คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : แผนการอันแยบยล
Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้
Parinuttha
ตอนที่ 11 แผนการอันแยบยล
อากาอิกลับไปหยิบโน้ตบุ๊กจากห้องนอนแล้วเอากลับมาเปิดที่ห้องหนังสือ เขาอ่านทวนไฟล์รายงานภารกิจที่ผ่านมาซ้ำๆ แทบทุกคดีที่เอฟบีไอทำตั้งแต่เขามาญี่ปุ่น มักมีเด็กชายสวมแว่นที่ชื่อโคนันเกี่ยวข้องด้วยเสมอ อย่างคดีนั้น...
หลังจากเบลม็อทหยุดล่าเชอร์รี่ไป แม้ว่าเขาจะไม่รู้เหตุผล แต่ความสงบสุขก็คงอยู่ไปอีกพักใหญ่ จนกระทั่งมีเรื่องต้องสานต่อ นั่นคือเรื่องของ ‘มิตสึนาชิ เรย์นะ’
ผู้ประกาศข่าวคนดังถูกสงสัยว่าอาจเป็นสมาชิกขององค์กร เพราะช่วงที่เบลม็อทปลอมตัวเป็นหมออาราอิเดะ ผู้หญิงคนนั้นเข้าออกคลินิกบ่อยมาก เอฟบีไอจึงตามสืบกันอยู่ แต่ตอนที่กำลังจะเลิกสืบนั้นเอง โจดี้ก็เห็นโคนันวิ่งหน้าตั้งอยู่บนทางเท้า เลยตามไปดู และได้รู้ว่าเธอคือสมาชิกคนหนึ่งที่มีโค้ดเนมว่า คีร์
“งั้นเหรอ”
ชายหนุ่มตอบรับสั้นๆ เพียงคำเดียว หลังโจดี้โทรมาเล่าเรื่องเครื่องดักฟังของโคนันที่ติดไปกับรองเท้าของคีร์ และการออกล่าครั้งใหญ่ขององค์กร
“ว่าแต่ ชู...”
อากาอิกดตัดสายไปเฉยๆ เขาจุดบุหรี่สูบ พลางคิดในใจ ‘ไม่จำเป็นต้องไล่ตามหรอก แค่ไปดักหน้าก็พอแล้ว’
เอฟบีไอหนุ่มเตรียมไรเฟิลกระบอกโปรดและปืนสั้นจำนวนหนึ่ง ใส่ลงไปในซอฟต์เคสของกีตาร์ แล้วสะพายใส่หลัง ไปรอยังจุดชมวิวดีๆ ที่เหมาะสำหรับการล่าฝูงอีกา
“ฆ่ามัน พร้อมกับเจ้าเด็กคนนั้นเลย” ยินสั่งเคียนติกับกอร์นอย่างหัวเสีย เมื่อนักสืบโมริที่เขาคิดว่ากำลังดักฟังพวกตนอยู่ แค่กำลังฟังม้าแข่งเท่านั้น
“โทษฐานที่มันทำตัวน่าสงสัยใช่ไหมครับ” ว็อดก้าแสยะยิ้มอย่างสะใจ
“เดี๋ยวก่อนสิ หลักฐานก็ไม่มีสักหน่อย ถ้าหากเราฆ่าคนที่สนิทกับตำรวจอย่างเขาล่ะก็...” เบลม็อทพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อยินชักปืนออกมาจ่อคอเธอ
“พูดมากจริงนะ เบลม็อท” ชายผมเงินไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว “หรือว่าเธอมีอะไรกับนักสืบคนนั้น”
“ตายจริง ถ้ามีแล้วจะทำไม” หญิงผมบลอนด์กอดอกอย่างไม่เกรงกลัว
“เหอะ ช่างเถอะ” ยินกระตุกยิ้มแล้วลดปืนลง ก่อนจะหยิบเครื่องดักฟังที่ฝังอยู่ในหมากฝรั่งออกมา “เพราะคนที่ติดเจ้านี่ไว้ มันเซ่อซ่า ทิ้งลายนิ้วมือตัวเองไว้นี่ หลังจากฆ่าเจ้านักสืบแล้ว ก็แค่ตรวจสอบคนรอบๆ ตัวมัน เราจะต้องรู้แน่ว่าเป็นฝีมือใคร”
ฟิ้ว!
