คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ
Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้
Parinuttha
ตอนที่ 6 อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ
“เช้านี้มีบาร์บีคิว เที่ยงนี้มีบาร์บีคิว เย็นนี้ก็มีบาร์บีคิว บาร์บีคิว บาร์บีคิว...”
เก็นตะร้องเพลงอย่างเริงร่าอยู่บนรถของดอกเตอร์ เพราะคดีที่โคนันถูกลักพาตัว เขาต้องไปสอบปากคำอย่างละเอียด การตั้งแคมป์สุดสัปดาห์จึงเลื่อนออกไป ทำให้กลุ่มนักสืบเยาวชนได้เจอกับคู่สามีภรรยาที่มาตั้งแคมป์ในวันเดียวกัน
อายูมิกับไฮบาระเห็นว่าเธอกำลังลำบากจึงแบ่งข้าวสารให้บางส่วน คุณภรรยารู้สึกซาบซึ้งใจมาก เลยชวนกลุ่มนักสืบเยาวชนมาเลี้ยงบาร์บีคิวเป็นการตอบแทน
“แต่ว่านะ ตอนนั้นน่ะ ทำไมเธอถึงได้ตามมาด้วยล่ะ เรื่องอันตรายๆ น่ะ น่าจะให้ ดร. กับคุณสึบารุจัดการก็หมดเรื่อง” โคนันยังสงสัยไม่หาย เพราะปกติแล้วไฮบาระไม่ใช่คนที่ยอมมาทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้
“คุณสึบารุของนายต่างหากที่ขอตามมาด้วยน่ะ” ไฮบาระทำสีหน้าเฉยชา ก่อนจะเงียบไปชั่วอึดใจ “แล้วก็...ฉันคงจะทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอกนะ”
“หา?” เด็กชายอึ้ง เกือบจะซึ้งแล้ว หากว่าเธอไม่พูดประโยคต่อมา
“ขืนรออยู่ที่บ้านเฉยๆ ล่ะก็ คงจะอดใจดูหน้าเหวอๆ ของนายไม่ไหว” เด็กหญิงว่าพลางอมยิ้ม นึกถึงสีหน้าของเขาตอนที่เซระเข้าไปช่วย
“หน็อย! อ๋อเหรอ” เด็กชายหมั่นไส้ แล้วนึกติดใจกับคำพูดของเธอ “แต่ว่าแปลกดีนะ”
“อะไรเหรอ”
“ก็เธอเรียกเขาว่าคุณสึบารุเป็นครั้งแรกเลยไม่ใช่เหรอ”
“เอ๊ะ” เด็กหญิงเพิ่งรู้สึกตัว
“คงจะชินกับเขาแล้วล่ะสินะ”
‘ชิน งั้นเหรอ’ เด็กหญิงนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนนั้น ตอนที่เธอกำลังใจเต้นโครมคราม เพราะรู้สึกถึงกลิ่นอายอำมหิตที่ไล่ตามมา แต่แล้วเขาก็...
