คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ไม่อยากเป็นศัตรู
Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้
Parinuttha
ตอนที่ 14 ไม่อยากเป็นศัตรู
ไฮบาระบรรจงคัดลายมือลงบนสมุดในคาบเรียนภาษาญี่ปุ่นของครูโคบายาชิ สำหรับเธอที่จบชั้นประถมมาตั้งนานแล้ว แต่ยังต้องมาเรียนคัดตัวคันจิแบบนี้ มันออกจะน่าเบื่อไปหน่อย และคงจะเช่นเดียวกันกับโคนัน หากวันนี้เขาไม่ขอหยุดเรียนโดยอ้างว่าเป็นหวัด
เมื่อคืนเธอเห็นเขาแอบซุบซิบกับดอกเตอร์ ดูท่าแล้วน่าจะป่วยการเมืองมากกว่า คงจะโกหกกลบเกลื่อนแล้วแอบไปทำอะไรกันอีกแหงๆ ทำบางอย่าง...ที่เขาไม่อยากให้เธอรู้
รันกลับมาจากโรงเรียนแล้วลงมือทำอาหารเย็นตามปกติ เด็กสาวลงมาเรียกโคนันที่ชั้นสองของสำนักงาน แต่นักสืบโมริกลับบอกว่าโคนันจะไปค้างบ้านดอกเตอร์ ทั้งที่คิดว่าจะดูประกาศรางวัลมาคาเดมี่ด้วยกัน เพราะพ่อของชินอิจิได้เสนอชื่อในรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เมืองเบกะหมู่ 2 ณ บ้านหลังที่ถูกพูดถึง ไฮบาระกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่เช่นกัน แต่ตอนที่เธอกำลังหั่นผักอยู่นั้น ดอกเตอร์อากาสะก็เดินเข้ามาบอก
“ไอคุง อาหารเย็นวันนี้เปลี่ยนเป็นมื้อดึกแทนได้ไหม”
เด็กหญิงชะงักมือ “ดร. จะไปไหนเหรอคะ”
“พอดีว่าฉันมีธุระต้องไปช่วยคนรู้จักนิดหน่อยน่ะ” ชายอาวุโสแสร้งพูดให้ปกติที่สุด แต่ไม่อาจตบตาเธอได้
“เอโดงาวะคุงก็อ้างว่าเป็นหวัดเลยหยุดเรียน นี่ ดร. ก็จะออกไปไหนอีก มีอะไร...หรือเปล่าคะ” ไฮบาระจงใจละเว้นคำว่า มีอะไร ‘ที่บอกฉันไม่ได้’ หรือเปล่า
“เปล่านะ ฉันมีธุระจริงๆ” ดอกเตอร์อากาสะหาข้ออ้างทั้งที่รู้ว่าคงปิดกั้นเซนส์ของเธอไม่ได้
“ได้ค่ะ ได้” เด็กหญิงถอนหายใจ “แต่มื้อดึก ต้องงดของทอดนะคะ”
“เอ๋!” ดอกเตอร์ร้องเสียงหลง แต่ต้องทำใจยอมรับ “ขะ เข้าใจแล้ว”
ดอกเตอร์อากาสะวนรถเต่าสีเหลืองไปทางประตูหลังบ้านคุโด้ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในเสื้อฮู้ดสีดำและมาสก์ปิดปากเดินออกมา แล้วขึ้นนั่งตรงเบาะหลัง
“ขอโทษนะครับ ดร.อากาสะ” อากาอิเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรๆ เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่” ชายอาวุโสตอบ ก่อนจะออกรถ
ดอกเตอร์อากาสะขับรถมาส่งอากาอิแถวลานจอดรถใต้ตึกสำนักงานชั่วคราวที่เอฟบีไอเช่าเอาไว้ระหว่างสืบคดีที่ญี่ปุ่น ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวา พอไม่เห็นใครแล้วจึงลงไป
“ฉันส่งถึงแค่นี้นะ” ชายอาวุโสชะโงกบอก
“ครับ ที่เหลือผมจัดการเอง”
เอฟบีไอหนุ่มเดินไปจนถึงที่ที่รถของโจดี้จอดเอาไว้ เขาดูลาดเลา ลงมืองัดรถและเข้าไปนั่งรออยู่ตรงเบาะหลัง
‘เป็นอีกครั้งแล้วสินะ ที่เราได้แผนของเจ้าหนูนั่นช่วยเอาไว้’ อากาอินึกย้อนถึงตอนที่โคนันมาบอกเขาที่บ้าน
