นิยายสั้นๆของเพียงกระซิบ ตอนที่ 4 "รักแรก (First Love)" - นิยายสั้นๆของเพียงกระซิบ ตอนที่ 4 "รักแรก (First Love)" นิยาย นิยายสั้นๆของเพียงกระซิบ ตอนที่ 4 "รักแรก (First Love)" : Dek-D.com - Writer

    นิยายสั้นๆของเพียงกระซิบ ตอนที่ 4 "รักแรก (First Love)"

    รักแรกที่เกิดขึ้นกับเขาและเธอ ฝากติดตามและเป็นกำลังใจ สนับสนุน และเมตตา มือใหม่ด้วยนะ 📌 เบอร์ทรูวอเลต 0840190529 ฟังแบบเสียงได้ที่ยูทูปช่องเพียงกระซิบ (Just Whisper)

    ผู้เข้าชมรวม

    93

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    93

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 พ.ย. 66 / 22:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    นิยายสั้นๆ ของเพียงกระซิบ

    ตอนที่ 4 รักแรก (Fisrt Love)

                กันต์และมายา ทั้งสองคนอยู่ที่หมู่บ้านเดียวกัน และเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนโต จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยไปด้วยกัน หลังจากที่เรียนจบกันต์กับมายา ต่างคนต่างเข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองซึ่งทำให้ทั้งสองคน ไม่ค่อยจะมีเวลาที่จะเจอกันมากนัก

                กันต์ได้ทำงานเป็นวิศวกร ทำงานไม่ค่อยเป็นเวลาบางครั้งก็ต้องไปออกต่างจังหวัด ส่วนมายามีความฝันที่อยากจจะเป็นศิลปินนักร้อง อยากอยู่วงการบันเทิง ซึ่งมายาก็สมัครไปเป็นนักร้องกลางคืนตามร้านอาหาร ตามบาร์ ซึ่งมายามองว่าอย่างน้อยก็เป็นก็ได้เริ่มต้นในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันไว้

                วันหนึ่งกันต์ พอจะมีเวลาว่างจากการทำงานก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหา มายา ซึ่งตั้งแต่ทำงานมาทั้งสองคนแทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย มายา ได้รับสายของกันต์ ทั้งคู่ต่างถามสารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกันอยู่พักใหญ่ กันต์ได้เล่าเรื่องงานของตัวเองให้กับมายาฟัง มายาก็ได้เล่าถึงงานของตัวเองให้ฟัง ต่างคนต่างสนับสนุนกันให้กำลังใจในการทำงานของกันและกันเป็นอย่างดี มายา ได้บอกกับกันต์ว่า วันนี้จะไปร้องเพลงที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และได้ชวนให้กันต์ไปฟังและก็จะได้เป็นโอกาสที่จะได้เจอกันและไปหาอะไรกินกันด้วย กันต์ก็ได้ตอบตกลงแล้วทั้งคู่ก็วางสายเตรียมตัวที่ทั้งสองคนจะได้ไปพบกัน

    พอถึงเวลา กันต์ก็ได้มาถึงที่โรงแรม ระหว่างที่รอการแสดงของ มายา ก็ได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มมากิน จนกระทั่งถึงเวลาที่ มายา ออกมาแสดง แสงสีเสียงประกอบกับการแสดงของมายา ถึงกับทำให้กันต์ตกอยู่ในภวังค์ของการแสดงในทันที   “คุณครับๆ” เสียงของพนักงานเสิร์ฟได้เข้ามาทักกันต์ ด้วยความที่การแสดงของมายา สะกดสายตาของกันต์อยู่ พนักงานจึงได้เข้าไปใกล้ๆ กันต์ แล้วก็เรียกกันต์อีกครั้ง “คุณครับๆ” กันต์ได้ยินจึงได้ถามกลับว่ามีอะไรรึเปล่าครับ พนักงานได้บอกว่ามีแขกโต๊ะข้างๆ เขาบอกว่าอยากทำความรู้จักกับคุณครับ เมื่อกันได้หันไปก็พบว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสวย ส่งยิ้มและขยิบตาให้กับกันต์ กันต์ก็ตอบรับด้วยการยิ้มกลับอย่างสุภาพ แล้วก็หันมาดูการแสดงของมาตาต่อ โดยไม่ได้สนคำชวนของผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย

