ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #13 : คล้ายกับคนที่ฉันรู้จัก

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 66


    (17.08.21)
    ก้าวผ่านเส้นทางสีแดง สู่ความลับสีดำที่ถูกเปิดเผย 



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้

    Parinuttha



    PART 2 ใต้หน้ากาก

    ตอนที่ 13 คล้ายกับคนที่ฉันรู้จัก




         ในรถขนย้ายติดตู้คอนเทนเนอร์ที่ทั้งแคบและหนาวเย็น นอกจากพัสดุนำส่งแล้ว คงไม่มีมนุษย์คนไหนอยากเข้าไปอยู่ หรือต่อให้บังเอิญหลงเข้ามาจริงๆ ก็ต้องรีบหาทางออกไปให้เร็วที่สุด แต่ไฮบาระกลับทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเธอกำลังโป๊อยู่ !

    ไฮบาระถอนหายใจ เธอต้องมาเจอกับสถานการณ์น่าอับอายแบบนี้ เพราะตามแมว ไท เข้ามาแท้ๆ

    วันนี้โรงเรียนประถมเทย์ตันเลิกเร็วกว่าปกติ กลุ่มนักสืบเยาวชนจึงต้องมาเล่นฟุตบอลฆ่าเวลาก่อนที่เค้กจะมาส่งที่บ้านดอกเตอร์ ระหว่างนั้นก็สังเกตเห็นแมวสามสีชื่อไทที่ชอบไปกินอาหารที่ร้านปัวโรต์ พอวิ่งตามมันออกไปถึงถนน เจ้าแมวก็กระโดดเข้าไปในรถติดคอนเทนเนอร์ พวกเด็กๆ ตามเข้าไป เลยติดอยู่ในนั้นด้วย ซ้ำร้ายเมื่อไทเกี่ยวชุดไหมพรมของไฮบาระจนด้ายร่น แถมด้ายยังไปติดกิ่งไม้ข้างนอกขณะที่รถเคลื่อนที่อยู่ จนชุดพังเละไม่เหลือซาก

    และพอจะออกไปได้ พ่อยอดนักสืบก็ดันเจอเข้ากับศพของผู้ชายที่ถูกฆ่าตายยัดอยู่ในลังกระดาษ ซึ่งเป็นฝีมือของพนักงานส่งพัสดุสองคนนั้น โคนันหาวิธีบอกให้คนข้างนอกรู้ โดยการใช้คอตตอนบัดของอายูมิ ชุบน้ำยาแก้คันสำหรับผิวแตกของเก็นตะ ป้ายลงบนใบเสร็จค่าแท็กซี่ของมิตสึฮิโกะ เพื่อลบตัวอักษรให้เหลือคำว่า Corpse แปลว่า ศพ และหมายเลขรถคันนี้ ขยำแล้วเสียบไว้กับปลอกคอของเจ้าแมวสามสี ให้ไทนำไปส่งที่วิมานของมัน

    ใช่ ร้านปัวโรต์ที่มีคนคนนั้นอยู่ไงล่ะ ใครจะไปคิดว่าหลังจากจบคดีมิสทรีเทรนแล้ว อามุโร่ซึ่งเป็นคนขององค์กรจะยังกล้ามาทำงานพิเศษที่ร้านหน้าตาเฉย แต่สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นโชคแล้วล่ะ

    แมวไทดิ้นหลุดจากพนักงานที่มาเปิดประตูครั้งถัดไปและไปถึงวิมานของมันได้ มันนั่งลงกินนมในชามที่อาสึสะเอามาให้อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน หญิงสาวสังเกตเห็นใบเสร็จตรงปลอกคอของไท แต่พอจะเอาให้อามุโร่ดูก็ถูกลมพัดปลิวไปเสียก่อน

    กล่องพัสดุลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือที่ให้เด็กๆ ซ่อน สถานการณ์เริ่มเข้าตาจน แต่โคนันก็ฉุกคิดได้เรื่องเค้กที่จะนำไปส่งที่หมู่ 2 หรือก็คือ นี่เป็นเค้กที่ดอกเตอร์อากาสะสั่งไว้นั่นเอง

    เด็กชายใช้ปากกาลูกลื่นของมิตสึฮิโกะและก้านคอตตอนบัดของอายูมิ เขียนข้อความลงบนใบเสร็จเพื่ออธิบายสถานการณ์ ขณะเดียวกันอามุโร่ที่ติดใจเรื่องใบเสร็จค่าแท็กซี่ก็ออกตามหาจนรู้เรื่องหมายเลขรถส่งพัสดุติดแอร์

    รถขนพัสดุเวียนมาจนถึงหมู่ 2 พนักงานอ้วนสงสัยที่บนกล่องพัสดุมีชื่อคุโด้เขียนกำกับไว้ แต่พอเห็นว่าเป็นบ้านหลังข้างๆ บ้านดอกเตอร์จึงกดกริ่งเรียก

    “ครับ” สึบารุรับสายจากอินเตอร์โฟนหน้าบ้าน แปลกใจที่พนักงานถามถึงดอกเตอร์อากาสะ จนอีกฝ่ายบอกว่าคุณอากาสะ ฮิโรชิ อาศัยอยู่ที่บ้านคุโด้ เขาก็ฉุกคิดได้ทันที

