ตอนที่ 2 : บทที่ 1 --- 50%
หั ว ใ จ ธ า ร า
“ยัยน้ำล่ะ ไปเรียกมาหาฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
คนที่หงุดหงิดกลับมาจากข้างนอกร้องบอกเสียงดัง ... นิ้วเรียวที่เคลือบด้วยเล็บสีสดกำกระเป๋าหนังราคาหกหลักปาส่งๆไปบนโซฟา ก่อนที่เจ้าตัวจะกระแทกบั้นท้ายตามลงไป
“คุณอังคะ คือว่า”
“อะไรจำปา ฉันบอกว่าไปตามลูกสาวเธอ ก็ไปตามมา ... อย่าบอกนะว่าหายหัวไปข้างนอกยังไม่กลับมา”
“น้ำไม่อยู่ค่ะคุณอัง”
“มันไปไหน ค่ำมืดขนาดนี้มันยังจะแรดๆออกไปไหนอีก”
“ไปนอนบ้านเพื่อนแถวศาลายา พรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยค่ะ”
“อะไรนะ! นี่ใครบอกให้มันเรียน จำปา แกจำที่ฉันคุยเอาไว้เมื่อเช้าไม่ได้รึไง ฮะ”
“แต่น้ำสอบติดแล้วนะคะคุณอัง”
“ไม่ได้! เสี่ยคุยกับทางนั้นเขาไว้แล้ว จะให้ฉันเสียหน้าอย่างนั้นเหรอ”
“...”
“โทรตามมันกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ บอกมันว่าฉันไม่อนุญาตให้เรียน ให้มันกลับมาตอบแทนบุญคุณที่บ้านนี้ให้มันอยู่มาจนโตเดี๋ยวนี้”
“คุณอังคะ ... คือ จำปาขอโทษแทนน้ำด้วย”
“ไม่ จำปา ฉันไม่รับ เธอจะไปบอกให้มันกลับมาดีๆ หรือจะให้ฉันต้องไปตามล่าตัวมันเองเธอก็เลือกเอา”
ร่างผอมบางของคนที่ตัดสินใจแล้วว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไง จะไม่ปริปากบอกสิ่งที่ตัวเองได้ทำไป ค่อยๆก้าวเท้าเดินออกจากห้องรับแขกอย่างอ่อนแรง คิดถึงเหตุการณ์ต่อไปล่วงหน้าก็รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“จำปาขอให้คุณหนูโชคดีนะคะ จำปาทำได้แค่นี้จริงๆ”
ระยะทางจากกรุงเทพไปยังเหนือสุดแดนสยาม ใช้เวลายาวนานหลายชั่วโมง ทำให้คนขับจำเป็นจะต้องแวะพักไปตลอดทาง ... ไม่ใช่อะไร หากแต่เป็นเพราะคนข้างๆที่นั่งหน้าซีดปากสั่นมาด้วยกันนี่ล่ะ ... ออกจากต้นทางมาไม่ทันข้ามจังหวัด เจ้าตัวก็ห่อไหล่ขับไล่ความหนาวจนเขาสังเกตอาการที่ผิดปกติได้
‘หนาวเหรอ’
เขาแค่เปิดแอร์เบาๆ ไล่ไม่ให้บรรยากาศมันร้อนจนเกินไป ... จึงไม่น่าจะหนาวได้นะ
‘ค่ะ ... เอ่อ หนูขอเอาเสื้อในกระเป๋าได้มั้ยคะ’
ธัชมองคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นนั่งกอดตัวเองอยู่ ก็เพิ่งฉุกคิดได้ว่าตัวเล็กๆแบบนี้ ถ้าป่วยขึ้นมาจริงๆเธอคงจะหนาวเพราะนั่งตากแอร์ไปตลอดทางแน่ๆ
‘เบาะหลังมีผ้าห่ม เดี๋ยวผมหยิบให้’
เขาเอี้ยวตัวยื่นแขนไปดึงหมอนสีน้ำตาลใบหนึ่งมา ก่อนจะจัดการเปิดซิปมันออกแล้วคลี่ให้เป็นผ้าห่มส่งให้ ... คนนั่งหนาวมานานไม่รีรอ มือบางรีบรับไป แล้วห่มตัวเองเป็นก้อนกลมทันที
