คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แดง ขาว เหลือง และดำ
Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้
Parinuttha
อารัมภบท
ห้องแล็บเคมีในสถาบันวิจัยยาแห่งหนึ่ง ขนัดไปด้วยนักวิจัยและอบอวลด้วยบรรยากาศตึงเครียด เมื่อเหล่านักวิทยาศาสตร์พากันเร่งมือไม่ต่างจากมดงานในรังใต้ดิน เพื่อทำโปรเจกต์ใหญ่ขององค์กรให้สำเร็จตามเป้า
หญิงสาวผมสั้นในชุดเดรสสีแดงสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวกำลังสั่งงานผู้ใต้บัญชาอย่างแข็งขัน สิ่งที่ฉายอยู่บนแววตานั้นมีเพียงความมุ่งมั่นและความตั้งใจสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อกับแม่
Silver Bullet ยาในฝันที่พ่อกับแม่ทำค้างไว้ ยาที่เป็นดั่งพระเจ้า...สามารถย้อนกระแสเวลาให้กลับคืน
เธอละมือจากเครื่องตวงส่วนผสม เมื่อชายร่างสูงสวมชุดสูทสีดำมาเรียกให้เธอไปรับสายตรงจากคนสำคัญ
“คิดว่าจะเสร็จเมื่อไหร่”
เสียงทุ้มใหญ่แหบพร่าดังออกมาจากลำโพงที่ต่อตรงกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ บนหน้าจอปรากฏโปรแกรมสนทนาลับและซีเรียลนัมเบอร์ No.001
“ฉันจะพยายามเร่งมือให้เร็วที่สุด คงเสร็จไม่เกินเดือนหน้าค่ะ”
ปลายสายเงียบไปคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงด้วยความหมายตามคำพูด “ฉันคาดหวังในตัวเธอมากนะ เชอร์รี่”
“ค่ะ...บอส”
หญิงสาวสูดลมหายใจได้เต็มปอด ก็ตอนออกมาจากห้องแล็บใต้ดินมืดครึ้มสู่ห้องอาหารที่พอจะมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ข้างนอกเพื่อพักทานข้าวกลางวัน
แสงแดดสดใสและรอยยิ้มของผู้คนเป็นสิ่งที่เธอโหยหามากที่สุด ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยใส่ใจด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เธอได้ชินกับมันเสียแล้ว เพียงช่วงเวลาสั้นๆ หลังเธอหนีออกไปจากคุกสีดำแห่งนี้
ตั้งแต่ตอนที่เธอทรยศองค์กรคราวนั้นก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิม น่าเบื่อหน่ายไม่ต่างจากเดิม ทั้งอึดอัด อึมครึมและดำมืด จนอยากจะหนีไปให้ไกล
ชีวิตของเธอมีแต่สีดำเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางฝูงอีกาทมิฬ และบางครั้งยังโรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงซึ่งภายใต้นั้นซ่อนหนามแหลมคมคอยทิ่มแทงจนเลือดสีสดทะลักออกมา
ราวกับเดินอยู่ในทุ่งดอกฮิกังบานะ ดอกไม้แห่งความตาย ทว่าครั้งหนึ่งชีวิตของเธอเคยเป็นสีขาว สีเหลืองและสีชมพู เหมือนทุ่งดอกคอสมอส ซากุระแห่งฤดูใบไม้ร่วง ทั้งสดใส อบอุ่นและอ่อนโยน เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ มิตรภาพและความรัก ในตอนที่เธอเป็น ‘ไฮบาระ ไอ’ เด็กประถมธรรมดาคนหนึ่ง