‘อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...ไม่ปล่อยให้หนีหรอก’
“เปล่านี่ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ไฮบาระเฉไฉ จะให้ยอมรับได้ยังไงว่าเพียงแค่คำปลอบโยนของเขา ทำให้เธอเริ่มที่จะวางใจเขาขึ้นมา
เสียงเรียกเข้าของมือถือโคนันขัดจังหวะสนทนา เด็กชายหยิบขึ้นมากดรับสาย “คร้าบ...ฮัลโหลๆ”
“โย่ว! โคนันคุง สบายดีหรือเปล่า” เสียงสูงปรี๊ดของเซระที่ดังกระแทกออกมาจากมือถือทำเอาเด็กชายผงะ โคนันได้แต่ตอบเสียงอ่อยว่าสบายดี
“อะไรกัน ทำไมถึงได้เซ็งๆ แบบนั้นล่ะ ก่อนหน้านี้ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอจากผู้หญิงเลวๆ แท้ๆ” สาวห้าวทวงบุญคุณ
“เออ...นั่นสินะครับ ตอนนั้นน่ะ ขอบคุณมากนะครับ”
“แล้ว ใครโทรมาล่ะ” ไฮบาระซึ่งได้ยินการสนทนามาสักพักแล้วถามขึ้น
“อ๊ะ เสียงเมื่อกี้ หรือว่าจะเป็นเด็กที่ชื่อไฮบาระเหรอ” เซระถามอย่างสนอกสนใจ
“เอ๊ะ เสียงไหนเหรอครับ” เด็กชายทำเป็นเลี่ยงในตอนที่เสียงของเด็กๆ แทรกเข้าสายพอดี เซระจึงบอกปัด แล้วบอกว่าจะไปหาโคนันที่สำนักงานนักสืบโมริ แต่พอรู้ว่าโคนันไปข้างนอกกับเพื่อนก็ต้องแห้ว แถมเจ้าตัวยังตัดสายไปดื้อๆ
เซระยังติดใจกับเด็กหญิงชื่อไฮบาระที่เคยเห็นในเว็บไซต์วิดีโอของดอกเตอร์ครั้งก่อน เลยลองถามเรื่องของเธอกับรันและโซโนโกะ จึงพอรู้ว่าไฮบาระเป็นเด็กแปลกๆ เหมือนผู้ใหญ่ไร้อารมณ์ที่กลายร่างเป็นเด็กยังไงอย่างนั้น
“แต่ว่าไอจังเขาไม่ใช่พวกคลั่งโฮล์มส์เหมือนเจ้าเด็กแว่นหรอกมั้ง เนอะ”
“คุณเซระเพิ่งเคยเจอโคนันคุงไม่นาน คงจะยังไม่รู้ว่าโคนันคุงชอบเชอร์ล็อกโฮล์มส์เหมือนกับชินอิจิเลยน่ะ”
เซระแสร้งทำเป็นยิ้มรับในสิ่งที่รันบอก ขณะในใจก็คิด ‘ฉันรู้แล้วล่ะ รู้มาตั้งนานแล้วด้วย’
กลุ่มนักสืบเยาวชนมาถึงที่หมายในเวลาเกือบเที่ยง ดอกเตอร์อากาสะกดกริ่งเรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ แต่แล้วเด็กๆ ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อคุณภรรยาแต่งชุดฮาโลวีนออกมาเซอร์ไพรส์พร้อมดึงพลุรูปกรวยดังปัง
ทว่านั่นก็กลายเป็นเพียงเซอร์ไพรส์แห้วๆ เพราะเทศกาลฮาโลวีนมันเลยมาตั้งนานแล้ว และฝ่ายที่ควรแต่งชุดเป็นผีน่าจะเป็นเด็กๆ มากกว่า สามีส่ายหน้าอย่างเอืมระอา บ่นภรรยาเรื่องความจัดหนักจัดเต็มเกินเหตุของเธอ แล้วตัดบทพาทุกคนไปกินบาร์บีคิวกันดีกว่า
แต่ดูท่าว่าทั้งคู่คงเป็นคู่สามีภรรยาที่ความรักใกล้ถึงคราวจืดชืดแล้วกระมัง เพราะขณะกำลังปิ้งบาร์บีคิวให้เด็กๆ กินอยู่นั้น คุณนายก็บ่นขึ้นมาเศร้าๆ ว่าเธอยังไม่มีลูกทั้งที่แต่งงานมาสิบปีแล้ว แถมสามีที่หามือถือไม่เจอยังมาชวนทะเลาะอีก