‘นอนพักก่อนก็ได้ อีกสักพักจะแวะหาอะไรทานกัน’
จนตอนนี้ก็เกือบสามทุ่ม เขาไม่อยากปลุกเธอเพราะเห็นว่าที่นอนยาวขนาดนี้อาจจะยังเพลียอยู่ จึงขับรถต่อไปอีกสักหน่อย ... และพอบังเอิญมีสายเข้า เขาเลยวนรถไปพักจอดในปั๊มน้ำมันเพื่อคุยโทรศัพท์ และกะว่าจะดูอาการอีกคนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“น้ำ น้ำ”
วางสายเสร็จ เขาก็เรียกเธออยู่สองสามที แต่คนนอนหลับมาหลายชั่วโมงก็ยังไม่รู้สึกตัว ธัชจึงตัดสินใจเปิดไฟเพื่อสำรวจดูความผิดปกติของเธอให้ชัดๆ ... เห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นเต็มไปหมด
แบบนี้คงไม่พ้นเป็นไข้อย่างคิดเอาไว้จริงๆ
“น้ำ น้ำ ตื่นก่อนเร็ว น้ำ ... ได้ยินผมรึเปล่า”
เจ้าของชื่อครางงึมงำไม่เป็นภาษา ธัชจึงอนุญาตให้ตัวเองยื่นมือไปแตะที่หน้าผากเธอเพื่อเช็คระดับอุณหภูมิความร้อนว่ามันอันตรายขนาดไหน
“ตัวร้อนอย่างกับไฟ ... น้ำ ลืมตาก่อน”
อึดใจต่อมา คนที่ถูกเรียกก็ปรือตาขึ้นมามองเขา ใบหน้าเล็กๆ จมูกและแก้มของเธอแดงก่ำ ร่างเล็กค่อยๆขยับมือที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา ยกขึ้นกุมศีรษะตัวเองอย่างอ่อนแรง
“ผมจะพาไปหาหมอนะ เราตัวร้อนมาก”
คนพูดไม่พูดเปล่า เขาบิดกุญแจสตาร์ทรถและออกตัวไปในทันที ... จนขับมาถึงเขตตัวเมืองที่ยังมีรถราพลุกพล่าน เขาก็พุ่งเป้าหมายไปยังคลินิกสักแห่งที่ปิดดึก เพื่อหวังว่าหมอจะช่วยรักษาอาการของเธอได้ทัน
“ตรงนี้ยังเปิดอยู่ เดี๋ยวผมวนหาที่จอดก่อน เราลุกไหวไหม”
ร่างเล็กที่ไม่มีแรงขยับตัวพยักหน้ามองเขาตาปรอย ... ธัชชื่นชมในความเข้มแข็งที่ไม่โอดครวญหรือร่ำร้องแสดงความอ่อนแอของอีกฝ่าย
แต่ตอนนี้เขายังไม่ควรคิดอะไรทั้งนั้น ... รีบพาไปให้หมอจัดการก่อน สำคัญที่สุด
“เดี๋ยวผมอุ้มไป”
เขาเปิดประตูแล้วก็ชะโงกหน้าเข้าไปถาม เห็นเธอค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลก็คอยระวังหยิบจับรองเท้าสวมให้
“หนูไหวค่ะ”
“อ่อ โอเค งั้นก็ค่อยๆนะ เดี๋ยวผมขอจับมือไว้ก่อนแล้วกัน เผื่อจะล้มก็เกาะไว้”
“ค่ะ”
ขอชื่อจริงนางเอกหน่อยค่ะ ... ไรท์ตั้งว่า ... ธารา ... รีดว่าไงคะ ดีรึเปล่าเอ่ย
ฝากนิยายละมุนๆสไตล์ภณิตาด้วยนะคะ ... ดีใจที่เข้ามาติดตามกันอีกเรื่องแล้ว ><
ไรท์จะพยายามอัพบ่อยๆนะคะ ... มาทักทายกันได้น้า
... ภณิตา ...
แค่เจอกันไม่กี่ชั่วโมงยังใส่ใจขนาดนี้ นานวันไปจะเป็นยังไงน๊า... อยากรู้จัง. ลุ้น!!!!!!!!