ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #4 : สตอล์กเกอร์ หมายเลข 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 66


    (02.08.21)
    เชอร์ล็อกเกียนเหรอ เขาน่ะ...ดูเหมือนสตอล์กเกอร์มากกว่า



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้ 

    Parinuttha



    ตอนที่ 4 สตอล์กเกอร์ หมายเลข 1




    ไฮบาระตื่นขึ้นมาในห้องนอนสีชมพูหวานแหวว เด็กหญิงลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ ด้วยความไม่คุ้นตา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอมานอนค้างที่บ้านอายูมิ

    ต่างจากห้องเราลิบลับเลยนะ

    เด็กหญิงนึกถึงห้องนอนในชั้นใต้ดินที่มืดและอึมครึม มีเพียงเตียงนอนและโต๊ะวางคอมพิวเตอร์กับตู้เก็บเอกสารงานวิจัย ตรงข้ามกับห้องนอนของอายูมิที่แน่นขนัดไปด้วยตุ๊กตานุ่มนิ่มและของตกแต่งกุ๊กกิ๊ก ก็สมกับเป็นเด็กดีล่ะนะ...ไฮบาระอมยิ้มเศร้าๆ น่าแปลกว่าแม้แต่ตอนที่เธอยังอายุเท่าอายูมิ กลับไม่เคยมีของอะไรแบบนี้เลย

    แต่เรื่องนั้นคงไม่สำคัญเท่าปัจจุบันหรอก โดยเฉพาะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมาขอนอนค้างที่แมนชั่นของอายูมิแบบนี้ นั่นเพราะดอกเตอร์อากาสะต้องบินไปลอนดอนพร้อมกับโคนัน ไม่สิ คุโด้ ชินอิจิ ต่างหาก

    หลังได้สปอนเซอร์อย่างคุณไดอาน่า เศรษฐีนีชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พักให้ทั้งหมด โคนันก็เริ่มสาธยายด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม พูดถึงสถานที่ที่อยากไปในลอนดอน ทั้งเบเกอร์สตรีท ไฮพาร์ก พิพิธภัณฑ์อังกฤษ สุนัขปีศาจที่ดาร์กนัวร์ น้ำตกไลเคนบาร์ก แต่ละที่ล้วนเกี่ยวข้องกับ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ทั้งนั้น สำหรับเชอร์ล็อกเกียนตัวยงอย่างเขา นี่คงเป็นโอกาสที่เหมือนฝัน

    “แต่ว่าจะไม่เป็นไรเหรอ...” ไฮบาระจัดการดับฝันนั้นซะ “เรื่องพาสปอร์ตน่ะ”

    “เฮ้ย! ลืมไปซะสนิทเลยนะเนี่ย!” โคนันร้องเสียงหลง ก่อนจะคอตก จ๋อยสนิท

    “เชื่อเขาเลย เอโดงาวะ โคนัน คือ คุโด้ ชินอิจิ ที่ถูกยาพิษจนตัวเล็กลง ที่จริงแล้วคือคนที่ไม่มีตัวตนนะ คนแบบนั้นน่ะจะออกบินไปต่างประเทศได้ยังไงกันล่ะ” ไฮบาระร่ายข้อเท็จจริงยาวเหยียด

    โคนันผิดหวังสุดๆ แต่นั่นก็เป็นความจริง เด็กชายพยายามปรึกษาหาทางออกกับดอกเตอร์ ถึงขั้นขอให้ช่วยทำพาสปอร์ตปลอมเลยทีเดียว ไฮบาระมองเด็กชายด้วยความระอา

    “ถ้าอยากไปจริงๆ ล่ะก็ ฉันก็พอมีทางนะ” โคนันหันขวับ แววตาเป็นประกาย “แน่นอนว่า...นายต้องสัญญากับฉันก่อนว่าจะทำตามที่ฉันบอกอย่างเคร่งครัดนะ”

    ไฮบาระอธิบายว่าจะให้ยากับโคนัน สำหรับไปและกลับอย่างละสองเม็ด ฤทธิ์ยาจะอยู่ได้ประมาณยี่สิบสี่ชั่วโมง พอถึงอังกฤษและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้กลับคืนสู่ร่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ต้องกินยาแก้อีกหนึ่งเม็ด

