คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ผมสัญญากับเธอไว้แล้ว
Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้
Parinuttha
ตอนที่ 12 ผมสัญญากับเธอไว้แล้ว
ชายหนุ่มกำลังตรวจเช็กอุปกรณ์ปลอมตัวบนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน ทั้งรองพื้น เมคอัพ หน้ากากซิลิโคน และวิกผมปลอม ยังอยู่ในสภาพพร้อมงานใช้เสมอ
อากาอิไม่เคยคิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะต้องมาใช้ชีวิตติดเครื่องสำอางแบบนี้ จนกระทั่งวันนั้น หลังผ่านแผนแกล้งตายนั่นมาได้ วิถีชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง...
“เอ่อ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเกรงใจปนทึ่งกับภาพสเก็ตช์ต้นแบบหลายใบที่ยูกิโกะออกแบบมาให้เขาเลือก
“ไม่ได้หรอกจ้ะ ผลงานชิ้นเอกทั้งที อุตส่าห์ได้แต่งหน้าให้คนหล่อๆ อย่างคุณ...” อดีตดาราสาวสะดุด ยกมือป้องปาก หัวเราะกลบเกลื่อน “โฮะๆ เลือกแบบไหนดีล่ะ”
“ผมว่าเอาแบบที่แตกต่างไปเลยเป็นไงครับ”
“อือ...งั้นคนนี้?” ยูกิโกะเลือกแบบสเก็ตช์ของผู้ชายตาตี่ สวมแว่น ผมสีโรสโกลด์ขึ้นมาให้ดู เธอวางบุคลิกของต้นแบบไว้ว่าเป็นผู้ชายอบอุ่น ยิ้มง่าย เรียกได้ว่าตรงข้ามกับอากาอิอย่างสิ้นเชิง
ยูกิโกะใช้เวลากับการลงเมคอัพอย่างละเอียดและเนียนที่สุดกว่าหลายชั่วโมง “เอาล่ะ เสร็จแล้ว”
“รู้สึกเป็นไงบ้าง ชอบไหมจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนถามขณะ หยิบกระจกให้ชายหนุ่มส่องดู
อากาอิมองเห็นใบหน้าที่ไม่ใช่ตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกแปลกๆ “ดูไม่เหมือนผมเลยนะครับ”
“แบบนี้แหละ หล่อดี!” ยูกิโกะยิ้มภูมิใจกับผลงาน “อ๊ะ แน่นอนว่าตัวจริงคุณก็หล่อเหมือนกันนะ”
“อือ...นั่นสินะครับ แบบนี้อาจจะเหมาะกว่าก็ได้” อากาอิมองตัวเองในกระจกที่ต่างไปแบบสุดๆ หากเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา อาจจะยากเกินไปสำหรับการเฝ้าติดตามเธอ แต่พอเป็นคนอื่นแบบนี้แหละเหมาะแล้ว
‘เหมาะสำหรับหน้าที่...อัศวินน่ะ’
แต่นอกจากการลงเมคอัพแล้ว อากาอิยังต้องเรียนการแสดงกับยูกิโกะ เธอให้เหตุผลว่าเพื่อความสมจริงมากที่สุด ชายหนุ่มต้องฝังความเชื่อลงไปว่า ‘โอกิยะ สึบารุ’ มีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่แค่หน้ากากจอมปลอม
หลังจากเรียนเทคนิคการปลอมตัวจากยูกิโกะมาพอสมควรแล้ว อากาอิก็ย้ายออกไปอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์เล็กๆ แห่งหนึ่งในหมู่เดียวกัน ไม่ห่างจากบ้านของดอกเตอร์อากาสะนัก
“ติดต่อมาเร็วจังเลยนะ” สึบารุรับสายจากคนที่กำลังรออยู่
“อา แต่ฉันมีเวลาไม่มาก เพราะสมาชิกองค์กรที่คุณรู้จักดีเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”
ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้ว พลันก็มีชื่อหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว “เบอร์เบิ้นเหรอ”
“หึ ใช่แล้ว” ซีไอเอสาวกระตุกยิ้มพอใจในความรู้สึกไวของเขา “ส่วนเป้าหมายก็คือคนที่คุณน่าจะรู้จักดีอีกเช่นกัน...เชอร์รี่ไงล่ะ”
เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ ถึงเบลม็อทจะวางมือจากเธอไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่เขาต้องกังวล ชายหนุ่มฝากคีร์บอกเรื่องนี้กับเอฟบีไอ ก่อนวางสายไป
อากาอิในคราบสึบารุออกไปขับรถเล่นยามดึกเพื่อลาดตระเวนสอดส่องสิ่งผิดปกติรอบเมืองเบกะ แต่พอกลับมาตอนเช้าก็พบว่าอะพาร์ตเมนต์ที่เขาอยู่ถูกไฟไหม้ดำจนเป็นตอตะโกไปเสียแล้ว
เขาถูกตำรวจที่มาทำคดีเรียกไปสอบปากคำพร้อมกับผู้พักอาศัยอีกสองคน ตอนนั้นเองชายหนุ่มก็สังเกตเห็นไฮบาระเข้าพอดี