ส่วนเซระที่พอรู้ว่าโคนันไม่อยู่ แถมลูกศิษย์ของนักสืบโมริอย่างอามูโร่ก็ไม่ได้มาทำงานด้วย เลยขอตัวกลับก่อน ทำเอาโซโนโกะอดคิดไม่ได้ว่าที่เธอมาที่นี่เพราะอยากเจอโคนันเท่านั้น
“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระสำคัญที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ น่ะ แต่ว่าไว้คราวหลังจะขอดูอัลบั้มแล้วก็ช่วยเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังหน่อยล่ะ...เรื่องของเธอกับแฟนด้วยนะ อย่าลืม” สาวห้าวขยิบตา ทำเอารันหน้าแดง เพราะเข้าใจว่าคำว่าแฟนของเซระหมายถึงชินอิจิ เด็กสาวหัวเราะร่วน พอใจกับปฏิกิริยาของรัน
“แต่ว่าเธอเนี่ย ร่าเริงซะจริงๆ เลยนะ” โซโนโกะตั้งข้อสังเกต
“งั้นเหรอ ก็นะ... เมื่อก่อนมีคนที่ไม่หัวเราะเลยอยู่ด้วยน่ะสิ ฉันก็เลยอยากให้เขายิ้มหรือหัวเราะบ้างน่ะ ก็เลย...” สาวห้าวชะงักเมื่อสังเกตเห็นเงาของใครบางคนที่เธอรู้จัก เด็กสาวทิ้งกระเป๋านักเรียน วิ่งหน้าตั้งออกไป หันซ้ายหันขวาแต่ก็ไม่เจอใครคนนั้นอยู่เลย นั่นสิ คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาอยู่ที่นี่
ด้านของกลุ่มนักสืบเยาวชน หลังจากกินบาร์บีคิวเสร็จจนอิ่มแปล้ ไฮบาระก็นึกสนุกถ่ายวิดีโอเก็บภาพพุงกลมๆ ของเก็นตะไว้ สักวันหนึ่งเขาคงอ้วนเท่าดอกเตอร์แน่ๆ ตอนนั้นเองอายูมิก็เก็บมือถือที่คุณสามีน่าจะหาอยู่ได้ เลยจะเอาไปคืน แต่เพียงครู่เดียวก็วิ่งกลับมาบอกว่าคุณภรรยากำลังถือมีดขู่ฆ่าสามี
ทว่าพอทุกคนวิ่งตามไปดู คนที่ถูกแทงกลับเป็นคุณภรรยาซะเอง และดูท่าสามีจะช็อกมากที่พลาดท่าแทงภรรยาตัวเอง โคนันรีบช่วยปฐมพยาบาล ให้ทุกคนไปหาหมอนมาหนุนขาเธอไว้ให้ยกสูงขึ้นเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจ และหาผ้าห่มมาคลุมเพื่อป้องกันการช็อกจากการที่อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง ไฮบาระเหลืออด ต่อว่าคุณสามีที่เอาแต่นั่งอึ้ง
“คุณเนี่ยนะ!” เสียงตวาดของเด็กหญิงทำให้เขาได้สติ “เข้าใจอยู่หรอกว่าคงตกใจที่พลาดไปแทงคุณนายเข้าแบบเนี้ย แต่บอกกรุ๊ปเลือดกับอาการแพ้ของเธอมาเถอะ...เป็นสามีภรรยาที่สาบานรักกันตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอ”
“สึมิกะ ไม่ได้แพ้อะไร ส่วนกรุ๊ปเลือดก็คือ... AB Rh- น่ะครับ”
ดอกเตอร์ตกใจ เพราะเลือดกรุ๊ปนี้มีโอกาสเจอแค่หนึ่งในสองพันคนเท่านั้น โคนันร้องบอกให้ไฮบาระรีบแจ้งโรงพยาบาลเพราะอาจไม่มีเลือดสำรองก็ได้
“ไม่ใช่ว่าไม่มีหรอกนะ ฉันเองก็กรุ๊ปเลือด AB Rh- เหมือนกัน” คุณสามีตอบ