“คุณอากาอิครับ ดูเหมือนว่าเราจะต้องเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อยแล้วล่ะครับ”
“ไหนว่ามาซิ”
เด็กชายสวมแว่นอธิบายเรื่องราวและแผนการอย่างเป็นลำดับขั้นตอนเหมือนครั้งก่อน “ผมคิดว่าเขาคงลงมือเร็วที่สุดไม่เกินคืนพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้”
“หึ ก็เป็นไปตามนิสัยของหมอนั่นอยู่แล้วล่ะนะ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม หากเป็นเรื่องของเขาล่ะก็ เบอร์เบิ้นกัดไม่ปล่อยแน่ “แต่ว่าเรื่องตัวแทนฉันน่ะ”
“ครับ เราคงต้องขอความร่วมมือจากกลุ่มผู้ช่วยเหลืออีกครั้ง”
อากาอิยกยิ้มพอใจกับความสามารถในการวางแผนของโคนันที่เข้าใกล้โฮล์มส์ขึ้นไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มค้นผ้าคลุมเบาะที่โจดี้มักพกอยู่เสมอ ใช้มันคลุมตัวเอง และนอนลงไปในซอกเบาะ รอการมาของคนที่เริ่มสงสัยเรื่องของเขา
สึบารุกำลังนั่งดูประกาศรางวัลมาคาเดมี่อยู่อย่างใจจดใจจ่อ แต่พอได้ยินเสียงคนกดกริ่งที่หน้าบ้าน และอ้างว่ามาส่งพัสดุ เลยเปิดให้เข้ามา
“สายัณห์สวัสดิ์ ผม...อามุโร่ โทโอรุ ครับ” ชายหนุ่มผมบลอนด์แนะนำตัว “แต่นี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกใช่ไหมครับ”
โจดี้ยังติดใจเรื่องสีหน้าของโคนันเมื่อเย็นวาน สีหน้าของเด็กชายที่รู้ว่าพวกองค์กรได้ข้อมูลเรื่องคุสึดะยิงตัวตายไป มันดูตกใจเกินปกติ
“คาเมล ไปกันเถอะ”
“ไปไหนเหรอครับ”
“เอาเถอะน่า” เธอตัดบทพลางโยนของให้ “เอ้า นี่ กุญแจรถ”
โจดี้บอกทางให้คาเมลขับไปเรื่อยๆ จนใกล้ถึงเส้นทางที่คุ้นเคย
“เอ่อ ทางนี้มัน...”
“อืม ทางไปสันเขาไรฮะ”
“พวกเรากำลังไปที่ที่คุณอากาอิถูกพวกมันฆ่าเหรอครับ” คาเมลถามอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่ ฉันรู้สึกว่าถ้าเราไป ต้องพบอะไรสักอย่างแน่” โจดี้คิดเรื่องที่โคนันขอให้เธอเก็บเรื่องคุสึดะไว้เป็นความลับ ทั้งที่เธอมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่โคนันกลับทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ มันต้องมีบางอย่างที่เธอยังไม่รู้
อามุโร่หาข้ออ้างขอเข้ามาจิบน้ำชา โดยให้เพื่อนที่แอบซุ่มรออยู่ด้านนอก ชายหนุ่มเริ่มเลียบเคียงยกการตายของอากาอิขึ้นมาเป็นคดีปริศนาให้สึบารุลองทายเล่นๆ ตั้งแต่ทริครอยนิ้วมือรวมถึงการสลับศพ ขณะเดียวกันโจดี้ก็เริ่มไขได้ทีละเปราะ
“แล้ว...เขาหนีออกมาได้ยังไงกันล่ะครับ”
“ก็คงจะแอบขึ้นรถของผู้หญิงคนนั้นแล้วหนีไปน่ะสิครับ” เรื่องแค่นี้เดาได้ไม่ยาก เพราะถ้าคีร์เป็นคนยิง ก็ต้องรู้แผนการทั้งหมดด้วย
“ฉลาดไม่เบาเลยนะครับ ผู้ชายคนนั้นน่ะ อย่างกับพระเอกนิยายสืบสวนเลย” สึบารุทำเป็นชื่นชม
“ไม่ครับ คนที่คิดแผนนี้เป็นคนอื่น” ภาพของเด็กชายสวมแว่นเด่นชัดอยู่ในหัวของอามุโร่ เช่นเดียวกับโจดี้ที่ฉุกคิดได้
