ตอนที่ 16 : รักนิรันดร์ <ไม่เกี่ยวเนื้อหาหลัก>
นานมาแล้วมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาถึงคู่รักคู่หนึ่ง พวกเขาถูกเล่าขานถึงความรักของทั้งสองมาอย่างยาวนาน นับจนถึงปัจจุบันนี้
ฉันจะเล่าถึงเรื่องเล่านั้นให้เธอฟัง เรื่องมีอยู่ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.. ผู้คนต้องอาศัยอยู่กับเหล่าปีศาจต่างเผ่าพันธุ์อยู่นานนับร้อยปี หมู่บ้านแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเหล่าปที่กระหายโลหิตของมนุษย์เป็นที่สุด ผู้คนต่างหวาดกลัวและได้แต่หลบอยู่ในที่พักอาศัยเพื่อหลบเงาของปีศาจเหล่านั้น
วันวานได้ผ่านพ้นไปภายใต้ความหวาดระแวง จิตใจของผู้คนเริ่มดำดิ่งสู่ความมืดมิด ไร้ที่พึ่งพิง ไม่มีใครที่จะสามารถแก้ไขในเรื่องนี้ได้ นับวันคนของหมู่บ้านนี้ก็เริ่มจางหายไปทีละคน ทีละคน..
แต่แล้วคืนหนึ่ง ในขณะที่เหล่าผู้กระหายโลหิตกำลังออกล่าเหยื่อ พวกเขาก็ได้พบเจอกับกลุ่มบุคคลที่ถูกเล่าขานกันว่าเป็นผู้กล้าบ้างล่ะ นักบุญบ้างล่ะ นักกำจัดปีศาจบ้างล่ะ.. ในคืนนั้นเหล่าปีศาจได้ถูกกำจัดเป็นจำนวนมาก ผู้คนในหมู่บ้านต่างหลั่งน้ำตาแห่งความปิติยินดีกันไม่ขาด พวกเขาดื่มฉลองกันราวกับได้รับการปลดปล่อยจากฝันร้าย
“เหล่าพี่น้องของข้าเหตุใดพวกเจ้าจึงสลายกลายเป็นเถ้าเป็นฝุ่นเช่นนี้” ภายในป่าใหญ่ชายหนุ่มร่างสูงนั่งกอบโกยเศษขี้เถ้าของพรรคพวกพร้อมหลั่งน้ำตาแห่งความเครียดแค้น ไม่กี่คืนต่อมาหลังจากการจากไปของเหล่าผู้กล้า ปีศาจตนหนึ่งได้ออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง แต่ถึงกระนั้นครั้งนี้กลับไม่ได้ง่ายดายเหมือนครั้งก่อนๆ ก่อนที่เหล่าผู้กล้าเหล่านั้นได้จากไป พวกเขาต่างทิ้งสิ่งและวิธีที่จะต่อกรกับเหล่าปีศาจนั้นไว้
ผลลัพธ์ในครั้งนี้แม้หมู่บ้านจะเสียหายอย่างหนัก แต่ก็ใช่ว่าจะเสียอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป ครั้งนี้ชายหนุ่มในร่างปีศาจต้องกุมบาดแผลฉกรรจ์ของตนมาพักพิงอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ในป่าลึก สภาพเช่นนี้จะให้เขากลับไปเองก็คงจะทนพิษของบาดแผลได้ไม่ไหว
“เจ็บใจนัก.. เจ้าพวกมนุษย์น่ารังเกียจ ข้าจะกำจัดพวกเจ้าในเร็ววัน”
“พี่ชาย.. พี่ชาย ตื่นเถอะ” เสียงเรียกของเด็กน้อยพร้อมแรงที่กำลังเขย่าตัวของชายหนุ่ม ปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากนิทรา ชายหนุ่มปัดร่างของเด็กน้อยทิ้งจนร่างไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่อีกฝั่ง ร่างน้อยๆนั้นกุมร่างกายท่าทางดูเจ็บปวด ชายหนุ่มยันตัวขึ้นพลางมองเด็กน้อยด้วยความชิงชัง ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ จะหน้าไหนๆก็คงไม่ต่าง เขาคิดเช่นนั้น