    เจ้าหนูนั่นสินะ

    โคนันเฉลยว่าเขาเขียนให้พัสดุถูกส่งไปที่บ้านคุโด้ บ้านที่คุณสึบารุอาศัยอยู่ ซึ่งคนที่จะเขียนแบบนี้ได้มีแต่คนที่อยู่ในรถพัสดุเท่านั้น หรือต่อให้คุณสึบารุไม่เข้าใจ เขาก็ได้เขียนอธิบายสถานการณ์ไว้แล้ว

    สึบารุตอบรับความปรารถนาของโคนันโดยการฝากส่งพัสดุเพิ่ม ซึ่งพอแกะดูก็พบโทรศัพท์มือถือ โคนันยกยิ้ม สมกับเป็นเขาล่ะนะ เพราะจะให้แสดงออกนอกหน้า จัดการพนักงานสองคนนั้น มันก็จะดูน่าสงสัยเกินไป โดยเฉพาะ...กับไฮบาระ

    แต่ก่อนที่เด็กชายจะได้โทรแจ้งตำรวจ พนักงานพวกนั้นก็เปิดประตูมาเจอพวกเขาซะก่อน ขณะกำลังคับขันอยู่นั้นเอง อามุโร่ก็ขับรถตามมาเจอ แถมยังอัดคนร้ายสลบในหมัดเดียว เขาจับพนักงานทั้งสองคนพันเทปไว้แล้วรอตำรวจ

    ไฮบาระรีบดึงฮู้ดเสื้อคลุมของมิตสึฮิโกะขึ้นปิดหน้า ถ้าเกิดเขาจำได้ว่าเธอคือเชอร์รี่ล่ะก็คงแย่แน่ หนุ่มผมบลอนด์ได้รับคำชมจากกลุ่มนักสืบเยาวชน แต่เจ้าตัวกลับอ้างว่าใบเสร็จถูกลมพัดไป หาไม่เจอ และที่เขาผ่านมาแค่บังเอิญเท่านั้น

    “พี่ชายนักสืบไม่มาทานเค้กที่บ้าน ดร. ด้วยกันเหรอคะ” คำชวนของอายูมิทำเอาหัวใจของไฮบาระกระตุกวาบ

    “เอ๋ นี่น่ะเหรอ บ้าน ดร.อากาสะ น่ะ” ชายหนุ่มยืนขึ้นแล้วมองบ้านสไตล์โมเดิร์นให้เต็มตา “ไม่ล่ะ ไว้คราวหน้าละกันนะ มีธุระต้องทำนิดหน่อยน่ะ”

    สึบารุแอบอยู่หลังม่าน มองรถ Mazda RX-7 สีขาวที่ขับออกไปอย่างไม่ไว้ใจ หมอนั่น...ยังวางใจไม่ได้สินะ

     










    “ไม่ใช่ว่าเป็นนักเดินเรือมาก่อนหรอกเหรอครับ” โคนันทักขึ้น หลังยืนฟังบทสนทนาของรองสารวัตรยูมิกับตำรวจจราจรนาเอโกะอยู่พักหนึ่ง

    กลุ่มนักสืบเยาวชนได้รู้เรื่องแฟนเก่าของยูมิที่เลิกกันไปเพราะเธอจะไปเป็นตำรวจ เขาจึงมอบจดหมายไว้และบอกว่าให้รอจนกว่าจะครบเจ็ด

    ขณะนั้นเองหมวดนาเอโกะก็ได้รับสายจากเพื่อนว่ามีคนตายที่ชาโต้เบกะแมนชั่น พอรีบไปถึงที่เกิดเหตุชั้น 18 ก็เจอกับแม่บ้านซากุระโกะ เจ้าของห้องคือคุณนายแขวนคอตายและมีโน้ตวางอยู่ใต้เท้า แต่กลับไม่มีแท่นเหยียบ จึงคิดว่าอาจจะเป็นคดีฆาตกรรม

    และผู้ชายห้องข้างๆ ซึ่งบังเอิญจำรหัสผ่านของห้องนี้ได้ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เป็นคนที่ดูซกมก ไว้หนวดรุงรังและมักพูดว่า ผมถนัดเรื่องการจำที่สุดในญี่ปุ่น ไม่สิ ที่สุดในโลกเลยล่ะ

    ยูมิหน้าแหย ทั้งลักษณะท่าทาง นิสัยและคำพูด แถมยังอยู่ชาโต้แมนชั่น ชั้น 18 ต้องใช่แน่ๆ

    “ยูมินตัน!” ชายหนุ่มทักทายอย่างเริงร่าทันทีที่เห็นหน้าหญิงสาว ทำเอากลุ่มนักสืบเยาวชนสงสัยกับคำสรรพนามที่สนิทสนมกันขนาดนั้น หญิงสาวจึงต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้

    “จ้ะ นั่น...แฟนเก่าของฉันเอง”

    ทุกคนร้องอย่างตกใจ ส่วนยูมิได้แต่มองอดีตแฟนอย่างเอือมระอาขณะที่เขาเอาแต่โบกมือยิ้มหน้าระรื่น จนกระทั่งสารวัตรเมงุเระและหมวดทาคางิมาถึง ชายหนุ่มจึงแนะนำตัว