    “แต่ว่าจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ ถ้าฉันขอพา ดร. ไปด้วยน่ะ” โคนันคิดเอาไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน

    “อื้อ เพราะระหว่างนั้น ฉันจะไปนอนค้างบ้านคุณโยชิดะน่ะสิ”

    ถึงไฮบาระจะไม่เคยมีปัญหากับการอยู่คนเดียว แต่ในบ้านหลังใหญ่ซึ่งไม่มีใคร แถมยังมีผู้ชายแปลกหน้าท่าทางน่าสงสัยอาศัยอยู่ข้างรั้วแบบนี้ เรื่องอะไรที่เธอจะยอมเสี่ยงอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ

    “เอ่อ ขอโทษนะ” ไฮบาระส่ายหน้ากับคำขอโทษของโคนัน ที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกผิดจริงๆ หรือเปล่า

    “คิดว่าคงรู้อยู่แล้วนะ ถ้านายกินยาติดๆ กันล่ะก็ ประสิทธิภาพจะลดลงเหลือครึ่งเดียว ถ้าลืม...นายจะกลับมาที่ญี่ปุ่นไม่ได้อีกตลอดชีวิต” ไฮบาระย้ำเสียงเข้ม

    หึ แต่ว่า...นักสืบจอมอวดดีแบบนั้นห้ามไปก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์ บางครั้งเธอก็อยากปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนให้หลาบจำซะบ้าง แต่คงช่วยไม่ได้ ในเมื่อความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็ไม่ได้ส่งผลเสียอย่างเดียวเสมอไป ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ เธอก็เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วล่ะ

    “อ๊ะ ไอจัง ตื่นแล้วเหรอ” อายูมิเปิดประตูเข้ามาในห้อง สายเกือบสิบโมงแล้ว พ่อกับแม่ของเธอบอกว่ามีธุระ เลยออกไปข้างนอกกันแล้ว “คุณแม่ทำแซนด์วิชเอาไว้ด้วยนะ ไปกินกันเถอะ”

     










    อีกด้านหนึ่ง ข้างนอกแมนชั่น ชายวัยกลางคน ไว้หนวด สวมชุดสูทสีดำสนิททั้งตัว กำลังเฝ้ามองแมนชั่นของอายูมิอยู่ในซอยของถนนฝั่งตรงข้าม

    “ในที่สุดก็เจอตัวแล้ว” เขาหยิบรูปไฮบาระขึ้นมาดู แล้วกดโทรออก “ฉันเองนะ ในที่สุดก็พบตำแหน่งของเธอแล้ว อื้ม ใช่แน่นอน ฉันฝากเธอด้วยนะ”

    ห่างออกไปไกลอีกด้าน ที่บ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ข้างบ้านดอกเตอร์อากาสะ ชายหนุ่มผมสีโรสโกลด์ ในชุดสูทสีน้ำตาลเบจ กำลังรับสายจากใครบางคน

    “ครับ เข้าใจแล้วครับ”

    ชายหนุ่มเดินล้วงกระเป๋า ตรงไปที่หน้าต่างบานใหญ่ แผ่สายตาใต้กรอบแว่นมองออกไปข้างนอก บ้านหลังข้างๆ ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ เขาเผยรอยยิ้มกระหยิ่มใจ เป็นโอกาสดีแล้วล่ะ

    เมืองเบกะ ห่างออกไปไกลจากแมนชั่นของอายูมิ ในบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง มิตสึฮิโกะกำลังปวดหัวกับกองนิตยสารเก่าของพี่สาวซึ่งวางขวางทางเดินไว้ แต่ก็มีหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่า เมื่อบังเอิญเปิดเจอรูปของนางแบบเด็กคนหนึ่งที่มีชื่อว่า เกรซ ไอฮาระ แถมยังหน้าตาเหมือนไฮบาระมาก และตอนนั้นเอง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากโคนันที่ตอนนี้น่าจะกำลังเดินทางไปอังกฤษ พูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน

    “วันนี้ทั้งวันอย่าให้ไฮบาระเข้าใกล้บ้าน ดร. เด็ดขาดนะ!” โคนัน...ไม่สิ ชินอิจิ ใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงรูปหูกระต่าย บอกใจความสำคัญกับมิตสึฮิโกะ “นายจะจับตาดูอยู่ห่างๆ ก็ได้ แต่อย่าให้ไฮบาระเห็นเด็ดขาด เข้าใจนะ”