“พี่ชาย บาดแผลเต็มตัว— เจ็บหรือเปล่า” เด็กหนุ่มยังคงถามไถ่ แม้ว่าตัวเขาเองก็จะมีบาดแผลทั่วร่างกายไม่แพ้กัน ชายหนุ่มที่ยืนมองบาดแผลเหล่านั้นเขามั่นใจว่าไม่ใช่จากฝีมือเขาเมื่อครู่แน่
“ถ้าไม่อยากตาย ก็รีบไสหัวไปซะ”
“ผมเข้าใจแล้ว นี่คือแอปเปิ้ลที่ผมเก็บมาจากในป่า ผมให้พี่ชายไว้นะ” เด็กน้อยเอ่ยเช่นนั้นก่อนจะเดินจากไป ชายหนุ่มล้มตัวลงนั่งอีกครั้งด้วยท่าทางเหนื่อยล้า บาดแผลที่ควรสมานกันแล้วในตอนนี้กลับหายช้าเหลือเกิน ร่างกายเขาขาดเลือดมากเกินไป เขาต้องการเลือดเพื่อจะรักษาบาดแผลในตอนนี้ หากถามว่าทำไมเขาถึงไม่กินเด็กคนนั้นเข้าไปซะ เขาก็คงจะตอบไปแบบง่ายๆว่าอีกฝ่ายนั้นยังเด็กเกินไป
“แต่รู้อย่างนี้น่าจะกินๆไปซะ”
ในเช้าวันต่อมา ท่ามกลางป่าใหญ่ ณ สถานที่เดิมก็ยังคงมีชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน พร้อมกับเด็กน้อยคนเดียวกันยืนฉีกยิ้ม ยื่นแอปเปิ้ลลูกใหญ่มาให้เขา เนื้อตัวของเด็กน้อยมีบาดแผลมากกว่าเมื่อวานจนเขาสังเกตได้ แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็มิได้เอ่ยถามอะไรออกไป เขาเมินเด็กน้อยที่ทำหน้าสงสัยเต็มที่เด็กน้อยคนนี้ท่าทางฉลาดดนัก เขาวางแอปเปิ้นในมือลงใกล้ชายหนุ่มก่อนจะเดินออกไปทางเดียวกับเมื่อวาน แน่นอนว่าเขาไม่คิดแตะต้องมันรวมถึงแอปเปิ้ลที่รับมาเมื่อวานนี้ด้วย
ในวันต่อๆมาเหตุการณ์นี้ก็ยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แอปเปิ้ลลูกใหญ่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุกๆวันจากหนึ่งกลายเป็นสอง จากสองกลายเป็นสามจนตอนนี้มันมีมากมายกองเป็นภูเขา นานนับอาทิตย์ที่เด็กหนุ่มมาที่นี่พร้อมกับแอปเปิ้ลและบาดแผลตามร่างกาย
ตอนนี้บาดแผลของชายหนุ่มได้หายสนิท แต่เขาก็ยังอดที่จะสงสัยตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดทำไมเขาถึงยังคงนั่งอยู่ที่นี่
“เจ้าน่ะ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ทุกวันนะ” นับเป็นครั้งที่สองที่พวกเขาเอ่ยสนทนากัน เด็กหนุ่มที่กำลังจะเดินจากไปอย่างปกติหันกลับมาพร้อมตอบคำถาม
”ก็พี่ชายยังอยู่ที่นี่นี่ครับ”
“แล้วข้าไปเกี่ยวอะไรกับเจ้า เด็กน่ารำคาญอย่างเจ้าข้าเห็นแล้วอยากกำจัดทิ้งไปให้พ้นๆลูกตา”
“ถ้านั่นเป็นความต้องการของคุณ” เด็กน้อยคลียิ้ม ก่อนจะหยิบมีดที่ตนพกติดตัวมาจ่อที่ลำคอเล็กพร้อมที่จะกดคมมีดลงไปตลอดเวลา ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็อดที่จะตกใจไม่ได้ เขารีบเข้าไปปัดมีดในมือเด็กน้อยทิ้งทันที หัวใจเต้นระรัวจนคนเป็นเจ้าของยังแปลกใจ
“เจ้าทำบ้าอะไร!”