ยินชะงักอึ้ง เมื่อจู่ๆ ก้อนหมากฝรั่งที่เขาใช้นิ้วคีบเอาไว้ก็แตกสลายไปคามือ
“ข้างหลัง ทางทิศแปดนาฬิกา” กอร์นร้องบอกพรรคพวก
“มาจากตึกนั่น” เคียนติที่ใช้ลำกล้องปืนไรเฟิลส่องดูบอก
“บ้าน่า ก็มันห่างตั้ง 700 หลา” ว็อดก้าหน้าถอดสี ไม่คิดว่าจะมีสไนเปอร์คนไหนยิงได้ไกลขนาดนี้
“เอามาซิ” ยินคว้าไรเฟิลของกอร์นมาส่องเลนส์ตรงลำกล้องดูก็พบใบหน้าของศัตรูคู่แค้น “อากาอิ ชูอิจิ”
‘ในที่สุดก็พบจนได้ เจ้าศัตรู ศัตรูคู่อาฆาต...ที่รักของฉัน’
เอฟบีไอหนุ่มกระตุกยิ้มพอใจ ก่อนลั่นไกนัดต่อไป กระสุนไรเฟิลความเร็วสูงเจาะทะลุเลนส์กล้องไรเฟิลของอีกฝ่ายแล้วเฉี่ยวเข้าตรงโหนกแก้มซ้ายของยิน เขายังคงยิงซ้ำใส่เสื้อเกราะกันกระสุนของมันอีกสองสามนัด กอร์นและเคียนติพยายามยิงโต้กลับจากอีกฟาก แต่เพียงฝังหัวกระสุนไรเฟิลได้แค่ขอบตึกเท่านั้น
‘อย่างนี้นี่เอง’
ยินแสยะยิ้ม เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว จึงรีบสั่งพรรคพวกให้ถอยกันก่อน เพราะถ้าอากาอิคิดจะเก็บพวกเขาจริงๆ จากระยะแค่นี้ กระสุนเงิน ไม่มีทางพลาดแน่ ถึงจะเจ็บใจแต่ยินก็ยอมรับว่าฝีมือด้านสไนเปอร์ของเขาเป็นของจริง
เพราะอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ล้มทำให้เอฟบีไอได้ตัวคีร์มา ที่เหลือก็แค่รอให้เธอได้สติ จนถึงตอนนั้นพวกเขาคงได้ข้อมูลขององค์กรเพิ่ม
“แต่ว่าจู่ๆ ผู้ประกาศข่าวหายตัวไปแบบนี้ ทางสถานีคงไม่อยู่เฉยแน่” เจมส์คิดไม่ตก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เด็กคนนั้นต้องแก้ปัญหาให้พวกเราได้แน่” โจดี้แหวกม่าน มองออกไปนอกหน้าต่างข้างล่าง ซึ่งมีโคนันกำลังใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงรูปหูกระต่ายปลอมเป็นมิตสึนาชิ เรย์นะ หาข้ออ้างขอลาพักร้อนอยู่
“เจ้าหนูนั่นอีกแล้ว เป็นใครกันนะ” อากาอิติดใจเด็กชายที่มักเกี่ยวข้องกับคดีทุกครั้ง
“เป็นนักสืบ...นักสืบคนโปรดของฉันด้วยนะ” โจดี้มองนักสืบตัวน้อยอย่างชื่นชม
แต่คดีที่ใหญ่ที่สุด ที่ทำให้เขายอมรับความสามารถของเด็กคนนั้น เห็นจะเป็นคดีนี้...