    มิตสึฮิโกะไม่ทันถามอะไรเพิ่ม ปลายสายก็วางหูไปเสียก่อน เพราะน้ำเสียงร้อนรนของโคนันบวกกับรูปภาพของนางแบบเด็กคนนี้ ทำให้หัวสมองของเด็กชายเริ่มคิดถึงเรื่องไม่ดี จึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเก็นตะ

    เกรซ ไอฮาระ เป็นนางแบบเด็กชื่อดังของอเมริกาที่ลาออกจากวงการไปแล้ว แต่ทั้งสีผม ทรงผม หรือสีตาเหมือนกับไฮบาระมากๆ เก็นตะรับรูปจากมิตสึฮิโกะมาดูแล้วมองอย่างเพ่งพินิจ

    “อาหารที่เธอชอบคือแซนด์วิชเนยถั่วกับแยมบลูเบอร์รี่...” เด็กชายอ้วนอ่านข้อมูลในนิตยสารแล้วน้ำลายสอ “น่ากินชะมัด!

    สิ่งที่ต่างกันอย่างเดียวตอนนี้คืออายุ แต่ก็เป็นไปได้ว่าเธออาจจะปกปิดข้อมูลไว้ อย่างเช่น ชื่อ เกรซ ไอฮาระ ที่เป็นชื่อในวงการ อาจจะแผลงมาจาก ไฮบาระ ไอ ที่เป็นชื่อจริงของเธอ แถมไฮบาระยังเคยบอกว่าเธอเคยอยู่ที่อเมริกา และแม่ของเธอเป็นชาวอังกฤษ ซึ่งตรงกับประวัติของเด็กผู้หญิงคนนี้ที่มีพ่อเป็นคนญี่ปุ่นและมีแม่เป็นคนอังกฤษ

    การที่โคนันใช้โทรศัพท์ภายในเครื่องบินที่ไว้ใช้ติดต่อฉุกเฉิน โทรหาเขาในสถานการณ์แบบนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุผลสำคัญว่าทำไมถึงให้ไฮบาระไปที่บ้านดอกเตอร์ไม่ได้ เด็กชายเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดี รีบชวนเก็นตะไปสะกดรอยตามดู หากจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับไฮบาระจริงๆ ล่ะก็ เขาคนนี้จะปกป้องไว้เอง

     










    ไฮบาระมองแซนด์วิชที่แม่ของอายูมิทำไว้ให้ด้วยสีหน้าแปลกใจปนเศร้านิดๆ เด็กหญิงนึกถึงเมื่อเย็นวาน เธอได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวโยชิดะ คุณพ่อที่สุขุม เป็นผู้ใหญ่ กับคุณแม่ที่ใจดี ทำอาหารเก่ง อายูมิโชคดีเหลือเกินที่มีครอบครัวรออยู่ที่บ้าน แต่เธอกลับมีเพียงเสียงอ่อนหวานจากเทปบันทึกเสียงไว้ฟังยามคิดถึงเท่านั้น

    เด็กหญิงสลัดความคิดออกจากหัว ก่อนหยิบแซนด์วิชอุ่นๆ ขึ้นมากัดเข้าไปคำหนึ่ง

    “อร่อยไหม ไอจัง” อายูมิถามอย่างคาดหวัง

    “อื้ม คุณแม่ของคุณโยชิดะทำอาหารเก่งทีเดียวล่ะ” ไฮบาระตอบตามความจริง เพราะจากเมื่อเย็นวานที่ได้กินข้าวด้วยกัน เธอก็รู้สึกแบบนั้น อาจจะไม่เท่าอาหารเลิศรสจากโรงแรมห้าดาว แต่ก็อร่อยเพราะมี รสมือแม่อยู่ในอาหารพวกนั้น

    ไฮบาระเคยได้ยินจากใครต่อใครหลายคนว่า อาหารฝีมือของแม่เรา มักจะอร่อยที่สุดเสมอ หากเป็นไปได้ เธอก็อยากจะมีโอกาสได้กินอาหารรสมือแม่สักครั้งในชีวิต แต่เรื่องแบบนั้นคง...

