮบาระตัวสั่น ไม่ได้บังคับงั้นเหรอ เขากำลังพูดบีบคั้นให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นอยู่ไม่ใช่หรือไง

    สึบารุกลับไปหยิบเสื้อนอกแล้วติดเครื่อง Subaru รออยู่หน้าบ้านดอกเตอร์อากาสะ พอดอกเตอร์กับไฮบาระมาถึง เขาก็ละมือจากอุปกรณ์คล้ายหูฟังและเอื้อมมือเปิดประตูรถให้ ชายอาวุโสนั่งข้างคนขับ ส่วนเด็กหญิงขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทางนิ่งสงบกว่าเมื่อครู่

    ชายหนุ่มคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วมองผ่านกระจกส่องหลัง “แล้วแรกสุดนี่ เราจะไปไหนดี”

    “รอเดี๋ยวนะคะ” ไฮบาระเปิดทำงานแว่นตาสะกดรอยสำรองและคำนวณเส้นทางจากระบบจีพีเอสบนมือถือ “ก่อนอื่นไปทางทางหลวงโออิชิ แล้วจะบอกทางอีกทีเมื่อไปถึงแถวนั้นแล้ว”

    “เข้าใจแล้วครับ” โชเฟอร์หนุ่มเปลี่ยนเกียร์เดินหน้า ออกรถทันที










     

    ด้านเซระที่รู้ข่าวเรื่องโคนันจากรัน ลงมาที่ลานจอดรถของโรงแรม สาวห้าวขึ้นควบมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ตามออกไป

    “อ๊ะ เริ่มเคลื่อนที่อีกแล้ว” ไฮบาระบอก หลังจากเมื่อครู่ที่รถคนร้ายจอดอยู่พักหนึ่ง คงเพราะแวะเติมน้ำมัน “คราวนี้ให้ไปทางใต้ของทางหลวงโออิชิ มุ่งไปทางเมืองโทริยะค่ะ”

    “รับทราบ” สึบารุขับรถไปตามทางที่เด็กหญิงบอก “ท่าทางเรายังตามเขาไม่ทันนะเนี่ย”

    “แต่ว่านะ คนร้ายจะไปที่ไหนกันแน่ ท่าทางเหมือนกำลังหลงทางอยู่เลย” ดอกเตอร์กังวล เพราะตั้งแต่ขับตามมา ดูเหมือนว่าเส้นทางที่คนร้ายใช้จะวนๆ อยู่แถวๆ เดิม ไม่ได้ไปไหนไกลเลย

    “บางทีอาจจะหลงทางจริงๆ ก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก “ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และหาจุดจบที่นองไปด้วยเลือดไม่พบ”

    ความจริงโคนันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เด็กชายแค่ทำเป็นแกล้งหลับ หลังจากนั้นก็อธิบายข้อสันนิษฐานทั้งหมดและยังเสนอคนร้ายว่าจะช่วยตามหาโจรปล้นธนาคารอีกคนที่เป็นผู้หญิงให้ เพราะแบบนั้นถึงต้องจอดแวะตามที่พักของผู้ต้องสงสัยทั้งสามคนไปเรื่อยๆ

    “หลังจากนั้นมีความเคลื่อนไหวไหม” สึบารุถามเป็นระยะ ขณะขับรถไล่ตาม

    “สุดถนนนี้ให้เลี้ยวซ้าย” ชายหนุ่มเลี้ยวตาม “แล้วก็ตรงไปอีกประมาณ 5 กิโล...เขาเคลื่อนที่อยู่ก็จริง แต่ความเร็วแบบนี้คงเดินกันล่ะสิ”

    “ว่าแต่ว่าทำไมเขาถึงได้เดินวนไปวนมากันอยู่แบบนี้ล่ะ” ดอกเตอร์ไม่เข้าใจ

    “ไม่รู้สิครับ แต่ว่าอย่างโคนันคุงน่ะ ผมว่าเขาคงมีเป้าหมายอะไรสักอย่างแน่ๆ ล่ะครับ” ถึงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขา แต่คราวนี้ไฮบาระเห็นด้วย

    อีกนิดเดียวก็ใกล้จะตามทันแล้ว ดอกเตอร์อากาสะจึงคิดจะโทรบอกรัน แต่สึบารุปรามว่าเรายังไม่รู้ว่าโคนันอยู่ในสถานการณ์แบบไหน บางทีเขาอาจจะยังไม่พ้นอันตราย ทางที่ดีอย่าเพิ่งติดต่อบอกใครจนกว่าจะแน่ใจดีกว่า

    “แล้วก็...” สึบารุมองกระจกส่องหลังด้วยสีหน้าจริงจัง ขอเตือนเธอ เพื่อความปลอดภัยเอาไว้ก่อนเลย ถ้าหากเจอเขาหรือเจอรถของเขา ก็อย่าเพิ่งลงมือทำอะไรลงไป เพราะมันอาจทำให้อันตรายต่อชีวิตเขาก็ได้นะ

    แค่นั้นน่ะ ฉันรู้แล้วน่า ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะเด็กหญิงตอบอย่างไม่สบอารมณ์

    ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม นั่นสินะ

    สึบารุเหยียบเบรกเอี๊ยดเมื่อได้ยินเสียงปืนจากทางข้างหน้า วินาทีนั้นเองรถยนต์สีฟ้าคันเล็กของคนร้ายก็วิ่งผ่านซอยแคบไป สารถีหนุ่มจึงบอกให้ดอกเตอร์รีบโทรบอกนักสืบโมริให้เขาช่วยอธิบายสถานการณ์ให้ตำรวจฟัง

