คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Doflamingo x Luffy #2
#2
ในวันเดียวกัน เวลาได้ผ่านพ้นล่วงเลยไปนานเกือบครึ่งวันตั้งแต่ลูฟี่ตื่นขึ้นมา เจ้าตัวไม่ได้เอ่ยถามถึงสาเหตุเลยว่าทำไมตนถึงได้มาอยู่ที่นี่จนใครๆต่างก็แปลกใจเพราะมันดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก เมื่อเบบี้5เอ่ยถามเขาก็ทำเพียงหัวเราะและยิ้มอยู่ตลอดเวลา ดูราวกับว่าไม่ได้กังวลเลยสักนิดว่าตนนั้นจะเป็นเช่นไรต่อไป
“ค่ำแล้ว ลูฟี่ไปนอนเถอะ”
“นอนหรอ? แต่ฉันยังไม่ง่วงเลยนะ ปกติเวลานี้ฉันยังเล่นกับเอสแล้วก็ซาโบ้อยู่เลย”
“งั้นเธอจะทำอะไรล่ะ? ฉันอยู่เป็นเพื่อนก่อนได้นะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่หนีไปไหนหรอกน่า ชิชิชิ” ลูฟี่หัวเราะจนตาหยี เพราะเขาคิดว่าการที่เมดสาวคนนี้ตามติดเธอมาตลอดทั้งวันก็เพื่อจับตาดูไม่ให้เขาหนีกลับไป แต่อย่าว่าแต่จะให้หนีกลับไปเลยที่นี่คือที่ไหนเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่นะลูฟี่!”
“ชิชิชิ งั้นหรอ ถึงงั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าจะอยู่รอเจอดอฟฟี่ของพวกเธอสักหน่อย เธอบอกว่าหมอนั่นพาฉันมาแต่ตั้งแต่ฉันตื่นมายังไม่เจอหมอนั่นเลยนี่น่า” เบบี้5แสดงสีหน้าเป็นกังวล เธอไม่รู้ว่านายน้อยของตัวเองนั้นคิดอะไรหรือจะทำสิ่งใด โดยเฉพาะเรื่องในครั้งนี้เพราะเหตุใดอีกฝ่ายถึงกล้าที่จะกระตุกเสือด้วยการลักพาตัวเด็กหนุ่มคนนี้มาเช่นนี้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกดีกับลูฟี่เหมือนอย่างที่พวกเธอรู้สึกหรือเปล่า…
“ฉันไม่ค่อยแนะนำหรอกนะ…”
“ทำไมอะ?”
“เรื่องนั้น…”
“เอาเถอะ! ถ้าเธอยังไม่อยากให้เจอวันนี้งั้นฉันก็จะไม่เจอ ยังไงถึงไม่เจอวันนี้วันอื่นก็ต้องได้เจออยู๋ดี” เบบี้5ยิ้มรับ เวลาที่ลูฟี่ไม่ดื้อรั้นก็เป็นเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
“ขอบใจ”
“ชิชิชิ ก็เราเป็นเพื่อนกันนิ!! เพื่อเธอฉันทำได้อยู่แล้ว” รอยยิ้มจริงใจที่ส่งมาพลันให้ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงฝาด เนื้อตัวบิดไปมาอย่างเขินอาย
“ท—ทำเพื่อเรา ลูฟี่ชอบเราสินะ อ๊ายยย!! /////”
“หือ? ต้องชอบสิ” คราวนี้เบบี้5ยิ่งใจเต้นรัวเข้าไปใหญ่ รอยยิ้มสวยแย้มบานไม่ยอมหุบ นานเกือบ 2 เดือนแล้วที่ไม่มีคนบอกรักเธอเช่นนี้ เพราะ ว่าที่สามีคนที่หกของเธอพึ่งจะโดนนายน้อยประจำตระกูลที่เธอรับใช้สังหารไป แต่ก็มั่นใจได้ว่าคำว่าชอบของลูฟี่เป็นคนละความหมายกับเมดสาวแน่นอน..