“ก็คุณบอกว่าอยากกำจัดผม ผมก็กำลังจะกำจัดตัวเองทิ้งไปยังไงล่ะครับ?” เด็กน้อยเอียงคอตอบ นัยน์ตาใสซื่อเป็นหลักประกันว่าเด็กน้อยตรงหน้านี้เอาจริง เขาตั้งใจที่จะตายจริงๆ
“เจ้ามันบ้าไปแล้ว ไม่เสียดายชีวิตหรือไง ใครบอกให้ทำอะไรก็ทำงั้นสิ”
“มันแปลกหรอครับ? ครอบครัวของผมยังชอบให้ผมไปกระโดดลงมาจากที่สูงๆ หรือไม่ก็ทิ้งผมไว้ในป่า แล้วก็จะชอบทุบตี”
“แบบนั้นมันไม่เรียกว่าครอบครัวหรอก”
“เพราะผมทำให้น้องสาวตาย ผมเป็นเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยงแต่ดันไปทำลูกเขาตาย เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก” เด็กหนุ่มเล่าด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเศร้าสร้อย ตอนนี้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วถึงสาเหตุของบาดแผลเหล่านั้น
“เจ้าชื่ออะไร”
“ผมชื่อ ‘ไนบ์’ พี่ชายล่ะ” เด็กน้อยยิ้มแย้ม นานนับอาทิตย์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายสนใจที่จะสนทนากับเขา
“ ‘แจ็ค’ เธอเรียกแบบนั้นก็ได้...”
“อื้ม! ยินดีที่ได้รู้จักนะแจ็ค!!” ท่าทางร่าเริงของไนบ์ ทำให้แจ็คหลุดรอยยิ้มบางๆออกมา ก่อนที่เขาจะรีบหันหลังให้เพื่อปกปิดมันจากสายตาเด็กข้างหลัง
“น—น่ารำคาญจริงๆ รีบๆไปได้แล้วไป” เด็กน้อยขานรับก่อนจะวิ่งเต้นอย่างเริงร่า แต่เพียงแค่เด็กน้อยก้าวห่างออกไปได้ไม่นานเสียงเรียกจากด้านหลังก็หยุดฝีเท้าของเด็กหนุ่มไว้
“พรุ่งนี้จะมาหรือเปล่า”
“อื้ม! มาสิ! แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะแจ็ค!” ไนบ์วิ่งหายไปจนลับตา วันนี้อีกฝ่ายร่าเริงเสียจนคนอย่างเขายังอดยิ้มตามไม่ได้ แจ็คมองกองแอปเปิ้ลกองใหญ่พลางนึกไปถึงใบหน้าของคนที่เอามันมา แจ็คตัดลินใจหยิบมันขึ้นมาหนึ่งลูกพลางเพ่งมองมันอย่างพิจารณาก่อนจะกัดมันเข้าปากไปคำเล็กๆ
“…หวาน”
ในวันต่อมาแจ็ครอแล้วรอเล่า ตั้งแต่พลบค่ำของวันหนึ่งจนถึงอีกวัน ไนบ์ก็ยังไม่มา แจ็คยังคงรออีกฝ่ายจนตะวันชี้กลางหัวด้วยความร้อนใจอันไม่รู้สาเหตุทำให้แจ็คตัดสินใจเดินไปในทางที่ไนบ์มักจะเดินออกไปเป็นประจำ แต่ยังไปได้ไม่ถึงไหนเสียงเรียกที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ชายหนุ่มตั้งใจที่จะหันไปเพื่อต่อว่าที่อีกฝ่ายผิดสัญญาแต่กลับต้องชะงักไป เขารู้สึกได้ว่าหัวใจเขาถูกสุมด้วยไฟแค้นอีกครั้งเมื่อได้เห็นร่างกายเล็กที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล
“มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า..”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แผลพวกนี้ผมซุ่มซ่ามเอง ฮ่าๆ” เด็กน้อยยังคงทำท่าทางปกติ ท่าทางที่เหมือนยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นง่ายๆสร้างความไม่ชอบใจให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก และเพราะความโกรธในครั้งนี้บรรยากาศรอบๆป่าเริ่มหนักอึ้ง ลมหายใจเริ่มติดขัดเป็นผลให้เด็กหนุ่มต้องทรุดลงไปกุมอก
“ไนบ์!” เมื่อได้เห็นสภาพดังนั้น ก็ราวกับชายหนุ่มได้ตัวตนของตนคืนมา ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง แจ็คก้มลงคว้าตัวไนบ์ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ท่าทางทรมานเมื่อครู่สงบลงเขาจึงค่อยโล่งใจ
“แค่กๆ เป็นอะไรไปครับ?” เด็กน้อยย้อนถาม แม้สภาพตนจะย่ำแย่กว่าเขาก็อดที่จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ รอยยิ้มจางๆของเด็กตรงหน้าค่อยๆปัดเป่าความขุ่นมัวในใจออกไป ชายหนุ่มกอดเด็กน้อยแน่น เขาได้ตัดสินใจแล้ว …ไม่ว่าจะยังไงเขาจะไม่มีทางปล่อยเด็กน้อยคนนี้ให้ห่างกายไปอีกเป็นอันขาด
แม้ความรู้สึกของชายหนุ่มจะยังไม่แสดงถึงความมั่นคง แต่เขามั่นใจว่าเขาคงทนเห็นสภาพที่กายเต็มไปด้วยบาดแผลแบบนี้อีกไม่ไหว …แม้วันหนึ่งเขาอาจจะหันมาทำร้ายเด็กน้อยคนนี้เองก็เป็นได้
“ไนบ์ …ไปกับข้าเถอะ อยู่ด้วยกันกับข้า”
“แต่ว่า—”
“เจ้ารังเกียจข้าหรือ”
“ม—ไม่ใช่นะครับ! ถ้าผมรังเกียจคุณผมจะมาที่นี่ทำไม!”
