ตอนที่ 73 : บทที่ 12 --- 45%
หั ว ใ จ ธ า ร า
เมื่อกี้ไรท์ลงตอนไม่สมบูรณ์ค่ะ ก็อปมาวางไม่หมดก็เลยลบตอนออกแล้วมาอัพใหม่เพิ่ม ขอโทษด้วยนะคะ มาอ่านใหม่เร็ววววว ...
เช้านี้เป็นเช้าแรกที่ธารารู้สึกว่ารถไม่ติดเลย เธอออกจากคอนโดมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แวะตลาดเช้าซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้กินรองท้อง จนมีเวลาว่างอีกนิดก็เลยเดินหาร้านผลไม้และขนมไทยที่ถูกใจซื้อติดมือไประหว่างที่รอรถ
อาทิตย์นี้พี่ธัชไม่ได้มา เธอเหลือฝึกงานอีกหนึ่งเดือนก็จะจบเทอมนี้ เลยตกลงกับเขาว่าค่อยมาตอนนั้นจะดีกว่า เพราะถ้ามาช่วงนี้ก็เป็นช่วงเก็บผลผลิตที่ไร่พอดี เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ว่างพอๆกัน
ธาราเลือกใช้บริการแท็กซี่เป็นครั้งแรกในรอบเดือนนี้ ... ปกติเธอจะออกจากที่พักเร็วเพื่อให้ทันรถเมล์รอบเช้าสุด และเมื่อไปถึงที่โรงแรมทีไรพี่ๆรีเซฟชั่นกับลุงยามใจดีก็จะชอบแซวว่ามาเช้าเกินทุกที
“ร้านก๋วยจั๊บข้างหน้าเลยค่ะ”
ออกจากตลาดมาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็เลี้ยวเข้าซอยที่มีรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้าออกพลุกพล่าน เช้าๆแบบนี้ผู้คนพากันออกจากบ้านเพื่อจ่ายตลาด มีบางส่วนที่นั่งรอเมนูมาเสิร์ฟที่ร้านข้าวก่อนไปทำงาน
“ร้อยยี่สิบนะคะ”
มือบางหยิบเงินที่พอดีจำนวนส่งให้คนขับ สายตาที่สอดส่องแต่ไกลจดจ่อไปที่ร้านค้าข้างหน้า พอเก็บกระเป๋าตังค์เสร็จก็รีบเปิดประตูลงไปทันที
“แม่”
เห็นเสื้อสีชมพูกลีบบัวตัวเดิมเธอจำได้ทันที เสื้อแบบนี้ กางเกงแบบนี้ ใช่แม่แน่ๆ ... แขนบอบบางถลาเข้าไปกอดคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างดีใจ
“น้ำ มายังไงล่ะลูก ... ยังเช้าอยู่แท้ๆ” มือที่มีริ้วรอยลูบผมและแผ่นหลังบอบบางอย่างสุดแสนคิดถึง
“น้ำคิดถึงค่ะ ก็เลยตื่นแต่เช้า นี่แม่ก็มารอน้ำเหมือนกันใช่มั้ยคะ น้ำรู้ว่าแม่ต้องมาเร็วแน่ๆ”
ตั้งแต่ที่แม่โทรหาเธอเมื่อสองวันก่อน เธอก็ตื่นเต้นจนนอนคิดถึงท่านทุกวัน ... แม่บอกว่าอยากเจอ และมีเรื่องจะคุยด้วย จนมาถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันอาทิตย์พอดี เธอไม่ได้บอกคนเป็นสามีเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นห่วง บอกแค่ว่าจะพักผ่อนและทำความสะอาดห้องที่งานยุ่งมาเกือบทั้งเดือน
“แม่จะชวนไปวัดน่ะจ้ะ นี่กินข้าวมารึยัง ก๋วยจั๊บสักถ้วยมั้ย อร่อยนะ”
