นิยายสั้นๆของเพียงกระซิบ ตอนที่ 1 รักของแม่ - นิยายสั้นๆของเพียงกระซิบ ตอนที่ 1 รักของแม่ นิยาย นิยายสั้นๆของเพียงกระซิบ ตอนที่ 1 รักของแม่ : Dek-D.com - Writer

    นิยายสั้นๆของเพียงกระซิบ ตอนที่ 1 รักของแม่

    รักของแม่ที่ไม่ธรรมดา ไม่ใช่รักทั่วๆไป แต่มันน่าเหลือเชื่อ ฝากติดตามและเป็นกำลังใจ สนับสนุน และเมตตา มือใหม่ด้วยนะ 📌 เบอร์ทรูวอเลต 0840190529 ฟังแบบเสียงได้ที่ยูทูปช่องเพียงกระซิบ (Just Whisper)

    ผู้เข้าชมรวม

    250

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    250

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ต.ค. 66 / 13:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    นิยายสั้นๆ ของเพียงกระซิบ

    ตอนที่ 1 รักของแม่

                เรื่องราวมันเริ่มต้นจากเด็กน้อยคนหนึ่งชื่อว่า “กวิน” กวินเป็นเด็กชาวบ้านธรรมดา อายุเพียงแค่ 10 ปี ที่โตมากับหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดกาญจนบุรี ครอบครัวของกวินพ่อและแม่ประกอบอาชีพรับจ้างดูแล รีสอร์ทแพริมน้ำแห่งหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วคนที่ดูแลอยู่เป็นประจำน่าจะเป็นแม่ซะมากกว่า เพราะแม่ทั้งคอยปัดกวาด เช็ดถู และทำความสะอาดภายในบ้าน ส่วนพ่อจะเป็นเพียงแค่คนสวนดูแลรอบนอกบริเวณบ้านพักที่ไม่ได้ติดริมน้ำเท่าไรนัก  ดูแลรดน้ำต้นไม้ และคอยซ่อมแซมโต๊ะ เก้าอีก และของใช้ภายในบ้านที่ชำรุดอยู่เสมอ และเช่นเดียวกันพ่อมักจะชอบเข้าไปในป่า เพื่อเก็บผัก ผลไม้ หรือบางครั้งก็ล่าสัตว์มาเพื่อให้แม่มาทำเป็นอาหารให้กับครอบครัวอยู่เป็นประจำ

                วันหนึ่งช่วงเวลาใกล้เลิกงานฝนได้ตกลงมาแต่ไม่ถึงกับหนักมาก พ่อจำได้ว่ากวินอยากที่จะกินไก่ป่า เอามาย่างและทำผัดเผ็ดด้วยฝีมือของแม่ซึ่งเป็นอะไรที่อร่อยมาก ขณะเดียวกันกับพ่อมีเวลาว่างจากการทำงาน และก็ได้บอกแม่ว่าจะขอเลิกเร็วหน่อยจะเข้าไปในป่าเพื่อไปหาผัก ผลไม้ และล่าสัตว์เพื่อมาเป็นอาหารเย็นของวัน ซึ่งในตอนนั้นกวิน ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ออกไปเล่นตามประสาเด็กๆ กับเพื่อนและก็ติดฝนอยู่ที่บ้านของเพื่อนด้วยเช่นกัน

