ตอนที่ 29 : บทที่ 5 --- 100%
หั ว ใ จ ธ า ร า
เคยคิดอะไรไม่ออกบ้างมั้ย ... ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเรียน ทำงาน หรือแก้ปัญหาอะไรก็ตาม
ตอนนี้แค่หายใจทำไมถึงยากลำบากขนาดนี้วะ ...
คนที่เดินนำแต่ไม่ประมาทที่จะละเลยคนข้างหลัง เสียบคีย์การ์ดและเปิดประตูห้องให้เงียบๆ เขารออีกคนเดินเข้าไปก่อน จึงค่อยเอื้อมมือไปปิดตามท้าย
บรรยากาศในห้องยังคงเหมือนเดิม เครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้เย็นเฉียบ ยังทรงประสิทธิภาพจนทำให้คนนิสัยไม่ดีรู้สึกขนลุก ...
“เรามาคุยกันดีๆ ได้มั้ย ... พี่จะไม่ใช้อารมณ์แบบเมื่อกี้นี้อีก”
คนที่รู้ตัวและพยายามย้ำๆว่าเขาสำนึกแล้ว รีบเกริ่นก่อน ... ที่จริงแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้จะมีท่าทียังไง
หรือเขาจะร้อนตัวเกินไป ...
“ค่ะ”
ร่างบอบบางนั่งลงบนโซฟาด้านหนึ่ง และคนที่เปิดประเด็นก็ขยับตามลงมา ... ธัชเหลือบตามองใบหน้าเรียบๆของอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ ... จะเริ่มยังไงดีวะ
“คือพี่อยากรู้ ... เรื่องสมุดบัญชีนั่น”
พูดไปเขาก็ขยับตัวอยู่ไม่สุข ... เคยเห็นอาการคนนั่งไม่ติดมั้ย ไม่รู้ทำไมเขาถึงกลายไปเป็นสภาพแบบนั้น ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรคอขาดบาดตาย
เขาน่าจะแค่เป็นห่วงความรู้สึกคนตัวเล็กนั่นแหละ ... เป็นห่วงจนรวนไปหมด
“ว่าทำไมถึงไม่ยอมเบิกตังค์ไปใช้”
“เงินเก็บของน้ำยังมีค่ะ” เธอตอบเสียงเบา สองมือที่วางอยู่บนตักยังไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“แต่พี่เห็นเราใช้ไปแค่นิดเดียว ... มันคืออะไร”
“...”
“บอกพี่ได้มั้ย ... น้ำมีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้ ... เราเป็นครอบครัวเดียวกัน น้ำไม่ไว้ใจพี่เหรอ” เขาขยับเข้าไปใกล้จนดึงมืออีกคนมาจับไว้ น้องไม่ได้ดึงหนี ไม่ได้ขัดขืนอะไรอย่างที่เขาคิด
แต่คนตัวเล็กของเขากำลังร้องไห้
“น้ำ”
คนที่ตั้งท่าจะสอบสวนตกใจจนต้องเอ่ยเรียกชื่อคนที่มีน้ำตาทันที เขารั้งไหล่บอบบางเข้ามาแนบอก ... กอดเธอไว้ทั้งที่ยังนึกถ้อยคำปลอบโยนไม่ได้เลย
“น้ำเป็นภาระ ฮึก พี่ธัช ... น้ำไม่อยากรบกวนพี่ธัช ฮึก ไม่อยากสร้างปัญ ... หา ... ให้ใครต้องมารับผิดชอบอีก”
“น้ำไม่ได้ลำบากนะคะ ... น้ำ น้ำอยู่ได้ ... ตอนไม่มีบ้าน ฮึก น้ำก็อยู่ได้ ... พี่ธัชไม่ต้องเป็นห่วง ... น้ำจะไม่ทำให้พี่ธัชลำบากใจ ... ฮึก ทุกอย่าง น้ำจะจำไว้ น้ำจะไม่ลืม ... พี่ธัชช่วยเหลือน้ำยังไงบ้าง ฮึก น้ำไม่ลืม ไม่เคยลืม ฮือ”
มือแกร่งลูบปลอบแผ่นหลังที่สั่นไหวนั้นเบาๆ รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งใจ ... นี่สรุปว่าแต่งงานกับเขาแล้วยังจะคิดว่าตัวเองเป็นภาระเขาอีกน่ะหรือ มันไม่ใช่แล้วนะ
คิดว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งยอมลงทุนแต่งงานทั้งที มันเพื่ออะไรล่ะ เพื่อความรับผิดชอบแบบลูกผู้ชายเหรอ หรือเพื่อเกียรติ เพื่อศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล ... เหตุผลบ้าบอพวกนี้ สำหรับเขามันไม่ใช่ทั้งนั้น
“ไม่ น้ำฟังพี่นะ ฟังให้ดีๆ ... การที่เราแต่งงานกัน มันอาจจะไม่ใช่เพราะรัก เริ่มตั้งแต่แรกที่เจอกันเลย สถานการณ์ก็ไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ ... ไม่มีอะไรพร้อมเลยอย่างที่เห็น แต่เรื่องนี้พี่อยากให้น้ำรู้ว่าพี่ตกลงปลงใจเอง พี่ยอมเอง พี่ไม่ได้ทำเพื่อใครแต่พี่ทำเพื่อตัวเอง เพราะความรู้สึกของตัวเอง ...”