“ถ้าเช่นนั้น ก็อย่าปฏิเสธข้า”
“อ—อยากให้ผมอยู่ด้วจริงๆหรอ..”
“ใช่”
“จะไม่ไล่ผมออกไปใช่ไหม
“ใช่”
“ฮึก! ครั้งแรกเลย ที่มีคนบอกว่าต้องการผม” เด็กน้อยเอื้อมกอดอีกฝ่ายแน่น หยาดน้ำตาใสรินไหลอาบใบหน้าหวาน นี่เป็นครั้งแรกที่แจ็คได้เห็นไนบ์ร้องไห้ออกมา ปกติแล้วอีกฝ่ายมักจะคงไว้ท่าทางยิ้มแย้มตลอดเวลา ไนบ์ร้องไห้ออกมาไม่หยุดราวกับเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกที่เก็บมาทั้งหมดอย่างยาวนาน
“ร้องออกมาเด็กดีๆ เรากลับบ้านของเรากันเถอะ”
‘บ้าน.. ครั้งแรกเลยที่ได้สัมผัสกับคำๆนี้เหมือนคนอื่นๆ’
“ครับ!”
“แจ็ค กลับมาแล้วนะ!” หลังจากวันนั้นเวลาได้ผ่านล่วงเลยมาถึง 12 ปี ในขณะนี้เด็กน้อยได้เติบใหญ่จนอายุ 19 แล้ว ทุกวันที่ได้ล่วงเลยไปล้วนมีแต่ความสุข แม้บาดแผลในสมัยเด็กจะทิ้งร่องรอยของอดีตไว้แต่ส่วนที่ได้ถูกเติมเต็มจนถึงปัจจุบันก็ทำให้เขาก้าวข้ามมันมาได้
“เงียบจังนะ แจ็ค! อยู่ไหนน่ะ นอนอยู่หรอ?” ไนบ์ไปเปิดไปยังห้องต่างๆที่คาดว่าอีกฝ่ายจะอยู่จนไปถึงห้องสุดทางเดินซึ่งก็คือห้องนอนที่พวกเขานอนด้วยกัน ใช่.. เธอฟังไม่ผิด กาลเวลาผ่านไปความรู้สึกคนเราก็เปลี่ยนตาม มันก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือไง?
“อยู่นี่จริงๆด้วย ทำไมได้นั่งหลบมุมอีกแล้วล่ะ?”
