คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เชอร์ล็อกเกียน หมายเลข 2
Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้
Parinuttha
ตอนที่ 2 เชอร์ล็อกเกียน หมายเลข 2
ไฮบาระนั่งอยู่ในห้องเรียนของโรงเรียนประถมเทย์ตัน เด็กหญิงพลิกหน้ากระดาษหนังสือในมืออย่างเหม่อลอย ด้วยยังคิดเรื่องของชายปริศนาที่โคนันอนุญาตให้มาอยู่บ้านของตนหน้าตาเฉย แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่เดือดร้อนอะไรสักนิด ยังคงเปิดอ่านข่าวในมือถืออย่างเอื่อยเฉื่อย
“ให้ตายสิ วางเพลิง ลักพาตัว ชนแล้วหนี” โคนันอ่านหัวข้อข่าวด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “ทำไมถึงมีคดีเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ได้ทุกวันล่ะเลยเนี่ย”
ไฮบาระลอบถอนหายใจ เก็บหนังสือเรียนของคาบก่อนใส่กระเป๋าเป้ ก่อนจะเปิดประเด็นที่เธอกำลังคิดอยู่ “สบายใจจังเลยนะ ผู้ชายที่มาขออยู่บ้านนายคนนั้นน่ะ ไปเชื่อใจเขาง่ายๆ แบบนั้น มันจะดีเหรอ”
“คนที่ชื่อโอกิยะ สึบารุ คนนั้นน่ะเหรอ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วง” เด็กชายตอบด้วยสีหน้ายิ้มนิดๆ
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ” เธอตอบอย่างปลงๆ เพราะป่วยการที่จะเปลี่ยนใจเขา
“อ๊ะ! โคนันคุง จะชนแล้วอะ” มิตสึฮิโกะร้องเตือนจากอีกฟากของห้อง แต่ก็ช้าเกินไป เมื่อเครื่องบินกระดาษที่เขาช่วยกันพับกับเก็นตะและอายูมิ ลอยลิ่วไปชนศีรษะของโคนันเสียก่อน
เด็กชายสวมแว่นเก็บเครื่องบินกระดาษที่มีลายแปลกๆ ลำนั้นขึ้นมาดู “เครื่องบินกระดาษเหรอ มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ว่าอะไรเนี่ย ไอ้ลายนี่มัน...ธงญี่ปุ่นเหรอ”
“อะไรกัน ไม่รู้เรื่องเลยเหรอ” ไฮบาระถามยอดนักสืบที่น่าจะรู้ไปหมดทุกเรื่องด้วยความแปลกใจ “เรื่องคนร่อนเครื่องบินกระดาษที่ดังทั่วเมืองอยู่ตอนนี้ไงล่ะ”
โคนันร้องอ๋อ จะว่าไป ข่าวนั้นก็เพิ่งผ่านตาเขาเมื่อกี้เอง ทั้งเมื่อวานซืนกับเมื่อวาน แค่สองวันก็มีคนเก็บเครื่องบินกระดาษในเมืองได้เกือบร้อยลำ และบนตัวเครื่องมีลายแปลกๆ เขียนไว้
ไฮบาระสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นพวกป่วนเมืองก็ได้ ดูจากการที่ร่อนออกมาเฉพาะตอนกลางคืน คงจะทำเพื่อเป็นการคลายเครียด
“พูดถึงเรื่องความเครียด เขาเอามาฉายซ้ำด้วยล่ะครับ เรื่องคดีฆาตกรรมความเครียดน่ะ” มิตสึฮิโกะพูดขึ้น ทำให้โคนันฉุกคิดได้ว่าเขายังไม่ได้ดู เพราะครั้งก่อนเวลาฉายชนกับรายการของ โอกิโนะ โยโกะ ลุงโมริเลยยึดทีวีไว้คนเดียว
เด็กชายรีบปลีกตัวออกมา โทร. ไปที่สำนักงานนักสืบโมริ เพื่อขอให้รันที่บอกว่าวันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวัน ช่วยอัดวิดีโอไว้ให้ดูย้อนหลัง แต่คนรับสายกลับเป็นเจ้าของสำนักงานและบอกว่ารันยังไม่กลับมา เพราะจะไปทำความสะอาดบ้านคุโด้ โคนันจึงคิดจะขอให้นักสืบโมริช่วยแทน แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้
‘เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ตอนนี้ที่นั่นมัน...’