หลังรถพยาบาลมารับตัวคุณภรรยาไป ดอกเตอร์ และกลุ่มนักสืบเยาวชนก็ขับรถตามไปด้วย ขณะกำลังรออยู่หน้าห้องผ่าตัด คุณสามีเท้าความว่าเขาขอให้ภรรยาช่วยหามือถือ แต่ก็มีเรื่องให้ทะเลาะกันอีก เพราะรู้ว่าภรรยาแอบดูมือถือของเขา แต่จู่ๆ ภรรยาก็ถือมีดเข้ามาขู่ ระหว่างที่แย่งมีดกัน รู้ตัวอีกที ภรรยาก็ล้มลงไปแล้ว
เมื่อก่อนเขากับภรรยาเคยพบรักกันที่หน้ารถรับบริจาคเลือดเคลื่อนที่ ตอนนั้นเธอเป็นคนสดใสยิ้มง่าย อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่พักหลังมานี้ภรรยาเอาแต่หงุดหงิด ไม่ยอมทำอะไร ทำให้เขาเริ่มจะทนไม่ไหว
“แต่...” เด็กหญิงสะอื้น “อายูมิไม่อยากให้คุณป้าตาย”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” โคนันปลอบพลางหันมองไปมองป้ายไฟหน้าห้องผ่าตัด “ต้องช่วยให้รอดให้ได้”
‘ฮะ?’
‘อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...ไม่ปล่อยให้หนีหรอก’
หัวใจของไฮบาระกระตุกวาบและเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคำพูดของโคนันซึ่งคลับคล้ายกับเขาคนนั้นไปสะกิดและปลุกความทรงจำในอดีตเข้า
‘อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...ถึงต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องปกป้องให้ได้’
ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มผมยาวผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของไฮบาระ คำพูดของคนคนนั้นที่เคยบอกกับเธอด้วยรอยยิ้ม... ‘โมโรโบชิ ได คนที่ทรยศองค์กร คนรักของพี่’
ไฮบาระกัดฟันกรอด กำหมัดแน่น ตัวสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บใจ ทำไม...ทำไมต้องเป็นเขาด้วย
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ การผ่าตัดช่วยชีวิตคุณภรรยาก็สำเร็จได้อย่างปลอดภัย คุณสามีโล่งใจ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวขึ้นมา เพราะความจริงแล้วเขานั่นแหละที่เป็นคนวางแผนจะฆ่าภรรยาตัวเอง ชายวัยกลางคนขึ้นไปบนดาดฟ้ากะจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่โคนันและไฮบาระก็มาห้ามเอาไว้ทัน ทั้งยังบอกความจริงอีกอย่างหนึ่งว่าคุณภรรยาอาจกำลังตั้งครรภ์อยู่ ทั้งสองคนจึงสามารถปรับความเข้าใจกันได้
จริงอยู่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเลยสักนิด แต่ไฮบาระก็ยังเคืองไม่หาย ที่สามีงี่เง่าพรรค์นั้นเกือบจะฆ่าภรรยาตัวเองตาย แต่จะว่าไปผู้ชายรอบๆ ตัวเธอแทบทุกคนก็เป็นแบบนี้กันหมด โดยเฉพาะคนคนนั้น...คนที่พรากพี่สาวที่เธอรักมากที่สุดไป
‘สาบานว่าจะรักกันชั่วชีวิตงั้นเหรอ...งี่เง่าสิ้นดี’ เพราะความรักไม่ใช่หรือไง พี่ถึงได้...