“งั้นฉันไปนอนแล้วนะ ฝันดีนะเบบี้”
“…ค่ะ อ๊ายยย!! /////” จากนั้นเธอก็รีบวิ่งหนีไปพร้อมกับความเขินอาย
“อะไรของยัยนั่นนะ ถึงจะตลกดีก็เถอะ” ลูฟี่ฉีกยิ้มหัวเราะ แต่เมื่อครั้งที่ต้องอยู่คนเดียวรอยยิ้มสดใสกลับค่อยๆจางลง ความเงียบที่เข้าปกคลุมเริ่มทำให้เด็กหนุ่มเริ่มจะไม่สบายใจ จริงๆที่เขาพยายามยิ้มและหัวเราะมาตลอดทั้งวันก็เป็นเพียงการกลบเกลื่อนความไม่สบายใจของตนเท่านั้น ดังนั้นเขาไม่ใช่คนที่เข้มแข็งขนาดที่มาอยู่ในที่ๆไม่รู้จักกับคนที่ไม่แม้แต่จะคุ้นหน้าแล้วจะไม่กังวล
“เอส.. ซาโบ้ ปู่”
“…ร้องไห้อยู่หรือไงเจ้าหนู” เสียงอันไม่คุ้นเคยดังขึ้น ลูฟี่จึงรีบหันมองทันทีอย่างนึกหวั่นเขาคิดว่าตนเองนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าเขาเดินมาถูกห้องตามที่เมดสาวนำทางมาแน่นอน คนเบื้องหน้านั้นเป็นบุรุษตัวสูงใหญ่ที่มาพร้อมกับเสื้อประหลาดและขนเฟอร์สีชมพูน่ารักซึ่งดูจะไม่เข้ากับผู้สวมใส่เอาเสียเลย อาจจะเพราะความไม่แมชกันอย่างแรงนี้ทำให้ลูฟี่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ นกยักษ์ล่ะ!!”
“ไอ้เด็กบ้า” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบแต่ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองหรือใส่อารมณ์ใดๆออกไป เห็นดังนั้นลูฟี่จึงค่อยสบายใจเพราะอีกฝ่ายดูทรงแล้วน่าจะเป็นพวกอารมณ์ร้ายและน่ากลัว
“นายเป็นนกงั้นหรอ”
“นกบ้านแกมันพูดได้หรือไง?”
“ชิชิชิ จริงด้วยเนอะ งั้นลุงเป็นใครอะ?” เป็นคำถามที่ทำให้คนฟังนิ่งไป ลูฟี่ที่รอคำตอบอยู่นั้นได้แต่สงสัยว่าตนนั้นได้พูดอะไรที่ผิดหูอีกฝ่ายไปหรือเปล่าแต่แค่ถามว่าเป็นใครเนี่ยมันต้องทำหน้าน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือเนี่ย?
“แก.. ไอ้เจ้าเด็กสมองกลวง” เขาไม่ตอบ กลับกันยังต่อว่าเด็กหนุ่มซ้ำ ลูฟี่ได้แต่เอียงคอนึกสงสัยสาเหตุที่ทำให้เขาต้องโดนคนตรงหน้าว่าว่าเป็นพวกเด็กสมองกลวง ก็ยอมรับแหละนะว่าเวลาเรียนเขาก็เฉียดตกตลอดแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ด้วย
“ลุงรู้ได้ไงอะว่าฉันเรียนไม่เก่ง โห! สุดยอดเลย! เป็นพลังหยั่งรู้ของนกงั้นหรอ!” มันพูดอะไรของมัน? พลังหยั่งรู้เนี่ยนะ? นี่สรุปเขาพาเด็กสมองแค่สิบขวบมาหรือไง?
“แกคิดว่าไงล่ะ?”