‘อะ นั่นมัน...’ นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้มองเธอใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่ที่ท่าเรือคืนนั้น แต่พอเห็นท่าทางหวาดกลัวของเธอ เขาเลยหยุดจ้อง เบือนสายตาหนี และความรู้สึกกดดันที่ไฮบาระสัมผัสได้ก็หายไปทันที
‘หึ กลัวเราขนาดนั้นเลยเหรอ’ ต้องขอบคุณกรอบแว่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ช่วยทำให้เขาปิดบังความรู้สึกได้ลึกลงไปอีก เพราะถ้าหากเซนส์สัมผัสอันแรงกล้าของเธอจับเขาได้ตอนนี้คงไม่ดีแน่
โคนันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้างแล้ว แต่เมื่อลูกน้องของสารวัตรยูมินางะทำท่าจะไม่เชื่อเนื้อความในสมุดบันทึกของไคโตะ เด็กชายจึงพูดเสริมด้วยประโยคยอดฮิตของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์
“ปริศนาบ้านต้นบีช ใช่ไหม”
“เห พี่ก็ชอบโฮล์มส์เหมือนกันเหรอครับ”
“อา เก็บสะสมไว้ทุกเล่มเลย” สึบารุเดินมานั่งย่อเข่าลงข้างโคนัน “แต่ถูกไฟไหม้หมดแล้ว ดูสิ”
ขณะที่ตำรวจและกลุ่มนักสืบเยาวชนกำลังสนใจกับเนื้อความในสมุดบันทึกของลูกชายเจ้าของอะพาร์ตเมนต์ เด็กชายสวมแว่นก็ได้จังหวะกระซิบกระซาบกับเขา
“เอ่อ คุณอากาอิครับ ที่อยู่ดีๆ ที่ว่าเนี่ย...”
ชายหนุ่มนึกย้อนถึงวันที่ยูกิโกะช่วยปลอมตัวเขาเป็นสึบารุ ตอนนั้นเธอเสนอให้เขาอยู่บ้านคุโด้ไปก่อนก็ได้ แต่ด้วยความเกรงใจ เขาเลยปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ ผมหาที่อยู่ดีๆ ได้แล้วล่ะ ผมจะจับตาดูอยู่ไม่ไกลครับ”
‘แต่ว่านี่มันอยู่ใกล้มากเลยไม่ใช่เหรอ’ โคนันคิดในใจ สึบารุขำเพราะอ่านสีหน้านั้นออก
“ฮะๆๆ โทษทีนะ แต่เพราะแบบนี้เลยเหมาะมากเลยไม่ใช่เหรอ” เพราะขาไปและกลับจากโรงเรียน ไฮบาระต้องเดินผ่านเส้นทางนี้ทุกวัน ทำให้เขาสังเกตการณ์ได้ง่ายว่าชีวิตประจำวันของเธอเป็นอย่างไร
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวังหน่อยนะครับ ยัยนั่นเซนส์ดีมากเลยล่ะ” โคนันยังทึ่งทุกครั้งกับสัมผัสพิเศษของไฮบาระ
“อ่า เรื่องนั้นฉันรู้ดี”
ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางเด็กผู้หญิงผมน้ำตาล คิดเรื่องที่เธอมีสัมผัสถึงอันตรายชั้นยอดขนาดนี้ ‘อันตราย?’ สึบารุยิ้มเยาะ แสดงว่าเขาก็เป็นคนอันตรายในสายตาเธองั้นสิ
แต่จนแล้วจนรอดเขาก็หนีไม่พ้นบ้านคุโด้อยู่ดี เพราะอะพาร์ตเมนต์ถูกเผาไม่เหลือซากไปซะแล้ว โคนันเลยเสนอให้เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ประกอบกับขี้เกียจหาที่อยู่ใหม่ สึบารุเลยตกลง
วันนั้นสึบารุกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะมุมประจำ จนได้รับอีเมลจากโคนัน ชายหนุ่มจึงต้องรีบออกจากบ้าน ตรงไปที่โรงรถของดอกเตอร์อากาสะ แล้วเปลี่ยนของข้างในแกลอนน้ำมันเบนซิน
“แต่ว่าเจ้าหนู เธอเสี่ยงมากเลยนะ ถ้าเด็กผู้หญิงคนนั้นเสียบกุญแจก่อนที่ฉันจะห้าม มันก็จะเป็นเรื่องใหญ่นะ” ผู้ร้ายสาวจากคดีไฟฟ้าสถิตกล่าวเตือน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะฝากระโปรงรถเต่าน่ะ ไม่มีกุญแจหรอก” เด็กชายสวมแว่นยิ้มร่า “เมลที่ผมส่งไปเมื่อกี้น่ะ ผมขอให้คนคนหนึ่งเอาน้ำเปล่ามาใส่ไว้ในแกลอนน้ำมันแทนแล้วล่ะครับ”
สึบารุแนบตัวชิดผนังแอบดูสถานการณ์อยู่ ‘แน่นอน จะไม่ยอมให้เธอต้องเสี่ยงอีกเด็ดขาด’
การพบหน้ากันครั้งต่อไปของสึบารุและไฮบาระเกิดขึ้นที่โขดหินอิคาคุ เพราะดอกเตอร์อากาสะยังซ่อมสิ่งประดิษฐ์ให้คนแถวบ้านไม่เสร็จ จึงวานให้เขาช่วยไปรับเด็กๆ ให้แทน
ชายหนุ่มไปถึงท่าเรือ อธิบายสถานการณ์ แต่สายตาของเธอที่มองมา ดูเหมือนว่าเซนส์สัมผัสของเธอจะไม่ได้ลดลงไปเลย เด็กหญิงวิ่งผ่านเขาไปอย่างไม่ทันระวังจนสะดุดเข้ากับขอบซีเมนต์
“อ๊ะ!”