นักสืบโมริงงกับโคนันที่จู่ๆ ก็วางสายไปทั้งอย่างนั้น หนุ่มใหญ่พลิกอ่านหนังสือพิมพ์ต่ออย่างไม่ใส่ใจ ขณะฟังข่าวโทรทัศน์เกี่ยวกับการลักพาตัวประธานบริษัทเดินเรือไปด้วย
โซโนโกะบ่นรันมาตลอดทาง ไม่เข้าใจว่าทำไมรันต้องมาทำความสะอาดบ้านให้พ่อหนุ่มนักสืบตัวดีเดือนละครั้ง แถมยังลากเธอมาด้วยอีกต่างหาก แม้เพื่อนสาวจะติดสินบนโดยการชี้เป้าร้านอร่อยๆ ให้แล้วก็ตามที แต่ก็ยังขัดใจคุณหนูอย่างเธออยู่ดี
รันไขกุญแจประตูเข้าไปได้เพียงครู่ก็ชะงัก สะกิดใจ เพราะรู้สึกถึงความเย็นภายในบ้าน เหมือนว่ากำลังเปิดแอร์อยู่
‘ชินอิจิ? ชินอิจิกลับมาแล้ว’
เด็กสาวทิ้งกระเป๋านักเรียนไว้ตรงหน้าทางเข้า วิ่งปราดเข้าไปเปิดประตูค้นตามห้องต่างๆ ด้วยความหวังว่าจะเป็นเขา จนกระทั่งถึงหน้าห้องน้ำ เธอได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในนั้น รันลุ้นด้วยใบหน้าแดงน้อยๆ
“ปัดโธ่...ถ้ากลับมาแล้วก็น่าจะบอกกันหน่อยสิ อ๊ะ!” รันว่าพลางเปิดประตูเข้าไปอย่างมั่นใจ แต่กลับพบใครก็ไม่รู้ยืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจก
“เอ่อ นี่คุณ...เป็นใครอะ”
ชายหนุ่มแปลกหน้าหันมาสบตากับเธอด้วยความงงงันพอกัน เขายืดตัวขึ้น เอาแปรงสีฟันออกจากปาก กำลังจะอธิบาย “เอ๋ เอ่อ คือว่า...”
แต่โซโนโกะที่ตามมาทีหลังก็โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจเสียก่อน “ตายแล้ว! ไม่จริงอะ ขโมยเหรอ?”
“โซโนโกะ ถอยไปก่อน” สีหน้าของเด็กสาวผมยาวเปลี่ยนสู่โหมดจริงจังทันที เธอตั้งท่า ยืนกันเพื่อนไว้
“เอ่อ คือ เอ่อ คือว่า...” ชายหนุ่มอยากจะอธิบาย แต่ก็ช้ากว่าฝ่าเท้าของเด็กสาว ม.ปลาย ที่ยกขึ้นมาฟาดเสยคาง
“ย้า!”