                ตัดภาพกลับมาที่พ่อ ซึ่งอยู่ในป่าขณะที่ฝนกำลังตกพรำๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะหาผัก ผลไม้ และล่าสัตว์เพื่อมาให้แม่ได้ทำเป็นมื้อเย็นของครอบครัว จึงไม่ได้สนใจกับฝนที่กำลังตกอยู่ขณะนั้น พ่อเก็บผักมาได้มากมาย แม้จะไม่ได้ผลไม้ แต่ก็ยังได้ไก่ป่ามาเป็นมื้ออาหารเย็นของครอบครัว ระหว่างที่เดินทางกลับบ้านเหมือนมีอะไรดลใจ ให้พ่อหันมองไปทางด้านขวาของตัวเอง มันมีบางอย่างซึ่งแสงมันสะท้อนกับแดดอ่อนๆขณะที่ฝนกำลังตกพรำๆ เข้ามาที่ดวงตาของพ่อ พ่อจึงได้เดินเข้าไปใกล้ๆ และพบกับหินประหลาดก้อนหนึ่งขนาดประมาณ นิ้วหัวแม่มือ ลักษณะเป็นสีเขียว ใส และมีประกายระยิบระยับอยู่ในตัวของมัน พ่อก็คิดว่าเป็นเพชรรึเปล่า แต่ว่าใครจะเข้ามาแล้วทิ้งเพชรไว้ก้อนขนาดนี้ พ่อจึงได้เก็บมันมาด้วย หลังจากที่พ่อกลับมาถึงบ้าน พ่อก็ได้เอาผักและไก่ป่ากลับมาให้แม่ทำอาหาร ขณะเดียวกันกับที่กวินได้กลับมาที่บ้านและช่วยแม่ทำอาหาร เย็นวันนั้นทุกคนมีความสุขกับการได้กินอาหารฝีมือแม่เป็นอย่างมาก

                เช้าของวันใหม่ วันนี้เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่พ่อและแม่จะได้หยุดพักผ่อนจากการทำงาน พ่อนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานได้เก็บหินสีเขียวมาด้วย จึงได้ชวนแม่เข้าไปในเมืองเพื่อที่จะไปหากรอบใส่หินนี้ไว้ และนำมาใส่สร้อยห้อยคอเป็นเครื่องประดับให้กับแม่ และก็จะหาซื้อของที่จำเป็นกลับเข้าไปที่บ้านด้วย เมื่อกลับมาถึงบ้านกวินกลับมาจากโรงเรียน ได้เห็นสร้อยที่แม่ใส่เลยได้แซวพ่อกับแม่ไปว่า “แหม่..วันนี้เป็นวันอะไรน้อ!! พ่อซื้อของขวัญให้แม่เหรอ ไม่เห็นมีให้ผมบ้างเลย” พ่อกับแม่ก็เขินกันทั้งคู่ และพ่อก็ได้เอาขนมที่ซื้อมาจากในเมืองส่งให้กวิน กวินดีใจมากที่ได้ขนมจากพ่อ และก็ได้เล่าเหตุการณ์ที่ได้หินก้อนที่มาใส่กรอบและนำมาห้อยคอเป็นเครื่องประดับให้แม่ และทุกคนก็กินอาหารร่วมกันทำให้เวลานั้นหมดไปอีกหนึ่งวัน

                อยู่มาวันหนึ่ง ที่รีสอร์ทมีพายุฝนลมแรงเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมง แม่ที่กำลังทำงานอยู่ที่แพริมน้ำ ก็กำลังไล่ปิดหน้าต่างห้องพักแต่ละหลัง กระแสน้ำบริเวณที่พักกระเพื่อมแรงและต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ขณะที่แม่กำลังเอื้อมมือที่จะไปปิดหน้าต่างห้องพักหลังสุดท้าย ที่พักแกว่งอย่างรุนแรงตามกระแสน้ำที่โดนพายุซัดกระหน่ำอย่างแรง ทำให้แม่ตกลงไปในน้ำ ไม่มีใครรู้ว่าแม่ตกน้ำ เพราะพ่อกำลังวุ่นกับการปิดห้องพักบนฝั่ง ส่วนกวินเองก็ยังคงอยู่ที่โรงเรียน เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วง 5 โมงเย็น ฝนเริ่มซาและท้องฟ้าเริ่มเปิด กวินกลับมาที่รีสอร์ทก็เห็นพ่อกำลังวุ่นกับการเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่บริเวณรอบที่พัก ก็เลยเข้าไปช่วยพ่อ ระหว่างที่ช่วยกันเก็บของอยู่นั้น กวินก็ได้ถามถึงแม่ว่า “พ่อ!! แม่ยังไม่ขึ้นมาข้างบนเหรอ??” หลังจากที่กวินถามพ่อ พ่อเห็นว่าสภาพอากาศเริ่มปกติ ก็ได้บอกให้กวินลงไปช่วยแม่ข้างล่าง กวินจึงได้รีบลงไปที่แพริมน้ำเพื่อไปช่วยแม่ ผ่านไปไม่นานนัก “พ่อ!!! พ่อ!!! แม่ไม่อยู่ที่แพ แม่หายไปไหนไม่รู้!!!” เสียงกวินตะโกนด้วยความตกใจและเป็นห่วงแม่เป็นอย่างมาก  พ่อได้ยินจึงทิ้งทุกอย่างและรีบวิ่งลงไปที่แพริมน้ำอย่างรวดเร็ว ทั้ง 2 คน ตะโกนหาแม่อยู่สักพัก พ่อรู้สึกว่าเหตุการณ์เริ่มไม่ปกติ จึงได้รีบไปขอความช่วยเหลือจากคนละแวกนั้นให้ช่วยตามหาแม่ และโทรหากู้ภัยเพื่อให้มาช่วยกันตามหาแม่ ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวายไปหมดในขณะนั้น

                เมื่อกู้ภัยมาถึง พ่อและกวินได้เล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ฟัง เจ้าหน้าที่ก็ประเมิณสถานการณ์ซึ่งทุกคนเห็นพ้องกันว่าแม่น่าจะตกน้ำในช่วงที่พายุรุนแรงขณะนั้น จึงได้ระดมกันช่วยหาแม่ในน้ำในทันที กวินและพ่อได้แต่เป็นห่วงและทำอะไรไม่ถูก ได้แต่วิงวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองแม่ให้ปลอดภัย เวลาผ่านไปประมาณเกือบสองทุ่มทุกคนยังคงไม่พบแม่ กวินร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมากพ่อเห็นดังนั้นจึงต้องกลั้นใจทำตัวเองให้เข้มแข็ง และปลอบกวินให้คลายกังวลเพราะเจ้าหน้าที่ยังคงระดมทีมกันช่วยค้นหาแม่อยู่ตอนนี้ จนกระทั่งทุกคนเริ่มจะหมดแรงกับการช่วยกันตามหาแม่อยู่ดีๆ พ่อก็นึกถึงก้อนหินปริศนาก้อนนั้นและได้อธิฐานถึงก้อนหินก้อนนั้นให้ช่วยดลบันดาลให้ช่วยหาแม่ให้เจอและให้แม่ปลอดภัยด้วยเถิด หลังจากพ่ออธิฐานได้ไม่นานกวินได้สะกิดพ่อและตะโกนบอกว่า “พ่อ!!! พ่อ!!! แม่อยู่ตรงนั้น!!!” กวินตะโกนพร้อมชี้ไปทางเข้าป่า ที่พ่อชอบเข้าไปหาผัก ผลไม้ และล่าสัตว์อยู่บ่อยครั้ง ด้วยเพราะไม่ว่าจะวิธีใด ในขณะนั้น พ่อและคนอื่นๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ก็เลือกที่จะเชื่อกวินและเดินไปตรงทางเข้าป่านั้นไป

                พ่อและเจ้าหน้าที่ พร้อมกับคนอื่นๆ ได้นำไฟฉายส่องทางและเดินตามทางเข้านั้นไป ป่าค่อนข้างทึบและมืดสนิท รวมถึงความชื้นจากฝนที่เพิ่งตกและหยุดไปไม่นาน บางคนก็ลื่นล้มเนื้อตัวเปื้อนไปด้วยดินโคลนของผืนป่าแห่งนั้น ใช้เวลาค้นหาอยู่พักใหญ่ พ่อก็เริ่มรู้สึกคุ้นๆทาง และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็พบแม่นอนสลบอยู่ กวินและพ่อได้รีบวิ่งเข้าไปกอดร่างของแม่ด้วยความเป็นห่วง เจ้าหน้าที่ก็รีบขนย้ายแม่ออกจากป่านั้นและพาแม่ไปส่งโรงพยาบาลเพื่อดูอาการของแม่อย่างเร่งด่วน “แม่ปลอดภัย” หมอบอกกับกวินและพ่ออย่างนั้น แต่หมอให้นอนพักที่โรงพยาบาลสัก 2 วัน เพื่อดูอาการต่อสักระยะ กวินและพ่อขอบคุณชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยกันตามหาแม่จนเจอ