“อย่ามาใกล้นะ” แจ็คนั่งกอดตัวเองอยู่กับพื้นพร้อมเอ่ยเสียงสั่น เนื้อตัวสั่นเทา นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มน่าพิศวง แต่ไนบ์ก็ยังหัวเราะพลางเดินเข้าไปใกล้อย่างไม่หวั่นเกรง
“ผมรู้น่า วันนี้น่ะฟ้าโปร่งดีนะ ดูพระจันทร์นั่นสิส่องแสงสีแดง …เหมือนนัยน์ตาของคุณเลย” ไนบ์กอดแจ็คแน่นพลางจูบลงที่เปลือกตาของเขา แจ็คลืมตาขึ้นมามองไนบ์นิ่ง เหงื่อเม็ดเล็กจากการอดกลั้นอาบใบหน้าคม
“หิวใช่ไหม? ผมอยู่ตรงหน้าคุณนะ กินผมสิ”
“อย่ามาพูดบ้าๆนะ” เขาอุตส่าอดทนได้มาตลอด 12 ปี รักษาและถนุถนอมอย่างดี จะมาให้เขาทำลายลงเองได้ยังไง
“แจ็ค ผมรักคุณ” ไนบ์ก้มลงจูบอีกฝ่าย ลิ้นเล็กตวัดไปมาในโพรงปากจนไปเกี่ยวกวัดเข้ากับเขี้ยวคมกริบ เลือดรสหวานกระจายเต็มโพร่งปาก สติที่คงไว้จนถึงเมื่อครู่ใกล้สะบั้นลงเต็มที แจ็คกดไนบ์ลงกับพื้นห้องขึ้นคร่อมไว้และลิ้มรสเลือดแสนหวาน ไนบ์คลียิ้มเล็ก เขาใช้รอบแขนคล้องคออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ถอนรสจูบออก
“อื้ม~ จุ๊บ”
“ห—หยุดนะ ฉันกำลัง-- จะทำร้ายเธอแล้ว”
“ไม่เป็นไร เร็วสิ ผมต้องการคุณนะ” ไนบ์ดึงปกเสื้อลงโชว์ให้เห็นถึงลำคอระหง กลิ่นหวานกระทบเข้าโสทประสาท ตัดสามัญสำนึกทุกอย่างจนสิ้น คมเขี้ยวกดลงเข้าที่ลำคอแต่ก่อนที่เลือดจะกระจายออกมาแจ็คก็ดูดดื่มมันเข้าไปเสียก่อน เขาดื่มมันราวกับคนเสียสติ ไนบ์รู้สึกได้เลยว่าเลือดในกายเขากำลังหายไปเรื่อยๆในตอนนี้ มันทั้งเจ็บและทรมาน ร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง นัยน์ตาพล่ามัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกอดคนรักไม่ห่าง
“รักนะครับ”
“!!!!”
“อึก!” เสียงเรียกนั้นช่วยดึงสติเขาให้กลับมา แจ็ครีบถอนคมเขี้ยวออก แรงกระชากทำให้ไนบ์เจ็บมากขึ้น แจ็คนิ่งไปดูช็อกกับภาพตรงหน้า ภาพของคนรักไปอาบไปด้วยเลือด ปลายลิ้นยังคงจดจำรสชาติหวานละมุนนั้นได้ดี สมองเองก็ยังคงจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
“ไนบ์..”
“ค—ครับ?”
“ขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมบอกแล้วว่าผมต้องการคุณ ถ้าคุณหลบหน้าผมแบบนี้ผมก็แย่สิ” ไนบ์เอื้อมสัมผัสใบหน้าใบหน้าหล่อเหลาเบาๆพร้อมรอยยิ้ม
“แต่ข้าอาจจะฆ่าเจ้า”
“อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ยังไม่ตาย เห็นไหม”
“อืม.. ข้าขอโทษ”
“แจ็ค ผมรักคุณ ถ้าเพื่อคุณชีวิตนี้ผมก็ยกให้ได้”
“ข้าก็รักเจ้า ถ้าเจ้าตาย ข้าก็จะตายไปพร้อมกับเจ้า ห้าร้อยปีที่ผ่านมาของข้ามันไร้ค่าไปหมดเมื่อพบเจ้า”
“แต่สำหรับชีวิตเพียง 19 ปีของผมตอนนี้ มันมีความหมายมากๆ เพราะผมได้อยู่กับคุณ”
“ข้าจะไม่ยกเจ้าให้ใคร”
“ฮึฮึ ผมรู้ (^^)”
แต่ในทุกๆเรื่อง… มีจุดเริ่มต้นก็ต้องมีจุดจบ ในตอนที่ฉันได้ยินเขาเล่าต่อกันมาฉันยังติดว่ามันเพ้อเจ้อเลย แต่ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพอได้ยินเรื่องนี้แล้ว ฉันถึงคิดว่าดีจริงๆนะที่ฉันได้ฟังเรื่องของพวกเขา… อ่ะ! ขอโทษนะ ฉันยังเล่าไม่จบเลยนี่น่า เธออยากฟังต่อหรือเปล่า? แต่เอาเถอะถึงไม่อยากฟังฉันก็จะเล่า งั้นเล่าต่อล่ะนะ…