    “ผมคือคนที่อาศัยอยู่ห้องข้างๆ เอ่อ เป็นคนที่คุณยูมิกำลังคบหาดูใจอยู่... ฮาเนดะ ชูคิจิ ครับ”

    “แฟนเก่าต่างหากล่ะคะ เลิกกันไปนานแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวเน้นย้ำ แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจ

    เพราะชูคิจิออกไปข้างนอกแต่บอกใครไม่ได้ แถมยังจำรหัสผ่านประตูได้อีก ทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย และไม่ว่ายูมิจะคะยั้นคะยอยังไงเขาก็ไม่ยอมบอก แต่เขาคิดว่าคงไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว เพราะเด็กคนนั้นกำลังยิ้มอยู่ ชายผมเป็ดแอบมองเด็กชายสวมแว่นอย่างสนอกสนใจ

    หลังคดีคลี่คลาย กลุ่มนักสืบเยาวชนรู้สึกว่าเคยเจอผู้ชายผมเป็ดคนนั้นที่ไหน โคนันเลยเอาข่าวในมือถือให้ดู เป็นภาพของไทโคเมจินกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ และพอเห็นเอกลักษณ์อย่างผมเป็ดนั่นก็จำได้ทันที สรุปว่าแฟนเก่าของยูมิคือนักหมากรุกญี่ปุ่นมืออาชีพ ที่หญิงสาวตั้งชื่อเล่นให้ว่า จูคิจิ จากนิสัยซกมกของเขา ส่วนเจ็ดอย่างที่พูดถึงก็คือตำแหน่งเจ็ดมงกุฎนั่นเอง

     










    สุดสัปดาห์นี้ดอกเตอร์อากาสะพากลุ่มเยาวชนมาเปลี่ยนบรรยากาศ ชมดอกซากุระที่สวนสาธารณะของศาลเจ้าแห่งหนึ่ง แต่ท่าทางของโคนันที่เอาแต่หันไปมาทำเอาไฮบาระอดสงสัยไม่ได้

    “อะไร กำลังหาใครอยู่เหรอ”

    “หือ เปล่านี่ ไม่มีอะไร” เด็กชายปฏิเสธ ทั้งที่ท่าทางของเขาบอกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ

    กลุ่มนักสืบเยาวชนเสี่ยงเซียมซีกัน เด็กๆ กะจะเอาใบเซียมซีไปผูก แต่คุณตาคนหนึ่งที่เดินผ่านมาห้ามไว้และแนะนำว่าคนที่ต้องเอาใบเซียมซีไปผูกคือคนที่จับได้ดวงแย่เท่านั้น ไฮบาระแขวะว่างั้นคนที่ควรเอาไปผูกคือเอโดงาวะคุง

    “แต่ว่า ดวงแย่มันหยิบมาได้ยาก กลับกันบางคนเขาถือว่าดวงดีนะ อย่าเสียใจไปเลย Cool kid” ภาษาญี่ปุ่นสำเนียงแปลกๆ ที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ทุกคนต้องหันมอง

    “อ.โจดี้?”

    “อาจารย์ก็มาดูดอกไม้อย่างนั้นเหรอคะ” อายูมิถาม

    “โอ้ เยส ฉันชอบซากุระมากๆ เลยล่ะ” เอฟบีไอสาวตอบอย่างเริงร่า

    “เข้าใจล่ะ มีเรื่องที่เป็นความลับคุยกันสองคน ก็เลยเรียกอาจารย์มาที่นี่ใช่ไหมล่ะ” ไฮบาระเอ่ยอย่างรู้ทันขณะเหลือบมองคู่หู “สวนสาธารณะน่ะ เป็นที่ที่สายลับใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันบ่อยๆ นี่นา”

    ถึงอีกฝ่ายจะชอบพูดจาเหน็บแนมเสมอๆ แต่ไฮบาระก็รู้หน้าที่ ช่วยกันพวกเด็กๆ ออกไป ให้เขาคุยกับเจ้าหน้าที่โจดี้ได้สะดวก โคนันจึงเริ่มเปิดบทสนทนาเรื่องอากาอิที่มีแผลไฟลวก บอกว่านั่นเป็นตัวปลอม แท้จริงคือเบอร์เบิ้นปลอมตัวมา

    “ถ้าผู้ชายที่มีแผลเป็นคนนั้นเป็นพวกมันล่ะก็ ถ้างั้น ชูก็...จริงสินะ” หญิงสาวเสียงเครือ

    “แต่ว่าไม่รู้เพราะอะไร คนคนนั้นถึงยังได้มาทำงานที่ร้านปัวโรต์อยู่ ทั้งที่เป้าหมายน่าจะเสร็จไปแล้ว”

    ถ้าหากเป้าหมายของเขาคือไฮบาระหรือเชอร์รี่ ก็น่าจะคิดว่าถูกระเบิดตายไปแล้วสิ หรือจะมีเป้าหมายอื่นอยู่อีกโคนันจึงอยากให้เอฟบีไอช่วยตรวจสอบ

    “เป้าหมายที่ว่า...”

    “มันคือ...”