โคนันได้รู้ความจริงจากเจมส์และโจดี้ว่า อากาอิมีความแค้นฝังใจกับองค์กรชุดดำเป็นพิเศษ เพราะแฟนของเขาที่อยากออกจากองค์กรถูกฆ่าตาย ดูเหมือนว่าอากาอิจะรู้จักกับน้องสาวของแฟนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญขององค์กร จึงใช้สายสัมพันธ์รอบตัวเธอแฝงตัวเข้าไป
อากาอิเคยใช้ชื่อปลอมว่า ‘โมโรโบชิ ได’ แฝงตัวอยู่ในองค์กรนาน 3 ปี ตั้งแต่ 5 ปีก่อน จนถึง 2 ปีก่อน แรกๆ ไม่ทำตัวโดดเด่น แต่ค่อยๆ ขึ้นไปอยู่แถวหน้าจนได้รับโค้ดเนมว่า ไรย์ และได้ร่วมงานกับคนสำคัญขององค์กรอย่างยิน
วันสุดท้ายที่อยู่ในองค์กร อากาอิทำแผนล่อจับยินแต่พลาด พอถูกจับได้ว่าเป็นเอฟบีไอ เลยไม่ติดต่อเธอไปอีก แต่หลังจากนั้น 2 ปี ก่อนที่แฟนของเขาจะต้องทำการปล้นเงินพันล้าน ก็ได้ส่งข้อความมาบอกอากาอิ เพราะแบบนั้นเอฟบีไอถึงได้รู้เรื่องนี้อย่างละเอียด แต่เธอก็ถูกเก็บอยู่ดี เพราะถือว่าเป็นคนที่นำเอฟบีไอเข้ามาและอาจจะติดต่อกันได้อีก
ซึ่งแฟนของอากาอิก็คือ ‘มิยาโนะ อาเคมิ’ พี่สาวของไฮบาระ
ชายหนุ่มเดินอยู่ท่ามกลางทางเดินมืดสลัว ในหัวนึกย้อนถึงอดีต ตอนที่เขาหลอกใช้อาเคมิเพื่อหาทางแฝงตัวเข้าไปในองค์กร วันนั้นเขาเดินอยู่ริมถนน รอจังหวะให้รถของเธอขับผ่านและเดินตัดหน้า
อากาอิรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีที่โรงพยาบาล โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ขอโทษนะคะ เพราะฉันไม่ระวัง”
“ไม่หรอก ผมเองก็เหม่อลอยเหมือนกัน”
“ปวดหัวหรือเปล่าคะ เจ็บตรงไหนบ้างคะ” เธอถามอย่างกังวล
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“โล่งอกไปที จะตามคุณหมอให้นะคะ” หญิงสาวลุกออกไป แต่ก็ต้องหันกลับมาเมื่อเขาเอ่ยถาม
“เอ่อ คุณน่ะ ชื่ออะไรเหรอ”
“มิยาโนะ อาเคมิค่ะ” เธอแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มที่สดใสเหมือนความหมายของชื่อ
“ผมชื่อ โมโรโบชิ ได ...ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกันค่ะ” อาเคมิเลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อยกับแววตาที่ดูหม่นเศร้าของเขา
อากาอิเหม่อมองพระจันทร์บนดาดฟ้าของโรงพยาบาลไฮโดด้วยความหนักใจ พอๆ กับตอนที่เขาหลอกเธอคราวนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะทำอย่างที่เคยพูดไว้ไม่ได้จริงๆ ซะแล้ว เพราะทุกครั้งที่ไต่บันไดขึ้นไปก็มีแต่ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะกับคนดีๆ อย่างอาเคมิ
ชายหนุ่มหยิบมือถือออกมาเปิดดูอีเมลสำคัญครั้งแล้วครั้งเล่า
‘ไดคุง ถ้าครั้งนี้ฉันสามารถออกมาจากองค์กรได้ คราวนี้จะยอม...คบเป็นแฟนฉันจริงๆ ได้หรือเปล่า’
อากาอิมองอักษร ‘ป.ล.’ อันเป็นใจความสำคัญที่แท้จริงด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง
“พี่ครับ” เขาชำเลืองมองโคนันที่เปิดประตูออกมาพอดี “มาคุยกันหน่อยได้ไหมครับ”
“ถ้าเป็นแผนรับมือพวกมันล่ะก็ ฉันกำลังคิดอยู่นะ” ชายหนุ่มเก็บมือถือ
“แต่ว่านะ พอเห็นคุณอากาอิแล้ว ก็คิดขึ้นมาว่า บางทีคุณอาจกำลังคิดเหมือนกับผมอยู่ก็ได้นะครับ จริงไหมล่ะ หา?” เด็กชายถามลองเชิงพร้อมรอยยิ้ม
“อะ อ๋อ...”