‘แย่ละ’
สึบารุยื่นมือสองข้างออกไปรับตัวเธอไว้ได้ทันก่อนที่ไฮบาระจะคะมำตกทะเล ชายหนุ่มใจหายวาบ ถ้าเกิด...ช่วยไว้ไม่ทันล่ะก็
“ระวังหน่อยสิ อย่ามัวแต่มองทางอื่น”
“คะ ค่ะ” เด็กหญิงรับคำอึ้งๆ
บางทีเธออาจจะเริ่มวางใจเขาแล้ว หากว่าเรือที่ออกจากท่าไม่ไปแวะโขดหินอิคาคุ จนเจอศพผู้หญิงที่มาดำน้ำและถูกปล่อยให้ทิ้งไว้จนตาย เพราะเด็กหญิงชื่ออายูมิถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน ทำให้เขาต้องออกโรงช่วยเหลือ อากาอิในคราบสึบารุค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ ใช้จิตวิทยาข่มขู่คนร้ายจนช่วยตัวประกันได้สำเร็จ
ดีที่คนร้ายเป็นพวกใจเสาะ เขาจึงไม่จำเป็นต้องโชว์สกิลอะไรมากให้เธอจ้องจับผิดได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างอยู่ดี อากาอิลองคิด หากตอนนั้นคนที่ถูกจับเป็นเธอล่ะ เขาจะยังตีสีหน้านิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรได้อยู่ไหมนะ
สึบารุยังคงฟังเสียงจากบ้านหลังข้างๆ ด้วยเครื่องดักฟังที่เขาขอดอกเตอร์อากาสะแอบเอาเข้าไปติดไว้ บทสนทนาทำให้รู้ว่าพวกเด็กๆ ทำอาหารกินกันที่บ้าน
“ว้าว แกงกะหรี่หม้อนี้น่ากินจังเลยนะ”
“ค่ะ มีขนาดนี้ล่ะก็คงให้เก็นตะคุงเติมได้หลายจานแน่” อายูมิตอบพลางคนแกงในหม้อ
“ใช้ได้แล้วล่ะ” ไฮบาระลองชิม “เหลือแค่ปิดฝาแล้วต้มไว้อีกสักพักก็พอ”
“ไหนๆ ก่อนจะทำอย่างนั้น ขอฉันชิมดูหน่อยซิ”
เด็กหญิงตบมือเพียะ ดุเสียงเข้ม “ฉันไม่ให้คนที่ตักข้าวมาเต็มจาน มาชิมแกงกะหรี่หรอกนะ”
สึบารุอมยิ้ม นึกขำกับความเข้มงวดเสมอต้นเสมอปลายของไฮบาระ ชายหนุ่มเดินไปที่หน้าต่าง ทุกอย่างดูปกติไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอย่างที่คิด หากเขาไม่สังเกตเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินมาแถวหน้าบ้านดอกเตอร์อากาสะ
‘นั่นมัน...มาสึมิไม่ใช่เหรอ’
สาวห้าวหยุดคุยกับเก็นตะและมิตสึฮิโกะที่เพิ่งกลับมาจากการซื้อขนม เธอขอบคุณพวกเด็กๆ ที่มีส่วนช่วยหาข้อมูลในวันที่สำนักงานนักสืบโมริถูกคนร้ายบุกยึด รวมทั้งคุโด้ ชินอิจิด้วย เด็กชายสองคนอึกอักเพราะไฮบาระย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเขาแค่กลับมาเอาของที่ลืมไว้ เลยแวะมาที่บ้านดอกเตอร์แล้วช่วยไขคดี
“แล้วตอนนี้ก็มีคนอยู่สินะ ฉันยังเห็นผ้าม่านไหวๆ อยู่เลย” เด็กสาวว่าพลางแหงนมองบนหน้าต่างชั้นสอง
“พี่ที่ชื่อสึบารุน่ะครับ” มิตสิฮิโกะอธิบาย เพราะอะพาร์ตเมนต์เก่าของเขาถูกไฟไหม้เลยมาขออาศัยอยู่ชั่วคราว
สึบารุแนบตัวชิดผ้าม่าน แอบดูสถานการณ์ด้วยความไม่ไว้วางใจ และแล้วก็เกิดเรื่องขึ้น ดูเหมือนว่าเก็นตะจะทำหม้อแกงกะหรี่หกกระจายจนโดนฝ่ามือพิฆาตของอายูมิตบ แถมด้วยคำดุด่าของไฮบาระที่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อของมาทำใหม่