“น้ำเรียบร้อยมาแล้วค่ะ แม่จะพาน้ำไปวัดเหรอคะ”
“จ้ะ แม่มีเรื่องจะคุยกับน้ำ เดี๋ยวเราไปกันเลยนะ สายกว่านี้รถจะติด”
“ค่ะ”
แม่พาเธอนั่งรถมาที่คลองสามวา รถเลี้ยวเข้ามาที่วัดเล็กๆไม่ไกลจากถนนใหญ่มากนัก พอจ่ายค่าแท็กซี่เรียบร้อยแล้วเธอก็หอบหิ้วข้าวของที่แม่ซื้อมาทำบุญตามท่านเข้าไปด้านใน
บริเวณด้านในวัดร่มรื่น ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก มีชาวบ้านบางส่วนมาทำบุญเช่นเดียวกัน ... หลังจากถวายสังฆทาน ไหว้พระในโบสถ์เสร็จ แม่ก็พาเธอเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าเจดีย์เก็บอัฐิของใครคนหนึ่ง
“ครบรอบยี่สิบปีวันนี้ ที่คุณธาริณีเสีย ท่านเป็นภรรยาคนแรกของเสี่ย”
“หืม ภรรยาคนแรกเหรอคะ” ตั้งแต่เล็กจนโตมาเธอก็เห็นคุณอังคณาเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของท่านมาตลอด ... สงสัยคงจะก่อนที่เธอจะรู้ความ
“ยี่สิบสองปีก่อน คุณธารเธอทะเลาะกับเสี่ยจนต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอก ช่วงนั้นแม่เข้ามาทำงานได้ไม่นานและเป็นคนที่คุณธารรับมาทำงานด้วย ก็เลยตัดสินใจตามเธอออกจากบ้านไป”
ทั้งคู่หยุดยืนอยู่ด้านหน้าที่เก็บอัฐิที่เรียงรายอยู่รอบๆโบสถ์ ... เจดีย์ที่ลักษณะคล้ายๆกัน มองเผินๆอาจจะต้องสังเกตที่ชื่อหรือไม่ก็รูปที่มีติดไว้
ธาริณี พัฒนเกียรติ ...
ทำไมนามสกุลเหมือนเราเลยล่ะ
‘แม่คะ ทำไมนามสกุลแม่ไม่ได้ใช่พัฒนเกียรติเหมือนน้ำล่ะคะ’
‘เป็นนามสกุลพ่อเราน่ะ แม่กับพ่อของน้ำไม่ได้จดทะเบียนกัน’
“แต่ตอนที่ออกมาจากที่นั่น คุณธารท้องได้สองเดือน แม่ตามเธอมาอยู่บ้านเก่าที่ซอยถัดไปนี่เอง ... เป็นบ้านคุณพ่อคุณแม่เธอตอนที่คุณธารยังไม่ได้แต่งงาน”
“แล้วทะเลาะอะไรกันหนักมากจนไม่มาเคลียร์กันเลยเหรอคะ” แค่เธอน้ำตาปริ่มนิดหน่อย พี่ธัชก็รีบเข้ามาโอ๋แล้ว ... ไม่เข้าใจเหตุผลของคนที่ไม่พยามปรับความเข้าใจกันเลยจริงๆ
“คุณอังเป็นคนรักเก่าที่เลิกรากันไปแล้วของเสี่ย พอเสี่ยแต่งงานกับคุณธารได้ไม่นาน คุณอังก็กลับมาจากนอก แล้วก็ได้พบกันอีกครั้ง”
“กลับมาคบกับแฟนเก่าเหรอคะ ทำแบบนี้ไม่ถูกต้องเลยนะคะแม่”
“แม่ก็ไม่แน่ใจว่าพอเจอกันอีกครั้งเขาคบกันเลยรึเปล่า แต่คุณธารเธอเสียใจมากก็เลยขอแยกทาง”
“แล้วเสี่ยก็ไม่ตามมาง้อสักนิดเลยเหรอคะ ทำไมถึงไม่ห่วงว่าเมียตัวเองจะเป็นอะไรบ้างเลย”
คนฟังเรื่องราวเก่าๆอดโมโหแทนผู้ล่วงลับไม่ได้ ... ทำไมผู้หญิงตรงหน้าเธอถึงน่าสงสารแบบนี้นะ