“อะ โอ๊ย!” ชายหนุ่มผงะล้มหงายหลัง นั่งลูบคางอยู่บนพื้นห้องน้ำเย็นเฉียบ โซโนโกะยื่นหน้าเข้าไปว่าสมน้ำหน้า บอกรันให้รีบโทรแจ้งตำรวจ แต่เพื่อนสาวนักคาราเต้กลับยืนนิ่งด้วยสีหน้างงๆ
‘เอ๋ เมื่อกี้...ไม่เหมือนเตะโดนเลยนะ เขาเป็นใครกันล่ะเนี่ย’ รันกะพริบตา มองผู้ชายแปลกหน้าที่ยังนั่งลูบคางอยู่
“เป็นความจริงเหรอ โคนันคุง?” รันถามเพื่อความแน่ใจ พอลองโทรไปหาโคนัน เด็กชายก็เล่าว่าชายแปลกหน้าคนนี้ชื่อ โอกิยะ สึบารุ เป็นนักศึกษาปริญญาโทที่ขอมาอยู่ด้วย และชินอิจิก็รู้เรื่องแล้วด้วย
“แต่ว่าอย่าพูดถึงเรื่องพี่ชินอิจิต่อหน้าผู้ชายคนนั้นเกินความจำเป็นด้วยนะครับ พี่รัน” โคนันรีบย้ำ เพราะถึงเขาจะยอมรับชายปริศนาคนนี้ แต่ก็ไม่อยากให้รู้เรื่องส่วนตัวของตนมากเกินไป โดยเฉพาะความลับที่เขาสัญญากับไฮบาระว่าจะปกปิดมันไว้
โคนันว่าจบก็รีบวางสายทันที เพราะครูโคบายาชิกำลังเดินเข้ามาแล้ว รันรั้งไว้ไม่ทัน ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ กับโซโนโกะ
“เพราะฉะนั้นแล้ว...ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ!” สองสาวโค้งขอโทษเก้าสิบองศาอย่างสำนึกผิด แต่อันที่จริงโซโนโกะรู้สึกหน้าแตกมากกว่า
“เอ่อ คือ...” สึบารุเกาท้ายทอย มองทั้งสองคนอย่างไม่คิดติดใจ
“ไม่ทันถามอะไร ก็ลงมือไปซะแล้ว” รันกล่าวด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม
“ใช่แล้วล่ะ รัน มีขโมยที่ไหนจะหล่อขนาดนี้นะเธอเนอะ ว่าไหม” โซโนโกะพูดเอาตัวรอด ขณะหลบอยู่หลังรันเขินๆ
“อะไรกัน โซโนโกะเองยังบอกว่าสมน้ำหน้าอยู่เลย” รันแอบจิกอย่างรู้ทันเพื่อนสาว
“เอ่อ ผมเองก็ผิดอยู่เหมือนกันที่ไม่รีบอธิบายให้เข้าใจน่ะครับ”
“ว่าแต่ คุณโอกิยะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยไหนเหรอคะ” พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ติดใจเอาเรื่องเอาราว เด็กสาวผมน้ำตาลก็เปลี่ยนเรื่อง ชวนคุยผูกมิตรทันที
“คณะวิศวะ มหาวิทยาลัยโทโตะครับ”
‘ว้าวๆ นอกจากหล่อแล้วยังฉลาดอีกด้วย’ เด็กสาวคิดในใจ ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาขอถ่ายรูปและยังขออีเมลแอดเดรส
“ยินดีครับ” สึบารุตอบยิ้มๆ
รันมองจิก เค้นเสียงห้วน “ฉันฟ้องคุณเคียวโงคุจริงด้วย”
“อุ๊ย งั้น...ขอแค่ถ่ายรูปอย่างเดียวละกัน” เธอว่าพลางใช้นิ้วกดปุ่มมือถือ
“แต่ก่อนอื่น ผมขอไปซื้ออะไรก่อนได้ไหมครับ เพราะตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเนี่ย ยังไม่ได้กินอะไรเลย” ได้ยินอย่างนั้น รันจึงคิดไถ่โทษ อาสาไปซื้อของให้ “ถ้างั้น ผมไม่เกรงใจล่ะ ขอเวลคัมเบอร์เกอร์ที่พวกคุณเพิ่งจะกินมาก็ได้นะครับ”
“เอ๊ะ พวกเราบอกคุณด้วยเหรอ ที่เราแวะเวลคัมเบอร์เกอร์ก่อนมาน่ะ” รันแปลกใจที่สึบารุรู้เรื่องนี้ นอกจากชินอิจิแล้ว เธอแทบไม่เคยเจอใครที่พูดทักขึ้นมาได้ถูกเผงอย่างกับตาเห็นแบบนี้เลย