    “อ้าว หรือว่าคุณจะเป็นผู้หญิงชาวต่างชาติที่ถูกจับเป็นตัวประกันตอนคดีปล้นธนาคารในตอนนั้นน่ะ” ชายสวมมาสก์ท่าทางเป็นหวัดเดินเข้ามาทัก อธิบายว่าภรรยาของเขาเป็นคนใช้เทปปิดมากและมัดมือจี้ในวันนั้น

    “ถ้าอย่างนั้น ผู้ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าคนนั้น เขาคือแฟนของคุณอย่างนั้นเหรอครับ” ชายสวมมาสก์บอก “สองสามวันก่อนผมเห็นเขาน่ะครับ”

    “เอ๊ะ ที่ไหน ที่ไหนเหรอครับ” โคนันถามอย่างตกใจ

    ทว่ายังไม่ทันได้ทำตอบ ก็มีเสียงร้องตะโกนของผู้หญิงว่าถูกโจรล้วงกระเป๋าขัดขึ้น หล่อนวิ่งมาชนโจดี้ แต่พอเห็นชายสวมมาสก์ก็หน้าถอดสีแล้วขอตัวออกไป โจดี้เลยกลับมาคาดคั้นเอาคำตอบต่อ

    “นี่คุณ ยังนึกไม่ออกอีกเหรอ ว่าไปเจอเขาที่ไหนมาน่ะ” ชายสวมมาสก์ส่งเสียงในลำคอขณะนึก

    “หรือว่าคุณไปเจอเขาอยู่ที่หน้าตู้ขายกาแฟกระป๋องที่ไหนสักแห่งหนึ่งกันน่ะ”

    “กาแฟกระป๋อง? เขาชอบดื่มเหรอครับ”

    “ค่ะ ดื่มอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นก็ด้วย...” เอฟบีไอสาวนึกย้อนถึงวันที่องค์กรมาบุกชิงตัวคีร์ อากาอิทุ่มเทกับงานนี้มากจนอดหลับอดนอน และตอนนั้นเขาก็ทำกาแฟกระป๋องหล่นพื้น

    “เหนื่อยมากสินะครับ ถึงทำกระป๋องกาแฟหล่นน่ะ”

    การสนทนานั้นไม่ได้คุยกันเพียงสองคน เพราะยังมีอีกคนหนึ่งที่ได้ยิน... ระหว่างที่พวกเด็กๆ ไปสั่นกระพรวนไหว้เจ้า ไฮบาระที่ยืนอยู่ไม่ไกลและแอบฟังมานานแล้วก็นึกติดใจเรื่องบางอย่าง

    “นี่ ที่พูดถึงคนที่ชื่ออากาอิน่ะ เป็นคนยังไงเหรอ”

    “ทำไมเหรอ” เด็กชายถามไปอย่างนั้น ยังไม่ทันคิดว่าเธอจะสงสัยอะไรเข้า

    “แบบว่า...ฉันรู้สึกว่าเขาคล้ายกับคนที่ฉันรู้จักมากเลยน่ะ” ภาพของชายหนุ่มผมยาวที่เธอรู้จักแวบเข้ามาในหัวทันที ภาพของคนที่มักดื่มกาแฟกระป๋องเป็นประจำโมโรโบชิ ได

    “มะ ไม่ได้คิดไปเองหรอกเหรอ” โคนันสะอึก ทำเป็นพูดเฉไปเรื่อย

    ยัยนี่ เซนส์ดีชะมัด

    “อีกอย่าง คุณอากาอิเองก็...”

    “เอ๊ะ ตายแล้วเหรอ”

    คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นช่วยกลบเกลื่อนเรื่องของอากาอิได้ทัน แต่ดอกเตอร์อากาสะกลายเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ไปเสียแล้ว ที่ใกล้ห้องน้ำมีผู้หญิงถูกฟาดศีรษะ แถมยังเป็นคนเดียวกันกับที่วิ่งมาชนพวกโจดี้ แต่สุดท้ายก็จับตัวคนร้ายได้ คนร้ายเป็นผู้เสียหายจากคดีล้วงกระเป๋าที่ผู้ตายเป็นคนก่อ

    สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีว่าชายสวมมาสก์ไปเจอผู้ชายที่มีแผลเป็นคนนั้นที่ไหน เพราะภรรยาท้องโตของเขามารับเสียก่อน โจดี้ได้กระเป๋าคืนแล้วจึงเปิดดูของข้างใน เจอเข้ากับแผ่นรองแก้วจากคดีวางระเบิดห้าง ข้อความนั้นที่บอกให้เธอรีบหนีไป ถึงโคนันจะบอกว่าอากาอิคนนั้นเป็นตัวปลอม แล้วแผ่นรองแก้วนี่ล่ะ หมายความว่ายังไง โคนันได้แต่ลอบมองแล้วคิดในใจ

    ขอโทษนะครับ เจ้าหน้าที่โจดี้... แต่ผมยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้จริงๆ

    สามีภรรยาคู่นั้น แท้จริงแล้วคือเบอร์เบิ้นกับเบลม็อทปลอมตัวมา เพื่อแอบติดเครื่องดักฟังการสนทนา แต่ก็ไม่รู้อะไรมาก ตอนนั้นเบลม็อทช่วยซัพพอร์ตแกล้งแพ้ท้องเพื่อถอดเครื่องดักฟังคืน หญิงผมบลอนด์ไม่เข้าใจเจตนาของชายหนุ่ม แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่ากำลังสืบเรื่องสำคัญ เธอจึงทำได้แค่สนับสนุนเท่านั้น