“ก็นะ พวกฉันก็บอกว่าจะไปซื้อของให้เอง เธอเฝ้าบ้านไม่ต้องออกมาก็ได้ไงเล่า” โคนันเสนอ
“ถ้าให้พวกเธอไปซื้อเอง เดี๋ยวก็แอบไปซื้ออะไรงี่เง่ามาอีกใช่ไหมล่ะ!” เด็กหญิงตวาดลั่น
“คร้าบ...” เด็กชายสามคนหน้าจ๋อย รับคำแต่โดยดี
โคนันขอตัวแยกออกไปซื้อเนื้อจากร้านที่ลดราคา ส่วนไฮบาระกับอีกสองคนจะไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ เด็กหญิงเก็บผมใส่หมวกแก๊ปยามออกไปข้างนอก กันเอาไว้ก่อน เพราะช่วงนี้รู้สึกสังหรณ์แปลกๆ
ขณะที่พวกเด็กๆ กำลังจะเดินผ่านหัวมุมไป ที่รั้วหน้าบ้านทรงยุโรปปรากฏร่างของใครคนหนึ่งแอบสะกดรอยตามพวกเธออยู่ ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำตาลเบจจากบ้านหลังข้างๆ นั่นไง... สึบารุเดินตามไม่กี่ก้าวก็ต้องหันขวับ เพราะรู้สึกถึงรถน่าสงสัยขับผ่านไปทางบล็อกด้านหลัง
‘หือ รถคันนั้น’ แต่นั่นไม่สำคัญเท่าคนที่เขาต้องติดตามตอนนี้หรอก
โคนันที่เพิ่งซื้อเนื้อเสร็จ รู้จากมิตสึฮิโกะว่ามีรูปของไฮบาระอยู่ในวิดีโอ เพราะเซระเป็นคนบอกมา เด็กหญิงหน้าถอดสี พยายามโทรหาดอกเตอร์แต่ไม่มีคนรับสาย กลัวจับใจว่าจะเป็นคนขององค์กร
เด็กชายเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งกลับไป ตอนนั้นเองสึบารุซึ่งแอบสะกดรอยตามมาเห็นท่าทางรีบร้อนของโคนัน จึงรีบกลับบ้านมาฟังเสียงจากเครื่องดักฟังต่อ เพราะช่วงนี้ดอกเตอร์อากาสะเปิดบ้านให้คนหลายกลุ่มเข้ามาประมูลราคาแจกัน ชายหนุ่มเลยกังวลว่าจะมีคนไม่ดีแฝงตัวเข้ามาหรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
โคนันกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าดอกเตอร์อากาสะสลบอยู่ ส่วนอายูมิก็หายตัวไป และบนเลนส์แว่นตาของดอกเตอร์ในวิดีโอมีภาพไฮบาระสะท้อนอยู่จริง
“บางทีเป้าหมายที่แท้จริง...อาจจะเป็นไฮบาระก็ได้นะ” โคนันสรุปว่าอายูมิคงถูกคนร้ายจับไปเพราะสวมชุดเดียวกันกับที่ไฮบาระใส่ในวิดีโอ
“ฮึ้ย! ความผิดฉันเอง ถ้าฉันไม่เล่นฟุตบอลในบ้านล่ะก็ พวกเราคงไม่ต้องออกไปซื้อของกันแล้ว” เก็นตะโทษตัวเอง
“ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย เป็นเพราะฉันเองต่างหาก ฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ เพราะฉันไปพัวพันกับความเลวร้ายนั่น” ไฮบาระกำหมัด ตัวสั่น
“ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ” โคนันกระซิบกระซาบ “ถ้าพวกมันอยากรู้จริงๆ ล่ะก็ พาตัว ดร. ไปไม่ดีกว่าเหรอ”
สึบารุที่แอบฟังจากเครื่องดักฟังเห็นด้วย เพราะถ้าเป็นฝีมือขององค์กรจริง คงไม่มีทางทำอะไรเสี่ยงๆ อย่างลักพาตัวไป แถมยังเหลือหลักฐานไว้มากมาย คงวางแผนเข้ามาสืบแบบลับๆ รู้ตัวอีกทีทุกอย่างก็หายไปแล้ว ใช่...วิธีการของพวกมันน่ะ คือ ‘บุกเข้ามาเหมือนเงามืด และหายตัวไปเหมือนสายหมอก’