“อ๋อ เปล่า เรื่องแค่นี้ไม่ยากหรอก” ชายหนุ่มสวมแว่นเอ่ยอย่างกระหยิ่มใจ คนที่น่าสงสัยคือคนผมน้ำตาล ตอนที่คิดว่าเขาคือขโมย เธอยื่นหน้ามาต่อว่าซะใกล้ แต่พอรู้ว่าไม่ใช่ก็ไปหลบอยู่หลังคุณผู้หญิงผมยาว ซึ่งตรงข้ามกับคนทั่วไป
“นั่นคงเพราะว่าเธอคงมีใจชอบผม...ที่เป็นเพศตรงข้ามอยู่บ้างไม่มากก็น้อย”
ข้อเท็จจริงที่เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาทำเอาโซโนโกะสะอึก ทั้งยังร่ายต่อว่าคงไม่อยากให้ได้กลิ่นปากของตัวเอง เพราะเพิ่งกินการ์ลิคแซนด์วิชที่มีกระเทียมมาก็ได้
“แต่ว่าอาหารอื่นที่ใส่กระเทียมก็มีเหมือนกันนะคะ” รันสงสัย สึบารุจึงอธิบายต่อว่ารู้จากท่าทางการใช้มือถือของโซโนโกะที่ใช้นิ้วนางซึ่งใช้งานยากกดแป้นพิมพ์ เพราะรู้สึกว่าที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วหัวแม่มือมีน้ำมันจากเฟรนช์ฟรายด์ติดอยู่และยังเช็ดออกไม่หมด
“นอกจากนี้ ที่ริมฝีปากของคุณผู้หญิงผมยาวก็มีเกลือติดอยู่นิดนึงน่ะครับ”
รันตกใจ รีบเลียริมฝีปาก ก่อนจะจูงมือโซโนโกะเข้าห้องน้ำ “ขอโทษค่ะ ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
สึบารุมองประตูห้องน้ำที่ปิดลง กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
“อะไรกันเนี่ย พ่อรูปหล่อคนนั้นน่ะ เป็นใครกันแน่นะ” โซโนโกะยังสงสัยไม่หาย ขณะเปิดก๊อกน้ำล้างมือ
“ไม่รู้สิ แต่บางทีฉัน...อาจจะเคยเจอเขาที่ไหนสักแห่งก็ได้” รันพยายามนึกอย่างคาใจ ทั้งเรื่องลูกเตะเมื่อกี้ที่เหมือนจะไม่โดนเขา และกลิ่นอายบางอย่างเหมือนกับคนคุ้นเคย “รู้สึกว่าเขาคล้ายใครบางคนนี่นา”
“อ๋อ ก็คงจะเป็นสามีของเธอ ชินอิจิคุงนั่นแหละ” โซโนโกะเท้าสะเอวว่า ทั้งเรื่องการสันนิษฐานอันเฉียบคบ และมาดหล่อเท่ ก่อนจะจุดประกายความคิดให้ทั้งสองคนแข่งกันดู
เสียงสั่นเบาๆ จากโทรศัพท์มือถือที่แอบซ่อนไว้ในลิ้นชักโต๊ะ ทำให้โคนันต้องละจากบทเรียนที่ครูกำลังสอน แล้วเปิดอ่านอีเมลจากรันส่งที่ส่งรายละเอียดคดีเครื่องบินกระดาษมาให้ ขณะเดียวกัน สึบารุก็ได้ดูเครื่องบินกระดาษของจริงที่เก็บได้จากสวนในบ้านของโซโนโกะ
“อย่างนี้นี่เอง เป็นรหัสที่น่าสนใจมาก” ชายหนุ่มว่าหลังจากพลิกดูเครื่องบินกระดาษไปแค่สองสามรอบเท่านั้น
ในเวลาแทบจะไล่เลี่ยกัน รันก็ได้อีเมลตอบกลับจากชินอิจิ พร้อมรายละเอียดวิธีการถอดรหัส
“บางทีความหมายของเครื่องบินกระดาษนี่ก็คือ...SOS” รันตกใจ เมื่อข้อสันนิษฐานของชินอิจิตรงกับสิ่งที่สึบารุเพิ่งพูดไปเปี๊ยบ
“วงกลมใช้แทนเครื่องหมายจุด ส่วนเส้นตรงใช้แทนขีดยาว” ชายหนุ่มอธิบาย
“สรุปแล้ว SOS ก็คือ จุด จุด จุด ขีด ขีด ขีด แล้วก็ จุด จุด จุด” โซโนโกะกับสึบารุหันไปมองรันเป็นสายตาเดียวกัน เมื่อเธออธิบายลำดับของรหัสมอร์สออกมา “ในเมลก็เขียนว่าอย่างนั้นอะ”
โซโนโกะแทบไม่เชื่อหูตัวเองที่ชินอิจิตอบอีเมลกลับมาเร็วขนาดนี้
“ชินอิจิคุง... จริงด้วยสิ เจ้าของบ้านหลังนี้ชื่อชินอิจิใช่ไหม” สึบารุถามอย่างสนใจ
“ไม่รู้จักเหรอคะ” โซโนโกะกระตือรือร้นตอบ “คนที่เป็นนักสืบทั้งที่ยังอยู่ ม.ปลาย ชื่อชิน...”
