ผู้หยุดเวลา - นิยาย ผู้หยุดเวลา : Dek-D.com - Writer
×

    ผู้หยุดเวลา

    เมื่อคำสาป มาพร้อมกับความเจ็บปวด เขาจะทำอย่างไร

    ผู้เข้าชมรวม

    100

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    100

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 เม.ย. 59 / 17:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

     

                เวลาของคนเรามีเท่ากัน...

                แต่สิ่งที่คนเรามีไม่เท่ากันก็คือ...โอกาส

                หลายคนมีความรู้อยู่ในระดับสูงถึงปริญญาแต่กลับตกงานเพราะจบช้ากว่าคนอื่น หลายคนที่ความสามารถในด้านต่างๆ แต่ไม่สามารถใช้มันออกมาได้เพราะไม่มีต้นทุน แม้แต่บางคนที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทั้งเงินทอง ชื่อเสียง ความรู้ แม้แต่โอกาสพวกเขาก็มี แต่กลับเลือกที่จะปล่อยมันไป...

                เพราะไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับมัน ไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับโลกแห่งความเป็นจริง แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม โลกก็ยังคงหมุนต่อไปแม้ว่าคนเหล่านั้นจะหยุดอยู่ที่เดิม เพราะเวลาของคนเรานั้นมีเท่าๆกันและไม่มีใครคนไหน สามารถที่จะแก้ไขกฎแห่งเวลาได้

                กฎที่พระเจ้าสร้างขึ้น...

                ถ้าเกิดคุณย้อนเวลาได้...คุณจะย้อนไปตอนไหน? ไปทำอะไร?

                มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ที่มนุษย์รู้จักกับคำว่า <ผิดพลาด> ไม่ว่ามันจะเล็กหรือใหญ่มากแค่ไหน คนเราเมื่อเกิดความผิดพลาดแล้วนั้น ก็จะเริ่มมีความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น มากเข้าๆ ก็จะกลายเป็นการบอกว่า

                “ถ้าผม/ชั้น ย้อนเวลาได้ล่ะก็...”

                เพียงเท่านั้น แต่คุณไม่รู้หรอกว่าการที่ถูกทำให้สามารถควบคุมเวลาได้มันย่ำแย่แค่ไหน หลายคนอาจจะบอกว่าดีแล้ว จะได้ทำอะไรได้ตามที่ต้องการได้ง่าย ส่วนน้อยคงจะเห็นใจคนๆนั้น ที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบเกี่ยวกับอนาคตที่อาจจะบิดเบี้ยว แต่นั่นเป็นแค่ส่วนที่น้อยมากๆเท่านั้น

                คนเราทุกคนมักจะมองให้ความสำคัญในวันนี้มกกว่าที่จะมองเห็นอนาคต เพราะทำวันนี้ดี อนาคตก็จะดีตาม นั่นคือสิ่งที่คนทั่วๆไปคิดกัน แต่แท้จริงแล้วมันไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณก็คงจะสามารถที่จะหาเหตุผลมาได้ว่า

                “ทำไมยังมีคนที่จบปริญญาเอกหรือการศึกษาชั้นสูงแล้วยังตกงาน?”

                “ทำไมคนที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่6 สามารถประสบความสำเร็จได้?”

                ผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไง แต่สำหรับผม ผมจะไม่บอกว่ามันเป็นเพราะงานของคนจบการศึกษาในระดับต่ำนั้นง่ายกว่า เพราะนั่นมันผิดถนัด

                สมมุติว่า...ถ้าเกิดคนที่เป็นหมอที่จบสูงๆ ไปทำงานเป็นพ่อครัวในร้านอาหารของตัวเอง แบบที่คนจบต่ำๆทำ ผมถามว่าจะประสบผลสำเร็จไหม?