     เมื่อมายาแสดงจบ ก็ได้เก็บของและก็เข้าไปหากันต์ที่โต๊ะ ทั้งสองคนกอดทักทายกัน และก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนที่สนใจกันต์คนนั้น ก็จ้องมองดูอยู่เช่นกัน ผู้หญิงคนนั้นชื่อรินรดา ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในนักร้องที่มาแสดงในวันนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เธอสังเกตเห็นกันต์มานั่งอยู่คนเดียวและด้วยความที่กันต์หน้าตาดีและแต่งตัวดี จึงทำให้เธออยากรู้จักและอยากได้กันต์มาเป็นเจ้าของ

    ระหว่างที่ทั้งกันและมายาพูดคุยกันอยู่นั้น กันต์ได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ เมื่อรินรดาเห็นว่ากันต์ลุกออกไป จึงได้เข้าไปหามายา และได้พูดกับมายาอยู่เพียงไม่กี่คำ มายาถึงกับอึ้งไปสักพัก และก็สีหน้าดูเศร้าลงไปในทันที พร้อมกับลุกออกจากโต๊ะ และออกไปจากร้านโดยทันที

    ตัดกลับมาที่กันต์ กำลังเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับถือเครื่องดื่มมา ก็ไม่พบมายา ถามพนักงาน พนักงานก็บอกว่าไม่ทราบ กันต์พยายามโทรหา มายา แต่มายาก็ไม่รับ ทำให้กันต์รู้สึก งง และสับสนเป็นอย่างมาก และกันต์ก็นั่งดื่มอยู่เพียงคนเดียวที่โต๊ะนั้น เมื่อรินรดาเห็นแบบนั้น จึงได้เข้ามาทักทายกันต์และขอนั่งร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งกันต์ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ทั้งสองคนนั่งกินนั่งดื่มกันอยู่พักใหญ่จนหมดเวลาไปในคืนนั้น

    ผ่านไปเป็นสองวัน  สามวัน จนเป็นอาทิตย์ จนเป็นเดือน และสุดท้ายจนเป็นปี กันต์ก็ไม่ได้พบเจอกับ มายาอีกเลย ไม่สามารถติดต่อมายาได้ กันต์ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ และก็สับสนกับตัวเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่วันนั้น แต่ก็มีรินรดาที่คอยโทรหากันต์อยู่บ่อยครั้ง และก็มาพบเจอกับทางกันต์อยู่เรื่อยๆ เข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของกันต์ จนทำให้บางครั้งกันต์ก็ลืมคิดถึงมายาไปบ้าง รินรดาพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้กันต์ตกหลุมรักตัวเอง เพื่อที่จะได้กันต์มาครอบครอง แต่ทุกครั้งที่ทำไปก็เหมือนกันต์จะไม่ได้คิดอะไรมากเกินไปกว่าคำว่าเพื่อนกับทางรินรดาเลย

    วันหนึ่งกันต์มีงานที่ต้องไปทำที่ภาคเหนือ ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างโครงการที่พักอาศัยซึ่งเป็นงานที่ต้องรีบเร่งทำให้เสร็จ เพราะมันเกิดการเลื่อนมาเป็นเวลานาน วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักมากทำให้งานก่อสร้างต้องหยุดชะงัก กันต์ได้สั่งให้คนงานทุกคนหยุดหลบฝนรอให้ฝนซาแล้วค่อยกลับมาทำงานกันต่อ ระหว่างที่ทุกคนกำลังรีบขนของ เครื่องมือเพื่อที่จะเข้าที่ร่มเพื่อหลบฝน มีลมพัดมาอย่างแรง ทำให้นั่งร้านเอนลงมาทับไปที่ร่างของกันต์ ที่กำลังก้มเก็บของอยู่ในขณะนั้น คนงานที่เห็นเหตุการณ์พยายามที่จะตะโกนให้กันต์รู้ตัวแต่มันก็สายเกินไป

    กันต์ถูกรีบนำตัวเข้าโรงพยาบาล เข้าไปแผนกฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน ศีรษะแตก แขนขวาหัก มีเลือดไหลและรอยฟกช้ำเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องได้รับผ่าตัดเป็นการด่วน เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อพ่อแม่ของกันต์และเล่าสถานการณ์ให้ฟัง เมื่อพ่อแม่ของกันต์ทราบข่าวก็รีบเดินทางไปหากันต์เพื่อดูอาการในทันที  หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น หมอได้ให้กันต์อยู่ที่ห้องไอซียูต่ออีกสักระยะ เนื่องจากกันต์ยังคงไม่ได้สติ พ่อกับแม่ของกันต่างเป็นห่วงลูกชายเป็นอย่างมาก