    “อายูมิชอบแซนด์วิชแฮมกับไข่มากเลยล่ะ คุณแม่ก็เลยทำให้อายูมิกินบ่อยๆ” อายูมิพูดอย่างเริงร่า “ไอจังล่ะ ชอบแซนด์วิชแบบไหนเหรอ”

    “นั่นสินะ” เด็กหญิงวางแซนด์วิชลง แล้วคิด “เนยถั่ว...กับแยมบลูเบอร์รี่ล่ะมั้ง”

    ไฮบาระเห็นอายูมิทำหน้างงจึงอธิบายว่า จะต้องทาแต่ละอย่างลงบนด้านหนึ่งของขนมปังให้ทั่วแล้วประกบเข้าด้วยกัน ก็จะได้แซนด์วิชเนยถัวกับแยมบลูเบอร์รี่ มันเป็นอาหารหลักมื้อเที่ยงของอเมริกัน

    ไฮบาระก็อยากจะกินอยู่หลายครั้ง แต่มีครั้งหนึ่งที่เคยทำกินที่บ้าน แล้วดอกเตอร์มองเหมือนว่าอยากกินบ้าง เธอเลยไม่กินมันอีก เพราะถ้าให้ดอกเตอร์กินของแบบนั้นคงได้น้ำหนักเกินอีกแน่ อายูมินึกขึ้นได้เลยชวนไฮบาระไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเปิดใหม่ฝั่งตรงข้ามสถานีเบกะซึ่งมีร้านขายอาหารนำเข้าจากต่างประเทศ

    “นะ...ไปซื้อกันเถอะ อายูมิก็อยากกินเหมือนกัน”










     

    มิตสึฮิโกะและเก็นตะเดินผ่านแถวซอยบ้านดอกเตอร์ เก็นตะท้วงว่าทำไมไม่เลี้ยวตรงหัวมุมนี้ แต่มิตสึฮิโกะบอกว่าเดินตรงไปจะใกล้กว่า ตอนนั้นเองเด็กชายอ้วนก็เหลือบเห็นผู้ชายข้างบ้านคนนั้นเดินเข้าไปในบ้านดอกเตอร์แวบๆ

    “เก็นตะคุง ถ้าช้านัก ผมจะทิ้งไว้ที่นี่นะครับ” เก็นตะเร่งฝีเท้าตามมิตสึฮิโกะไป ขณะที่อีกด้านหนึ่งของกำแพง สึบารุยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

    ก่อนออกจากแมนชั่น อายูมินึกสนุกชวนไฮบาระแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางของแม่เธอ สำหรับไฮบาระ นานมาแล้วที่เธอไม่ได้แตะต้องเครื่องสำอาง แม้ว่าตอนนี้เธอจะต้องสวมหน้ากาก แต่เธอก็ชอบหน้ากากที่ปราศจากเครื่องประทินผิวนี้มากกว่า หน้ากากที่ทำให้เธอไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสีดำ

    “เป็นไงบ้าง ไอจัง” ไฮบาระตะลึงกับใบหน้าของอายูมิที่หันมาถาม อายแชโดว์สีม่วงเข้มกับลิปสติกสีชมพูบานเย็นละเลงอยู่บนหน้าของเด็กหญิงอย่างกับ...

    นี่มันละครลิงหรือไง

    “บางทีฉันคงทาอายแชโดว์มากเกินไป” อายูมิเพิ่งรู้สึกตัว พอได้จับเครื่องสำอางแล้ว เธอก็สนุกจนยั้งมือไม่อยู่

    “ฉันว่าแต่งให้เป็นธรรมชาติจะเหมาะกับเธอมากกว่านะ”

    ไฮบาระยิ้มเอ็นดู ก่อนจะแปลงโฉมอายูมิให้กลายเป็นเจ้าหญิงองค์น้อย ด้วยโทนการแต่งหน้าสีชมพูธรรมชาติ แถมเจ้าตัวยังคึกใหญ่ เปลี่ยนชุดสวยๆ ก่อนออกไปอีก เด็กหญิงสองคนเดินเกี่ยวแขนกันออกจากแมนชั่น โดยมีชายชุดดำเฝ้าจับตาดูอยู่ไม่ห่าง เขาแปลกใจนิดหน่อยที่เธอแต่งหน้าแบบนั้น แต่ยังไงก็หลอกเขาไม่ได้หรอก