สุดท้ายก็เป็นแค่คดีลักพาตัวเพื่อช่วยตามหาแมว อายูมิได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย ซึ่งความจริงแล้วเป็นแผนอีกชั้นของลุงและป้าคู่หนึ่ง เพื่อปกปิดเรื่องการขโมยพรมเปอร์เซีย
หากจะมีคดีที่น่ากังวลเกิดขึ้นก็หลังจากนี้ เมื่อโคนันถูกคนร้ายลักพาตัวไป สึบารุที่แอบดักฟังอยู่รู้เข้า จึงรีบเสนอตัวช่วยเหลืออีกตามเคย ชายหนุ่มขับรถไล่ตามสัญญาณจากเข็มกลัดนักสืบ โดยมีดอกเตอร์อากาสะและไฮบาระนั่งไปด้วย
“แล้วก็...ขอเตือนเธอ เพื่อความปลอดภัยเอาไว้ก่อนเลย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเข้าใกล้รถคนร้ายแล้ว “ถ้าหากเจอเขาหรือเจอรถของเขา ก็อย่าเพิ่งลงมือทำอะไรลงไป เพราะมันอาจทำให้อันตรายต่อชีวิตเขาก็ได้นะ”
“แค่นั้นน่ะ ฉันรู้แล้วน่า ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะ” เด็กหญิงตอบอย่างไม่สบอารมณ์
ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม “นั่นสินะ” เพราะเธอไม่ใช่เด็ก...จริงๆ นั่นแหละ
ไฮบาระหน้าถอดสี หัวใจเต้นรัวเมื่อรู้สึกถึงความกดดันที่คุ้นเคย สึบารุเหลือบมองกระจกส่องหลัง เห็นสีหน้าตระหนกนั้น จึงพูดปลอบใจ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...ไม่ปล่อยให้หนีหรอก”
สึบารุเร่งเครื่องขึ้นไป สั่งดอกเตอร์อากาสะให้ช่วยประคองพวงมาลัย ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วพันเข็มขัดนิรภัยไว้กับแฮนด์ประตู เขาคิดจะหยิบปืนสั้นติดที่เก็บเสียงที่พกเผื่อเอาไว้ใต้กระเป๋าเสื้อสูท ออกมายิงยางรถคนร้ายให้หยุดวิ่ง แต่ก็มีรถ RX-7 สีขาว แซงหน้าขึ้นไปก่อน วินาทีที่รถผ่านไปทำให้เขาเห็นหน้าคนขับ
‘อะ นั่นมัน...เบอร์เบิ้น?’
สึบารุกลับมานั่งที่แล้วขับรถเลียบเข้าข้างทาง เพราะหากเป็นผู้ชายคนนั้นล่ะก็ คงจัดการได้โดยที่เขาไม่ต้องออกโรง ชายหนุ่มกดปุ่มหูฟังบลูทูธรับสายจากเจมส์
“เจอแล้วสินะ”
“ครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจอเธอที่นี่” ดูท่าว่ามาสึมิจะไม่ได้แค่บังเอิญกลับมาญี่ปุ่นเสียแล้ว แต่อาจเพราะรู้ข่าวของเขาเลยตั้งใจกลับมา
“แถมยังเจอ...เป้าหมายอีกด้วยครับ” ชายหนุ่มเหลือบมองกระจกด้านข้างคนขับซึ่งสะท้อนภาพของหนุ่มผมบลอนด์ยืนอยู่กลางถนน เพียงเท่านี้หมากทุกตัวก็ครบแล้ว และอีกไม่นานหมอนั่นก็คงเคลื่อนไหว
ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาดู หลังได้ยินเสียงกริ่งจากหน้าบ้านก็เห็นโคนันและไฮบาระยืนอยู่ เด็กสองคนอธิบายว่ากลับมาเอาของจนไปไม่ทันเที่ยวรถ เลยอยากขอให้เขาขับรถไปส่งที่ลานสกีให้หน่อย ทีแรกสึบารุคิดว่าเป็นความคิดของโคนัน แต่คนต้นคิดกลับเป็นไฮบาระไปเสียได้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ยอมตกลง