เอฟบีไอหนุ่มและเด็กชายสวมแว่นเดินอยู่ท่ามกลางทางเดินมืดสลัวของโรงพยาบาล แผนการอันแยบยลที่นักสืบตัวน้อยเสนอมาทำเอาอากาอิรู้สึกทึ่ง
“แล้วนี่ จะเอายังไงล่ะครับ คุณอากาอิ การเดิมพันที่ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย” โคนันถามย้ำให้แน่ใจ “จะลองเสี่ยงดูไหมล่ะครับ”
“แน่นอน เพราะฉันมีเหตุผลที่ต้องเสี่ยงไงล่ะ”
ก่อนต้องเริ่มประชุมวางแผนขนย้ายคีร์กับเอฟบีไอ โคนันก็เข้ามาเตรียมแผนการลับกับอากาอิตั้งแต่เนิ่นๆ
“ก่อนอื่นเราต้องเล่นละครสักหน่อยแล้วล่ะครับ”
“เริ่มจาก...นี่เลยไหมครับ” ชายหนุ่มมองขวดน้ำยาเคลือบเล็บที่เด็กชายยื่นให้ แล้วกระตุกยิ้มชอบใจ
“นี่ ชู ผู้ชายคนที่เห็นเมื่อกี้เคยเห็นที่ไหนมาก่อนไหม เขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่เพิ่งเจ้ามาใหม่น่ะ” โจดี้ถามถึงเจ้าหน้าที่คาเมล หลังจากเอฟบีไอคนที่เหลือออกไปจากห้องกันหมดแล้ว
“อ๋อ ไม่รู้สินะ ฉันจำหน้าลูกน้องไม่ค่อยได้ แต่ถ้าเป็นศัตรูล่ะก็...ไม่เคยลืม”
“ไม่แปลกหรอกที่เธอจะคุ้นหน้าเขา เพราะเขาเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเหมือนกัน” เจมส์บอก
“ค่ะ แต่ว่าพอเห็นเขาแล้ว ฉันรู้สึกไม่ค่อยดียังไงก็ไม่รู้น่ะค่ะ”
อากาอิฟังผ่านๆ ขณะเอื้อมมือหยิบกาแฟกระป๋องออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต แต่เพราะทายาเคลือบเล็บไว้ที่ปลายนิ้ว ทำให้มือลื่นจนกระป๋องหล่นกระทบพื้น
“อะ”
“นี่คุณ เป็นยังไงบ้าง” โจดี้ยื่นหน้าเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงเสียใกล้ จนเขาต้องเบี่ยงหลบ “แทบไม่ได้นอนเลยสินะ ดูสิ ขอบตาคล้ำหมดเลย”
‘หึย ไอ้นั่นน่ะ มีมานานแล้วล่ะมั้ง’ โคนันแอบคิดในใจ
“อา...ถ้าอย่างนั้นฉันขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยละกันนะ” ชายหนุ่มว่าแล้วเปิดประตูเดินออกไป
“ฉันว่าชูฝังใจกับคนรักเก่าที่ถูกฆ่าตายมากเกินไปแล้ว” โจดี้กังวล
“ไม่หรอก สำหรับเขาแล้วน่ะ มีความฝังใจแบบนั้นแหละดีแล้ว” เจมส์เห็นต่าง “อากาอิคุงที่เคยอยู่กับองค์กรน่ะ ถึงจะรู้วิธีการของพวกมัน สำหรับพวกมันแล้วเขาคือศัตรูตัวฉกาจ แต่ว่าสำหรับพวกเราเอฟบีไอแล้ว เขาเป็นไพ่ตายเชียวนะ”
อากาอิมองมือตัวเองที่ทายาเคลือบไว้ มันก็กันลายนิ้วมือติดได้ดีอยู่หรอก แต่หยิบจับอะไรก็ลื่นไปหมดแบบนี้ ความจะแตกซะก่อนล่ะมั้ง บางทีก็แอบนึกภาวนาให้พวกมันลงมือเร็วๆ พวกเขาจะได้เริ่มแผนการลับกันเสียที
ไม่นานความปรารถนาของอากาอิก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อพวกองค์กรรู้แล้วว่าคีร์อยู่ห้องไหน ตามที่เขาและเจ้าหนูนักสืบคาดเอาไว้ เพียงแต่วิธีการส่งระเบิดพร้อมเครื่องส่งสัญญาณมากับของเยี่ยมแบบนี้ ออกจะเหนือจากที่คิดไปสักหน่อย
