ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยูฟาริตัส ฉบับ เถื่อน [เขียนบท]

    ลำดับตอนที่ #12 : เดินทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2
      0
      2 ก.ย. 67

    ยูฟาริตัสรู้สึกปลอดภัยมากหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 1 อาทิตย์

    เขาได้ส่งความคืบหน้าไปยังอาณานิคลันธา

    แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือไม่มีข้อมูลของคนที่ชื่อว่าชมพู

    หลังจากที่เธอโตเป็นสาวก็ไม่เคยบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของ นิคมไหนๆ

    เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนี้แล้ว ภาพที่เขาจำได้ไม่เคยลืมคือ ชมพูกระอักเลือดต่อหน้าต่อตา

    เขาเพียงแค่อยากจะขู่เท่านั้น

    อาจจะทดสอบใจใครก็คงจะต้องเลือกและดูให้ดีๆ

    มันจะมีใครที่กล้าและบ้าบิ่นเท่านี้อีกไหม

    วันทัดมา

    เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นดวงตะวันสดใส คนท้องถิ่น แต่ไม่ใช่คนท้องที่ต่างออกทำมาหากิน เหมือนกิจวัตรประจำวันที่ผ่านมา

    ถนนเส้นใจกลางเมืองที่คนสัญจรไปมาต่างกันต้องขมวดคิ้วมุ่นบ้างก็ไม่พอใจ รูปเด็กเล็กแดงต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ ไม่มีใครคนฟันสีดำที่ลอยคลุมไปทั่ว

    ทุกคนที่ผ่านมาต่างกันหาที่มาว่าใครเป็นคนเผาขยะ

    ที่มาของมันไม่ไกลเลยเป็นบ้านพักทรงกลมหลังหนึ่ง

    ยูฟาริตัส ยืนดูเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ เขามองดูและครุ่นคิดไปมา

    เตียงนี้ไม่ใช่เขาขยะแขยงวันแต่มันยังหลงเหลือกลิ่นบางอย่างที่จะดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีมา

    กลิ่นของผู้หญิงคนนั้นยังติดอยู่ที่เตียง

    แล้วก็ยังมีสิ่งที่หลงเหลือจากการสลายร่างของเจ้าแวมไพร์ตนนั้น

    ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงแหกปากตะโกนอยู่อีกฟากหนึ่งของรั้วที่หนาแน่น

    "เฮ้ย! จะเผ่าห่าอะไรวะ เกรงใจชาวบ้านชาวช่องบ้าง"

    เมื่อยูฟาริตัสได้ยินเสียงด่า

    ดังนั้น เขาก็รู้สึกสลดใจส่วนหนึ่ง แต่เมื่อคิดไปแล้วเขากลับยกมุมปากยิ้ม

    และสั่งให้หุ่นยนต์แม่บ้านเปลี่ยนร่างเป็นตัวกำจัดควันดำดูดให้หมดและอัดแน่นให้กลายเป็นผงก้อนด้วยแรงดันมหาศาล

    ในใจยูฟาริตัส ต้องรกรากรอบๆ บ้านพักเขาอย่างผิดกฎหมาย

    พูดอย่างกับตัวเองเป็นชาวท้องถิ่น

    ชาวบ้านบริเวณแถวนี้เขารู้ดีว่าเป็นพวกต่างถิ่นแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนชาวท้องถิ่นจริงๆ น่ะหรือ

    เขาไปใช้ชีวิตอยู่ลึกไปอยู่ในเขตต้องห้ามซึ่งเป็นกำแพงหินศิลาสูงใหญ่ตลอดทั้งแนวขนานไปกับเทือกเขาสูง เป็นเขตปกครองพิเศษ ยากที่คนทั่วไปจะเข้ามา

    "ส่งคำสั่งไปที่อาณานิคม ให้เวนคืนที่ให้หมด พวกที่อยู่รอบบริเวณบ้านพักของข้าให้หมด ข้าไม่ได้อนุญาตให้มาตั้งรกรากแถวนี้ "

    ยูฟาริตัส ได้บอกหุ่นยนต์ประจำบ้านพักให้จัดการกับเรื่องที่เหลือ

    เดินทีแล้ว บริเวณบ้านพักที่เขาพำนักอยู่ไม่ควรจะมีบ้านเรือนล้อมรอบตั้งแต่ทีแรก

    แต่เป็นเพราะกลุ่มที่มาจากความยากไร้และมาตั้งรกรากฐานทำมาหากินที่นี่ ล้วนแลเวไม่ได้ผ่านขั้นตอนของหน่วยงาน เขาก็ไม่ว่าอะไร

    ตั้งแต่เขาอยู่ที่นี่มา

    เขาต้องอดทนกับเสียงที่ดัง

    กลิ่นเหม็นของคอกเลี้ยงสัตว์ หรืองานรื่นเริงกินเหล้าร้องคาราโอเกะสนั่นลั่นชุมชนตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงเที่ยงคืน