    อีกด้านหนึ่ง ไม่ไกลกันนัก มิตสึฮิโกะกับเก็นตะที่กำลังแอบสะกดรอยตามไฮบาระและอายูมิ มองเด็กหญิงทั้งสองอย่างตกตะลึง

    “นายเห็นไหม มิตสึฮิโกะ”

    “ครับ คุณไฮบาระกับอายูมิจัง...” เด็กชายหน้าแดง “ดูสวยแล้วก็น่ารักกว่าปกติมากเลยล่ะครับ”

    เด็กชายสองคนกับชายชุดดำอีกหนึ่ง แอบสะกดรอยเด็กหญิงทั้งสองแบบไม่ห่างนัก กระทั่งเดินผ่านหน้าร้านเบเกอรี่ อายูมิก็รู้สึกตัวว่าพวกเก็นตะกำลังตามมาอยู่

    “นี่ ไอจัง...”

    “อืม ถึงจะไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไรก็เถอะ” ไฮบาระตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความกดดันมหาศาล พอหันดูก็เห็นชายชุดดำคนหนึ่งอยู่แถวทางเดินหน้าร้านเบเกอรี่พอดี

    อย่าบอกนะ ว่าผู้ชายคนนั้น...

    “มีอะไรเหรอ ไอจัง” อายูมิถามเมื่อเห็นท่าทางเธอแปลกไป ไฮบาระปฏิเสธ เดินต่อไป ชายชุดดำเริ่มสะกดรอยต่อขณะโทรศัพท์บอกปลายสายว่าไฮบาระกำลังมุ่งหน้าไปที่สถานีเบกะ

    ไฮบาระและอายูมิมาถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตโซนขายอาหารนำเข้าจากต่างประเทศ เด็กหญิงทั้งสองเดินหาแยมบลูเบอร์รี่กับเนยถั่ว ไฮบาระมองกระปุกแยมในมือแล้วเผลอพึมพำออกมา

    “ตอนที่ฉันยังเด็ก อายุประมาณคุณโยชิดะน่ะ มันเป็นของโปรดของฉันเลยล่ะ”

    มิตสึฮิโกะที่แอบตามอยู่บังเอิญได้ยินเข้าเต็มสองหู จึงเริ่มได้ข้อมูลมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางทีเธออาจจะหลุดพูดความจริงออกมา ซึ่งตรงกับ เกรซ ไอฮาระ ซึ่งน่าจะมีอายุ 9-10 ปี และที่ไฮบาระดูเป็นผู้ใหญ่ก็เพราะแบบนี้เอง ขณะที่มิตสึฮิโกะกำลังสันนิษฐานเป็นตุเป็นตะ เก็นตะก็สังเกตเห็นชายชุดดำคนเดิมกำลังตามไฮบาระอยู่เช่นกัน

    ไฮบาระมองเห็นผู้หญิงชุดดำอีกคนอยู่ไม่ไกล แต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นอายความกดดันอย่างตอนที่อยู่หน้าร้านเบเกอรี่เลย

    ตอนนั้นเองมิตสึฮิโกะก็บังเอิญเห็นข่าวจากโทรทัศน์ พูดถึงนางแบบที่เป็นสายลับ จึงเชื่อมโยงเรื่องราวได้ว่า บางทีไฮบาระอาจจะทำงานเป็นนางแบบบังหน้า แต่จริงๆ แล้ว เป็นสายลับจากอังกฤษ เป็น MI6 ที่แฝงตัวมาสืบเรื่องของมาเฟีย

    เธอคงมาที่ญี่ปุ่นเพื่อหลบหนีการตามล่าของพวกมาเฟีย โดยการซ่อนตัวอยู่ที่บ้านดอกเตอร์อากาสะและแกล้งบอกว่าเป็นญาติกัน แล้วย้ายมาเรียนที่โรงเรียนประถมเทย์ตัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกมาเฟียก็ยังตามรอยไฮบาระมาถึงญี่ปุ่น