และแล้ววันหนึ่งในขณะที่ไนบ์เดินเข้าไปในป่าเพื่อหาอาหาร เขาเลือกที่จะเดินไปใกล้หมู่บ้านเล็กน้อย เขาได้เจอกับกลุ่มคนที่เคยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและเป็นคนที่ชอบรังแกเขาในสมัยเด็กอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่าเขาไม่ได้โกรธแต่ถ้าถามว่าอยากพบเจอกันอีกไหมก็คงตอบว่า ‘ไม่’
ไนบ์เห็นดังนั้นเขาจึงรีบเดินหนีไปอีกทางเพื่อตัดปัญหา แต่เขาก็ดันไปได้ยินถึงหัวข้อการสนทนาเข้าเสียก่อน และเขาก็ได้รู้เรื่องมาอย่างหนึ่งนั่นก็คือการบุกโจมตีคฤหาสน์ของคนที่หมู่บ้าน โดยปกติแล้วคฤหาสน์ของแจ็คจะถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกจนคนภายนอกมองอะไรแทบไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่น่ามีใครพบเจอได้
ในวันนั้นไนบ์กลับบมายังคฤหาสน์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด ถ้าจะไม่ให้ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ ตอนนี้คนที่หมู่บ้านรู้แล้วว่าที่อยู่ของพวกเราไม่ได้อยู่ห่างจากหมู่บ้านมากขนาดนั้นอาจจะบุกมาตอนไหนก็ได้ พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างสงบมาได้ตั้งสิบกว่าปี เขาไม่อยากให้แจ็คต้องฆ่าใครอีก ถ้าเขาบอกเรื่องนี้ไปอีกฝ่ายคงไปถล่มที่นั่นก่อนแน่และไม่แน่ก็จะได้บาดแผลกลับมาอย่างคราวนั้นอีกด้วย…
“ไนบ์เป็นอะไรไป?”
“เปล่าหรอก ผมก็แค่คิดถึงเมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่ที่หมู่บ้าน”
“จะไปคิดถึงมันทำไม! อดีตที่ไม่น่าจดจำน่ะลืมมันไปซะ เจ้าน่ะมีแค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!!” แจ็คดูโกรธมากเมื่อเขาพูดถึงพอดีต แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับดีใจที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญตัวเองมากถึงขนาดนี้
“ผมมีแค่คุณคนเดียวมาตลอดอยู่แล้ว”
“อย่าพูดถึงเรื่องพวกนั้นอีก ความทรงจำของเจ้ามีแค่ตอนอยู่กับข้าก็พอ”
“ฮ่าๆๆ เข้าใจแล้วครับ เข้าใจแล้ว” ไนบ์ยิ้มบางตอบกลับไป แต่ท่าทีก็ยังคงติดอยู่ภวังค์ของตนอยู่ดี นิสัยเสียตั้งแต่เมื่อก่อนของเด็กคนนี้ก็คือการที่มักจะไม่พูดในสิ่งที่ตนกลัดกลุ้มอยู่ในใจ ทั้งที่มักจะสั่งสอนเขาในเรื่องการพูดคุยกัน
“ไนบ์”
“หืม? อืม!” แจ็คประกบริมฝีปากเข้าทันทีที่อีกฝ่ายหันมา ก่อนจะผละออกช้าๆพร้อมยิ้มมีเลศนัยส่งไป
“เป็นไงบ้าง?”
“ทำอะไรของคุณเนี่ย //// ”
“ชอบไหม?” ไนบ์หน้าขึ้นสี ช่างเป็นคำถามที่สมกับที่คนหน้าด้านเป็นคนถามเสียจริงๆเลย!!
“ช—ชอบสิ //// ”
[แต่เอาเถอะ.. เพราะผมก็ไม่ได้รังเกียจสักนิด …ดีจริงๆที่มีคนๆนี้อยู่ข้างๆ]
“นี่แจ็คจะเป็นไปได้ไหม ถ้ามนุษษ์จะรู้ว่าเราอยู่ที่นี่”
“หืม? เป็นไปได้สิแต่ก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น นั่นสินะถ้ามีนักพยากรณ์อยู่ล่ะก็เรื่องมันก็จะง่ายขึ้น”
“นักพยากรณ์?”