“เอ่อ คินอิจิค่ะ” รันพรวดพราดเข้ามาขัด “ที่ห้องเรามีเด็กผู้ชายชื่อคินอิจิ ที่ชอบทำตัวเป็นนักสืบอยู่ด้วย”
“ไม่ใช่ชินอิจิคุง แต่เป็นคินอิจิคุงเหรอครับ”
“ค่ะ ชินอิจิคุงที่เคยอยู่ที่นี่เป็นแค่เด็ก ม.ปลาย ธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก”
“แต่ผมไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นนะ” ชายหนุ่มว่าพลางมองไปรอบๆ ห้องหนังสือขนาดใหญ่ “เพราะว่าไม่มีร่องรอยอะไรที่แสดงว่าเขาเคยอยู่ที่นี่เลย ทั้งเสื้อผ้า ไดอารี่ หรือพวกอัลบั้มรูปอะไรก็ไม่มี แต่...ก็เท่าที่มองเห็นเท่านั้นนะครับ”
สึบารุค่อนข้างมั่นใจในความผิดปกตินี้ เพราะความจริงเขาได้ถือวิสาสะ เดินดูรอบๆ บ้านมาคร่าวๆ แล้ว
รันแก้ต่างแทนว่าชินอิจิคงจะอายที่เธอมาทำความสะอาดบ้านให้เลยเก็บไปหมด ขณะเดียวกันโซโนโกะก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่ร้านเบอร์เกอร์เมื่อครู่ มีพนักงานร้านถูกสั่งให้ปีนขึ้นไปเก็บเครื่องบินกระดาษที่ร่อนลงมาติดโลโก้หน้าร้าน ได้ยินอย่างนั้น รันก็ได้โอกาสขอตัว ลากโซโนโกะออกมาให้พ้นจากสึบารุที่ทำท่าจะสงสัยเรื่องของชินอิจิ
หลังจากเอาเครื่องบินกระดาษกลับมาให้สึบารุดู และส่งอีเมลไปหาชินอิจิแล้ว ก็ได้รู้เพิ่มว่าเจ้าของเครื่องบินกระดาษน่าจะถูกขังในที่ไม่มีสัญญาณ
รัน โซโนโกะ และสึบารุดูข่าวโทรทัศน์อยู่ในห้องหนังสือ ข่าวกำลังรายงานเรื่องการลักพาตัวประธานบริษัทต่อเรือ ทำให้ชายหนุ่มเชื่อมโยงเหตุการณ์ได้ว่าคนที่ถูกลักพาตัวไปน่าจะเป็นประธานบริษัทคนนี้แหละ เขาคงใช้เวลาตอนกลางคืนพับเครื่องบินกระดาษจากหน้านิตยสารแล้วร่อนออกมาขอความช่วยเหลือ
รหัสที่ใช้ก็เป็นรหัสมอร์สที่ใช้ในการเดินเรือ ประธานบริษัทซึ่งเคยเป็นลูกเรือมาก่อนจึงนำมาใช้ เพราะต่อให้คนร้ายเก็บได้ก็คงไม่เข้าใจ โดยที่ไม่รู้ว่าคนร้ายฆ่าตัวตายไปแล้ว
ต่อมาเป็นข่าวเครื่องบินกระดาษป่วนเมืองที่มีลายพับแปลกๆ สึบารุมองแค่แวบเดียวก็ฉุกคิดได้ ฉีกกระดาษจากสมุดโน้ตแล้วบรรจงพับเป็นรูปปลาหมึก พร้อมเขียนจุดลงไปตามในภาพข่าวที่เห็น
รหัสนั้นคือ รหัสมอร์สภาษาญี่ปุ่น วงกลมหนึ่งวงคือตัวเฮะ สองวงคือดาคุเท็น รวมกันเป็นเบะ บวกกับรูปร่างของเครื่องบินที่เหมือนหมึกกล้วย ซึ่งตรงกับคำว่า อิกะ ในภาษาญี่ปุ่น พอรวมกับคำว่าเบะก่อนหน้า จะได้ว่า เบกะ เป็นการเล่นคำ