    เขาทนมามากพอแล้ว

    การที่เขาจุดไฟเผาเตียงที่มีกลิ่นทำให้สิ่งไม่ดีมาที่นี่ อาจจะส่งควันดำแต่ก็ไม่มากพอให้กับที่พวกต่างถิ่นที่มาตั้งรกราก พวกคนเหล่านี้มักจะชอบเผาขยะแล้วเขม่าดำมาตกยังบ้านพักของเขา

    ในเมื่อยูฟาริตัสอดทนกับพวกที่ล้อมรอบบ้านพักของเขาขนาดนี้แล้วการที่เขาจะเผาเพื่อให้กำจัดสิ่งไม่ดีทำไมพวกเขาถึงทนกันไม่ได้

    ถ้าทนกันไม่ได้ก็ออกไปซะ

    ไม่เกิน 2 วัน บริเวณรอบบ้านที่พำนักของยูฟาริตัส ผูกอำนาจของอาณานิคม ตระเวนคืนพื้นที่ ส่วนที่พักปลายทางของพวกเขา ก็ให้ฝ่ายประเทศพาราไซเป็นผู้รับผิดชอบ

    ในเมือไม่ได้เป็นระเบียบเรียบร้อยแต่ทีแรก ดังนั้นหากมีคำสั่งจากอาณานิคม กรีบทำงานกันหางจุดตูด ก็ไม่แปลก

    เพราะประเทศแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของอาณานิคม

    เรื่องราวของผู้ที่พำนักอยู่บ้านพักก็เป็นที่เล่าลือของผู้ที่ตั้งรกราก

    ไม่มีใครกล้าหาเรื่องแม้กระทั่งจะขับรถผ่านก็ไม่กล้า เพราะกลัวคำสั่งจากทางลัดให้ย้ายกระทันหัน

    บ้างก็บอกว่าเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่มาพำนัก

    บ้างก็บอกว่าเป็นเชื้อพระวงศ์

    จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ขี้ปากชาวบ้าน

    แต่พวกที่ต่ำศักดิ์ก็ไม่ควรมาแวดล้อมผู้ที่สูงศักดิ์

    มันเป็นไปไม่ได้ยากมากที่คนรวยกับคนจนจะใช้พื้นที่เดียวกันได้

    1 เดือนผ่านไปไวเหมือนเบื่อหน่าย

    ยูฟาริตัส แทบจะไปเที่ยวนอกสถานที่ท่องเที่ยวซ้ำไปซ้ำมา

    จนกระทั่งคนแถวนี้แทบจะจำหน้าเขาได้อยู่แล้ว

    เวลา 11 โมงตรง หุ่นยนต์แม่บ้านก็นำอาหารมาเสิร์ฟถึงที่

    มันช่างหอมฉุยและน่ากิน ตอนนี้เขาแทบจะเบื่ออาหารทะเลเปลี่ยนมาเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อสัตว์กินพืชแทน

    ไม่กี่วันก็พึงจะเข้าสู่อาหารตามฤดูกาลของที่นี่

    เมนูชาพารา

    เมนูนี้ เป็นเมนูที่ขึ้นชื่ออร่อยที่สุดของประเทศพาราไซ

    เนื้อหวาน ไขมันที่พอดี เขาว่ากันว่าเป็นเนื้อที่มีรสชาติใกล้เคียงกับเนื้อมนุษย์ที่สุด

    พูดเหมือนเคยกิน

    แต่เมนูนี้มีที่มาเป็นปริศนา เมื่อถึงปลายทางแล้วก็กลับถูกแพร่และแพ็คเกจอย่างดี

    ไม่มีใครเห็นขนาดร่างเต็มที่ยังมีชีวิตอยู่

    โดยที่เขาเป็นนักท่องเที่ยวพิเศษ ราคาก็ลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง แต่ก็ถือว่าจ่ายหนักอยู่เหมือนกัน

    1 กรัม ของเนื้อชนิดนี้ ที่ยังไม่ได้ไปประกอบอาหารทำเมนูต่างๆ

    ต้องจ่ายถึง 1 กหาปณะ

    ซึ่งสกุล กหาปณะ เท่ากับบาทของทองคำ

    เมื่อคิดแบบนี้จึงทิ้งตัวนอน ในหัวของยูฟาริตัสรู้สึกนึกเสียดาย

    มูลค่าขนาดนี้ สามารถซื้อของใช้ของกินได้หลายอย่าง

    เครื่องมือสื่อสารแรงๆ สัก 1 เครื่อง

    ก่อนหน้านั้น หลังจากที่คิดได้เขาก็เลือกที่จะสั่งมัน

    เมื่อทานเสร็จก็เลือกที่จะออกไปเที่ยวข้างนอก คราวนี้เขาได้รับการอนุมัติจากเส้นสายพิเศษให้สามารถเข้าไปในยังพื้นที่ต้องห้ามได้

    ยานพาหนะสำหรับโดยพื้นที่ต้องห้ามถูกออกแบบมาพิเศษ รูปทรงหัวกระสุน

    มันเป็นรถ 2 ประตูนั่งได้คนเดียวขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อ แต่สามารถตั้งฉากอยู่กับพื้นได้อย่างง่ายดาย