    นั่นคือเหตุผลที่โคนันกับดอกเตอร์ต้องไปอังกฤษ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสำนักงานใหญ่ แต่พวกมาเฟียก็หาบ้านดอกเตอร์จนพบ ตอนที่อยู่บนเครื่องบิน โคนันคงรู้เรื่องนี้เข้า เลยโทรมาบอกเขาว่าอย่าให้ไฮบาระเข้าใกล้บ้านดอกเตอร์

    “สมบูรณ์แบบมากครับ!” มิตสึฮิโกะภูมิใจกับการสันนิษฐานของตัวเอง และตามสะกดรอยต่อไป

    ไฮบาระและอายูมิออกมาจากร้านขายของกุ๊กกิ๊ก มิตสึฮิโกะจึงรีบซ่อนตัว ตอนนั้นเองเก็นตะก็เห็นชายชุดดำเข้าพอดี เด็กชายได้ยินชายคนนั้นคุยกับพวกว่า “รวบสองคนไปเลย”

    ไฮบาระรู้ตัวก็ตอนที่เกือบจะถูกประกบโดยชายและหญิงชุดดำ เธอเห็นเขาทำท่าเหมือนจะหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋าสูท ปืน? บ้าน่า กลางถนนเนี่ยนะ แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไร มิตสึฮิโกะก็เข้ามาขวาง กอดขาชายชุดดำไว้

    “ทั้งสองคนหนีไปครับ”

    “ทำอะไรของแกเนี่ย เจ้าเด็กบ้า”

    “เร็วสิครับ หนีไป” มิตสึฮิโกะร้องบอก ก่อนจะถูกชายชุดดำใช้กระเป๋าเงินฟาดศีรษะของเขาอย่างแรง เก็นตะเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าไปช่วยผลักชายชุดดำจนล้มลง และเรื่องก็ไปจบลงที่ป้อมตำรวจ...

    สุดท้ายก็เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น ชายและหญิงชุดดำ ความจริงแล้วพวกเธอเป็นแมวมอง กำลังค้นหานางแบบเด็กๆ ที่มีแวว พอดีบังเอิญมาเจอเข้ากับไฮบาระซึ่งมีหน้าตาคล้าย เกรซ ไอฮาระ ตอนขากลับจากโรงเรียนเมื่อหลายวันก่อน เลยแอบตามสืบและสะกดรอยมาโดยตลอด ว่าแล้วก็ทาบทามทั้งอายูมิด้วย ไฮบาระถอนหายใจด้วยสีหน้านิ่งเฉย

    “ฉันขอปฏิเสธ” น้ำเสียงของเธอเจือความไม่พอใจ “ฉันไม่อยากร่วมงานกับคนที่ใช้กระเป๋าเงินฟาดหัวเด็กหรอกนะ”

    ชายชุดดำเลือดขึ้นหน้า พรวดพราดออกไปอย่างรู้สึกเสียฟอร์ม แต่ไฮบาระยังคงติดใจ สุดท้ายก็ไม่ใช่คนขององค์กรสินะ แล้วความกดดันที่ฉันสัมผัสได้ตอนนั้นล่ะ คิดไปเองงั้นเหรอ










     

    กลุ่มนักสืบเยาวชนเดินทางกลับอย่างเซ็งๆ มิตสึฮิโกะถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ข้อสันนิษฐานของเขาผิดไปไกล ไฮบาระอมยิ้ม อันที่จริงการสันนิษฐานของเขาก็ไม่ได้ผิดไปเสียหมดหรอก ถ้าหากคนพวกนั้นคือคนขององค์กรจริงๆ ล่ะก็

    “จริงสิ ตอนที่พวกเราผ่านมาใกล้ๆ แถวบ้าน ดร. ฉันเห็นมีใครเดินเข้าประตูไปด้วยล่ะ” คำพูดของเก็นตะทำเอาไฮบาระต้องหยุดกึก “พี่ชายคนนั้นที่ชื่อโอกิยะ ที่อยู่บ้านข้างๆ นั่นไง”

    ไฮบาระใจหายวาบ รีบวิ่งไปบ้านดอกเตอร์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนี้ เด็กหญิงหอบแฮกๆ หยุดมองคนที่กำลังเปิดประตูรั้วออกมาจากบ้าน แถมในมือยังถือกล่องอะไรไว้อีก