     










    ดึกคืนหนึ่ง โคนันกำลังวิ่งหน้าตื่นกลับไปที่สำนักงานนักสืบ เพราะเมื่อครู่นี้ หลังลุงโมริไปเกี่ยวข้องกับคดีลูกดอกในบาร์ เขาก็รู้มาจากหมวดทาคางิว่า สามีภรรยาท้องโตที่เคยเจอกันเมื่อคดีชมดอกซากุระคราวก่อนมีบางอย่างแปลกๆ

    ตำรวจหนุ่มจำได้ว่าคนที่ทำหน้าที่ปิดตาปิดปากตัวประกันคนอื่นในคดีปล้นธนาคาร น่าจะเป็นคนที่มาคนเดียว แล้วพอไปตามสอบปากคำ ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าไม่ได้ไปที่สวนสาธารณะนั่น

    แถมไฮบาระยังเคยบอกว่าแปลก เพราะปกติอาการแพ้ท้องจะเกิดแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น ทุกอย่างกำลังบ่งชี้ว่านั่นอาจจะเป็นเบลม็อทปลอมตัวมา ทว่า...เด็กชายหยุดวิ่งทันทีเมื่อนึกขึ้นได้

    เดี๋ยวสิ ถ้ามันเป็นกับดักล่ะ กับดักที่ล่อให้เราร้อนใจน่ะคิดได้ดังนั้นก็รีบโทรหาไฮบาระ แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เด็กชายจึงค่อยวางใจ

    หลังซอกตึกในมุมมืด หนุ่มผมบลอนด์กำลังแอบมองเด็กชายสวมแว่นอยู่ โห หัวไวใช้ได้นี่

    หลังจากนั้นโคนันก็โทรไปเล่าสถานการณ์ให้โจดี้ทราบไว้ก่อน แม้เขาจะระแวงไปเองอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากเริ่มรู้ข้อมูลของเซระมากขึ้น ทั้งเรื่องที่เธอมีพี่ชายสองคน คนหนึ่งคอยช่วยให้คำปรึกษาเรื่องคดี อีกคนหนึ่งช่วยสอนจีทคุนโดให้ และในพี่น้องสามคน ทุกคนใช้กันคนละนามสกุล

    แถมวันนี้สาวห้าวยังชวนเขา รันและโซโนโกะไปเที่ยวโรงแรมที่เธอพักอยู่ สามสาว ม.ปลาย จัดปาร์ตีจิบน้ำชาเล็กๆ แล้วคุยเรื่องความรักกันสนุกปาก

    เวลาล่วงถึงยามเย็น ตอนที่กำลังจะกลับกันนั้นเองก็เกิดคดีขึ้นเสียก่อน โคนันทิ้งกระเป๋าเป้ไว้แถวทางเดินแล้วตรงไปที่เกิดทันที โดยไม่รู้เลยว่า มีมือเล็กๆ แอบยื่นออกมาจากช่องประตูที่แง้มอยู่และกำลังเอื้อมหยิบกระเป๋าของเขา

    ระหว่างไขคดี โคนันสังเกตเห็นเด็กหญิงผมสั้นหยักศกสีบลอนด์ อายุราว ม.ต้น ในกลุ่มคนที่มามุงดู เธอคือคนเดียวกันกับในรูปที่เขาเคยเห็นในมือถือของเซระจากคดีผู้หญิงสีแดงแน่ๆ รูปที่ปรากฏขึ้นมาทันทีหลังจากเสียงเรียกเข้าสิ้นสุด แสดงว่าเซระจงใจให้เขาเห็นภาพนั้น

    โคนันแอบติดเครื่องดักฟังไว้ โดยหวังว่าระหว่างเดินกลับกับรันจะได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ แต่กลับได้ยินเสียงหวีดแก้วหูแทน

    “เครื่องดักฟัง?” เด็กหญิงผมบลอนด์มองดูอุปกรณ์ขนาดจิ๋วที่ถูกทุบจนเละ

    “ที่ติดอยู่ตรงขาแว่นของเขาสินะ” เซระถือประแจแหวนข้างอันใหญ่ เอ่ยยิ้มๆ “อันตรายจริงๆ”

    “เป็นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” เด็กหญิงคีบขึ้นมาดู เธอบอกสลับส่งเสียงไอ “ถ้าดูจากขนาดแบตเตอรี่แล้วคงทำงานได้ไม่นานสินะ แค่กๆ แสดงละครได้ในสภาพแบบนี้ น่าสนใจไม่น้อยเลย แค่กๆ”

    “แล้ว...ถูกใจเขาไหมล่ะ”

    “จะเชื่อใจก็ดูเหมือนจะเร็วเกินไป” เด็กหญิงคิดว่าคงต้องทดสอบกันสักหน่อย

    “ถ้าเขามาเลียบๆ เคียงๆ ถามเรื่องฉันขึ้นมาล่ะก็ ให้ตอบไปว่า...เป็น น้องสาวนอกขอบเขต น่ะ”

    เสียงจากเครื่องดักฟังดับสนิท คงถูกทำลายไปแล้วสินะ เหลือไว้แต่ความสงสัยให้โคนันคิด เด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่

     