ทว่าขับออกไปได้ไม่ถึงครึ่งทางพวกเขาก็เจอกับหมวดทาคางิและคดีคนตกจากแมนชั่น โคนันที่สนอกสนใจคดีจึงตามหมวดทาคางิไป ปล่อยให้เขาและเธอยืนรออยู่ด้วยกันที่ลานจอดรถ
“เพราะงั้นคุณกลับไปได้แล้ว เพราะคุณไม่ต้องไปส่งพวกเราแล้ว” ไฮบาระไล่เขากลับด้วยท่าทางเฉยชา
“ไม่หรอก ฉันยังมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับคดีนี้อยู่น่ะ” ชายหนุ่มปฏิเสธ “นอกจากนั้น ฉันคงปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆ อย่างเธอไว้ที่นี่ไม่ได้หรอก บางทีฆาตกรอาจจะยังอยู่แถวๆ นี้ก็ได้นะ”
“ช่างเป็นอัศวินที่ใช้ไม่ได้เลย”
“ฮ่าๆๆ พูดแรงไปหน่อยมั้ง” สึบารุหัวเราะชอบใจ “แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอ ฉันก็จะทำนะ...องค์หญิง”
ชายหนุ่มเหลียวมองหน้าตาไร้อารมณ์ขององค์หญิงตัวน้อย พลางกระตุกยิ้ม
เย็นย่ำจนตะวันเกือบคล้อยลับฟ้า หลังสอบปากคำผู้ต้องสงสัยเสร็จ สึบารุและไฮบาระก็ย้ายมารอโคนันหน้ากรมตำรวจนครบาล
“ครั้งแรกเลยสินะที่อยู่กับคุณตามลำพังแบบนี้”
“จะว่าไปก็ใช่ล่ะนะ” เขาเองก็เพิ่งสังเกต “จะเฝ้าอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ถ้าจะรอเขาล่ะก็ เราไปนั่งรอในรถที่จอดไว้ในที่จอดรถดีกว่าไหมล่ะ”
“ถ้าอยากจะทำแบบนั้นก็บังคับพาฉันไปสิ”
“ผมไม่ทำเรื่องแย่ๆ แบบนั้นหรอกครับ”
‘ผมสัญญากับเธอคนนั้นเอาไว้แล้ว’ สึบารุคิดในใจพร้อมเผยรอยยิ้มบาง ถ้าหากตอนนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมามองสักนิด คงเห็นว่าแววตาของเขามีความเศร้าเจืออยู่
สึบารุขับรถพาไฮบาระกับโคนันมาที่แมนชั่นอีกครั้ง เพราะยอดนักสืบหากุญแจที่จะไขคดีเจอแล้ว เด็กชายร้องบอกจากฝั่งตรงข้ามว่าให้รอเดี๋ยว อีกสัก 30 นาทีก็เสร็จแล้ว
“เอ่อ...จะไม่เข้ามานั่งรอในรถจริงๆ เหรอครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ” เขาถามย้ำด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เด็กหญิงกอดอก ตอบกลับอย่างเฉยเมย “เด็กๆ เป็นลูกของลมนี่คะ”
ใช้เวลาอีกสักพัก คดีที่ค้างคาก็จบลงได้ด้วยฝีมือของโคนันและหมวดทาคางิ
“ดูเหมือนว่าคดีจะคลี่คลาย...” ท้ายประโยคค่อยลง เมื่อเด็กหญิงหันไปเห็นสารถีหนุ่มที่อุตส่าห์ขับรถพาพวกเธอไปไหนมาไหนตลอดทั้งวันกำลังกอดอกงีบหลับอยู่ในรถ แต่บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้ โอกาสที่เธอจะได้พิสูจน์ข้อสงสัยนั้น
‘เสียงเปิดประตู...จากด้านข้างคนขับ’ สึบารุเงี่ยหูฟัง ขณะยังคงทำท่านั่งหลับ ‘เธอสินะ ยอมสักหน่อยดีไหมนะ’
ชายหนุ่มปล่อยให้เด็กหญิงรุกล้ำ จนเธอถึงกับดึงผ้าพันคอของเขาออกมา ‘โห...’
สึบารุลองเดิมพันกับใจตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พร้อมให้เธอรู้ความลับตอนนี้ ‘เอาล่ะ พอแค่นี้’
“อ๊ะ!”