     ในคืนนี้เป็นคืนที่ 8 ที่กันต์ยังคงสลบไม่ได้สติ ร่างที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยพร้อมกับเครื่องมือแพทย์ที่ไว้ช่วยเหลือกันต์พร้อมกับสายที่ระโยงระยางเต็มไปหมด เมื่อพ่อแม่ได้เห็นถึงกับเสียใจเป็นอย่างมากและรู้สึกทรมานแทนลูกชายที่ต้องมาประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ แม่ได้คอยแต่อธิฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กันต์รีบฟื้นมาโดยไว และหวังว่าลูกชายจะหายกลับมาเป็นปกติดังเดิม

    ผ่านไปในคืนที่ 15 ข่าวดีก็ได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของกันต์ เมื่อหมอได้เดินมาบอกกับพ่อและแม่ว่ากันต์ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว อีกสองถึงสามวันจะย้ายไปอยู่ห้องพิเศษได้แล้ว พ่อและแม่ดีใจเป็นอย่างมากที่รู้ว่าลูกของตัวเองปลอดภัยและฟื้นขึ้นมาแล้ว

    และแล้วก็ถึงวันที่กันต์ได้ย้ายเข้ามาที่ห้องพิเศษ พ่อกับแม่ได้เข้ามาหากันต์พร้อมกับข้าวของที่เตรียมมาเพื่อมานอนอยู่กับกันต์ที่โรงพยาบาล พ่อกับแม่ได้เข้ามาใกล้ๆ และสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง “พวกคุณคือใคร?” พ่อกับแม่ถึงกับชะงักไปในทันทีกับคำถามที่กันต์ได้พูดออกมา แม่ได้พยายามบอกกันต์ว่าตนเองคือแม่ของกันต์ ส่วนพ่อได้ออกไปตามหมอให้เข้ามาดูอาการของกันต์ ซึ่งหมอได้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอาการข้างเคียงจากการผ่าตัด คงต้องใช้เวลาสักระยะ จนกว่าความทรงจำจะกลับมาเป็นปกติ

    ในแต่ละวัน กันต์ยังคงจำไม่ได้กับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นและไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร พ่อกับแม่ต่างเอารูปภาพ เอาวีดีโอ และหลักฐานหลายๆอย่างมาให้กันต์ได้ดูเพื่อค่อยๆเรียกความทรงจำกลับมา ผ่านไปนานหลายวันกันต์เองก็ได้มีความคุ้นชินกับพ่อและแม่มากขึ้น แต่ก็ยังคงจำอะไรไม่ได้อยู่ดี แม่ได้ปรึกษากับพ่อว่าพอจะมีใครที่จะช่วยให้กันต์ สามารถที่จะค่อยๆ นึกความทรงจำนี้ออกมาได้บ้าง พ่อได้เปิดมือถือของกันดู พบเบอร์ที่โทรเข้าออกมาหากันบ่อยๆ ก็พบกับเบอร์ของรินรดา พ่อได้ติดต่อกับรินรดาไป เพื่อหวังว่าจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำให้กันต์เริ่มจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง

    เมื่อรินรดามาถึง รินรดาได้พยายามพูดคุยและอ้างกับกันต์ว่าตนเองคือแฟนของกันต์ แต่กันก็ได้ขอดูหลักฐานหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ หรือหลักฐานอื่นๆ เพื่อให้ทางรินรดามายืนยันกับตนเองและครอบครัว แต่สุดท้ายรินรดาไม่มีหลักฐานใดๆ กับเรื่องราวเหล่านั้นเลย รินรดารู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมากจึงลุกเดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้ร่ำลาพ่อแม่และกันต์เลย และก็ไม่เคยกลับมาเยี่ยมกันต์อีกเลย