“นี่ ใช้รถเต่าของคุณลุงที่ผมรู้จักพาเขาไปดีไหมครับ” โคนันเสนอ “เพราะว่าตรงเบาะหลังก็ให้นอนได้ พวกคนไม่ดีนั่นต้องคิดว่าเราขนย้ายด้วยรถคันใหญ่ๆ ที่บรรทุกเตียงเข็นได้ ผมว่าพวกมันจะต้องไม่รู้แน่เลยครับ”
เด็กชายล้วงมือถือออกมากะจะโทรเรียกให้ แต่อากาอิก็เอื้อมมือขวาไปชิงมาซะก่อน
“ถึงจะเป็นเธอก็เถอะนะ แต่ว่าเราคงทำตามไม่ได้หรอก นี่มันเป็นงานของเอฟบีไออย่างพวกเรานะ” ชายหนุ่มส่งมือถือคืนให้โคนัน “พวกเราจะให้คนทั่วไปเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้”
“ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”
โคนันมองมือถือแล้วคิดในใจ ‘เยี่ยมมากคุณอากาอิ ทีนี้ลายนิ้วมือก็...’
หลังจากนั้นแผนการส่งตัวคีร์คืนให้องค์กรก็สำเร็จไปได้ด้วยฝีมือการดริฟรถขั้นสุดยอด และการแสดงบทบาทของเจ้าหน้าที่คาเมล
อากาอินึกถึงเมื่อคืนที่โคนันมาเสนอแผนการอันแยบยลให้ฟัง หลังจากรอเจ้าชายมาปลุกเจ้าหญิงนิทรา ก็ถึงคราวขอความร่วมมือจากคีร์ซึ่งความจริงแล้วเป็นสายลับของซีไอเอ
“แล้วจะเอายังไงต่อ องค์กรจะมาชิงตัวฉันกลับไปอีกใช่ไหม”
“ใช่ ก็เลยมีข้อเสนออะนะ”
“อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันกลับเข้าไปอยู่กับองค์กรอีกครั้งหนึ่งน่ะ” แค่เห็นสีหน้าของเขา คีร์ก็เดาได้ไม่ยาก
ในฐานะสายลับ คีร์รู้ว่างานนี้มันเสี่ยงมาก จึงยื่นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนให้เอฟบีไอรับน้องชายของเธอ ฮอนโด เอสึเกะ เข้าโปรแกรมพิทักษ์พยาน
“แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะยึดงานของพ่อ ของ CIA เป็นหลักก่อน ถ้ามีเรื่องที่ต้องทำให้ทางคุณเสียผลประโยชน์ล่ะก็ ต้องขอโทษด้วย” คีร์พูดดักคอ
“อา ฉันก็จะบอกให้เธอทำแบบนั้นอยู่เหมือนกันนั่นแหละ” เอฟบีไอหนุ่มกระตุกยิ้ม ก่อนหันไปมองโคนัน “ใช่ไหม เจ้าหนู”
ชายหนุ่มอธิบายแผนการทั้งหมดให้คีร์ฟัง ทำเอาสายลับสาวต้องทึ่ง แต่ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะทุกคนในองค์กร แม้แต่ท่านผู้นั้นเองก็ยังรู้ถึงความสามารถของเขา
“สมแล้วล่ะที่คุณเป็นกระสุนเงิน เป็นไพ่ตายที่บอสยังกลัวน่ะ”
“เปล่าหรอก นี่ไม่ใช่แผนการของฉันทั้งหมด” อากาอิไม่ได้ถ่อมตัวเลย แต่เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ “คนที่ควรได้รับคำชมน่ะ คือเจ้าหนูต่างหาก”
“ไม่หรอกครับ ผมกับคุณอากาอิก็แค่บังเอิญคิดเหมือนกันเท่านั้นเอง”
ไฮบาระรู้เรื่องจากโคนันถึงแผนการที่เขาส่งตัวมิตสึนาชิ เรย์นะ หรือคีร์ กลับคืนไปในองค์กรได้แล้ว แต่สิ่งที่เธอติดใจไม่ใช่ความฉลาดล้ำลึกของเขา แต่เป็นใครอีกคนหนึ่ง
“คนที่ชื่ออากาอินั่น ฉันอยากเจอสักครั้งจัง”
“เอ๊ะ ทำไมเหรอ” เด็กชายตกใจที่จู่ๆ เธอก็อยากเจออากาอิ
“ถึงแม้ว่าจะโตแล้ว แต่นายก็ยังอยู่ในสภาพเด็ก ป.1 เอฟบีไอที่ยอมรับฟังความคิดเห็นของเด็กแบบนั้นน่ะ น่าสนใจเหมือนกันนะ” เด็กหญิงพูดตามความรู้สึก
“อะ เอ่อ...”