    “แต่ว่า...ถ้าตัวประกันถูกนำมาเป็นโล่แล้วฝ่าด่านตรวจไปล่ะ” ดอกเตอร์ยังกังวล

    “ถ้าเป็นอย่างนั้น...” เพียงคำพูดเดียวของเขาทำเอาหัวใจของไฮบาระกระตุกวาบ “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องใช้กำลังเพื่อหยุดเอาไว้สิครับ”

    ดอกเตอร์อากาสะโทรบอกรัน ทันใดนั้นเองอามุโร่ก็สังเกตเห็นรถสีฟ้าคันเล็กที่ว่าอยู่อีกฝั่งถนนเลนส์ตรงข้ามพอดี ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบกลับรถ เซระที่ขี่ตามมาตลอดจึงกลับรถตามด้วย

    ทางหลวงโออิชิซึ่งการจราจรเป็นปกติเกิดเสียงล้อรถบดถนนด้วยความเร็วจากการไล่ตามของรถทั้งสี่คัน ทั้งรถญี่ปุ่นสีฟ้าคันเล็ก รถ Subaru สีแดง รถ RX-7 สีขาว และรถมอเตอร์ไซค์ จนแสบแก้วหูไปหมด

    แต่จู่ๆ ไฮบาระก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจนกลบเสียงทุกอย่าง...เสียงหัวใจของเธอเอง

    อะไรน่ะหัวใจของเธอเต้นรัว อะไรกัน ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนมีอะไร...เหมือนมีอะไรไล่ตามมา

    อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...” เด็กหญิงสะดุ้งเมื่อได้ยินคำปลอบโยนจากเจ้าของรอยยิ้มใต้กรอบแว่น “ไม่ปล่อยให้หนีหรอก

    “ดอกเตอร์! จับพวงมาลัยที” สึบารุสั่งขณะพันเข็มขัดนิรภัยไว้กับแฮนด์ประตูรถจนแน่น ก่อนจะแง้มประตูออกจนลมปะทะเข้าใบหน้า

    ชายหนุ่มล้วงมือซ้ายหยิบบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อสูท ทว่าก่อนจะได้ทันทำอะไรไปมากกว่านั้น ก็สังเกตเห็นรถยนต์สีขาวคันหนึ่งแซงหน้าขึ้นไป รถของผู้ชายผมบลอนด์ที่มีรันและนักสืบโมรินั่งมาด้วย สึบารุปิดประตูรถกลับไปนั่งที่เดิม แล้วชะลอความเร็วรถเข้าข้างทาง ปล่อยให้เจ้าของรถ RX-7 สีขาวที่แซงขึ้นไปจนขนาบข้างรถคนร้ายจัดการแทนทุกอย่าง

    อามุโร่ใช่รถตัวเองเป็นกำบังให้รถคนร้ายพุ่งชน เพื่ออาศัยความวุ่นวายให้ตัวประกันหลบหนี แต่โจรปล้นธนาคารหญิงคนนั้นก็ยังจับและใช้โคนันเป็นโล่ ทว่าไม่ทันที่จะได้หนีไปไหน โจรสาวก็ต้องสลบเหมือดเมื่อถูกเซระที่ไล่ตามมา ยกล้อมอเตอร์ไซค์ฟาดหน้าเข้าให้เต็มแรง

    “โล่งอกไปที ไม่เป็นไรใช่ไหม” สาวห้าวพุ่งตัวเข้าไปกอดโคนันพร้อมน้ำตาคลอเบ้า ขณะเดียวกันอามุโร่ก็ลงจากรถด้วยความสงสัย...ทำไมมาอยู่ที่นี่ สึบารุที่จอดรถอยู่ไม่ไกลได้รับสายจากใครบางคนที่ติดต่อมาเช่นเดียวกับเซระและอามุโร่

    “รู้สึกจะได้รับความเชื่อใจนะ นายคงจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันนะ เบอร์เบิ้น” เบลม็อทยืนยิ้มอยู่เหนือสะพานลอยบนถนนยามวิกาล

    เฮ้อ ทำเอาวุ่นวายไปหมด แต่ก็ดีแล้วนะที่ปลอดภัยไฮบาระคิดขณะมองเหตุการณ์ที่เพิ่งสงบลงอยู่ในรถของสึบารุ ก่อนหันกลับมามองแผ่นหลังของเขา ถ้าหากว่าเขาไม่มีส่วนช่วยในการตามหาเอโดงาวะคุงล่ะก็ ผู้ชายคนนี้ก็ยังไม่น่าไว้ใจอยู่ดี






























    โปรดติดตาม...









    Talk กับ ไรท์
    สวัสดีค่ะรี้ดผุู้น่ารัก ถ้าอ่านแล้วเห็นว่าตอนนี้ยกเหตุการณ์จากตอนที่แล้วมาใส่อย่าเพิ่งงงนะ
    คือว่าไรท์ลองกลับไปอ่านน่ะค่ะ แล้วมันยาวมาก (เกิน 5,000 คำ) อ่านละเหนื่อยแทนรี้ด
    ไรท์เลยตัดมาไว้ตอนนี้แทน จากนี้ไปทุกตอนจะอยู่ที่ >3,000 แต่ไม่เกิน 5,000 คำค่ะ
    แต่ว่าเนื้อหาของไรท์มันเยอะมากๆ นี่ก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ อาจจะมีตอนย่อยเพิ่มมาอีก
    ถ้าเป็นแบบนั้นไรท์จะตัดตอนย่อยไว้ลงในวันถัดไปค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าจะทิ้งห่างเกินไปนะ
    แฟนฟิคนี้อาจใช้เวลานานสักหน่อย 1-2 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ถึงตอนจบแน่ๆ ค่ะ
    ใครยังอยากเห็นโมเมนต์ฟินๆ ตอนจบแบบ Happy Ending อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนั้นนะคะ

    <3 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×