ไฮบาระผงะเฮือก ใจหายวาบเมื่อถูกเจ้าของผ้าพันคอจับมือไว้อย่างรวดเร็ว... ขณะนั้นเองโคนันที่กำลังข้ามถนนมาก็เห็นเข้า ‘ให้ตายสิ ยัยไฮบาระ ทำอะไรน่ะ’
เด็กหญิงนิ่งงัน คิดหาข้อแก้ตัวไม่ออก เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเอง
“จากตรงนี้เป็นต้นไป มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช่พื้นที่ของเธอ”
ชายหนุ่มสบสายตาเธอนิ่ง บางทีเขาอาจจะแรงไปหน่อย แต่นั่นเพราะเขายังไม่พร้อมที่จะแบกรับความรู้สึกนั้นจริงๆ
สึบารุปล่อยมือไฮบาระ แล้วจัดผ้าพันคอที่ถูกดึงออกเข้าที่เดิม ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องด้วยรอยยิ้มอย่างเคย “ผู้ใหญ่น่ะขี้หนาว ไม่ใช่ลูกพระพายนะ”
“ทำอะไรกันน่ะทั้งสองคน” เสียงของโคนันที่ทักขึ้นมาเรียกสึบารุให้หันไปมอง ท่าทางแบบนั้นคงรู้สินะ “เปิดประตูทิ้งไว้ทำไม”
“อ๋อ ไม่มีอะไรนี่” ชายหนุ่มปฏิเสธ โคนันจึงแก้สถานการณ์ชวนกลับอย่างเนียนๆ
อาทิตย์คล้อยลับฟ้าไปแล้ว แต่สึบารุยังคงรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาจากเบาะหลัง จนกระทั่งเธอเบือนสายตาออกไป เขาจึงแอบมองจากกระจกส่องหลังบ้าง
‘ใช่จริงๆ ด้วยสินะ ทุกคำพูดที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อ...ทดสอบเรา’
แล้ววันหนึ่งปริศนาที่อากาอิคาใจมานานก็ประจักษ์ เมื่อเขารู้ว่าเด็กแว่นคนนั้น คือคนคนเดียวกันกับ ‘คุโด้ ชินอิจิ’
วันนั้นเซระ รัน และโซโนโกะมาที่บ้านคุโด้ เล่นเอาชายหนุ่มใจหายวาบ เขาเพิ่งลงมือปลอมตัวแต่ยังไม่เสร็จ เพราะยังไม่ได้ใส่โชกเกอร์ที่คอ สึบารุได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาใกล้ห้องน้ำ จึงรีบแสร้งทำเป็นกำลังแปรงฟัน จนเอาตัวรอดมาได้
สรุปว่าสามสาวไปเจอคดีที่คล้ายกับคดีแช่เย็นที่ คุโด้ ยูซากุ ไขไม่ออก ทำให้ความสงสัยเรื่องคินอิจิที่รันเคยบอกได้รับการแก้ไขว่า ชินอิจิขอไม่ให้บอกเรื่องที่เขาเป็นยอดนักสืบมอปลาย
“อ๋อ ถ้าคุณจะโทรหาเขาล่ะก็ ฝากคำพูดของผมด้วยได้ไหมครับ”
รันรอสายจากชินอิจิอย่างใจจดใจจ่อ หลังเซระแนะนำว่าให้โทรไปเล่าคดีให้ชินอิจิฟัง ส่วนโซโนโกะก็ยุยงให้รันตอบรับคำสารภาพของชินอิจิไปซะ
“คือว่า...ระ เรื่องคุณสึบารุน่ะ” เด็กสาวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาฉับพลัน “เอ่อ คุณสึบารุพูดว่าชินอิจิเหมือนนินจาคิริงาคุเระไซโซเลยน่ะ เขาอยากให้เธอบอกแบบนั้น”
‘คิริงาคุเระไซโซ’ โคนันที่แอบออกมาโทรศัพท์คิดตาม
“แบบนี้นี่เอง ฉันรู้แล้วล่ะ ความจริงของคดีนี้น่ะ” เด็กชายรีบร้อนวิ่งออกไปทั้งที่ยังใช้เสียงของ คุโด้ ชินอิจิ อยู่ โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าในมุมมืดของผนังอีกด้าน มีเงาของใครบางคนกำลังแอบฟัง เงาของคนที่เพิ่งบอกใบ้ให้เขาเมื่อกี้ไงล่ะ
สึบารุกระตุกยิ้ม ‘เข้าใจล่ะ แบบนี้นี่เอง’
โคนันโผล่พรวดเข้าไปบอกสามสาว อ้างว่าชินอิจิส่งอีเมลมาให้ แต่ดูจะรีบร้อนเกินเหตุจนลืมถอดเครื่องเปลี่ยนเสียงออกจากมือถือ จนเซระทัก เลยได้แต่แก้ตัวข้างๆ คูๆ
“ยังไงก็ตาม ถ้าจะไปพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของเขาในที่เกิดเหตุล่ะก็ ก็น่าจะลองไปดูนะครับ” สึบารุซึ่งโผล่เข้ามาอีกคน ทำเอาโคนันเหลียวมองอย่างรู้สึกเสียวสันหลัง
“ใช่ไหมล่ะ นักสืบมอปลาย...คุโด้ ชินอิจิคุง” โคนันเหงื่อตก หน้าถอดสี เมื่อเห็นรอยยิ้มยิงฟันของสึบารุ