“อะไร? มีเหตุผลที่ไม่อยากให้ฉันเจอเขาหรือเปล่า” โคนันนับถือกับเซนส์สัมผัสของไฮบาระจริงๆ
“ปะ เปล่าหรอก” เด็กชายปฏิเสธแล้วคิดในใจ
‘ใครจะกล้าพูดออกไปเล่า ว่าเขาไปตีสนิทคบกับพี่ของเธอ เพื่อจะต้องการแฝงตัวเข้าไปในองค์กร สุดท้ายแล้วก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่สาวของเธอต้องตาย... ต้องเคยเจอหน้ากันมาก่อนแน่ๆ เลยล่ะ’
“นี่ หรือว่า คนคนนั้น...” คำเอ่ยของไฮบาระทำเอาโคนันใจหายวาบ “คนคนนั้นคงไม่ใช่พวกโรคจิตที่ชอบเด็กๆ หรอกนะ”
“พูดบ้าๆ น่า” แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็โล่งใจที่เธอไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรต่อ
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ต้องไปข้องเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมประธานบริษัทที่มีนัดพบกับดาราชาวต่างชาติหน้าใหม่ที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ ซึ่งมีผู้ต้องสงสัยสี่คน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นเจ้าหน้าที่คาเมล โคนันเห็นท่าไม่ดี เลยจำเป็นต้องโทรบอกโจดี้
“หา...คาเมลตกเป็นหนึ่งผู้ต้องสัยคดีฆาตกรรมเหรอ” หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อหูกับเหตุผลนั้น “ออกกำลังกายที่บันไดโรงแรมเหรอ”
อากาอิกระตุกยิ้ม นึกขำ “หึ คนบ้าพลังอย่างเขาก็เป็นแบบนี้นี่แหละ...สองปีก่อนก็เคยทำมาแล้ว”
“จริงด้วยสินะ เขาน่ะ เมื่อสองปีก่อน เขาเคยมาญี่ปุ่นครั้งหนึ่ง มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ” โจดี้สงสัย
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” อากาอิปฏิเสธ “ที่สำคัญตอนนี้ รีบๆ ไปช่วยเขาเร็วๆ เข้าเถอะ”
“อ้อ โจดี้ ระวังตัวด้วยนะ” ชายหนุ่มทักขึ้นตอนที่โจดี้กำลังจะเปิดประตูออกไป “เพราะวันนี้ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”
“อ๋อ เพราะมันเป็นวันศุกร์ที่ 13 ใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ “แต่ฉันน่ะ ไม่สนใจเรื่องพรรค์นี้หรอกนะ”
“งั้นเหรอ น่าเสียดายนะ” ชายหนุ่มตอบราบเรียบ แล้วมองลอดม่านหน้าต่างออกไปข้างนอก...อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง
อากาอินั่งกอดอกอยู่ในรถ เขาหลับตาลงขณะคิดถึงอาเคมิ ตอนที่นัดเจอเธอที่สวนสาธารณะเพื่อบอกความจริงว่าเขาเป็นเอฟบีไอ
“เอฟบีไอเหรอ ไดคุงน่ะเหรอ”
“ใช่ พรุ่งนี้...ฉันจะไปปิดบัญชีทุกอย่าง”
“ฮะๆๆ บ้าจังเลย ถ้าจะโกหกก็โกหกให้มันเนียนหน่อยสิ แบบนั้นน่ะ ไม่ตกใจหรอกนะ” หญิงสาวหัวเราะทั้งน้ำตา ปฏิกิริยานั้นทำเอาหัวใจของชายหนุ่มกระตุกวาบ พรวดพราดเข้าไปจับไหล่เธอ
“นี่เธอ รู้อยู่แล้วเหรอ” เขาถามอย่างร้อนรน “ถ้ารู้แล้ว ทำไมถึงไม่ไปจากฉันล่ะ ฉันหลอกใช้เธออยู่นะ”
“ไม่ต้องบอก ก็น่าจะรู้นี่”
ชายหนุ่มหลับตานิ่งยามนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวด คล้ายว่าเขาจะได้ยินเสียงเรียกเข้าของมือถือแว่วมาจากที่ไหนไกลๆ ก่อนจะได้ยินเสียงร้องเรียกที่ทำให้ตื่นจากภวังค์ความคิด
“อากาอิคุง!” เจมส์ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “โทรศัพท์ดังตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ”
“อ๋อ ขอโทษด้วยนะครับ” ชายหนุ่มกดรับสาย
ซึ่งเป็นสายจากคนที่เขากำลังรออยู่พอดี คีร์นัดให้เขาไปเจอที่สันเขาไรฮะเพราะถูกยินขู่ให้ทำอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ เจมส์เห็นว่ามันเสี่ยงเกินไป กำลังจะโทรบอกโจดี้ แต่อากาอิรั้งมืออีกฝ่ายไว้เสียก่อน นั่นเอง ทำให้เจมส์สังเกตเห็นว่าที่ปลายนิ้วของเขามีอะไรเคลือบอยู่
“อากาอิคุง ทำไม?”
ชายหนุ่มดับเครื่องรถเชฟโรเลต C1500 เมื่อมาถึงสันเขาไรฮะ หน้าผาฝั่งตรงข้ามมีคีร์ยืนพิงรถรออยู่ ซีไอเอสาวเดินข้ามถนนซึ่งมืดและเปลี่ยวตรงมาหาเขา
“เป็นอะไรไป ทำไมถึงมาอีกทางนึงแบบนี้ล่ะ”
“ฉันมาถึงก่อน ก็เลยไปตรวจสอบอะไรมานิดหน่อยน่ะ” ชายหนุ่มยืนล้วงกระเป๋ากางากงพลางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เหรอ แล้วไง...ได้มาเรียบร้อยหรือยังล่ะ สิ่งที่ทำให้แน่ใจว่าฉันมาที่นี่เพียงคนเดียวน่ะ”
“อา ก็คงจะอย่างนั้น” ชายหนุ่มสังเกตเห็นสร้อยคอขนาดใหญ่ของคีร์ เขาไม่โฟกัสมันมาก แต่พอจะเดาได้ว่าคงเป็นกล้องไว้แอบถ่ายภาพไปให้คนที่รออยู่ไกลๆ ได้เห็นเหตุการณ์
“ไหน ขอฟังข้อมูลที่เธอจะเอามาแลกเปลี่ยนกับการที่จะให้ฉันช่วยเธอสักหน่อยสิ”
“ใช่สินะ สิ่งที่ฉันจะมอบให้คุณน่ะ...”
เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างวาบท่ามกลางความมืด ชายหนุ่มชะงักอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนของเหลวสีแดงจะทะลักออกจากปากของเขา อากาอิเซถลาไปพิงรถแล้วเหลือบมองทางขวา จึงแลเห็นรถจอดอยู่ด้านหลังไกลๆ
‘รถปอร์เช่ 356A หึ เป็นอย่างนี้นี่เอง’
ชายหนุ่มเอื้อมมือซ้ายขึ้นสัมผัสอกด้านขวา รู้สึกถึงของเหลวไหลชโลมเสื้อจนชุ่ม เขาแสร้งหอบหายใจอย่างยากเย็น เพื่อให้ภาพเหตุการณ์ที่ถ่ายจากสร้อยคอติดกล้องไปปรากฏให้เจ้าพวกคนที่แอบดูได้เห็นสมใจ
“เป็นอะไรไป คีร์ ดับลมหายใจมันซะเลยสิ” ยินที่เฝ้าดูอยู่ในรถถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งไป
“แต่ว่า ฉันยิงทะลุปอดแล้ว ปล่อยไว้อีกครึ่งชั่วโมงก็ตายเองนั่นแหละน่า”
“ที่หัว...ฝังกระสุนเข้าไปที่หัวของมัน” เขาออกคำสั่ง “ลมหายใจของเจ้านั่นจะได้หยุดอย่างสมบูรณ์ไงล่ะ”
“เข้าใจแล้ว” หญิงสาวรับคำ ก่อนเดินเข้าไปใกล้อากาอิ
“ไม่คิดเลยว่าจะมาลงเอยแบบนี้” ชายหนุ่มเอ่ยคำพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่าจะง่ายดายขนาดนี้น่ะ”
กระสุนปลิดชีพพุ่งเข้ากลางแสกหน้าจนเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกมา ยินกับว็อดก้าที่เฝ้าดูอยู่หน้ามอนิเตอร์แสยะยิ้มอย่างสะใจ เพียงเท่านี้กระสุนเงินที่ท่านผู้นั้นกลัวนักหนาก็ไม่มีอีกแล้ว
เสียงไซเรนรถตำรวจดึงความสนใจของฝูงอีกาให้หันไปจดจ่อกับมัน ชายหนุ่มจึงได้โอกาสสลับตัวเองกับศพสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันที่เตรียมไว้ หลังจากรถคันโปรดของเขาได้ระเบิดไปพร้อมกับร่างที่มอดไหม้นั้นแล้ว สัญญาณจากมอนิเตอร์ที่เชื่อมต่อกับกล้องตรงสร้อยคอของคีร์ก็ถูกตัดไป ดูเหมือนว่ายินจะเชื่อสนิทใจว่าอากาอิตายแล้ว
“ปลอดภัยแล้วล่ะ” ซีไอเอสาวเหลือบมองกระจกส่องหลัง ขณะขับรถผ่านสันเขาไรฮะมาได้สักพัก
เอฟบีไอหนุ่มซึ่งแอบขึ้นรถของคีร์มาด้วย ลุกขึ้นจากซอกเบาะ ก่อนเช็ดเลือดปลอมที่ไหลอยู่ตรงปากและศีรษะออก
ถุงเลือดปลอมที่แบ่งเอาไว้ในปากและอกเสื้อทั้งสองด้าน กับเสื้อเกราะกันกระสุนของเอฟบีไอ และกระสุนเลือดตรงหมวกไหมพรมของยอดนักประดิษฐ์อย่างดอกเตอร์อากาสะ ที่สำคัญที่สุดคือ ‘แผนการอันชาญฉลาด’ ของโคนัน ทำให้เขารอดมาได้โดยไม่ต้องเสี่ยง
“ถ้าไม่มีของพวกนี้ ฉันอาจจะต้องสละชีวิตจริงๆ ก็ได้”
“อย่างคุณน่ะเหรอ ไม่มีทางหรอก” คีร์เอ่ยยิ้มๆ “แต่ว่าเด็กคนนั้นน่ะ น่ากลัวจริงๆ นะ”
“ใช่ เจ้าหนูนั่น น่ากลัวจริงๆ” พอเห็นความสามารถของเด็กคนนี้แล้ว ชายหนุ่มก็นึกขำกับฉายากระสุนเงินของตัวเอง
“ไม่แน่นะ บางที คนที่เป็นกระสุนเงินที่แท้จริงน่ะ...”
โจดี้ที่กลับมาจากการพิสูจน์รอยนิ้วมือกำลังก้มหน้าซบพวงมาลัย ร้องไห้เสียใจกับการจากไปของ ‘อากาอิ ชูอิจิ’ เจมส์มองเธออย่างเห็นใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็บอกถึงแผนการที่แท้จริงไม่ได้ การจะทำให้พวกมันตายใจก็ต้องเริ่มจากการหลอกพวกเดียวกันแบบนี้แหละ หากตอนนั้นเขาไม่บังเอิญเห็นปลายนิ้วของอากาอิซะก่อน เขาก็คงต้องเสียใจเช่นกัน
เบลม็อทขี่มอเตอร์ไซค์ฮาเลย์วีร็อดสีม่วงพลัมผ่านไป เธอยกยิ้มอย่างพอใจ ‘ไม่ต้องมีถึงสองหรอก กระสุนเงินน่ะ มีแค่นัดเดียวก็พอแล้ว’
ความคิดเห็น