“หลักฐานก็คือ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะถูกยิง เขาออกมาพูดว่า ‘ไม่คิดเลยว่าจะมาลงเอยแบบนี้จริงๆ’” อามูโร่นึกถึงคำพูดที่เบลม็อทบอกเขา
“ถ้าเราเติมบางคำเข้าไปล่ะก็ ความหมายของมันก็จะกลับตาลปัตร... ‘ไม่คิดเลยว่า จะอ่านเกมได้แม่นและ ลงเอยแบบนี้จริงๆ’”
หลังจากนั้นก็แค่หาคนแปลกๆ ที่มาปรากฏตัวในละแวกนี้ โจดี้ร้องลั่น นึกถึงผู้ชายสวมแว่นที่เคยเดินชนเธอในห้าง กับ 50:50 คำพูดติดปากของอากาอิ
“คุณช่วยถอดหน้ากากออกมาได้ไหมครับ คุณโอกิยะ สึบารุ ไม่สิ เจ้าหน้าที่สืบสวนของเอฟบีไอ อากาอิ ชูอิจิ”
สึบารุถูกบังคับให้ถอดผ้าปิดปากออก จึงไอสองครั้งเป็นสัญญาณให้โคนันที่อยู่อีกห้องใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงแทน อามุโร่ไม่พอใจ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาหมายถึง ชายหนุ่มเดินไปดึงปกเสื้อคอเต่าของอีกฝ่ายลง แต่กลับไม่พบเครื่องเปลี่ยนเสียงอย่างที่คิด
คาเมลรู้ตัวว่ามีรถไล่ตามมา แถมยังมีคันที่จอดดักอยู่ด้านหน้า เขาจึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคขั้นเทพ ขับรถไต่ผาเพื่อหนีคนพวกนั้น
‘เชอะ คาเมล ฝีมือการขับรถของนายนี่มัน...’ ยังผาดโผนเหมือนเดิม เล่นเอาซะอากาอิแทบเกาะไม่อยู่
และถึงแม้จะขับหนีพวกนั้นมาได้ แต่ยางก็แตกไปสองเส้นจนพวงมาลัยเอียงไปทางขวาเรื่อยๆ ในเวลาจวนตัวแบบนี้ คงถึงเวลาที่เขาต้องออกโรงแล้วสินะ
“เปิดหลังคารถให้ที” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นในความมืด ทำเอาคาเมลและโจดี้ต้องหันมองตรงเบาะหลัง ก็เห็นคนที่น่าจะตายไปแล้วนั่งกอดอกอยู่
“คาเมล ฉันบอกให้เปิดหลังคารถไง เร็วเข้า”
“ครับ” คาเมลรับคำสั่งของอากาอิเพราะเชื่อใจอีกฝ่าย เช่นเดียวกับเขาที่เชื่อใจฝีมือการขับรถของคาเมล
อามุโร่ที่กำลังยืนงง ได้รับสายจากพรรคพวกที่ไปดักจับตัวเอฟบีไอเพราะหวังจะล่ออากาอิออกมา แต่อากาอิคนนั้นกลับปรากฏตัวที่นั่นซะได้
อากาอิสั่งให้คาเมลประคองรถให้นิ่งที่สุดเมื่อถึงทางตรงด้านหน้า “แค่ 5 วินาทีก็พอ”
ชายหนุ่มจับจ้องรถเป้าหมายพร้อมกับหันหลังแนบชิดเบาะฝั่งคนขับ แล้วยันขายึดเบาะหลังเอาไว้ เพื่อเล็งปากกระบอกปืนไปยังยางรถคันที่ไล่ตามมา
ทันทีที่หัวกระสุนพุ่งออกจากรังเพลิงและเจาะทะลุยางหน้าด้านขวา รถคันนั้นก็เสียหลัก แถมรถคันที่ตามมายังเบรกไม่ทันจนชนกันเข้าอย่างจัง
ฝีมือแม่นปืนของอากาอิทำให้พวกเขารอดมาได้ แต่โจดี้ต้องแปลกใจ เมื่อจู่ๆ เขาก็สั่งให้คาเมลวกรถกลับซะอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรกันใช่ไหม” เอฟบีไอหนุ่มไถ่ถาม ก่อนจะขอมือถือของชายคนหนึ่งที่กำลังคุยอยู่ แลกกับปืนที่เขาใช้ยิงหยุดรถ เพื่อคุยอะไรกับคนปลายสายสักหน่อย