“สรุปแล้ว เครื่องบินกระดาษทั้งสามลำ ก็คือ ประธานไดตะถูกขังอยู่ในที่ไม่มีสัญญาณ ที่เมืองเบกะ ให้รีบไปช่วยด้วย” ซึ่งสถานที่แห่งนั้นก็น่าจะเป็นตึกสูงอย่าง เบกะ ทาวเวอร์แมนชั่น “ยังไงก็ตาม ต้องรีบบอกตำรวจแล้วล่ะ”
ขณะที่รันกำลังหนักใจกับข้อสรุปของสึบารุ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น พอกดรับก็ได้ยินเสียงของคนที่ทำให้ใจเต้นแรง ชินอิจินั่นเอง...
โคนันซึ่งแอบโดดเรียนออกมาใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงรูปหูกระต่ายโทรไปหารัน บอกให้เอากล้องส่องทางไกลจากห้องของเขาไปที่โรงแรมนิวเบกะ เพื่อขึ้นลิฟต์แก้วแล้วลองส่องดูที่ระเบียงว่ามีห้องน่าสงสัยไหม ส่วนโซโนโกะก็ให้โทรแจ้งความ
“โหย...ฉันอยากไปกับรันจังเลยอะ”
“เอาเถอะ ที่เกิดเหตุน่ะให้คุณรันกับเขาจัดการเถอะ”
“เขาไหนเหรอ”
“ก็คนที่ชื่นชอบการสืบสวน ที่ชื่อคินอิจิคนนั้นไง คนนั้นแหละ” สึบารุกระตุกยิ้ม
ผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กสาวผมน้ำตาลรับสายจากเพื่อนรัก หลังจากที่เธอบุกเข้าไปช่วยประธานไดตะได้สำเร็จ และส่งต่อหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ชินอิจิโทรเรียกมาภายหลัง โซโนโกะถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนวางสาย
“เรียบร้อยดีใช่ไหมครับ”
“ค่ะ เพราะคุณสึบารุแท้ๆ เลย” สายตาของหล่อนเป็นประกาย “คุณเหมือนโฮล์มส์เลยล่ะค่ะ”
“ไม่หรอกครับ ผมยังเทียบเขาไม่ได้หรอก” สึบารุยกยิ้มมุมปาก “ผมก็เป็นแค่...เชอร์ล็อกเกียนเท่านั้นเอง”
บ้านทรงยุโรปหลังใหญ่กลับมาสงบเงียบอย่างเก่าหลังจากพวกรันกลับแล้ว ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว หยิบขวดเหล้าที่ดื่มค้างไว้เมื่อคราวก่อนออกมา แล้วกลับเข้าไปในห้องหนังสือ
ชายหนุ่มรินของเหลวสีชาลงบนก้อนน้ำแข็งทรงกลม แสงสีทองยามเย็นที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบ ทำให้เหล้าวิสกี้ประกายสีสวยขึ้น Baker’s mark ยี่ห้อของเหล้าเบอร์บองที่เขาชอบมากที่สุด
“เบอร์เบิ้น...” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเป็นสำเนียงญี่ปุ่น ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
ไฮบาระลอบถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า สุดสัปดาห์แบนนี้ แทนที่จะได้พักผ่อนอยู่บ้านให้ แต่กลับถูกพวกเด็กๆ ลากมาตกปลา อ้างว่ากลับมาแก้มือจากครั้งก่อน ตอนวันเกิดของดอกเตอร์อากาสะที่แทบจะตกกันไม่ได้เลย