“ก็พวกที่มองเห็นอนาคตหรือภาพนิมิตอะไรพวกนี้ไง แต่ยุคนี้นักพยากรณ์ไม่น่าจะมีเหลือแล้วล่ะมั้ง ถ้ามีก็คงเป็นหนึ่งในล้านไม่สิหนึ่งในสิบล้าน แล้วเจ้าถามทำไม?” แจ็คร่ายยาว ก่อนจะวกกลับมาถามไนบ์
“เปล่าหรอกแค่สงสัยน่ะ”
“เจ้าน่ะชอบทำเหมือนข้าไม่รู้อะไรอยู่เรื่อย…”
“เอ๊ะ?”
“ช่างมันเถอะ อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ ไม่ว่าทุกอย่างจะเป็นยังไงข้าจะปกป้องเจ้า …ด้วยชีวิตของข้า” เพียงเท่านั้นแจ็คก็เดินจากไป ด้วยประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวกลับทำให้ไนบ์สบายใจได้อย่างถึงที่สุด ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายจะปกป้องแต่มันรู้สึกดีที่รู้ว่ายังไงก็ไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับอีกฝ่าย
[พอมีคนที่รักเราเนี่ย ..มันรู้สึกดีจริงๆเลยนะ]
คืนวันหนึ่งหลังจากวันนั้นเพียงไม่นาน เหตุการณ์ทุกอย่างที่คิดเอาไว้มันก็เริ่มต้นขึ้น น่าแปลกที่แม้พวกเขาจะรู้ว่าจะต้องมีวันนี้แต่พวกเขาก็ไม่คิดที่จะหนีไปที่ไหน ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติในทุกวันอยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน บอกรักกัน
“เพราะที่นี่คือจุดเริ่มต้น ดังนั้นมันก็ควรที่จะเป็นจุดจบของเราด้วย เพราะข้าเจอเจ้าที่นี่ หัวใจของข้าอยู่ที่นี่แล้วตัวข้าจะไม่อยู่ที่นี่ด้วยได้อย่างไร ถ้าเรารอดเราก็แค่อยู่ต่อไป หากเราตายที่นี่คงดีที่สุด” แม้ในยามนี้จะมีศัตรูอยู่ด้านนอกมากมายแต่แจ็คก็ยังคงพล่ำบอกรักคนที่อยู่ในอ้อมแขนไม่รู้จบ บนเตียงกว้างไม่ควรเป็นสถานที่ที่พวกเขาจะอยู่ในตอนนี้ ทั้งสองยังคงยิ้มและอยู่ด้วยกันจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่เหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลาบุกเข้ามาถึงตัวคฤหาสน์ใหญ่
“เราไปกันเถอะ ไปตัดสินชะตาชีวิตของพวกเรา”
“ผมรักคุณครับ”
“ข้าก็รักเจ้า”
“สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสองก็จบชีวิตลงที่นั่น ตามที่แจ็ตได้บอกไว้เขาละทิ้งชีวิตหลายร้อยปีที่ผ่านมาเพื่อคนรักซึ่งเป็นมนุษย์ที่เขาเคยเกลียดชังด้วยการโอบกอดร่างของคนรักที่ปกป้องเขาจนตัวตายไว้ในอ้อมแขน ส่วนไนบ์เขาก็อุทิศทั้งชีวิตเพื่อปกป้องคนที่เขารักเหมือนกันเพราะธนูดอกสุดท้ายที่ปลิดชีวิตเขาตรงดิ่งมายังกลางใจของคนรัก …เป็นเรื่องที่ฟังดูบ้าบอใช่ไหม? แต่สำหรับฉัน ฉันค่อนข้างชอบมันนะอย่างน้อยๆในตอนจบพวกเขาก็ยังได้อยู่ด้วยกันแม้จะเป็นในปรโลกก็เถอะ แต่ก็นะต่างคนก็ต่างใจ เธอจะคิดยังไงก็ไม่ผิด ฉันเพียงแค่อยากเล่าให้เธอฟัง”
“หืม? แล้วคนทีาเช่าคนแรกรู้เรื่องนี้ได้ยังไงงั้นหรอ? โธ่! เรื่องพันนั้นอย่าไปสนใจมันเลย มันจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้!”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ เธอคิดว่าเรื่องเล่าเรื่องนี้เป็นยังไงก็อย่าลืมบอกฉันให้ได้รู้ด้วยล่ะ บ๊ายบาย(^^)”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

193 ความคิดเห็น
-
#179 Red_Rose. (จากตอนที่ 16)วันที่ 12 เมษายน 2563 / 01:00แง ไรท์กลับมาแล้วคิดถึงงง ยังแต่งได้ดีเหมือนเดิมเลย><#1791