    ไฮบาระเดินตามหลังกลุ่มนักสืบเยาวชนอยู่ในเมือง ขณะถามถึงอีเมลที่โคนันส่งมาหาเธอเมื่อเช้านี้ บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา แต่กลับเป็นศัพท์แปลกๆ อย่างคำว่า น้องสาวนอกขอบเขต

    “อะไรกัน ศัพท์อนิเมะรอบดึกหรือไง”

    เด็กชายยังค้างคาใจเรื่องเด็กผู้หญิงอายุประมาณ ม.ต้น ที่เซระซ่อนเอาไว้ที่ห้องในโรงแรม เลยส่งอีเมลไปถาม แล้วอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาแบบนี้

    “ก็น่าจะเป็นน้องสาวไม่ใช่หรือไง” ไฮบาระคิดตามความหมายตรงตัว

    “แต่ยัยนั่นบอกว่าไม่มีน้องสาวนี่สิ แล้วนอกขอบเขตมันคืออะไรกัน แล้วอีกอย่างนะ...ฉันรู้สึกเหมือนเคยเจอเซระที่ไหนมาก่อนด้วยล่ะ” โคนันพ่นข้อสงสัยยาวเหยียด

    “งั้นก็นึกให้ออกก่อนละกัน” เด็กหญิงสรุปให้

    “ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ที่พอจะจำได้ก็มีแค่เขี้ยว...โอ๊ย!” โคนันร้องเสียงหลงเมื่อถูกชายคนหนึ่งชนจนกระเด็น

    หลังจากนั้นก็เกิดคดีล่อซื้อกัญชาที่สะพานเอบิสึของโอซาก้า เป็นคดีที่ทำให้ ฮัตโตริ เฮย์จิ รู้ใจตัวเองว่ารักเพื่อนสมัยเด็กอย่าง โทยามะ คาสึฮะ เข้าแล้ว ความสงสัยเรื่องน้องสาวน้องขอบเขตจึงถูกเก็บพับไป ก่อนจะมีเรื่องวุ่นที่ทำให้หัวใจของโคนันต้องเต้นรัว เมื่อเกิดคดีใหญ่ขึ้น...

     










    โคนันเรียกโจดี้มาคุย เพราะอามุโร่หรือเบอร์เบิ้นกำลังตามสืบเรื่อง คุสึดะ ริคุมิจิ ซึ่งเป็นอดีตสปายขององค์กรชุดดำเมื่อตอนชิงตัวคีร์คราวนั้น ท่าทางของหญิงสาวเฉยมาก แหงล่ะ เพราะเธอไม่รู้ถึงเบื้องหลังที่แท้จริง แต่จะให้เขาพูดมากกว่านี้ก็คงไม่ได้

    หลังจากนั้นโจดี้ก็ได้รับสายว่า ครูชิบุยะ เพื่อนของเธอตกจากบันไดสวนสาธารณะ เอฟบีไอสาวจึงรีบบึ่งไปที่นั่นทันที โคนันจับสิ่งผิดปกติได้ เพราะครูประถมมักไม่เอากระดาษสอบที่ตรวจให้คะแนนแล้วกลับมาด้วย จึงทำให้รู้ว่าเธอน่าจะถูกทำร้ายที่อื่น และที่นั่นน่าจะเป็นโรงเรียน แต่กลับพบเรื่องน่าตกใจยิ่งกว่า เพราะอามุโร่โผล่มาในฐานะนักสืบที่ครูชิบุยะว่าจ้าง

    การสืบสวนดำเนินไปได้ครึ่งทาง เมื่อเหล่านักสืบได้ดูรูปถ่ายของกระดาษคำตอบทำให้รู้ตัวคนร้ายทันที อามุโร่หัวเราะชอบใจที่โจดี้และคาเมลยังไม่รู้ตัวอีก เพราะเขาสงสัยมาตลอดว่าทำไมครูชิบุยะที่มีเพื่อนเป็นถึงเอฟบีไอ ถึงไม่ขอให้เพื่อนช่วย ชายหนุ่มพูดเหน็บแนมว่าคงเพราะไม่ได้เรื่องไงล่ะ

    คาเมลฉุนกึก แต่พยายามใจเย็น แก้ตัวแทนโจดี้ว่าคงไหว้วานกันลำบากมากกว่า เพราะพวกเขาแค่มาเที่ยว

    หนุ่มผมบลอนด์ตอกกลับอีกชุดว่าถ้าอย่างนั้นวีซ่าคงอยู่ได้ไม่นาน ให้รีบกลับไปซะ “ไปจากญี่ปุ่นของผมสักที”

    “นี่ คือว่า ซีโร่ เอ๊ย พี่อามุโร่” โคนันแอบกระซิบ พลางกระตุกชายเสื้ออีกฝ่าย “มานี่หน่อยสิครับ”

    “นี่ พี่อามุโร่น่ะ เป็นศัตรูสินะครับ กับพวกคนเลวๆ พวกนั้น ใช่ไหมล่ะครับ” ชายหนุ่มหลับตานิ่งเงียบ ทำเอาโคนันลุ้นจนตัวโก่ง

    “อ่า ซีโร่ นั่นเป็นชื่อฉายาสมัยเด็กของฉันเอง ใช่แล้วล่ะนะ แล้วเธอก็เข้าใจผิดเรื่องฉันไปนิดนึงนะ โคนันคุง” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ แล้วผละออกไปคลี่คลายคดีต่อ

    หึ เข้าใจผิดงั้นเหรอ หมอนั่นฉลาดหลักแหลม ไขคดีได้ในพริบตา เรื่องที่เจอไฮบาระบนรถไฟเบลทรีแต่กลับไม่ฆ่าเธอ อีกทั้งท่าทีของเขาเมื่อได้ยินชื่อ ซีโร่...