                เช้าวันต่อมา พ่อสงสัยและได้ถามกับกวินว่า ทำไมถึงรู้ว่าแม่อยู่ตรงนั้น กวินบอกพ่อว่า ตอนที่กำลังเสียใจมากกับการตาม หาแม่ มีเสียงผู้หญิงบอกว่าแม่อยู่ทางนั้น และพอหันไปก็พบว่าเงานั้นเป็นเหมือนงูตัวใหญ่มาก และมีแสงสีเขียวๆ มุ่งหน้าไปพร้อมกับงูตัวนั้นครับพ่อ พ่อได้ยินแบบนั้นพ่อก็เลยบอกกับกวินไปว่า ระหว่างทางที่เราเดินเข้าไป พ่อรู้สึกคุ้นๆเส้นทางนั้นมาก และตรงที่พบร่างของแม่ คือที่ที่เดียวกับที่พ่อเจอหินสีเขียวก่อนนั้น ที่พ่อเอามาเป็นเครื่องประดับให้แม่ ทั้ง 2 คนมองหน้ากันแล้วก็ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                และแล้วแม่ก็ฟื้นขึ้นในเช้าวันต่อมา ทั้งกวินและพ่อดีใจมาก ทั้ง 2 คนเข้าสวมกอดแม่อย่างดีใจ หมอได้ตรวจอาการของแม่อย่างละเอียด พบว่าแม่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีจึงให้สามารถกลับบ้านได้ ทั้ง 3 คนก็ได้พากันกลับมาที่บ้านอย่างปลอดภัย พ่อได้ถามกับแม่ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ แม่ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าในระหว่างที่กำลังไล่ปิดหน้าต่างที่พัก ก็ได้พลัดตกน้ำไปจริงๆ พยายามสู้กับคลื่นน้ำและลมที่พัดน้ำอย่างรุนแรงจนเรี่ยวแรงแทบจะหมด และคิดแล้วว่าตัวเองคงไม่รอด และก่อนที่จะหมดสติไป เหมือนมีอะไรมากอดรัดตัวเองพร้อมกับแสงสีเขียวๆ สะท้อนอยู่ใต้น้ำแล้วก็หมดสติไป ทั้ง 3 คนต่างคนต่างเล่าเรื่องราวของกันและกันให้ฟัง และมีความเห็นที่น่าจะตรงกันนั่นคือ “พญานาค”

                ผ่านเหตุการณ์นั้นไปหลายสัปดาห์ ทั้ง 3 คน ได้ไปที่วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดกาญจนบุรี ลักษณะของวัดเป็นวัดที่เหมือนสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่นั่นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย และทุกครั้งที่มีเวลาทั้ง 3 คนจะมาที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ มีหลวงพ่อรูปหนึ่งซึ่งท่านเป็นพระสายปฏิบัติจากกรุงเทพมหานคร ที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่ได้เข้ามาทักกวินว่า “โยมน่ะมีบุญนะที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์...และแม่ของโยมก็ยังคงเฝ้าดูโยมเติบโตมาโดยตลอด...และแม่ของโยมก็ดีใจทีก่อนจะจากไปได้เห็นโยมมีความสุข” พ่อของกวินเกิดนึกสงสัยว่าแม่ของโยมที่หลวงพ่อท่านพูดถึงใช่อย่างที่คิดหรือไม่ “ใช่” คือคำตอบของหลวงพ่อ และท่านก็เดินจากไป และแล้วทุกอย่างก็คลี่คลายทั้ง 3 คนอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ ต่อไป

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×