สุดสัปดาห์นี้ กิจกรรมของกลุ่มนักสืบเยาวชนไม่ใช่การตั้งแคมป์ แต่เปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นสกีกันแทน ไฮบาระไปถึงป้ายรถบัสพร้อมกันกับทุกคน แต่เกิดนึกขึ้นได้ว่าลืมของสำคัญเอาไว้ เลยขอตัวกลับมาเอาแล้วให้ทุกคนล่วงหน้ากันไปก่อน โคนันเป็นห่วงเลยตามกลับมาส่งด้วย แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาไม่ทันรถเที่ยวถัดไป
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าคนที่ลืมของน่ะมันเป็นฉันเอง ฉันกลับมาเอาคนเดียวก็ได้นี่นา” เด็กหญิงยังคงทำหน้าเบื่อโลกอย่างทุกครั้ง ขณะกดมือถือพิมพ์อีเมล
“จะบ้าหรือไงล่ะเธอ ขืนปล่อยให้เด็กเดินคนเดียว เกิดถูกจับไปเรียกค่าไถ่ก็แย่น่ะสิ ถึงต้องมาด้วยนี่ไง” โคนันไม่ชอบใจท่าทางมึนตึงของเด็กหญิงข้างกายเอาซะเลย เขาอุตส่าห์มาเป็นเพื่อนทั้งที ขอบคุณสักคำก็ยังไม่มี
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ไฮบาระยังคงตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ
โคนันแสยะยิ้ม แอบค่อนในใจ ‘ดูยังไงก็ยังเป็นเด็กชัดๆ’
“คราวนี้จะทำยังไงล่ะ ถ้าพวกเราขึ้นรถไฟก็ได้อยู่หรอก แต่ว่ามันใช้เวลามากเลยนะ กว่าจะถึงเวลาก็คงจะมืดเลยล่ะ” เด็กหญิงกดปิดจอมือถือหลังส่งอีเมลรายงานสถานการณ์กับดอกเตอร์เสร็จ
“ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วอะ”
“มีไม่ใช่เหรอ” เด็กหญิงเสนออีกทางเลือก “เราก็ให้คุณสึบารุขับรถไปส่งยังไงล่ะ”
“เอ๊ะ แต่...แต่ว่ามันจะดีเหรอ” โคนันประหลาดใจ
“ก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ ปกติแล้วเขาก็ว่างๆ ไม่ได้ทำอะไรนี่” ไฮบาระพูดข้อเท็จจริง ก็นอกจากที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นนักศึกษาปริญญาโท สาขาวิศวะ กับการขยันเอาสตูว์และแกงกะหรี่มาฝากบ้านนี้บ่อยๆ เธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีธุระอะไรที่ไหน
“ไม่ใช่ หมายถึงเธอน่ะ ปกติแล้วเธอไม่ชอบเขานี่นา” โคนันข้องใจ เพราะปกติแล้วเธอมักจะเลี่ยงคุณสึบารุตลอด แต่ทำไมคราวนี้ถึงเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาซะเอง
“จะมัวเลือกชอบไม่ชอบอยู่ได้ยังไง ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนี่นา”
“แต่ว่าดูยังไงเธอก็ยังเป็นเด็ก...”
ท้ายประโยคเลือนหายไป เมื่อจู่ๆ เด็กชายก็ฉุกนึกบางอย่างขึ้นได้ ‘อะ ว่าแต่ว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกันด้วยหรอกมั้งนะ’ คิดพลางแอบชำเลืองมองเด็กหญิงข้างกาย
ไฮบาระเหลือบมองไปทางบ้านคุโด้บ้าง ‘แล้วก็คนคนนั้นน่ะ ไม่แน่นะ เขาอาจจะเป็น...’