“ท่านมาคุยนะ แต่ไม่รู้ยังไงกัน สุดท้ายท่านก็แต่งงานใหม่อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แหละ”
“คุณธารคลอดคุณหนูน้อยได้ไม่กี่เดือนก็เสียชีวิต เพราะภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เธอตรอมใจจนร่างกายไม่รับเอาอะไรเลย” พูดไปแม่ก็ยกมือขึ้นเช็ดที่หัวตา สูดหายใจอยู่สองสามครั้งก่อนจะพูดต่อ
“คุณหนูน่าสงสารมาก กินนมแม่ได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องมาเป็นกำพร้า” ทีนี้แม่เก็บอารมณ์หวั่นไหวเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ท่านร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทางจนธารารู้สึกจุกตามไปด้วย
“แล้วตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนคะ เสี่ยรู้มั้ยว่าเขามีลูก”
“ไม่รู้หรอก ... คุณธารเธอไม่ให้บอกเขา”
แม่เช็ดน้ำตาอีกที ก็ยื่นมือมากุมมือเธอเอาไว้
“แม่เลี้ยงคุณหนูได้ขวบกว่าๆก็หอบกลับเข้าไปอยู่ที่บ้านพ่อของเขา กลับไปขอทำงานในฐานะแม่บ้านเหมือนที่เคยทำมาก่อน”
ปลายมือเล็กๆเย็นเฉียบขึ้นมาโดยไม่มีคำพูดแม้แต่สักคำ ...
“บ้านหลังใหญ่ความจริงแล้วเป็นชื่อคุณธารที่เสี่ยเขาสร้างให้ตั้งแต่ตอนก่อนแต่งงาน แต่เมื่อย้ายออกมาคุณธารเธอไม่ต้องการ ทนายที่เป็นเพื่อนกันเลยแนะนำให้ทำพินัยกรรมเอาไว้ให้กับทายาทเมื่อบรรลุนิติภาวะ”
ทายาท ... คนที่กลั้นใจฟังหายใจติดขัด
“หมายความว่ายังไงคะ”
“น้ำคือเด็กคนนั้นที่แม่เลี้ยงมา ... เป็นลูกสาวของคุณธารกับเสี่ยนิธิ ฮึกๆ”
ที่เขียนให้นางเอกมีสามีน่ารักมากๆก็เพราะแบบนี้แหละ ... ชีวิตน้องน่าสงสาร ฮือออออ
ตอนนี้การเขียนเรื่องนี้ของไรท์เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วค่ะ พยายามจะปิดประเด็นให้ครบในทุกๆเรื่อง เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า ... ใครมีตรงไหนสงสัยหรืออยากแนะนำก็เมนต์บอกได้นะคะ
แล้วพบกันใหม่ค่า ... เค้าไปดูหมอเป้ง (พี่ซันนี่) ก่อน 5555
เมนูนี้ไม่ได้ทำเองค่ะ แต่ไปทานมา
คิดถึงนะคะ
... ภณิตา ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณแม่(ที่เลี้ยงมา) น่ารักนะคะ
เอ้อว่าแล้วเสียก็เลวจริงๆถ้ารู้ว่าเป็นลูกนี่จะรู้ผู้สึกผิดบ้างไหมขนาดเมียทำผิดจะเอาเด็กในบ้านไปขายยังไม่ทำไรเลยน่าจะเขียนให้มีเขาบนหัวสักหน่อยจะได้รู้ซึ้งถึงกรรมสักนิด
ทำไมปิดตอนล่ะไรท์
แต่อยากให้ธาราเฉย ให้อภัยแต่ไม่ยุ่งเกี่ยว