    ด้านบนถูกครอบด้วยกระจกฟิล์มหนาทำให้เห็นเกือบ 360 องศาไม่ว่าจะเป็นมุมไหน

    คันนี้ถูกออกแบบมาให้มีกระจกสำหรับส่องสิ่งที่ตามมาด้านหลังหรือไม่ก็เก็บพับได้อย่างสบาย

    และเบาะนั่งของมันสามารถยืดให้นอนหลับพักผ่อนการฝากเขาได้แถมมีระบบฟอกอากาศอย่างดีรักษาใ

    อุณหภูมิตามที่ผู้ที่ตั้งต้องการ

    แล้วยังมีระบบทำความร้อน

    เครื่องกรองน้ำ

    สิ่งที่เก็บอุปกรณ์ยามจำเป็นปัจจัย 4

    หรือว่ามีความพร้อมครบครัน

    พาหนะนี้มีชื่อว่า คีออส

    ขับเคลื่อนโดยที่ไม่ต้องมีคนขับก็ได้หรือผู้ที่พาหนะจะขับเสียเองก็ได้

    ตั้งระบบอัตโนมัติให้มันขับเคลื่อนไปและใช้ระบบสแกนเซ็นเซอร์ทันสมัยคอยประมวลผลอย่างรวดเร็ว

    เมื่อรถพาหนะ หัวสุนมาถึงทางเข้าเขตหวงห้าม ซึ่งถูกคั่นด้วยกำแพงหินศิลาสูงใหญ่มากกว่า 300 เมตรบานประตูใหญ่ทั้งสองฝั่งมีก็มีหอเสาสแกนขนาดใหญ่ยิงตรงมาพร้อมกับโดนบินมาสำรวจใต้ท้องพาหนะเพื่อค้นหาระเบิด

    ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

    แล้วประตูศิลาหินยักษ์แห่งเขตต้องห้ามถูกเปิดออก

    แต่ไม่ได้เปิดจนหมดเปิดให้ขนาดเท่ากับยางยนต์พาหนะให้ลอดเข้าไปเพียงเท่านั้น

    หากเป็นคนถูกสแกนเข้าไปมันก็เปิดเท่ากับตัวของคนหรือใหญ่กว่านิดหน่อย

    หากมากันเป็นทีมก็จะเลือกเปิดให้ใหญ่เท่ากับคนที่สูงที่สุดและเฉลี่ยความกว้างให้สบายเพื่อเข้าไปผ่านข้างในกันทุกคน

    มันเป็นระบบเซ็นเซอร์ที่ประหลาดและตอบสนองผลออกมาก็ยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่

    เมื่อผ่านพ้นประตูแผ่นศิลาแห่งเขตต้องห้ามแล้วคราวนี้ล่ะนี่คือดินแดนแห่งเขตต้องห้ามที่แท้จริง

    ตรงหน้าจะเป็นป้ายไม้ขนาดใหญ่ด้านนึงชี้ไปทางสะพานแขวนที่ทำมาจากแผ่นไม้โบราณถูกขึงด้วยเชือกฟั่นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 เมตรมันใหญ่โตโอฬารพอพอที่จะให้ยักษ์สูงราว 100 เมตรข้ามได้อย่างสบาย

    ส่วนอีกฝั่งนึงจะไปทางป่าเขาดงดิบที่มืดมิด ทั้ง 2 สถานที่ที่จะไปนี้ล้วนถูกแบ่งเขตอย่างชัดเจน

    ในป่าดงดิบจะเป็นสถานที่ของผู้มีอิทธิพลใหญ่ กลุ่มองค์โลหิตา

    ส่วนฝั่งที่เป็นสะพานไม้จะเป็นกลุ่มชนเผ่าพาราไซ

    จริงอยู่ที่ประเทศนี้ชื่อว่าพาราไซแต่ก็ยังมีเขตปกครองพิเศษที่ชื่อว่าองค์กรโลหิตา

    ทั้งสองฝั่งนี้ตามข้อมูลแล้วดูเหมือนจะทำมาค้าขายแต่บ้างก็มีฆ่าฟันสลับปะปนกันไป

    สถานที่ที่เขาจะไปคงจะเป็น หมู่บ้านที่นากะ ประจำอยู่ที่นั่น

    นากะ คือคนที่เคยอยู่ในอาณานิคมลันธา เขาได้ลาออกเพราะอยากมาใช้ชีวิตตามชนบทอยากช่วยเหลือชนเผ่าพาราไซที่ยากลำบาก อยากจะไปอยู่กับธรรมชาติ

    เพราะเขาไม่เก่งเรื่องทางด้านเทคโนโลยี

    ด้วยที่ตอนเด็กเขาเกิดอยู่ในชุมชนต่างจังหวัดชุมชนที่ติดเขาถิ่นธรรมชาติ ชื่นชมน้ำตกบนเขาแสนงาม

    นากะมีประสบการณ์มาตั้งแต่ยังเด็ก

    จึงคุ้นชินกับธรรมชาติมากกว่าที่จะอยู่อาณานิคมนอกดวงดาว

    ยานพาหนะเคลื่อนตัวไปยังเป้าหมายที่ยูฟาริตัสเลือกไว้แล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×