แต่ชีวิตที่มีสีสันอาจเป็นเพียงความทรงจำ ไม่สามารถกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีกแล้ว เมื่อคราวนี้เธอเลือกที่จะเดินกลับเข้ามาสู่เส้นทางสีดำด้วยตัวเองอีกครั้ง
ชิโฮะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเห็นชายหนุ่มในสภาพนี้ คนที่ได้ชื่อว่า ‘กระสุนเงิน’ กลับยอมโดนซ้อมจนน่วมเพียงเพราะไม่อยากให้เธอต้องเจ็บไปมากกว่านี้ ทว่ายิ่งเห็นเขาถูกทำร้ายมากเท่าไร ใจของเธอก็ยิ่งร้อนรนจนเกินจะทนไหว
“พอ! พอแล้ว!” หญิงสาวร้องห้ามชายผมเงินที่กำลังเงื้อมือจะชกอีกหมัด
“พอ? เชอร์รี่... มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่สาวเธอต้องตายนะ เธอควรจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำ”
“พูดอะไรไม่อายปากเลยนะ คนที่ฆ่าพี่สาวฉันคือคุณไม่ใช่หรือไง ยิน” แววตาเกลียดชังที่มีให้เขาต่างจากแววตาห่วงใยที่มีให้อากาอิ ชัดเจนว่าหลังหนีออกจากองค์กรไป เชอร์รี่ได้เจอกับอากาอิและมีบางอย่างที่ ‘สำคัญ’ เกิดขึ้น
“ฮ่าๆๆ” ชายผมเงินระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจยามเห็นท่าทีของคนสองคน “ทั้งๆ ที่มันเป็นคนทำให้เธอต้องตกนรกทั้งเป็นเนี่ยนะ”
“หยุดนะ!” ชิโฮะรีบตวาดห้าม เพราะเดาได้ว่ายินอยากจะพูดอะไร
“หยุดทำไมล่ะ เชอร์รี่ กำลังสนุกเลย”
อากาอิถุยน้ำลายปนเลือดทิ้ง เขาพักหอบหายใจขณะมองชายผมเงินกับหญิงสาวผมน้ำตาลแดงสลับกันไปมาด้วยความสับสน ตอนนี้ตัวเขาระบมไปหมด แต่ความเจ็บทางกายที่ได้รับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บทางใจที่ต้องเห็นรอยฟกช้ำบนร่างกายของเธอ และความเจ็บทั้งหมดที่ว่ามาก็ไม่อาจเทียบกับสิ่งที่เขาจะได้ยินต่อจากนี้เช่นกัน
“แกรู้ไหม ว่าหลังจากแกออกจากองค์กรไป เชอร์รี่ต้องเจอกับอะไรบ้าง”
“หุบปากซะ ยิน”
ชิโฮะพยายามห้าม แต่คนลำพองฟังเสียที่ไหน เขาเดินไปหาแล้วส่งเสียงให้เธอเป็นฝ่ายเงียบ “ชู่...”
เจ้าของนัยน์ตาสีเทาแสยะยิ้มมุมปากก่อนเฉลย “ฉันต้องขอบคุณแกนะ เพราะแกแท้ๆ ฉันถึงได้ขึ้นสรรค์กับเชอร์รี่”
“นี่แก หรือว่า...”
“โอ้ ใช่ ฉันกับเชอร์รี่น่ะ...ไม่ต้องอธิบายก็น่าจะรู้แล้วนะ”
คำพูดของยินกระตุกหัวใจชิโฮะให้หล่นวูบ เธออยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่บรรยากาศรอบข้างคล้ายจะเงียบสงัดลงครู่หนึ่ง เธอไม่ได้ยินเสียงใคร แม้กระทั่งเสียงของตัวเอง มีเพียงภาพของอากาอิที่กำลังโกรธจัดยืนอยู่ตรงหน้า ทว่ายิ่งมองเขาก็ยิ่งห่างไกลออกไป
ถึงจะเตรียมใจไว้แค่ไหน พอถึงเวลาจริงๆ มันเลวร้ายยิ่งกว่าที่คิดเสียอีก แต่เมื่อเลือกเดินในเส้นทางสีดำนี้แล้ว เธอคงทำได้เพียงยอมรับผลของมันเท่านั้น !
PART 1 การพบกัน
--------------------------------------------
ตอนที่ 1 แดง ขาว เหลือง และดำ
“ไอคุง...”