                คำตอบคือ ใช่ มีโอกาสประสบผลสำเร็จ แต่ใครจะรู้เล่า เขาอาจจะทำพลาดก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าคนจบมาต่ำก็มีโอกาสทำได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความเป็นไปได้

                มันเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่อาจจะกำหนดให้มันเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าองค์ใดก็ตาม แม้แต่ไททันอย่างโครนอส ที่เป็นเจ้าแห่งเวลาและความปั่นป่วน ยังไม่อาจที่จะกำหนดให้เวลานี้ จะมีสิ่งนี้เกิดขึ้นมาโดยไม่ใช่เหตุการณ์ปกติได้ ถ้าง่ายๆก็คือ

                เขาไม่สามารถกำหนดให้<สิ่งนี้>เกิดขึ้นมาได้ ไม่มีทางเลย!

                ผมว่าผมพูดนอกเรื่องที่ควรจะพูดมามากเกินพอแล้ว ทีนี้กลับมาที่เรื่องหลักบ้าง ตั้งแต่ตอนที่ผมบอกว่าการมีโอกาสของคนเรามันไม่เท่ากัน เช่นเดียวกันกับผมครับ

                ตัวผมเองก็ไม่ได้มีโอกาสอะไรมาก เรียกได้ว่าไม่มีโอกาสดีๆเลยก็ได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเปิดโอกาสที่จะรับมันหรอกนะ เพียงแต่ว่าโอกาสของผมนั้นมันจะมาในรูปแบบที่น่ากลัวและไมต้องการเสมอ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนผมอายุได้เพียงเจ็ดขวบเท่านั้น

     

                “ฟินน์ นายคิดจะทำอะไรน่ะ?” เสียงของเพื่อนในวัยเด็กที่สนิทมากๆของผมเรียกขณะที่ผมซึ่งตอนนั้นอายุเพียงเจ็ดขวบนั้นกำลังหยิบกิ่งไม้ด้ามยาวขึ้นมาถืออยู่ในมือพร้อมกับตั้งมันขึ้นเหมือนกำลังจับดาบ ผมชี้มันไปข้างหน้าที่ผมคู่อริของผมในวัยเด็ก

                โคลเวอร์

    เขาเป็นคู่อริที่ผู้ใหญ่หลายคนมักจะบอกว่าเราเหมือนเพื่อนกันมากกว่าคู่อริ ร่างกายเล็กๆแบบเด็กที่อ้วนท้วนสมบูรณ์เพราะที่บ้านเขาเป็นเศรษฐีน้ำปลา แน่นอนว่ารวยมากถึงขนาดที่ซื้อเสื้อราคาเกือบห้าร้อยเหรียญให้กับโคลเวอร์ใส่ในตอนที่อายุยังเท่านี้

                “ก็ตัดสินกับโคลเวอร์ไง ว่าใครจะได้เป็นจ้าวของสนามเด็กเล่นแห่งนี้” ผมตอบกลับไปก่อนที่จะหันกลับไปจ้องตากับโคลเวอร์ที่กำลังหยิบดาบไม้ของเขาขึ้นมา ตั้งท่าเตรียมจะต่อสู้

                “แกแพ้แน่ๆฟินน์ แล้วนายจะต้องกลายมาเป็นคนรับใช้ของชั้น” เขากล่าวอย่างมั่นใจ ผมไม่เคยเห็นคู่อริของผมมั่นใจมากขนาดนี้มาก่อน เพราะก่อนหน้านี้พวกเราก็ทะเลาะต่อยตีกันมาแล้วกว่าสองสามครั้ง และแน่นอนว่าผมเป็นฝ่ายชนะ ทุกครั้งเสียด้วย

                “เหอะ! อย่าดีแต่ปากแล้วกัน” ผมเอ่ยก่อนที่จะวิ่งเข้าไปประชันดาบกับโคลเวอร์ แต่มันก็แค่การเอากิ่งไม้ด้ามยาวไปฟันแข่งกับดาบไม้ที่แข็งแรงกว่าเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าจะชนะได้ไหม เพราะมันดูมั่นใจมาก อาการของโคลเวอร์ทำให้ผมค่อนข้างประหม่าเล็กน้อย เหมือนความมั่นใจของเขาจะทำให้ผมเริ่มกลัว

                แต่นักรบจะไม่มีวันถอย!