    หลายวันผ่านมา พ่อกับแม่พยายามพาญาติๆ และเพื่อนๆ ทยอยกันเข้ามาหากันต์ แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้กันต์สามารถที่จะจำอะไรขึ้นมาได้เลย กันต์รู้สึกแย่กับตัวเองเป็นอย่างมาก และรู้สึกหดหู่กับการที่ตนเองไม่สามารถจำอะไรได้เลย จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ของกันต์ดังขึ้น แม่ได้รับสายและส่งโทรศัพท์มือถือให้กัน “กันต์เธอเป็นยังไงบ้าง เราขอโทษนะกันต์ที่เราไม่ได้ติดต่อเธอกลับไปเลย เราขอโทษนะกันต์” เสียงนั้นดังขึ้นมาในสายพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื่นร้องไห้ของผู้หญิงคนหนึ่ง นั่นก็คือ มายานั่นเอง อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหบอาบแก้มของกันต์ กันต์รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงๆนั้นเป็นอย่างมาก แต่กันต์เองก็ยังคงไม่สามารถจำได้ว่าเธอคือใคร ได้แต่รู้สึกว่าเสียงของผู้หญิงคนนี้คือเสียงของคนที่กันต์นั้นรู้สึกคิดถึงเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนได้คุยกันอยู่สักพักและก็ได้วางสายกันไป “เธอเป็นใครครับแม่” กันต์ถามแม่ในทันทีหลังจากที่วางสาย แม่บอกเธอชื่อ มายา เป็นเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านใกล้ๆกัน แม่ได้เอารูปสมัยเด็กๆ ให้กันต์ได้ดูและในรูปมีรูปเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีรูปถ่ายคู่กับกันต์บ่อยครั้งมาก และแม่ก็เอารูปในมือถือให้ดูว่านี่คือเด็กผู้หญิงคนนั้นที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และแม่ยังได้เห็นรูปที่มายาถ่ายคู่กับกันต์ในโทรศัพท์มือถือของกันต์ ตอนที่กันได้ไปดูมายาร้องเพลงที่โรงแรมให้ดู กันต์ได้ดูรูปนั้นแล้วก็พยายามนึก จนรู้สึกปวดหัวมาก พ่อกับแม่จึงให้พอก่อนสำหรับวันนี้และพยายามเกลี้ยกล่อมให้กันต์ได้พักผ่อน

    เช้าอีกวัน ในห้องผู้ป่วยที่กันต์รักษาตัวอยู่ บนโต๊ะมีอาหารและผลไม้ซึ่งเป็นของโปรดของกันต์วางอยู่ ซึ่งกันต์สามารถที่จะกินอาหารอื่นๆได้ตามปกติแล้ว กันต์ได้ตื่นขึ้นมา พบว่าในห้องนั้นมีมีอาหารและผลไม้เตรียมไว้พร้อม แต่มองไปทางไหนก็ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยแม้แต่คนเดียว กันต์พยามกินอาหารที่ได้จัดเตรียมไว้ ขณะที่กำลังจะหยิบจานผลไม้มือของกันต์ได้เผลอไปโดนกับซ้อมบนโต๊ะตกลงพื้น กันพยายามจะก้มตัวลงไปเก็บ ทันใดนั้นก็มีมือสอดเข้ามาเก็บในทันที กันต์เงยหน้าขึ้นมา พบว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับน้ำตาซึมไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง นั่นคือมายานั้นเอง มายาได้เข้าสวมกอดกันต์ กันต์เองเมื่อถูกสวมกอดก็รู้สึกอบอุ่นและน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยเช่นกัน

    มายา ได้อาสาพ่อกับแม่ของกันต์เพื่อที่จะเข้ามาอยู่ดูแลกันต์ ทำให้เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้ากันต์ในวันนี้ ทั้งสองคนได้พูดคุยกันในหลายๆเรื่อง จนเวลาเย็น พ่อกับแม่ได้เข้ามาพบว่าทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันและพ่อกับแม่ยังได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของกันต์ เป็นครั้งแรกที่กันต์แสดงอาการเหล่านี้ตั้งแต่ย้ายเข้ามาที่ห้องผู้ป่วยพิเศษนี้

    และแล้วก็ถึงเวลาที่ได้กลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน มายา เมื่อมีเวลาว่างก็จะเข้ามาหากันต์อยู่เรื่อยๆ บางวันไม่มีงาน มายาเองก็จะเข้ามาดูแลกันต์ทั้งวัน พ่อกับแม่รู้สึกดีใจมากที่กันต์เองดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป ผ่านไปสองถึงสามเดือนอาการบาดเจ็บต่างๆของกันต์ดีขึ้น มายาได้พากันต์ไปในที่ต่างๆด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินตลาด การเดินห้างสรรพสินค้า และก็ไปเที่ยวสถานที่อื่นๆอยู่บ่อยครั้ง ทั้งสองคนดูมีความสุขมากขึ้นทุกวันๆ

    ผ่านไปหลายสัปดาห์ วันหนึ่ง มายา มีการแสดงที่โรงแรมใกล้ๆกับที่บ้าน  มายาได้ชวนกันต์และครอบครัวไปดูการแสดงของตนเอง พอถึงเวลากลางคืนพ่อและแม่ได้พากันต์ไปที่โรงแรมที่มายาจะขึ้นแสดง ซึ่งมายาได้เตรียมการแสดงพิเศษไว้ และเมื่อถึงเวลาที่มายาต้องแสดง กันต์ได้ตั้งใจดูการแสดงของมายาเป็นอย่างมาก ผ่านไปสักระยะหนึ่ง อยู่ๆ กันต์ก็ น้ำตาไหลออกมาแต่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม ตลอดการแสดงของมายา ซึ่งสิ่งที่มายาเตรียมไว้ก็คือการแสดงที่ทั้งแสง สี เสียง และการแต่งกายนั้นเป็นเหมือนกับครั้งแรกที่ มายาเคยชวนกันต์ไปดูการแสดงของเธอในครั้งแรกนั่นเอง 