“ก็เขาพูดแบบนั้นนี่นา” ถึงอีกฝ่ายจะทำทีพูดกลบเกลื่อนไป แต่รอยยิ้มเยาะนั่นเป็นการบอกว่า
‘รู้แล้วนะ...ความลับของเธอน่ะ’
คิดทีไรก็อดขำไม่ได้ ทีแรกอากาอิคิดว่าคงเป็นแค่เด็กที่ฉลาดเกินวัย และบังเอิญหน้าตาคล้ายกันกับเด็กชายที่เคยเจอกันเมื่อ 10 ปีก่อน แต่พอเห็นกับตาว่าชิโฮะกลายเป็นไฮบาระ ข้อสันนิษฐานนี้จึงถูกตั้งขึ้นมาได้ไม่ยาก
‘โลกนี้ยังมีอะไรแปลกๆ อีกมากมายจริงๆ’
หลังจากนั้นไม่นาน สึบารุก็ต้องทำหน้าที่อัศวินอีกครั้งเมื่อเบอร์เบิ้นเริ่มเคลื่อนไหว คืนนั้นที่ชายหนุ่มแอบเข้าไปในสำนักงานนักสืบโมริ เป็นเขาเองแหละที่แฮ็กเข้าไปลบวิดีโอของเธอ และอีกแค่ไม่กี่วันเขาก็ต้องออกโรง
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องโดยสารออกมาเจอเบอร์เบิ้นเข้าพอดี หลังจากนั้นเขาก็แฮ็กเข้าไปในมือถือของไฮบาระและเจออีเมลของเบลม็อท จึงฝากให้ยูกิโกะจัดการขวางเบลม็อท ส่วนเขาจะไปรับตัวเธอเอง
ทว่าเธอกลับไม่ยอม แถมยังวิ่งหนีเขาอีกต่างหาก ชายหนุ่มยิ้มเยาะ ‘ให้ตายสิ เป็นผู้หญิงที่...รับมือยากจริงๆ’
หรือเพราะเป็นเขานี่แหละ เธอถึงไม่ยอม บางทีอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไรที่ให้เขาไปรับตัวเธอแบบนั้น สึบารุจึงส่งอีเมลบอกให้ยูกิโกะช่วยจัดการแทน
“ไฮ!” หญิงสวมหมวกปีกกว้างทักทายด้วยน้ำเสียงเริงร่า ทำเอาไฮบาระที่โผล่เข้าไปในห้องบีตู้เจ็ดงงงัน
‘ชูจังคิดถูกจริงด้วยแฮะ’ การที่ให้เธอมาดักรอที่ห้องนี้ เพราะไฮบาระต้องมาที่นี่แน่ ถูกต้องอย่างที่สึบารุบอก
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ เดี๋ยวที่เหลือเราจัดการเอง อ้อ เดี๋ยวชินจังจะมาหาเธอนะ” ยูกิโกะพูดยิ้มๆ ก่อนออกไปขัดขวางเบลม็อทตามแผนที่โคนันวางไว้
สึบารุไปพาตัวเซระที่สลบอยู่ออกมา แล้วออกตามหาเชอร์รี่ที่ได้จอมโจรคิดช่วยปลอมตัวแทนให้เพื่อคอยสนับสนุน ชายหนุ่มจับตาอยู่ตลอด หาจังหวะโยนระเบิดมือ ช่วยให้จอมโจรคิดหนีไป หลังจากนั้นก็กลับไปดูที่ห้องบีตู้เจ็ดอีกครั้ง
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มบาง มองเด็กหญิงที่เหนื่อยจนหลับไป จึงเอาหมวกที่สวมอยู่ใส่ให้เธอ เขาอุ้มไฮบาระออกมาจากตู้โดยสาร ระหว่างทางก็เจอเข้ากับดอกเตอร์อากาสะพอดี
“สึบารุคุง?”
“ปลอดภัยดีครับ” ชายหนุ่มส่งตัวไฮบาระให้ดอกเตอร์ ก่อนจะแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากพลางขยิบตา “แล้วก็...อย่าบอกเรื่องนี้นะครับ”
เรื่องที่ว่าเขาทำอะไรไปตั้งมากมายแถมยังแตะเนื้อต้องตัวเธออีก หากเธอรู้เข้าล่ะก็คงได้วีนแตกไปสามวันแปดวันแน่
สึบารุมองตามหลังอีกาสองตัวที่แยกกันไป ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นดันแว่นแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก ใต้เลนส์โปร่งใสที่ประกายวับ ปรากฏนัยน์ตาที่แท้จริงของเขา นัยน์ตาสีเขียวมะกอกดุจพลอยเพริดอตของชายผู้โกงความตายจากเหล่ายมทูต!
อากาอิถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด หากเขาไม่ใช่สึบารุ คงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าใกล้เธอ เขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ‘บางครั้งหน้ากากไม่ได้มีไว้เพื่อปกปิดตัวตน แต่มีไว้เพื่อแสดงตัวตน’
หากว่าหน้ากากนี้สามารถคงอยู่ตลอดไปได้...ก็คงจะดีไม่น้อย
ความคิดเห็น