เสียงแหบแห้งตามอายุลอดผ่านหูไป เพราะเธอไม่ได้สนใจมากไปกว่าเงาหลังผ้าม่านที่ไหววูบจากหน้าต่างบ้านหลังข้างๆ
บ้านผีสิงอิโต้ที่เด็กๆ ในละแวกร่ำลือกัน แท้จริงแล้วเป็นบ้านของ ‘คุโด้ ชินอิจิ’ นักสืบ ม.ปลาย ที่ถูกจับกรอกยาพิษ APTX4869 จนร่างกายกลายเป็นเด็ก ต้องใช้ชีวิตในฐานะเด็กประถมที่ชื่อ ‘เอโดงาวะ โคนัน’ อย่างทุกวันนี้
ไฮบาระไม่เคยมองว่าบ้านอิโต้หรือบ้านของชินอิจินั้นเป็นบ้านผีสิงอย่างที่พวกเด็กๆ กลัวกัน จนกระทั่งพ่อหนุ่มนักสืบจอมอวดดียื่นกุญแจบ้านของตัวเองให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่อาศัย ทั้งที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าหน้าตาเฉย ในความคิดเห็นของเธอ คนแปลกหน้าคนนั้น...น่ากลัวยิ่งกว่าผีซะอีก
เพราะเพียงแรกวินาทีที่เจอกันก็ทำให้ไฮบาระขนลุกเกรียว ความรู้สึกที่ทิ่มแทงราวกับถูกล้วงเข้าในลำไส้นั้น เหมือนกันไม่มีผิด เหมือนกับ...คนในองค์กร
เสียงอีการ้องระงมสร้างบรรยากาศวังเวงแม้อยู่ในช่วงกลางวัน มันกระพือปีกโผบินขึ้นไป ทิ้งขนสีดำให้ปลิวหลุดร่วงลงบนเศษไม้ที่ดำไหม้เหลือเพียงซาก
“เมืองเบกะ หมู่ 2” มิตสึฮิโกะเอ่ยขึ้นช้าๆ สลับกับมองบรรยากาศรอบๆ “เลขที่ 23 โมคุบะโซ...”
“ที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ” เขาถามย้ำอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่ออะพาร์ตเมนต์ของไคโตะ เพื่อนนักเรียนห้อง A ที่นัดกันว่าจะให้ชมรมนักสืบเยาวชนมาหาวันนี้ ถูกไฟไหม้จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
“มันอะไรกันเนี่ย ไฟไหม้ซะดำเป็นตอตะโกเลย” เก็นตะเอ่ยพร้อมกลืนน้ำลายเอื๊อก
อายูมิยืนตัวแข็ง ยกมือขึ้นปิดปาก “ไม่น่าเชื่อเลย”
“จริงสิ เมื่อคืนได้ยินเสียงไซเรนด้วยนี่นา” ไฮบาระนึกขึ้นได้ เมื่อคืนกลางดึกเธอได้ยินเสียงไซเรนรถดับเพลิงดังอยู่ใกล้ๆ บ้านดอกเตอร์ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นที่นี่
“ถ้างั้น เด็กคนนั้นล่ะ” อายูมิถามด้วยเสียงสั่นไหว น้ำตาคลอเบ้า “ไคโตะคุง เป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย”
“บางทีอาจจะถูกไฟครอก...” มิตสึฮิโกะเสียงเศร้า
“ไม่หรอก เด็กที่ชื่อไคโตะคนนั้นปลอดภัยดี แค่โดนไฟลวกเล็กน้อยเท่านั้น” เสียงแหบห้าวของสารวัตรยูมินางะจากแผนกวางเพลิงที่ดังขึ้นด้านหลังกลุ่มนักสืบเยาวชนช่วยทำให้เด็กๆ ใจชื้น
โชคดีที่คราวนี้ไม่มีคนเสียชีวิต แต่พ่อของไคโตะบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ส่วนผู้พักอาศัยทั้งสามคนออกไปข้างนอกพอดีเลยไม่มีใครเป็นอะไร
“อาจจะเป็นคนใดคนหนึ่งในสามคนนั้นก็ได้ ที่วางเพลิงน่ะ” คำพูดของเก็นตะทำเอาสารวัตรยูมินางะมุ่นหัวคิ้ว
“เมื่อวานนี้ไคโตะคุงบอกเราว่าหนึ่งในสามคนนั้นชอบออกมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ตอนกลางดึกด้วยค่ะ” อายูมิอธิบายเสริม
“แล้วพอเรามาตรวจสอบดู ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ” มิตสึฮิโกะพูดปิดท้าย
“สารวัตรยูมินางะครับ เราเจอสมุดนี่ในกองเถ้าถ่านครับ” ตำรวจหนุ่มแผนกเดียวกันนำสมุดไดอารี่ของไคโตะที่ค้นเจอมาให้ผู้เป็นหัวหน้าดู
สมุดไดอารี่สีเขียวปกลายผีเสื้อถูกเขม่าควันย้อมจนดำแต่ยังสามารถอ่านเนื้อหาข้างในได้ สมุดบันทึกนั้นเขียนถึงวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ช่วงกลางดึกตีสาม ว่า...