ปืนกระบอกนี้เป็นปืนของคุสึดะที่ยิงตัวตาย เขาอุตส่าห์สวมถุงมือเพื่อกันไม่ให้รอยนิ้วมือติดเอาไว้แล้ว หากสืบย้อนไปคงพบเบาะแส เพราะที่นี่คือญี่ปุ่น ถิ่นของอามุโร่
“หรือว่านาย...รู้ว่าฉันเป็นใคร”
อันที่จริงอากาอิสงสัยมาตั้งแต่สมัยอยู่ในองค์กรด้วยกันแล้ว แต่เพิ่งมามั่นใจก็ตอนที่อีกฝ่ายบอกชื่อ ซีโร่ ให้โคนันรู้ หรือก็คือ อามุโร่ โทโอรุ ไม่สิ ‘ฟุรุยะ เรย์’ เป็นตำรวจสันติบาล อีกฝ่ายคงคิดจับตัวเขาส่งให้องค์กร เพื่อหวังแฝงตัวเข้าไปให้ลึกยิ่งขึ้น
“แต่ฉันจะขอเตือนอะไรไว้อย่างนะ อย่ามัวแต่สนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จนมองข้ามคนใกล้ตัวที่สมควรจับตามอง เพราะว่านายคือคนที่ฉันไม่อยากเป็นศัตรูด้วย”
อากาอิหลับตานิ่ง ลอบถอนหายใจ “แล้วก็...เรื่องของคนคนนั้นน่ะ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังนึกเสียใจอยู่นะ”
ชายหนุ่มคืนมือถือให้เจ้าหน้าที่สันติบาล แล้วสั่งให้คาเมลออกรถไป ดูเหมือนว่าตัวตนสีแดงที่เขาพยายามใช้ความตายปกปิดเอาไว้ ถูกเผยออกเสียแล้ว
อามุโร่วางสาย หันมามองสึบารุด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ขอโทษขอโพยแล้วขอตัวกลับ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดสงสัยไม่ได้
“ว่าแต่ ทำไมคุณถึงยอมให้คนที่ไม่น่าไว้ใจอย่างผม เข้ามาในบ้านคุณง่ายๆ แบบนี้ล่ะครับ”
สึบารุกระแอมเป็นสัญญาณหนึ่งครั้ง ยามต้องการพูดเอง “ก็คุณทำสีหน้าเหมือนว่ามีเรื่องที่อยากจะพูดกับผมให้ได้น่ะสิ ...แต่ว่าผมก็คิดเหมือนกัน ว่าคุณเป็นเด็กส่งของที่ช่างพูดจริงๆ”
หนุ่มผมบลอนด์และพรรคพวกที่ซุ่มอยู่ยกโขยงออกไปกันหมดแล้ว สึบารุจึงขึ้นไปดูที่ชั้นสอง พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นโคนันนอนหมอบอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางหมดแรง
สึบารุถอดแว่นแล้วแกะหน้ากากซิลิโคนออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ใบหน้าของยูซากุ เจ้าของบ้านหลังนี้ที่ควรจะอยู่ในงานประกาศรางวัลมาคาเดมี่ แต่ก็ได้ภรรยาคนสวยปลอมตัวแล้วทำหน้าที่นั้นแทน
“แล้วเอาไงต่อไป พ่อหนุ่มเอฟบีไอที่พ่ออุตส่าห์เป็นตัวแทนคนนั้นน่ะ เขาจะกลับมาที่นี่อีกไหม”
“ครับ... เพราะว่ามีใครบางคนที่เขาต้องคอยปกป้องนี่นา”
โคนันตอบ แล้วหันมองไปทางบ้านของดอกเตอร์อากาสะที่ตอนนี้ยังเปิดไฟและกำลังกินมื้อดึกกันอยู่
“ผะ ผักเหรอ” ดอกเตอร์เสียงอ่อย เมื่อเห็นเมนูผักต้มคลุกน้ำสลัดงากับสตูว์ผัก “โธ่ หนูไอ ขอเนื้อแซมๆ สักนิดไม่ได้หรือไง ปลาก็ได้นะ”
“ไม่-ได้-ค่ะ” เด็กหญิงเน้นเสียง “ช่วงนี้ ดร. ลงพุงมากเกินไปแล้ว”
“แต่ว่า กินแต่ผักจะขาดสารอาหารเอานะ”
“ถ้า ดร. ต้องการโปรตีนล่ะก็...” ไฮบาระวางชามเต้าหู้ทรงเครื่องลงบนโต๊ะ “ทานให้อร่อยนะคะ”
“แง้!”