    แต่ที่ทำให้โคนันแน่ใจได้ก็คือคำพูดที่เขาพูดกับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ รีบออกไปสักทีเถอะครับ ไปจากญี่ปุ่นของผมซะ

    ความเชื่อมั่นแบบนั้น คำว่าซีโร่เป็นโค้ดลับ ที่แปลว่าไม่สังกัดองค์กรใดๆ แต่จะใช้ในองค์กรที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของญี่ปุ่น พวกตำรวจลับ ถ้าหมอนี่เป็นสายลับที่แฝงตัวเข้าไปในองค์กรชุดดำล่ะก็ ถ้าเราบอกสถานการณ์ของเราให้รู้ ก็คงจะลดความยุ่งยากลงได้ แต่ถ้าไม่ใช่...แผนที่เราอุตส่าห์วางไว้ก็คง...

    โคนันข่มใจให้เย็นลง ไตร่ตรองเรื่องราวอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าการที่คนขององค์กรจะมาเจอกับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอมันไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ เด็กชายได้รู้ว่าครูชิบุยะส่งอีเมลไปหาโจดี้ แต่กลับบอกว่าจำไม่ได้ แถมมือถือของโจดี้ก็แบตหมดเร็วมาก แสดงว่าอาจถูกดักฟัง

    ทว่าหลังจากคดีเพิ่งปิดลงไม่นานก็มีสายจากโรงพยาบาลโทรมาบอกที่ห้องพักครูว่าครูชิบุยะอาการทรุด โจดี้ได้ยินเช่นนั้นก็รีบบึ่งรถไปโรงพยาบาลทันที โดยมีอามุโร่ขับรถตามมาด้วย

    “นายมาที่นี่ทำไม ไม่มีธุระแล้วไม่ใช่เหรอ” คาเมลถามอย่างไม่สบอารมณ์

    “ยังไงซะเธอก็เป็นผู้ว่าจ้างของผมนี่ครับ... แล้วก็ถ้าเป็นคุณล่ะก็ น่าจะเป็นคนที่หลุดปากง่ายที่สุดไงล่ะ”

    โจดี้และโคนันรีบตรงไปที่ห้องพักวีไอพี แต่พอเปิดประตูเข้าไป ครูชิบุยะกลับปลอดภัยดีแถมยังรู้สึกตัวแล้ว ตอนนั้นเอง โคนันก็เพิ่งรู้ตัวว่าเสียท่าเข้าจนได้ เลยรีบวิ่งกลับไปหาเจ้าหน้าที่คาเมล

    “คุสึดะ ริคุมิจิ ผมไม่รู้จักคนชื่อนั้นหรอก” คาเมลทำเป็นเฉไฉ

    “อ๋อ งั้นเหรอครับ สมาชิกปลายแถวแบบคุณคงไม่มีสิทธิ์จะรู้ข้อมูลพวกนี้สินะ” ชายหนุ่มจงใจพูดแหย่

    “ฮึ้ย! พูดอะไรของคุณน่ะ เรามักจะแชร์ข้อมูลกันอยู่เสมอนะ...”

    “คาเมล! มัวทำอะไรอยู่น่ะ อย่าแยกจากฉันไปแบบนี้สิ” อามุโร่เกือบจะได้ข้อมูลอยู่แล้ว หากโจดี้ไม่เข้ามาเสียก่อน เขาจึงได้แต่ขับรถออกไปอย่างเซ็งๆ

    “นายคงไม่ได้บอกเรื่องคุสึดะ ริคุมิจิ ให้เขาฟังใช่ไหม” หญิงสาวลากคาเมลมากระซิบกระซาบ

    “แน่นอนว่าไม่ ต่อให้เอาอะไรมาง้างปาก ผมก็ไม่มีทางเผลอพูดเรื่องที่เขายิงตัวตายในรถออกไปหรอกครับ”

    “เหรอ ขอบใจมากนะ” หญิงสาวกระตุกยิ้ม แล้วหายตัวไปอย่างเงียบเชียบ ทำเอาคาเมลที่ยืนพูดคนเดียวอยู่ตั้งนานหันซ้ายหันขวา งงเป็นไก่ตาแตก

    อามุโร่จอดรถเทียบข้างทางที่มีโจดี้ยืนสูบบุหรี่รออยู่ เธอเข้ามานั่งข้างในแล้วถอดหน้ากากออกจนเผยให้เห็นโฉมหน้าแท้จริง ก่อนจะบอกข้อมูลเรื่องคุสึดะยิงตัวตายจริงอย่างที่เบอร์เบิ้นสันนิษฐาน

    โคนันที่เพิ่งวิ่งมาถึงตัวคาเมล เฉลยว่าผู้หญิงเมื่อกี้น่าจะเป็นเบลม็อทปลอมตัวมาเพื่อล้วงข้อมูล และเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ได้ดำเนินอยู่แผนการของเบอร์เบิ้น