‘วันนี้อากาศไม่ดีตั้งแต่เช้าเลย ผมจำเป็นต้องรีบไปโรงเรียน แต่คุณสีแดงอาจจะตื่นสายก็ได้’
“คุณสีแดงนี่คืออะไรนะ” สารวัตรยูมินางะพึมพำกับตัวเองก่อนอ่านเนื้อหาต่อ
‘พอกลับจากโรงเรียนก็หกล้ม แต่โชคดีที่คุณสีขาวกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี... คืนนี้ทั้งคุณสีแดง คุณสีขาวและคุณสีเหลืองออกไปข้างนอก ก็เลยอยู่กับพ่อแค่สองคน พรุ่งนี้แก็งนักสืบจะมาบ้าน รีบเข้านอนดีกว่า ใครกันเนี่ย มีบางคนกลับมาตอนดึก คุณสีเหลืองนั่นเอง เถียงกับคุณพ่อด้วยล่ะ น่ากลัวจัง นอนดีกว่า’
“งั้น คนที่วางเพลิงต้องเป็นคุณสีเหลืองแน่เลย” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเก็นตะ
“สารวัตรยูมินางะ ผู้อาศัยทั้งสามคนเป็นใครกันเหรอครับ” โคนันครุ่นคิดอยู่นานก่อนเอ่ยขึ้น สารวัตรยูมินางะจึงขอให้ลูกน้องช่วยพาผู้พักอาศัยสามคนมาทางนี้
ชายหนุ่มผิวคล้ำแปะพลาสเตอร์ ชายหนุ่มร่างสูงสวมแว่นตา และชายร่างท้วมวัยกลางคน ค่อยๆ เดินไปทางกลุ่มนักสืบเยาวชนตามคำเชิญของลูกน้องสารวัตร แต่เพียงชั่ววินาทีนั้นไฮบาระกลับรู้สึกถึงหัวใจที่กระตุกวูบ ความเย็นเฉียบแผ่ซ่านทั่วร่างก่อนขนจะลุกซู่ไปทั้งตัว !
‘ความรู้สึกแบบนี้...สายตาที่จับจ้องไปที่เหยื่อ ความกดดันที่เหมือนถูกล้วงเข้าไปในลำไส้’
“เป็นอะไร” โคนันเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางไฮบาระแปลกไป เธอถอยมาเกาะติดเขาอย่างทุกครั้งที่รู้สึกถึงกลิ่นอายอำมหิตนั่น
‘อยู่แน่ อยู่แถวๆ นี้แหละ คนขององค์กรน่ะ ทำไม ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้’
ไฮบาระเหงื่อแตกพลั่ก สายตากวาดมองชายสามคน ขณะจมดิ่งอยู่ในห้วงความกลัว ‘ไม่สิ ไม่มีเวลาคิดแล้ว ต้องรีบหนี รีบหนีไปจากที่นี่ ต้องบอกทุกคน ไม่อย่างนั้น...’
‘อะ! หายไปแล้ว’ ไฮบาระแปลกใจเมื่ออยู่ๆ ความกดดันก็หายไปเฉยๆ
“นี่ เป็นอะไรหรือเปล่า” เธอผ่อนคลายมากขึ้น จึงทำทีเฉไฉปฏิเสธเพื่อนเด็กๆ ที่ไถ่ถามเธอด้วยความเป็นห่วง แต่ไฮบาระมั่นใจเหลือเกิน ต้องเป็นใครสักคนในสามคนนี้แน่ คนขององค์กรน่ะ !