    หลังจากแสดงจบ เสียงปรบมือดังสนั่น พร้อมด้วยเสียงของผู้คนที่โฮ่ร้องอย่างชอบอกชอบใจในการแสดงของมายา หลังจากที่มายาลงจากเวที ก็ได้เข้ามาหากันต์กับครอบครับที่โต๊ะ พ่อและแม่ต่างชื่นชมในการแสดงของ มายา เป็นอย่างมากรวมถึงกันต์ ที่ยิ้มด้วยความปิติยินดีกับการแสดงของมายาด้วยเช่นกัน  มายาบอกว่าจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของหลังเวทีก่อน ระหว่างที่ มายา กำลังจะลุกขึ้น กันต์ได้คว้ามือของมายาไว้ “รีบกลับมา และอย่าหนีไปไหนอีกนะ มายา” พ่อกับแม่ถึงกับหันไปที่กันต์ทันที พร้อมกับมายา ที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่กันต์พูดออกมา “เราจำทุกอย่างได้แล้ว อย่าหนีเราไปไหนอีกเลยนะ” มายาโผลกอดกับกันต์ในทันทีที่สิ้นสุดคำพูดนั้น “ไม่แล้วกันต์ เราจะไม่หนีเธอไปไหนอีกแล้ว” มายาพูดออกมาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจและมีความสุขมาก

    ตัดกลับมาที่บ้านของกันต์และครอบครัว พ่อและแม่ได้ปล่อยให้กันต์กับมายาอยู่กันเพียงลำพัง เพื่อพูดคุยกัน กันต์ได้ถามเรื่องราวที่ทำไม มายา ได้หายตัวไปและไม่ติดต่อตนเองกลับมาเลย มายาได้บอกว่า วันนั้นที่กันต์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ รินรดาได้เขามาหามายา และบอกว่าให้มายาถอยไปให้ห่างจากกันต์ ถ้ามายาไม่อยากให้อาชีพของเธอต้องจบลง เพราะรินรดาคือแฟนของกันต์ และไม่อยากให้มายาเข้ามาแย่งกันต์ไปจากเธอ และเธอก็จะประจานมายาในคืนนั้นถ้าไม่ออกไปจากชีวิตของกันต์ ทำให้ มายาต้องรีบออกไปและก็ไม่กล้าที่จะติดต่อกันต์กลับมาอีกเลย เมื่อกันต์ได้ยินแบบนั้นกันต์ก็ได้เล่าเรื่องในคืนนั้นให้มายาได้ฟัง ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี

    กันต์ได้ถามมายาว่า “แล้วเธอสบายดีมั้ย เป็นยังไงบ้างในช่วงที่เราไม่ได้ติดต่อกันเลย” มายาได้ตอบกลับว่า ตัวเองรู้สึกคิดถึงกันต์อยู่เสมอ ได้คอยแต่ติดตามเรื่องราวของกันต์ผ่านเพื่อนๆคนอื่นๆ มันทรมานมากๆเลยรู้มั้ย มายาได้ร้องไห้ออกมาพร้อมกับกุมมือของกันต์ไว้ “มายารู้มั้ย วันนั้นกันต์ดีใจมากนะที่ได้เจอมายา และได้ดูโชว์ของมายาในวันนั้น เราอยากจะบอกมายาว่า เราคิดถึงมายามาก และเราเองก็มีความสุขที่ได้กลับมาเจอมายามากๆ ที่กันต์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เพราะกันต์ไปรวบรวมความกล้าที่จะพูดคำหนึ่งออกมาให้มายาได้ฟัง” มายารู้สึกอึ้งและนิ่งไปสักพัก กับการที่จะได้ยินคำตอบนั้นและได้ถามกลับไปว่า “กันต์จะพูดอะไรกับเราล่ะ?” กันต์ได้กุมมือของมายาและบอกออกไปว่า “ถ้ากันต์จะขอคบกับมายา และเป็นคนดูแลมายาไปตลอดชีวิต จะได้มั้ย?” มายายิ้มออกมาพร้อมกับน้ำจาแห่งความดีใจ “ได้สิ” มายาตอบกลับไปในทันที แล้วทั้งคู่ก็ได้เริ่มต้นจากสถานะของคำว่าเพื่อนที่รักกัน กลายมาเป็นคู่ที่รักกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

    จบ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×