    โจดี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แล้วเผลอหลุดข้อมูลอะไรไปบ้างล่ะเนี่ย”

    “ก็เกี่ยวกับสปายของพวกมันที่แฝงตัวเข้ามาในโรงพยาบาล ที่ชื่อ คุสึดะ ริคุมิจิ นั่นแหละครับ ผมบอกว่าเขาใช้ปืนยิงตัวเองตายในรถ”

    เพียงเท่านั้นก็ทำเอาโคนันตัวชาทันที หรือว่า...แย่แล้ว

    โจดี้สงสัยว่าเรื่องแค่นี้ทำไมถึงกับต้องลงทุนปลอมตัวมาล้วงข้อมูล คาเมลคาดว่าถ้ารู้ว่าสปายนั่นตายแล้วอาจไม่ต้องกลัวเรื่องความลับรั่วไหล แต่พอโจดี้หันไปถามความเห็นจากโคนัน เด็กชายกลับยืนนิ่งด้วยสีหน้าช็อกมาก

    “แล้วไงล่ะ สมาชิกปลายแถวที่ไม่มีแม้แต่โค้ดเนม ยิงตัวตายไปเองแบบนั้น มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ” เบลม็อทยังไม่เข้าใจเบอร์เบิ้นอยู่ดี

    “สมมติว่าคุณจะใช้ปืนยิงตัวตาย คุณจะทำยังไงครับ”

    “นั่นสินะ ก็ต้องใช้ปากกระบอกปืนจ่อขมับตัวเองแบบนี้ แล้วลั่นไก” หญิงผมบลอนด์ตอบพลางใช้นิ้วทำท่า

    “ใช่ แล้วหัวกระสุนก็จะเข้าไปฝังในกะโหลก ต่อให้ศพถูกเผาก็ตาม” ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม “มันมีไม่ใช่เหรอครับ หลังจากที่คุสึดะตายไม่นาน ก็มีอีกคนที่ตายตามมา คนที่โดนปืนยิงที่หัว แถมศพยังถูกเผาเหมือนกัน”

    ข้อสันนิษฐานนั้นทำเอาเบลม็อทขนลุก “ยะ อย่าบอกนะว่า...”

    “ใช่ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ...อากาอิ ชูอิจิ”

    เบลม็อทเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดหัวเราะ เบอร์เบิ้นคงคิดผิดเพราะการตายของอากาอิได้รับการยืนยันโดยตำรวจญี่ปุ่น เพราะลายนิ้วมือของศพที่ถูกเผาเหมือนกับลายนิ้วมือบนมือถือของโคนัน เทียบจากมือข้างขวาที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงทนไฟ แต่เบอร์เบิ้นคาดว่าเพื่อให้มีการเก็บรอยนิ้วมือภายหลัง อาจจงใจจัดฉากให้มือของศพซุกอยู่ในกระเป๋า

    “ถ้าสงสัยมากขนาดนั้น จะดูวิดีโอที่อากาอิถูกยิงด้วยไหมล่ะ” เบลม็อทเสนอให้ดูภาพจากกล้องที่ติดอยู่ที่สร้อยคอของคีร์ “คลิปนั้นอะนะ มีภาพที่หมอนั่นกำลังจะขาดใจตาย บันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนเลย”

    “แล้วก็นะ ผู้ชายคนนั้น ก่อนจะถูกยิงที่หัวน่ะ เขาพูดออกมาว่า... ไม่คิดเลยว่าจะมาลงเอยแบบนี้” เบอร์เบิ้นลองคิดตามสิ่งที่เบลม็อทพูด

    “เอาเป็นว่าฉันขอพูดในฐานะนักแสดงก็แล้วกันนะ นั่นไม่ใช่บทที่เตรียมเอาไว้ แต่เป็นคำพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ใช่การแสดง” หญิงผมบลอนด์ยืนยันหนักแน่น

    “งั้นเดี๋ยวผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น จะไล่ต้อนจนไม่มีทางแก้ตัวได้เลย คอยดูสิ” เบอร์เบิ้นยังคงมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเอง

    “ตายจริง แสดงว่ารู้ที่อยู่ของเขาแล้วล่ะสิ คุณผีตายโหงคนนั้นน่ะ”

    ชายหนุ่มยิ้มเยาะ “สำหรับผมน่ะ แค่วันเดียวก็เหลือเฟือแล้วล่ะครับ”






























    โปรดติดตาม...








    Talk กับ ไรท์
    ต้องขอโทษรี้ดจริงๆ นะ เมื่อวานไรท์ดูวันที่ผิด
    เลยมาลงชดเชยให้วันนี้แทน
    อีก 7 ตอน จะจบเส้นเรื่องหลักนะคะ
    ไรท์จะลงวันที่คู่ละกันค่ะ จะได้ไม่สับสนอีก
    จากนั้นเดือนกันยา เข้าสู่เส้นเรื่องของไรท์
    จะลงอีก 5 ตอน ถึงตอน 25 ค่ะ
    ฝากติดตามด้วยนะ 
    ไรท์สัญญาว่าจะเขียนจนจบให้ได้ค่ะ

    <3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×