สารวัตรยูมินางะสอบปากคำผู้พักอาศัยจนถึงตาของชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูท เขาสวมแว่นตาและดูท่าทางภูมิฐานมากกว่าผู้พักอาศัยอีกสองคน เพราะเป็นนักศึกษาปริญญาโท ชื่อ ‘โอกิยะ สึบารุ’ อายุ 27 ปี
ตอนเกิดเหตุเพลิงไหม้เขาออกไปขับรถเล่นแถวถนนริมฝั่งแม่น้ำเทบุสึ เห็นสีเขียวๆ ของต้นไม้แล้วทำให้รู้สึกสบายใจจึงขับรถไปเรื่อยๆ
“ดอกไม้ในสวนของอะพาร์ตเมนต์นี้ ผมก็เป็นคนรดน้ำนะครับ”
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นสีที่คุณชอบคงจะเป็นสีเขียวสินะ” สารวัตรคาดเดา
“เปล่าครับ อือ ถ้าจะให้เลือกนี่...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสคาง ใคร่ครวญอย่างจริงจัง
“ต้องเป็นสีดำ” คำตอบนั้นทำเอาหัวใจของไฮบาระกระตุกวาบอีกครั้ง
ชายหนุ่มอธิบายต่อ “เพราะว่ามันช่วยปกปิดสิ่งที่เราไม่อยากให้คนอื่นรู้ได้ดี แต่ว่าด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ บางครั้งผมก็ไม่ชอบสีดำเหมือนกันครับ”
แม้ความกดดันจะหายไปแล้ว แต่ไฮบาระไม่อาจนิ่งนอนใจ ระหว่างที่ตำรวจคนอื่นกำลังสอบปากคำชายสามคนนั้นเพิ่ม จะต้องพิสูจน์ให้แน่ใจ
“นี่ ซึบุรายะคุง ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
มิตสึฮิโกะรับคำงงๆ เพราะสิ่งที่ไฮบาระขอให้ช่วยคือให้เขาเดินถอยหลังไปอีกสิบก้าว เด็กชายกำลังจะถามเหตุผล แต่ก็ต้องหน้าแดงเมื่อไฮบาระจับใบหน้าเขาให้จ้องมองเพียงเธอ
ไฮบาระจ้องเขม็งไปที่ชายทั้งสามด้วยความคิดที่ต้องกระชากตัวตนคนชุดดำออกมาให้ได้ เผลอออกแรงจิกไปที่ไหล่ของมิตสึฮิโกะจนเด็กชายเสียหลักล้มลงกับพื้น โชคดีที่ชายสวมกางเกงขาสั้นซึ่งเป็นช่างไม้มือใหม่พกพลาสเตอร์ติดตัวไว้พอดี
โคนันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้างแล้ว แต่เมื่อลูกน้องของสารวัตรยูมินางะทำท่าจะไม่เชื่อเนื้อความในสมุดบันทึกของไคโตะ เขาจึงพูดเสริมด้วยประโยคยอดฮิตของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์
“ปริศนาบ้านต้นบีช ใช่ไหม” โคนันแปลกใจเมื่อรู้ว่านักศึกษาโอกิยะเองก็เป็นแฟนคลับของโฮล์มส์
โคนันไขปริศนาคุณสีเหลืองออกก็ตอนที่รู้ว่าไคโตะคุงชอบมินิคาร์มากจนเก็บสะสมไว้ร่วมร้อยคัน ยิ่งเมื่ออายูมิขอดูสมุดบันทึกของไคโตะและสังเกตเห็นว่าตรงชื่อเอโดงาวะของโคนันถูกลบแล้วเขียนใหม่หลายครั้ง ซึ่งตัวหนังสือก่อนหน้าพอจะอ่านได้ว่า คุโระชิ... จึงทำให้เขาเผยรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจ
“ในฐานะที่เป็นคุโระชิโระคุง ผมจะทำให้ปริศนาทั้งหมดกระจ่างเดี๋ยวนี้”
กุญแจของปริศนาอยู่ที่รถมินิคาร์ หากเปรียบสีตามลักษณะรถแล้วก็จะได้ว่า คุณสีแดงคือนักศึกษาโอกิยะ เพราะเขามักรดน้ำต้นไม้ในสวน เป็นตัวแทนของรถดับเพลิง
คุณสีขาวคือชายหนุ่มซึ่งเป็นช่างไม้ที่มักเจ็บตัวบ่อยๆ และเคยให้พลาสเตอร์กับไคโตะ เป็นตัวแทนของรถพยาบาล
คุณสีเหลืองเป็นตัวแทนของรถขุดในงานก่อสร้าง นั่นคือชายร่วงท้วมที่อ้างว่าชอบเล่นเกมเซอร์ไวเวิล แต่ที่จริงแอบขุดหลุมลับๆ ล่อๆ ในสวน ซึ่งก็คือคนร้ายวางเพลิงนั่นเอง