    “คุณวางแผนจะขโมยอะไรในบ้านที่ไม่มีใครอยู่ตอนนี้น่ะ” เด็กหญิงถามเสียงห้วน ชายหนุ่มเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนตอบ

    “อ๋อ เปล่าหรอก นี่เป็นพัสดุที่ถูกส่งมา” เขายื่นกล่องให้ดูใกล้ๆ “ดร. ขอให้ฉันมารับพัสดุที่มีกำหนดจะส่งมาถึงวันนี้แทนเขาหน่อยนะ”

    สึบารุนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาได้รับสายด่วนจากบนเครื่อง “งั้น ฝากด้วยนะ สึบารุคุง”

    “ครับ เข้าใจแล้วครับ”

    เพราะแบบนั้นเขาจึงต้องมาคอยเช็กเป็นระยะว่าของส่งมาถึงหรือยัง แต่มิตสึฮิโกะยังไม่เข้าใจ ถ้าของจะถูกส่งมาที่นี่วันนี้ ทำไมถึงไม่ให้ไฮบาระรอรับล่ะ ของข้างในคืออะไรกันแน่

    ไฮบาระฉุกคิดได้ขอดูใบเสร็จจากสึบารุ ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนวางกล่องลงบนพื้น เด็กหญิงรีบเปิดทันที ซึ่งของข้างในนั้นก็คือเนยถั่วกับแยมบลูเบอร์รี่ และยังเป็นการสั่งซื้อประจำอีกต่างหาก

    “หรือว่า ดร. แอบซื้อมันมาตลอดตอนที่ไอจังไม่อยู่น่ะ” อายูมิคาดเดา

    “ดอก...เตอร์...” ไฮบาระเค้นเสียงลอดไรฟัน

    แต่ถึงอย่างนั้นมิตสึฮิโกะก็ยังสงสัยว่าทำไมโคนันต้องพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อนแบบนั้น ไฮบาระอธิบายว่าเพราะการโทรศัพท์ด่วนบนเครื่องบินจำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต แถมค่าบริการก็แพงเอาเรื่อง เลยต้องรีบๆ คุยให้เสร็จเร็วๆ

    เด็กหญิงคิดบางอย่างขึ้นได้พร้อมเผยรอยยิ้มปีศาจที่อายูมิเคยเห็นมาก่อน ไฮบาระเสนอให้กินตอนนี้เลย ถ้าทำเป็นแซนด์วิชจะเข้ากันได้ดีมาก

    “จริงสิ ฉันเพิ่งซื้อขนมปังมาจากร้านเบเกอรี่ที่หน้าสถานีเบกะมาด้วยนะ งั้นเรามาทำแซนด์วิชกันไหม” ไฮบาระฉุกคิดได้จากคำพูดของสึบารุ หรือว่าความกดดันที่เธอรับรู้ได้ตอนนั้นจะมาจากเขาที่บังเอิญ? อยู่ในร้านเบเกอรี่อย่างนั้นเหรอ

    เด็กๆ ร้องดีใจ ตกลงทันที อายูมิจูงมือไฮบาระให้รีบไปที่บ้านคุโด้ เด็กหญิงเดินตามขณะเหลือบมองแผ่นหลังกว้าง ไฮบาระหลบสายตาเมื่อชายหนุ่มหันมายิ้มให้ และยังคงคิดว่าแค่บังเอิญจริงๆ เหรอ

    สึบารุเอื้อมมือขวาหยิบมีดปลายยาวสำหรับหั่นขนมปัง ตัดแบ่งขนมปังปอนด์ออกเป็นแผ่นๆ ตอนนั้นเองก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้น แถมยังเป็นสายจากคนบนเครื่อง ไฮบาระสังเกตเห็นท่าทางกระอักระอ่วนของเขา จึงขอหูโทรศัพท์มาคุยเสียเอง ดอกเตอร์ตกใจที่จู่ๆ ไฮบาระก็มารับสาย แถมยังจับได้อีกว่าเขาแอบซื้อเนยถั่วกับแยมบลูเบอร์รี่มา