เด็กชายและเด็กหญิงเปิดประตูรั้วเข้ามาเคาะถึงหน้าบ้าน วานให้สึบารุช่วยขับรถไปส่งที่ลานสกีให้หน่อย ชายหนุ่มมองไฮบาระด้วยความแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร จึงยอมไปส่งให้เพราะเขาเองก็ว่างอยู่
รถ Subaru สีแดง เลี้ยวออกจากเมืองเบกะ วิ่งไปบนถนนด้วยความเร็วปกติ ก่อนที่สารถีหนุ่มจะเปิดบทสนทนา
“โอ้ ทุกคนจะไปเล่นสกีงั้นเหรอ น่าสนใจนะ” สึบารุว่าพลางมองกระจกส่องหลัง “ไหนๆ ก็จะไป...ฉันขอไปด้วยคนนะ ช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยฟิตอยู่ด้วยสิ”
“ตายจริง มีเหตุผลที่คุณต้องฟิตร่างกายอยู่ตลอดเวลาเลยเหรอคะ” ไฮบาระถามออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทำเอาโคนันต้องเหลือบมองพร้อมเผยอยิ้มเหลือเชื่อ คำถามแบบนี้มันอะไรกันเนี่ย
ทว่าเจ้าตัวเพียงตอบกลับยิ้มๆ “ก็นะ ฉันก็อยากให้พวกผู้หญิงสนใจบ้างน่ะ”
รถของสึบารุจอดติดไฟแดงตรงแยกหนึ่ง ระหว่างนั้นก็เจอกับหมวดทาคางิที่กำลังเดินมาพอดี โคนันจึงทักทายและคุยกันเรื่องคดีคราวก่อนที่หมวดทาคางิถูกคนร้ายจับตัวไปจนเกือบถูกระเบิดเป็นจุล ดีที่หมวดซาโต้ไปช่วยเอาไว้ได้ทัน แต่ระหว่างนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องไม่ไกล สึบารุจึงเรียกให้หมวดทาคางิติดรถไปลงที่เกิดเหตุด้วย
พอไปถึงที่เกิดเหตุก็มีกลุ่มคนมามุงดูอยู่ ท่ามกลางวงล้อมนั้นคือศพของชายที่ตกลงมาจากระเบียงชั้นบนของตึกนี้ ซึ่งเป็นประธานบริษัทแห่งหนึ่งและมีผู้ต้องสงสัยสามคนอยู่ในกลุ่มคนมุงนั้น
โคนันแนะนำให้หมวดทาคางิรีบขึ้นไปดูห้องพักของผู้ต้องสงสัยทั้งสามคน เพราะตั้งแต่มีคนตกลงมา เวลาเพิ่งผ่านไปไม่ถึงสี่นาที คนร้ายอาจยังเหลือร่องรอยหลักฐานทิ้งไว้ก็ได้
“ก็แค่ไปดูห้องจะรู้อะไรได้งั้นเหรอ” ไฮบาระกอดอก แหงนมองตามโคนันอย่างไม่เข้าใจ
“ดูจากสภาพศพ เขาน่าจะตกลงมาจากที่สูงมากเลยอะนะ” สึบารุนั่งคุกเข่าลงข้างศพ “คดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม คนร้ายก็คงจะผลักผู้ชายคนนี้ตกลงมาจากห้อง แล้วก็รีบลงมาที่นี่ให้เร็วที่สุดแน่เลย”
ชายหนุ่มอธิบายต่อว่า ถ้าหากขึ้นไปดูแล้วพบหลักฐานว่าพวกเขาอยู่ในห้องจนถึงเมื่อกี้ก็จะพ้นข้อกล่าวหา คนร้ายคงไม่นึกหรอกว่าหมวดทาคางิจะมาอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุแบบนี้พอดี หลังลงมือก็เลยออกจากห้องมาทั้งอย่างนั้น
“น่าแปลกนะที่คุณเชี่ยวชาญด้านนักฆ่าจังเลยน่ะ” เด็กหญิงหยั่งเชิงด้วยสีหน้านิ่ง
“ใช่ เพราะฉันเป็นเชอร์ล็อกเกียนยังไงล่ะ” สึบารุตอบยิ้มๆ “แต่ที่น่าสนใจไม่ใช่การฆ่า แต่เป็นปริศนามากกว่า”