ไฮบาระอมยิ้มขำๆ ก่อนหันมองไปทางบ้านคุโด้ เธอรู้สึกแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนนี้เขาคนนั้นจะอยู่ที่นั่นไหมนะ
ตอนเช้าของหลายวันถัดมา ยูกิโกะบินจากอเมริกามาเช็กเรื่องการแต่งหน้าให้ตามปกติ อากาอิเลยถือโอกาสนัดโจดี้กับคาเมลมาด้วย ชายหนุ่มมองใบหน้าของสึบารุที่ลงมือแต่งเองในกระจก
“สมบูรณ์แบบ! ปลอมตัวเองก็ได้แล้ว” อดีตดาราเอ่ยชม “ทีนี้ฉันคงไม่ต้องมาเช็กให้ทุกอาทิตย์แล้วล่ะ”
อากาอิในคราบสึบารุออกไปโชว์ตัวให้พวกโจดี้ดู ทำเอาทั้งสองคนทึ่ง เมื่อเขาดูต่างจนเป็นคนละคนขนาดนี้ และพอใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงรูปโชกเกอร์ของดอกเตอร์อากาสะ เขาก็กลายเป็น โอกิยะ สึบารุ อย่างสมบูรณ์
เสียงเคาะประตูที่หน้าบ้านทำให้โคนันต้องเปิดไปดู ก็พบอายูมิ เก็นตะ และมิตสึฮิโกะยืนอยู่ พวกเด็กๆ บอกว่ามีปริศนาของดอกเตอร์มาขอให้สึบารุช่วยไข ชายหนุ่มจึงเชิญทุกคนเข้าบ้าน
“ว่าแต่แกงกะหรี่เมื่อวานยังเหลืออยู่ไหมครับ” เก็นตะถาม พอสึบารุตอบว่ายังเหลือก็ดีอกดีใจ ตรงข้ามกับเพื่อนร่วมงานสองคนที่ตะลึงไปตามๆ กัน
“ชูเนี่ย ทำอาหารด้วยเหรอ”
“อื้ม มันฆ่าเวลาได้ดีนะ แถมยังประหยัดค่าอาหารด้วย” โจดี้มองใบหน้าของชายหนุ่มที่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอย่างอึ้งๆ หากเป็นอากาอิที่เธอรู้จัก แทบจะไม่มีสีหน้าแบบนี้ให้เห็น
หลังจากไขปริศนาหลอกเด็กของกลุ่มนักสืบเยาวชนได้ อากาอิก็กลับมาใช้เสียงตัวเอง แล้วเริ่มเข้าเรื่องที่คีร์ส่งอีเมลมาให้เขา เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษแค่ 3 ตัว คือ RUM และเขาก็รู้เพียงว่ารัมเป็นเบอร์สองขององค์กร
โคนันซึ่งแอบดักฟังเรื่องที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอคุยกัน พยายามเลียบเคียงถามไฮบาระดูอ้อมๆ และที่เขาต้องอ้อมโลกขนาดนี้ ก็เพราะวันก่อนที่เขาลองถามอากาอิดู
“คุณอากาอิครับ คือว่าเรื่องร...”