ส่วนชื่อคุโระชิโระที่ไคโตะตั้งให้โคนันนั้น มาจากรถตำรวจที่มีสีขาวและดำ เป็นตัวแทนของความฉลาดหลักแหลมไม่แพ้ตำรวจมืออาชีพ
คดี แดง ขาว เหลือง คลี่คลายไปได้ด้วยดี แต่ไม่อาจทำให้ไฮบาระวางใจได้ และยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีก เมื่อจู่ๆ โอกิยะ สึบารุ ขอตามกลับไปที่บ้านดอกเตอร์ด้วย แถมพ่อคุณยังเอ่ยคำขอที่ไฮบาระไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“งั้น ถ้ามีคนมาอยู่เพิ่มอีกคนคงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ” ไฮบาระเกาะชายเสื้อดอกเตอร์ด้วยใจเต้นระรัว บ้าไปแล้วหรือไง ไม่รู้จักกันแต่มาขออยู่ด้วยหน้าไม่อาย
“เอ่อ ก็ไม่มีปัญหาหรอกนะ ถ้าเด็กคนนี้เขายอมโอเคล่ะก็” ไฮบาระสั่นหัวพรืด เธอไม่มีวันยอมแน่
“งั้น...มาอยู่ที่บ้านพี่ชินอิจิดีไหมล่ะครับ” โคนันเสนอ
ชายหนุ่มมองลอดหน้าต่างไปยังบ้านทรงยุโรปหลังข้างๆ “โอ้โห บ้านสวยมากเลยนะ แต่จะดีเหรอ”
“อื้อ” โคนันรับคำยิ้มๆ แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็รู้สึกถึงแรงกระชากจากข้างหลัง
“เดี๋ยวก่อน” ไฮบาระดึงโคนันมากระซิบกระซาบ “คิดอะไรของนาย ให้คนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามาอยู่บ้าน เกิดรู้ความลับของนายขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า...” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังก่อนเผยรอยยิ้มกว้าง “เพราะแฟนของโฮล์มส์น่ะไม่มีคนชั่วหรอก”
“หา...” ไฮบาระนึกเอือมกับนิสัยชอบทำอะไรเสี่ยงๆ ของอีกฝ่าย ซึ่งครั้งนี้ออกจะแปลกไปสักหน่อย ทั้งที่ปกติเขามักระแวงทุกคนที่เข้าใกล้แท้ๆ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเจ้าตัวอนุญาตเอง
“ขอบใจนะ ช่วยได้มากเลย” โอกิยะ สึบารุ รับกุญแจบ้านมาจากโคนันที่ทำเป็นอ้างว่าจะส่งอีเมลไปบอกชินอิจิทีหลัง
“แต่ในทางกลับกัน ช่วยเฝ้าบ้านให้ดีๆ ด้วยนะครับ”
“อื้ม แน่นอนอยู่แล้วล่ะ” โอกิยะรับคำพร้อมส่งสายตาที่เหมือนรู้กันแค่สองคน
“ไอคุง...” เสียงแหบห้าวนั้นยังคงกลืนหายไปกับอากาศ จนดอกเตอร์อากาสะต้องเร่งเสียงให้ดังขึ้น “ไอคุง!”
“อะ คะ?” เธอออกจากห้วงความคิด เพิ่งรู้สึกตัวว่ายืนอยู่ตรงนี้เสียนาน
“ยืนเหม่ออะไรตรงนั้นน่ะ รายการสัมภาษณ์นักเตะฮิโกะกำลังจะเริ่มแล้วนะ”
แย่ละ เพราะแค่เรื่องบ้าๆ ของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งทำให้เธอเกือบพลาดเรื่องสำคัญไปเสียแล้ว แต่จะว่าไปแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กซะทีเดียว ถ้าหากว่า...
ไฮบาระนั่งลงบนโซฟาตรงกลางจอโทรทัศน์ แต่ก่อนจะทันตั้งใจดูนักเตะคนโปรดก็หวนนึกถึงคำพูดของเขาอีกครั้ง
‘ถ้าจะให้เลือกนี่...ต้องเป็นสีดำ เพราะว่ามันช่วยปกปิดสิ่งที่เราไม่อยากให้คนอื่นรู้ได้ดี’
สีดำงั้นเหรอ...จริงอยู่ว่าตอนนี้เธอไม่รับรู้ถึงความกดดันเหมือนตอนนั้นอีกเลย แต่กลิ่นอายของเขาออกจะแตกต่างไปจากคนอื่น ที่แน่ๆ คือ ไม่ใช่คนธรรมดา
เขาเป็นใครกันแน่นะ โอกิยะ สึบารุ
จบตอนที่ 1
----------------
Parinuttha
(30.09.20)
ความคิดเห็น