“อ๋อ งั้นเหรอ”
สึบารุและไฮบาระยืนพิงรถรออยู่อีกฝั่งของถนนตรงข้ามแมนชั่น ระหว่างที่โคนันขึ้นไปบนห้องพักของผู้ต้องสงสัยกับหมวดทาคางิ ชายหนุ่มเปิดประเด็นถามเด็กหญิงว่าโคนันจะเอายังไงต่อเรื่องสกี เธอไขว้มือไพล่หลังพลางตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งๆ แทนพ่อยอดนักสืบขี้สงสัยว่าก็คงจะยกเลิก โดยอ้างว่าไปไม่ได้เพราะติดคดี
“ก็นะ ปกติก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่” เด็กหญิงเหยียดยิ้ม
ชายหนุ่มกอดอก อมยิ้ม แอบคิดในใจ ‘รู้ใจกันดีจังเลยนะ’
“เพราะงั้นคุณกลับไปได้แล้ว เพราะคุณไม่ต้องไปส่งพวกเราแล้ว” ไฮบาระไล่เขากลับด้วยท่าทางเฉยชา
“ไม่หรอก ฉันยังมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับคดีนี้อยู่น่ะ” ชายหนุ่มปฏิเสธ “นอกจากนั้น ฉันคงปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆ อย่างเธอไว้ที่นี่ไม่ได้หรอก บางทีฆาตกรอาจจะยังอยู่แถวๆ นี้ก็ได้นะ”
“ช่างเป็นอัศวินที่ใช้ไม่ได้เลย”
“ฮ่าๆๆ พูดแรงไปหน่อยมั้ง” สึบารุหัวเราะชอบใจ “แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอ ฉันก็จะทำนะ...องค์หญิง”
ชายหนุ่มเหลียวมองหน้าตาไร้อารมณ์ขององค์หญิงตัวน้อย ก่อนเผยรอยยิ้มมีเลศนัยใต้กรอบแว่นเงาวับ
ยามเหมันต์ เย็นย่ำจนอาทิตย์เกือบคล้อยลับฟ้าแล้ว หลังจากสอบปากคำผู้ต้องสงสัย คราวนี้สึบารุและไฮบาระย้ายมารอโคนันอยู่หน้ากรมตำรวจนครบาล
“ครั้งแรกเลยสินะที่อยู่กับคุณตามลำพังแบบนี้”
“จะว่าไปก็ใช่ล่ะนะ” ชายหนุ่มเพิ่งสังเกต “จะเฝ้าอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ถ้าจะรอเขาล่ะก็ เราไปนั่งรอในรถที่จอดไว้ในที่จอดรถดีกว่าไหมล่ะ”
“ถ้าอยากจะทำแบบนั้นก็บังคับพาฉันไปสิ”
“ผมไม่ทำเรื่องแย่ๆ แบบนั้นหรอกครับ”
‘ผมสัญญากับเธอคนนั้นเอาไว้แล้ว’ สึบารุคิดในใจพร้อมเผยรอยยิ้มบาง ถ้าหากตอนนั้นไฮบาระเงยหน้าขึ้นมามองสักนิด คงเห็นว่าแววตาของเขามีความเศร้าเจืออยู่
สึบารุขับรถพาไฮบาระกับโคนันมาที่แมนชั่นอีกครั้ง เพราะยอดนักสืบหากุญแจที่จะไขคดีเจอแล้ว เด็กชายร้องบอกจากฝั่งตรงข้ามว่าให้รอเดี๋ยว อีกสัก 30 นาทีก็เสร็จแล้ว
“เอ่อ...จะไม่เข้ามานั่งรอในรถจริงๆ เหรอครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ” ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ข้างในยังคงถามย้ำ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เด็กหญิงกอดอกขณะมองโคนันคุงที่วิ่งเข้าไปในตึก “เด็กๆ เป็นลูกของลมนี่คะ”