“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วนะ ว่าเรื่องนี้มันอันตรายเกินไป ต่อให้เป็นเธอก็เถอะ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่โคนันคิดว่าตัวเองก้าวขาเหยียบเข้ามาเกินครึ่งแล้ว
“อ้อ เจ้าหนู ถ้าไม่จำเป็น...อย่าถามอะไรจากเธอคนนั้นจะดีกว่านะ”
เพราะแบบนี้โคนันเลยไม่กล้าถามตรงๆ แต่คนที่พอจะถามได้ตอนนี้ก็มีแต่ไฮบาระเท่านั้น และพอพูดถึง รัม ที่เป็นชื่อเหล้าขึ้นมา เด็กหญิงก็ให้ข้อมูลว่ารัมคืออันดับสองขององค์กร มีคนพูดถึงเขาหลายกระแส บ้างก็ว่าเป็นชายแก่ บ้างว่าเป็นหญิงสาว บ้างว่าชายร่างใหญ่ แต่มีสิ่งที่ตรงกันนั่นคือดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเป็นตาปลอม
หลังจากนั้นโคนันก็ได้ร่วมไขคดีกับอามุโร่อีกครั้ง เมื่อโซโนโกะนึกสนุกชวนรันและเซระตั้งวงดนตรีสาว ม.ปลาย อามุโร่ที่มีเทคนิคเล่นกีตาร์ขั้นเทพ เลยตกกระไดพลอยโจนกลายเป็นคนซ้อมให้
จากคดีคนตายในร้านเช่าห้องซ้อมดนตรี ทำให้โคนันมั่นใจว่า เซระ มาสึมิ คือน้องสาวของอากาอิ สาวห้าวเล่าย้อนไปถึงตอนที่เธอยังเรียนอยู่ ม.ต้น ตอนนั้นเธอเจออากาอิกับเพื่อนอีกคน แบกกระเป๋าใส่กีตาร์ยืนอยู่ชานชาลาฝั่งตรงข้าม
เซระแอบขึ้นรถไฟตามไป แต่พอถูกจับได้ก็โดนอากาอิดุ ขณะรออากาอิไปซื้อตั๋วให้ เพื่อนของพี่ชายคนนั้นก็สอนเธอเล่นกีตาร์ ที่น่าแปลกคือทั้งที่กระเป๋านั้นเป็นแบบซอฟต์เคส แต่พอเอากีตาร์ออกมาแล้วกลับไม่ล้มลง โคนันเลยเดาได้ว่าคงใส่ของอย่างอื่นไว้อีก อย่างเช่นปืนไรเฟิล ถ้าเป็นช่วงนั้นก็คือช่วงที่อากาอิยังอยู่ในองค์กร บางทีอาจจะ...
“แล้วไงๆ เธอถามชื่อผู้ชายคนนั้นไว้หรือเปล่า” โซโนโกะกระตือรือร้นอยากรู้
“เปล่า ไม่ได้ถามหรอก แต่ว่ามีผู้ชายที่มาด้วยกันอยู่ที่ชานชาลา แล้วเรียกเขาว่า ‘สก็อตช์’ น่ะ”
“เป็นชาวต่างชาติเหรอ” รันสงสัย
“ทั้งที่มองยังไงเขาก็เป็นคนญี่ปุ่นชัดๆ” เซระตอบยิ้มๆ แต่ที่น่าสนใจคือ เธอจำได้แม่นว่าผู้ชายคนที่เดินเข้ามาหาเขาคนนั้น หน้าตาเหมือนอามุโร่เปี๊ยบ
หนุ่มผมบลอนด์มองแผ่นหลังของสาวห้าวที่ยังคงเล่าเรื่องของอากาอิ ชายหนุ่มคิดในใจ แท้จริงแล้วสก็อตช์คือตำรวจสันติบาลเช่นเดียวกับเขานั่นแหละ อามุโร่กัดฟันกรอดด้วยความแค้น
‘ใช่แล้ว เป็นคนที่ถูกพี่ของเธอ ถูกอากาอิ ชูอิจิ ฆ่าตายยังไงล่ะ’
พักจากเรื่องรัม กลุ่มนักสืบเยาวชนก็ได้มีส่วนร่วมในคดีวุ่นๆ ของรองสารวัตรยูมิ เมื่อเธอเพิ่งจะรู้ว่า ฮาเนดะ ชูคิจิ คือ ไทโคเมจิน นักหมากรุกญี่ปุ่นชื่อดัง แถมยังเผลอทำซองที่เขาเคยให้ไว้หายไป เด็กๆ ซึ่งชื่นชอบไทโคเมจินอยู่แล้วเลยช่วยกันหาอย่างกระตือรือร้น ยูมิคิดว่าซองคงจะติดไปกับกองนิตยสารที่เอาไปทิ้ง เพราะเธอใช้แทนที่คั่นหนังสือ