“เอ.. ไม่รู้สิ เพราะไม่รู้ฉันถึงถามลุงไม่ใช่หรือไง?” ช่างเก่งนักเรื่องยอกย้อน
“ขืนแกเรียกฉันว่าลุงอีกครั้งแกตาย เรียกว่าคุณโดฟลามิงโก้ซะ”
“แหยะ คุณหรอไม่เอาอะ แล้วชื่ออะไรนะ โด—โด โอ้ย! เรียกยากงั้นเอาเป็นมิงโก้ไปก็แล้วกันนะ ฉันไม่เก่งเรื่องยากๆอะ แล้วชื่อนายมันก็ยากไปด้วย โอเคนะ! มิงโก้! ชิชิชิ” ลูฟี่รวบรัดไม่ฟังคำโต้แย้งใดๆ และร่างสูงเองก็คิดแล้วว่าถึงเขาจะแย้งสิ่งใดไปก็คงไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นแน่
“แล้วแต่แกแล้วกัน”
“ชิชิชิ แล้วทำไมนานมาอยู่ห้องนี้ล่ะ เบบี้บอกว่าระหว่างนี้จะให้ฉันอยู่ที่นี่ไปก่อนรอให้ดอฟฟี่อะไรนี่แหละมาตัดสินใจเอา” ลูฟี่อธิบายยาว โดยไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าดอฟฟี่ที่เขาพูดถึงก็คือคนที่อยู่ตรงหน้าตนในตอนนี้ คนถูกพาดพิงก็เพียงแค่นั่งฟังสิ่งที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็กนั่นเท่านั้น นานเข้าเรื่องที่คุยกันก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องสัพเพเหระต่างๆไป
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเห็นพระจันทร์เต็มดวงผ่านหน้าต่างบานใหญ่เป็นตัวบอกเวลา แม้จะรู้ว่ามันดึกมากแช้วแต่ก็ไม่อยากให้เวลาที่ผ่อนคลายขนาดนี้ต้องจบไป ลูฟี่รู้สึกสบายใจมากที่ได้พูดคุยเรื่องต่างๆแม้ฝ่ายผู้รับสารจะเพียงแค่นั่งฟังอยู่เงียบๆ บ้างก็มีการย้อนถามหรือแซวให้นึกโมโหเป็นบางครั้ง
“ดึกขนาดนี้แกควรจะนอนได้แล้ว”
“ฉันไม่ง่วงสักหน่อย” โดฟลามิงโก้นึกตลกกับคำพูดนั้น แม้ปากจะบอกว่าไม่ง่วงแต่ตามันสิจะปิดแหล่มิปิดแหล่อยู่แล้ว
“แต่ตาแกจะปิดแล้ว” ร่างสูงแย้มยิ้มอ่อนโยนกับท่าทางที่แสนขัดแย้ง นิ้วเรียวยกเกลี่ยใต้ตาของคนตัวเล็กเบาๆ และเพราะความเย็นที่ฝ่ามือก็ยิ่งกระตุ้นให้ความง่วงทวีมากขึ้นไปอีก
“ฉันไม่ง่วง.. ซะหน่อย ฟี้~”
“ดื้อไม่เข้าเรื่องจริงๆ”
โดฟลามิงโก้จัดท่าให้ลูฟี่นอนสบายที่สุด ร่างสูงเมียงมองคนที่นอนหลับอย่างสบายใจข้างๆเตียงใหญ่ นัยน์ตาที่แสนอ่อนโยนใต้กรอบแว่นทรงประหลาดนี้ต่อให้โลกใบนี้ต้องแตกสลายก็คงไม่มีผู้ใดที่จะรับมันอีกนอกจากเด็กคนนี้เป็นแน่ เขาเป็นชายที่สามารถฆ่าได้แม้แต่คนสนิทข้างกายถ้ามันทรยศ เป็นผู้ถือครองแอำนาจในโลกมืดทั้งหมด เพียงแค่ได้ยินชื่อก็ราวกับเป็นมัจจุราชให้ผู้คนหวาดกลัว แต่กลับจมปลักกับความรู้สึกในครั้งอดีตจนแทบจะทานทนไม่ได้
“ไม่ว่าจะทำอะไรฉันไม่เคยที่จะไม่วางแผนก่อนลงมือ หากมันไม่มีประโยชน์ฉันก็จะไม่ไขว่คว้า แต่กับแกฉันถึงกับลงทุนเอาหัวไปวางบนเขียงของไอ้แก่ปู่แกเชียวนะ…”
“แต่แกกล้ามากนะที่มาลืมฉันแบบนี้ ลูฟี่…” ถึงจะไม่ชอบใจอยู่บ้าง ก็คงจะไปใส่อารมณ์หรือโกรธเด็กนี่ไม่ได้ เพราะมันดันเป็นเรื่องเมื่อ 13 ปีก่อน เจ้าเด็กนี่ยังเป็นแค่เด็กตัวกระเปี๊ยกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่เลย… แต่คำสัญญาที่มันเคยพูดออกมาแล้วถึงมันจะจำไม่ได้แต่มันก็ต้องรับผิดชอบที่ทำให้เขารอมันมาถึงตอนนี้อยู่ดี
“คนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนมันเป็นแกเองนะ… เตรียมใจรับผิดชอบกับสิ่งที่แกพูดด้วยล่ะ”
----- 100% -----
ความคิดเห็น