    เด็กหญิงอมยิ้มที่ถือไพ่เหนือกว่าและขอคุยสายกับ เอโดงาวะ ชินอิจิจึงต้องใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงรูปหูกระต่ายแปลงเสียงให้เป็นโคนัน “เอโดงาวะคุง ขอบใจที่โทรมาบอกซึบุรายะคุงนะ”

    “เหอะ คำขอบคุณสมกับเป็นเธอจริงๆ” เพราะเขารู้ไงล่ะว่าเธอประชด

    “แล้วก็...เที่ยวให้สนุกล่ะ คู่หู” ไฮบาระคืนหูโทรศัพท์ให้สึบารุ แล้วกลับไปทาแยมลงบนขนมปังที่ชายหนุ่มช่วยตัดขอบออกให้ต่อ

    มิตสึฮิโกะเห็นท่าทางอ่อนหวานของไฮบาระที่ทาแยมไป อมยิ้มมีความสุขไปแล้วแอบเพ้อ ถ้าผมกับคุณไฮบาระได้แต่งงานกันล่ะก็...ชีวิตของผมคงจะหวานเหมือนแซนด์วิชที่คุณไฮบาระทำให้ผมทานทุกวันเลยสินะ

    เด็กหญิงวางจานแซนด์วิชลงบนโต๊ะตัวเตี้ยในห้องรับแขก เชิญให้ทุกคนกินได้ เด็กๆ กล่าวขอบคุณอาหารแล้วลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย มีเพียงมิตสึฮิโกะที่หน้าเจื่อน เห็นทีเขาคงไม่ถูกกับของหวานเท่าไร

    สึบารุมองแผ่นหลังของเด็กหญิงที่หยิบแซนด์วิชขึ้นมากินแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก เธอจะรู้หรือเปล่านะ ว่าการที่เขาโผล่ไปที่ร้านเบเกอรี่นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

    อันที่จริงเขาเห็นชายชุดดำคนนั้นมาด้อมๆ มองๆ อยู่ละแวกนี้หลายวันแล้ว เพราะแบบนั้น ตอนที่เห็นพวกมิตสึฮิโกะทำหน้าตื่นเดินผ่านบ้านดอกเตอร์ไป เขาถึงได้...สะกดรอยไปด้วยความสงสัย ใช่ ทำตัวเหมือนพวกสตอล์กเกอร์นั่นแหละ

     




























    โปรดติดตาม...










    Talk กับ ไรท์
    สวัสดีรี้ดค่ะ เผื่อมีใครสงสัย (ไม่น่ามี ฮา) ฉากที่หนูไอไปค้างบ้านอายูมิ ไรท์ไม่ได้คิดเองนะคะ 
    เรียกได้ว่าถอดมา (เกือบจะ) เต็มๆ เจากโคนันภาคพิเศษ OVA11 ความลับจากลอนดอน ค่ะ
    ใครจิ้นไฮบาระกับคุณสึบารุ ห้ามพลาดตอนนี้เด็ดขาด ฟินมากๆ
     แจ้งเวลาอัปฟิคย้ำอีกครั้งนะคะ แอดจะอัปช่วงเวลาประมาณ 19:00-21:00 ค่ะ 
    จะได้ไม่มารอเก้อ ทางที่ดีกดติดตามไว้เลยค่ะ ไรท์อัปเมื่อไรจะได้อ่านทันที
    หรือใครจะเก็บไว้อ่านรวดเดียวทีหลังก็ได้ ไม่ว่ากัน 
    แต่ขอหัวใจเป็นกำลังใจให้ไรท์สักคนละดวง หรือคอมเมนต์สักหน่อยก็ได้นะคะ

    <3

    ป.ล. ช่วงใหม่ 

    โมเมนต์เด็ด โดนใจไรท์
    ไรท์อยากรู้น่ะค่ะ ว่าแต่ละตอน รี้ดมีคำพูด หรือโมเมนต์โดนใจกันบ้างไหมเอ่ย
    อย่างไรท์ ตอนที่ 4 สตอล์กเกอร์ หมายเลข 1 ไรท์ชอบโมเมนต์นึงมากๆ
    (เขียนเองชอบเอง ฮ่าๆ)



    ว่าแล้วคิดถึงอาหารฝีมือแม่เลย
    รี้ดล่ะคะ แต่ละตอน มีโมเมนต์ที่ชอบไหม มาคุยกันได้นะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×