“ซองที่ใส่ทะเบียนสมรสเอาไว้นั่นน่ะเหรอคะ” หมวดซาโต้รับคำยิ้มๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กๆ รู้กันหมดแล้ว
“แล้วที่ซองนั้นน่ะมันเขียนไว้ว่าอะไรบ้างเหรอครับ” โคนันถามรายละเอียดเพิ่มเติม
“ตรงที่เปิดซองเขียนไว้ว่าปิดผนึก ส่วนด้านหน้าซองมีชื่อ ฮาเนดะ ชูคิจิ เขียนไว้น่ะจ้ะ” ยูมิตอบทั้งน้ำตาซึม
มิตสึฮิโกะตกใจ คาดว่าบางทีคงมีผู้หญิงคนอื่นเก็บได้แล้วเปิดดู อาจจะเขียนชื่อของตัวเองลงไปในช่องภรรยา จากนั้นก็ส่งไปที่อำเภอแล้วก็ได้
“ก็นะ... ถ้าสามีเป็น ฮาเนดะ ชูคิจิ คนนั้น เป็นฉันก็คงเผลอใจให้แน่ๆ เลย” ไฮบาระแหย่ยิ้มๆ
แต่นั่นก็มีอิทธิพลมากพอทำให้ยูมิหัวปั่น สรุปว่าคุณตาคนดูแลอะพาร์ตเมนต์เป็นคนเก็บเอาไว้ แถมยังตั้งพาสเวิร์ดเพื่อทดสอบเธอ จราจรสาวพยายามไขรหัสสุดตัว โดยมีโคนันและเด็กๆ คอยช่วย จนเอาทะเบียนสมรสคืนมาได้
เพราะคดีทะเบียนสมรสของยูมิ ไฮบาระรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินนามสกุลของไทโคเมจินจากที่ไหนมาก่อน และฉุกคิดได้ว่าคนที่มีนามสกุลฮาเนดะเป็นหนึ่งในรายชื่อของผู้ที่ถูกกรอกยา APTX4869
แถมช่วงนี้ยังมีคนคอยอัปเดตข่าวการตายปริศนาของ ‘ฮาเนดะ โคจิ’ เมื่อ 17 ปีก่อน ที่เสียชีวิตพร้อมกับ อแมนด้า ฮิวจ์ เศรษฐีนีชาวอังกฤษ ส่วนบอดีการ์ดของเธอที่ชื่ออาซากะก็หายสาบสูญไป เป็นคดีที่พิสดารมาก ตรงที่เกิดเหตุ ฮาเนดะถือกรรไกรและมีกระจกแตก บนเศษกระจกพวกนั้นมีตัวอักษร P T O N เหลืออยู่
“น่าจะเป็นกระจกที่แถมมากับมาสคาร่าน่ะ เขียนว่า PUT ON MASCARA มาปัดมาสคาร่ากันเถอะ” ไฮบาระบอกรายละเอียดที่เด็กผู้ชายอย่างโคนันไม่น่าจะรู้
“พูดถึงกระจกกับกรรไกร มีคดีที่คล้ายกันแบบนี้ด้วยล่ะ” คำพูดของดอกเตอร์อากาสะทำเอาโคนันต้องเหลียวมอง “ตำรวจโทรให้ฉันไปที่เกิดเหตุพอดี เพราะฉันเป็นคนประดิษฐ์กรรไกรนั้นน่ะ”
ห้องหนังสือในบ้านคุโด้ สึบารุซึ่งแอบฟังการสนทนาได้ยินดังนั้นก็รีบคว้าหม้อแกงบนเตาที่ตั้งทิ้งไว้ ตรงไปที่บ้านดอกเตอร์และขอร่วมเดินทางด้วย ทำเอาไฮบาระอดคิดไม่ได้ว่าเอาอีกแล้วเหรอ แต่พอกำลังจะไปกัน ชายหนุ่มก็ขัดขึ้น
“เธอน่ะ อยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม”
“ก็ได้อยู่หรอก” เด็กหญิงสบตาอีกฝ่ายนิ่ง แล้วเหลือบมองหม้อ “คุณอยากจะให้ฉันอยู่บ้านเพื่อกินสตูว์ห่วยๆ ฝีมือคุณงั้นเหรอ”
ไฮบาระถอนหายใจ แจกแจงข้อสันนิษฐาน “ครีมสตูว์ครั้งก่อน ผักยังไม่สุกเลย ทำอย่างกับได้ยินว่าเราคุยอะไรกันอยู่ เลยรีบคว้าแกงที่ทำค้างไว้มาฝาก เพื่อขอมามีส่วนร่วมในคดีด้วยอย่างนั้นแหละ”