แต่คราวนี้ ไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้นเสียด้วย เมื่อทุกคนตกปลาได้รวมกันเกือบยี่สิบตัว แถมเก็นตะยังตกปลากะพงดำได้อีกแล้ว ไฮบาระมองพวกเด็กๆ พลางอมยิ้ม เอาเถอะ ถ้ารู้สึกสนุกกันก็ถือว่าคุ้มแล้วล่ะนะ
เด็กหญิงมองออกไปในทะเล ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำจนฉาบผืนน้ำและท้องฟ้าเป็นสีเหลืองทอง แต่คนที่ควรจะพาพวกเธอมาที่นี่กลับมีงานติดพันจนต้องกลับไปกลางคัน จึงได้คุณเอจิริซึ่งเมื่อก่อนเคยไปตกปลาด้วยกันที่ทำนบกันคลื่น ช่วยดูแลทุกคนแทนจนกว่าดอกเตอร์จะมารับ
“เอาล่ะทุกคน เก็บอุปกรณ์กันได้แล้ว” ยังไม่ทันขาดคำ ไฮบาระก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือดังมาแต่ไกล พร้อมกับเงาของใครบางคนยืนอยู่ตรงหัวเรือ
“ดอกเตอร์…!” เด็กๆ ส่งเสียงร้องเรียกอย่างตื่นเต้น อยากอวดผลงานของตัวเองเต็มที ทว่าท้ายเสียงกลับค่อยๆ แผ่วลง “อ้าว ดอก...เตอร์”
“หา ไม่ใช่ ดร. นี่นา” เก็นตะเอ่ยงงๆ
ยิ่งเรือเคลื่อนมาใกล้ท่า ใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีโรสโกลด์ ในเสื้อคอเต่าและกรอบแว่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
“คนคนนั้น เป็นคนที่อาศัยอยู่บ้านข้างๆ ดร. สินะ” อายูมิว่า
“รู้สึกว่าจะเป็นนักศึกษาปริญญาโท ที่ชื่อว่าคุณ โอกิยะ สึบารุ สินะครับ” มิตสึฮิโกะจำเขาได้จากคดีคราวก่อน
โคนันมองชายผู้มาถึงด้วยท่าทางปกติ ต่างจากไฮบาระ ผู้ชายคนนั้นทำให้เธอรู้สึกขยาดและเริ่มขยับมาเกาะติดเขา
“หา! ดร. มาไม่ได้แล้วเหรอครับ”
พวกเด็กๆ ร้องอย่างตกใจ หลังสึบารุที่ลงจากเรือบอกว่าดอกเตอร์ยังซ่อมสิ่งประดิษฐ์ให้คนแถวบ้านไม่เสร็จ จึงวานให้เขามารับแทน โคนันนึกถึงสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ อย่างเครื่องทอดแฮมและไข่ที่ดอกเตอร์เคยสร้าง แล้วหัวเราะแห้งๆ
“เอาเถอะ เอาไว้คุยกันต่อในเรือนะ ถ้าไม่รีบเข้าเดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน” คุณอิดะ ชาวประมงเร่ง ขณะสาวเชือกเก็บ เตรียมออกเรือ
“เอ้า ต่อไป” คุณเอจิริช่วยอุ้มเก็นตะลงเรือ ต่อด้วยมิตสึฮิโกะ
“ระวังที่เท้าด้วยนะ” สึบารุเตือนอย่างสุภาพ อายูมิรับคำ ยิ้มกว้างพร้อมแก้มแดงน้อยๆ
โคนันกำลังจะเดินไปลงเรือบ้าง แต่ต้องหยุดกึก เมื่อไฮบาระยื่นมือมาจับไหล่เขาไว้ “อะไรของเธอน่ะ ท่าทางแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ก็รู้สึกน่ะสิ กับคนคนนั้น”