“พี่ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ... อยากคบกับใครสักคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ... ไม่ต้องศึกษากันจนเก้าปีสิบปี แต่ขอแค่คุยกันเข้าใจสักระยะ ให้พอที่จะพัฒนาต่อไปได้”
“แต่ตอนนี้มันข้ามขั้นตอนไปหน่อย ตอนนี้พี่แต่งงานแล้ว การแต่งงานกับใครสักคนพี่ก็อยากให้เขาเป็นของพี่คนเดียว รักพี่คนเดียว และใช้ชีวิตครอบครัวเล็กๆไปด้วยกัน”
“ถ้าพี่คิดว่าน้ำเป็นภาระ พี่คงไม่มายุ่งวุ่นวายด้วย ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แล้วก็ปล่อยให้เข้าใจผิดแบบนี้ โดยที่พี่ไม่ต้องมาอธิบายเลยไม่ดีกว่าหรือ”
คนร้องไห้ตาแดงเงยหน้าขึ้นมามองเขา ... หัวใจเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยประโยคมากมายที่ออกมาจากปากคนตรงหน้า
รักเขา ... เขาอยากให้เธอรักเขาหรือ
“พี่ธัชพูดจริงเหรอคะ” ทั้งหมดนี้ ... มันบันทึกลงในหัวใจของเธอไปหมดแล้วนะ
“จริงสิ ... ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ทุกอย่างที่พี่บอก เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น”
“น้ำขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจนะคะ” คนที่เริ่มกลับมาประหม่ายืดตัวออกจากอ้อมแขนของเขาเล็กน้อย
“เปิดใจให้พี่ได้มั้ย ... เรามาเริ่มต้นกันใหม่”
“คะ”
“ไม่ได้เป็นแฟน แต่ขอเป็นภรรยาเลยแล้วกัน” เขายิ้ม เสมองแก้มสาวที่กำลังแดงปลั่งใบหน้าเปื้อนความสุข
“ขอแบบนี้เลยเหรอคะ ... น้ำเพิ่งบอกเหตุผลเรื่องเงินในบัญชีไปเองนะ”
“พี่ไม่ได้คุยเรื่องนั้น เอาไว้ค่อยคุยทีหลัง ... ตอนนี้กำลังทำความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ของเราก่อน อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง”
คนรู้ทันยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้แล้วเพ่งสายตามองเข้าไปในดวงตาวามวาวของคนที่กำลังหวั่นไหว
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ ก็แต่งงานกันแล้ว” คนในอ้อมกอดเถียงตะกุกตะกัก
“แล้วรู้ไหมว่าพี่คิดยังไง ... ไหนลองพูดมาหน่อย”
“ก็ ... ก็รู้ ... รู้แล้ว”
“รู้ว่า?”
“พี่ธัชน่ะ ... คนขี้แกล้ง”
“หืม ... เดี๋ยวนี้พี่กลายเป็นคนขี้แกล้งเหรอ ไม่ใช่มั้ง”
“ก็ทำไมต้องถามซ้ำๆล่ะคะ” คนที่เถียงไม่เคยชนะเขินจนหูแดงไปหมด ... เขาก็ไม่ได้มอมเหล้าสักหน่อย แต่ทำไมถึงรู้สึกเบลอๆอย่างนี้นะ
“ก็อยากรู้ไงว่าน้ำเข้าใจถูกรึเปล่า ... เพราะถ้าไม่เข้าใจพี่จะได้อธิบายใหม่ตั้งแต่ต้น”
“เข้าใจแล้วค่ะ ... ไม่ต้องอธิบายใหม่แล้ว น้ำเข้าใจทั้งหมดเลย”
“งั้นพี่จะถามใหม่ ... เราเป็นอะไรกัน”
“แฟนค่ะ” ตอบไปก็หายใจไม่ทั่วท้อง ... เขาทำเธอปั่นป่วนไปหมดทั้งใจแล้วนะ
“ตอบผิด เป็นสามีภรรยาต่างหากล่ะ” เขาปัดจมูกไปชนกับแก้มสาวอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะกระซิบต่อให้คนฟังเขินแล้วเขินอีก
“แต่อนุโลมให้ใช้คำอื่นที่ใกล้เคียงได้ พวกแฟน คนรัก ได้หมด ยกเว้นพี่น้องกับผู้มีพระคุณ ไม่เอานะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ... น้ำเรียนอยู่นะ”
“ก็รู้กันสองคน”
“ฮื่อ จะเอาแบบนี้จริงๆเหรอคะ”
“แบบนี้แหละ ... เป็นอันว่าเข้าใจกันแล้วนะครับ ... ทีนี้ไม่งอนแล้วนะ เวลาที่พี่เป็นห่วง หรือถามอะไร”
คนตัวเล็กที่นั่งเขินมานานพยักหน้าให้เบาๆ เขาจึงว่าต่อไป
“ต่อนี้ไปไม่ต้องเกรงใจแล้วนะ การประหยัดมันก็ดี แต่พี่ไม่อยากให้ต้องมาทำเหมือนพี่เลี้ยงเมียคนเดียวให้มีความสุขไม่ได้ ... ถ้ายังไม่เห็นคุณค่าที่พี่ใส่ใจแบบนี้อีก พี่จะงอนคืนบ้าง คอยดูเถอะ”
ยาวเลย ยาวเลย โดนบ่นยาวมากกกกกกกกกกกกก 5555555555555555555555
พี่เล่นใหญ่อ่ะ ... นี่เมียนะไม่ใช่ลูก 555555
ปล. ใครอ่านแล้วไม่เก็ต บอกได้น้า 555 ไรท์จะไปด่าอิพี่ให้
สำหรับคืนนี้ฝันดีนะคะ
... ภณิตา ...
...
มีซีนแบบฟินเว่อร์มั่งจิ...
ปล.​ พี่ธัชไม่แก๊ไม่แก่เลย​ จริงๆนะ​ บ่นเก่งงงงงง​แค่นั้นเองงง​ 5555
ปล.​ดึกแล้วยังตามอ่านกันเสมอ​ ขอบคุณนะคะ