“ฮ่าๆๆ ไม่หรอก พอดีฉันทำอาหารไม่ค่อยเก่งน่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะร่า ก่อนถอดถุงมือยื่นให้ไฮบาระ “แต่ฉันมั่นใจว่าเลือกวัตถุดิบมาไม่ผิด ฝากเธอจัดการต่อด้วยนะ”
หลังออกจากบ้านดอกเตอร์ อากาอิในคราบสึบารุต่อสายหาคาเมลแล้วเปลี่ยนเสียง “ฝากเด็กผู้หญิงด้วยนะ คาเมล”
พอไปถึงที่เกิดเหตุ ก็พบศพชายคนหนึ่งถูกฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจนเสียชีวิตล้มอยู่ในห้องน้ำ มือขวาของศพถือกรรไกรเอาไว้อยู่จริง ส่วนเศษกระจกที่แตกก็มีอักษร F U A R D ตกอยู่ นับว่าคล้ายกับคดีเมื่อ 17 ปีก่อนมาก
หากพวกเขาไขคดีนี้ได้ คงพบกุญแจที่นำไปสู่การไขคดีเมื่อ 17 ปีก่อน คดีที่เป็นแรงบันดาลใจให้อากาอิอยากเข้าร่วมกับเอฟบีไอ ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือพ่อของเขา โคนันสงสัยว่าพ่อของอากาอิเป็นเอฟบีไอด้วยไหม ชายหนุ่มตอบเปล่า
“ถ้าจะคุยเรื่องพ่อล่ะก็ ฉันก็มีเรื่องอยากจะถามเธอเหมือนกัน” สึบารุชะโงกหน้าเข้าไปใกล้โคนัน “ตัวจริงของเธอคือใครกันนะ”
“อ่า คือ เอาไว้ไขปริศนาได้ทั้งหมดก่อนนะครับ” เด็กชายเปลี่ยนเรื่อง
‘แต่รู้สึกว่าความลับแตกไปตั้งนานแล้วนะเนี่ย’
สึบารุและโคนันได้เบาะแสต่างๆ เพิ่มขึ้น จนสามารถหาอาวุธและชี้ตัวคนร้ายได้จากไดอิงแมสเซจ นั่นคือเศษกระจกที่เหลือในห้องน้ำ ดอกเตอร์อากาสะอธิบายว่าผู้ตายพยายามตัดแก้วในน้ำ โดยอาศัยปฏิกิริยาเชิงกลเคมี ถ้าตัดตัวอักษรที่ตกกระจายอยู่ออกไป แล้วเอาอักษรที่เหลือในข้อความเต็มๆ คือ FASAE BRAND มาเรียงใหม่ จะได้ว่า SENBA
สึบารุที่ได้เบาะแสเรื่องไดอิงแมสเซจ รีบโทรเรียกโจดี้ให้ขับรถของเขามา ระหว่างกำลังรวบรวมความคิดก็จุดบุหรี่สูบรอไปพลางๆ
“เอาของที่สั่งมาไหม” โจดี้ยื่นแท็บเล็ตให้
“ว่าแต่นี่มันเรื่องอะไร” เอฟบีไอสาวงงงันที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็โทรมาหาเธอ บอกให้ขับรถ Ford Mustang GT-500 สีแดงของเขามาหาที
ทางด้านโคนันก็รีบตรงมาที่รถเต่าของดอกเตอร์อากาสะที่จอดอยู่ เด็กชายค้นโน้ตบุ๊กแล้วเปิดใช้งาน โคนันลองคิด ถึงข้อความบนกระจกที่ไฮบาระบอก คือ PUT ON MASCARA หากตัด PTON ออก อักษรที่เหลืออยู่คือ U MASCARA
‘ตัว A เยอะจัง ชื่อคนญี่ปุ่นหรือไงนะ’ โคนันสงสัย
สึบารุลองกลั่นกรองชื่อที่พอจะนึกออกตอนนี้ บอดีการ์ดที่หายไป และเบอร์สองขององค์กร บางทีอาจจะ... เอฟบีไอหนุ่มและยอดนักสืบบรรจงพิมพ์ตัวอักษรจนเรียงกันได้เป็น
‘ASACA RUM’
ความคิดเห็น