คราวนี้โคนันใช้วิธีส่งอีเมลจากมือถือเครื่องของชินอิจิไปให้หมวดทาคางิ และสามารถหาความจริงของหลักฐานที่อยู่ ฟอง ไอน้ำ ควัน ได้ ใครจะคิดว่ากุญแจคราวนี้จะได้มาจากลุงโมริซึ่งเมื่อก่อนยังเป็นนักศึกษาจนๆ จึงใช้เกลือหรือน้ำตาลทรายใส่ลงไปในเบียร์ที่ชืดแล้ว ทำให้ฟองของเบียร์ฟูกลับขึ้นมาอีกครั้ง
หลังคลี่คลายคดีเสร็จ หมวดทาคางิก็ได้รับคำชมจากสารวัตรเมงุเระซึ่งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเป็น โคนันหัวเราะร่ากลบเกลื่อน
“ดูเหมือนว่าคดีจะคลี่คลาย...” ท้ายประโยคค่อยลง เมื่อเด็กหญิงหันไปเห็นสารถีหนุ่มที่อุตส่าห์ขับรถพาพวกเธอไปไหนมาไหนตลอดทั้งวัน กำลังกอดอกงีบหลับอยู่ในรถ
แต่บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้ โอกาสที่เธอจะได้พิสูจน์ข้อสงสัยนั้น
ไฮบาระค่อยๆ ย่อง แอบมองเขาจากกระจกรถ ‘กำลังหลับอยู่จริงด้วย...’ เธอจับแฮนด์ประตูแล้วเปิดมันออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เขารู้ตัว ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับพร้อมความสงสัย
‘อยากรู้ซะจริง ใต้ผ้าพันคอนี้ เก็บซ่อนอะไรไว้อยู่กันแน่’
เด็กหญิงเอื้อมมือจับผ้าพันคอสีเทาเข้มของชายหนุ่มที่กำลังหลับอยู่ เธอดึงมันออกช้าๆ พยายามสะกดความอึดอัดใจเอาไว้ ทั้งที่ใต้อกซ้ายมีก้อนเนื้อกำลังเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาเสียให้ได้ ‘อีกแค่นิดเดียว...’
“อ๊ะ!”
ไฮบาระผงะเฮือก ใจหายวาบเมื่อถูกเจ้าของผ้าพันคอจับมือไว้อย่างรวดเร็ว... ขณะกำลังคิดหาข้อแก้ตัว ดวงตาเรียวเล็กใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นกลับมองเธอด้วยความนิ่งสงบ ก่อนเอ่ยประโยคหนึ่งซึ่งคล้ายจะเป็นการปราม
“จากตรงนี้เป็นต้นไป มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช่พื้นที่ของเธอ”
สึบารุปล่อยมือไฮบาระ แล้วจัดผ้าพันคอที่ถูกดึงออกเข้าที่เดิม ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องด้วยรอยยิ้มอย่างเคย “ผู้ใหญ่น่ะขี้หนาว ไม่ใช่ลูกพระพายนะ”
“ทำอะไรกันน่ะทั้งสองคน” เสียงของโคนันที่ทักขึ้นมาเรียกให้สึบารุหันไปมอง “เปิดประตูทิ้งไว้ทำไม”
“อ๋อ ไม่มีอะไรนี่” ชายหนุ่มปฏิเสธ ขณะที่เด็กหญิงยังกุมข้อมือไว้ไม่ปริปาก
“กลับกันเถอะ” เด็กชายชวนแล้วขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลังตามเดิม
“จริงด้วยสินะ มันเริ่มจะหนาวแล้วด้วย”
อาทิตย์ยามเหมันต์คล้อยลับฟ้าไปแล้ว แต่แสงไฟข้างทางยังพอทำให้มองเห็นใบหน้าครึ่งบนของเขาจากกระจกส่องหลัง ไฮบาระมองแผ่นหลังของชายหนุ่มผมสีโรสโกลด์ พลางคิดถึงเรื่องเมื่อครู่
‘คำพูดนั้น...หมายความว่ายังไงกันแน่’
โปรดติดตาม...
ความคิดเห็น