“คนคนนั้นเหรอ” โคนันเลิกคิ้ว ก่อนหันไปมองคนที่น่าจะใช่คนที่เธอหมายถึง “คุณโอกิยะ สึบารุ นั่นน่ะเหรอ เธอรู้สึกยังไงล่ะ”
“ก็มีกลิ่นอายเหมือนพวกชุดดำที่นายบอกไงล่ะ”
“นี่เธอ ป่านนี้ยังรู้สึกอีกเหรอ” เด็กชายประหลาดใจกับเซนส์สัมผัสของเธอ เขาคิดว่ามันหายไปนานแล้วซะอีก
“เปล่า ที่รู้สึกน่ะ มันแค่ตอนแรกที่เจอเขา” ไฮบาระนึกถึงความรู้สึกที่เจอเขาครั้งแรกตอนคดีไฟไหม้อะพาร์ตเมนต์ “ความกดดันที่เป็นเอกลักษณ์อย่างนั้น คิดยังไงเขาก็น่าจะเป็นคนในองค์กร”
“เธอแค่มีอคติมากไปแค่นั้นล่ะมั้ง”
“เอ้า ทำอะไรกันอยู่น่ะ พวกเธอรีบขึ้นมาเร็วๆ เข้า” เด็กชายหันขวับเมื่อถูกคุณเอจิริเร่งให้ขึ้นเรือ พวกเขาจึงต้องหยุดการสนทนาไว้เท่านั้น
ทว่า ไฮบาระยังไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ ยามวิ่งผ่าน เธอสังเกตเห็นใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ต้องแสงนั้นตะวัน ปรากฏรอยยิ้มกระหยิ่มใจ
“อ๊ะ!” ไฮบาระใจหายวาบ เมื่อไม่ทันมองทางจนสะดุดเข้ากับขอบซีเมนต์ เด็กหญิงคะมำไปข้างหน้าท่ามกลางความตกใจของทุกคน
แต่ก่อนที่จะตกทะเลไปโครมใหญ่ ก็รู้สึกเหมือนมีใครรั้งไว้จากด้านหลัง ชายแปลกหน้าที่เธอสงสัย โอกิยะ สึบารุ เป็นคนช่วยรับเธอไว้ได้ทันอย่างฉิวเฉียด
“ระวังหน่อยสิ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเกินกว่าจะเป็นการดุ
“คะ...ค่ะ” ไฮบาระตะลึงงัน รับคำงงๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัว นี่คงเป็นเพราะความตกใจสินะ
เรือแล่นออกจากทำนบสู่ผืนทะเลกว้างเพื่อนำทุกคนกลับขึ้นฝั่ง แต่พวกเด็กๆ ยังหงอยไม่หาย เสียดายที่ตกปลามาได้ตั้งมากมาย แต่ดอกเตอร์กลับมากินด้วยกันไม่ได้
“ถ้างั้น...ฉันเป็นคนแล่ให้เอาไหมล่ะ”
“คุณน่ะ ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ” เก็นตะถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“อื้ม ก็พอได้อยู่นะ ถึงจะไม่เก่งเท่ากับพ่อครัวมือหนึ่ง แต่ถ้าเป็นอาหารบ้านๆ ล่ะก็” สึบารุขันอาสา “งั้น ฉันไปขอยืมครัวบ้าน ดร. แล้วทำอาหารให้กินละกันนะ”
“ไชโย!” เด็กๆ ร้องตะโกนดีใจ พยักหน้าตกลง
ลมทะเลยามอาทิตย์ตกพัดจนเส้นผมสีน้ำตาลแดงปลิวไสว และพัดเอาความอุ่นใจยามมองเขาคนนั้นมาด้วย ไฮบาระแปลกใจตัวเอง ทั้งที่เธอขยาดเขามากขนาดนี้แท้ๆ
ความคิดเห็น