                ผมเข้าประชิดตัวก่อนที่จะใช้กิ่งไม้ฟาดเข้ากับใบดาบไม้ของโคลเวอร์ มันส่งเสียงป็อกแป๊กจากไม้กระทบกัน พวกเราประดาบกันอยู่นานก่อนที่ผมจะเผลอลื่นล้มเพราะสะดุดขาของตัวเองลง ผมพลาดแล้วและนั่นก็เป็นช่องว่างที่ทำให้โคลเวอร์เอาดาบของเขามาจ่อที่คอของผมได้

                ผมแพ้เป็นครั้งแรก แพ้โคลเวอร์เป็นครั้งแรก!!!

                “ไม่ๆ ไม่นับ ชั้นลื่นนะ!” ผมแย้ง

                “หึ รำไม่ดี อย่าโทษปี่โทษกลอง นายเป็นคนบอกเองนะ” เขาพูดย้อนคำพูดที่ผมเคยพูดเมื่อชนะครั้งแรกออกมา นั่นทำให้ผมรู้สึกเจ็บมาก เจ็บใจจนถึงขนาดถีบตัวของโคลเวอร์ให้ออกห่างจากตัวแล้วลุกขึ้น ตรงไปชกเข้าที่หน้าของหมอนั่นหลายหมัดจนน่วมก่อนที่จะผลักร่างของมันให้ล้มลง

                ที่จริงมันควรจะเป็นแบบนั้น

                แต่โคลเวอร์ไม่ล้ม เขากลับลอยออกไปที่หน้าถนน ในขณะที่ตอนนั้นมีรถสิบล้อขนาดใหญ่แล่นมาด้วยความเร็วสูงพอดี ผมหันไปเห็นมันแล้วตกใจมาก พยายามที่จะวิ่งออกไปช่วยโคลเวอร์ แต่ว่าขามันไม่ยอมขยับเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผมได้แค่ยื่นมือออกไปแม้จะรู้ว่าไม่ถึงก็ตาม

                ไม่ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้!

                ชั้นไม่ต้องการแบบนี้!

                ชั้นไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้นะ!!!

                เสียงกรีดร้องในใจผมดังขึ้น กลบเสียงความคิดทุกอย่าง ผมไม่ได้ยินเสียงของโคลเวอร์ร้อง ไม่ได้ยินเสียงของรถที่กำลังแล่น ไม่ได้ยินเสียงของเด็กคนอื่นๆในสนามที่กำลังเล่นอยู่นั้นกรีดร้อง ไม่ได้ยินอะไรเลยซักอย่างเดียว

                จนกระทั่ง...

                ตึกตึก...

                เหมือนเสียงของหัวใจผมเต้นผมไปจังหวะหนึ่ง ทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนเวลาถูกหยุดลง ผมคิดว่ามันเป็นเพราะสมองผมเลิกที่จะรับรู้อะไรต่อไปแล้วภาพเลยหยุด แต่ที่จริงมันไม่ใช่!

                ทุกอย่างถูกหยุดไปจริงๆ หยุดเหมือนว่าตอนนี้ผมเป็นคนเดียวที่ยังไม่หยุด ผมยังคงกระพริบตาได้ หายใจได้ กลืนน้ำลายได้ ผมรู้สึกหัวใจของผมยังเต้นอยู่ แต่ทุกอย่างรอบๆผมหยุดไปแล้ว หยุดเหมือนนาฬิกาที่ถ่านไฟฉายหมด

                ผมยิ้มออกมาแม้จะไม่รู้เพราะอะไร แต่ตอนนี้ทุกอย่างหยุดลงแล้ว ผมก็สามารถช่วยโคลเวอร์ได้แล้ว ผมยิ้มกว้างออกมา โคลเวอร์จะรอดแล้ว ผมจะไม่ได้กลายเป็นฆาตกร ผมเห็นโอกาสที่พระเจ้าประทานมาให้ผม เพื่อให้ช่วยคู่อริที่เป็นเพื่อนของผม ผมจะเดินออกไปช่วยเขาและขอโทษเขาเมื่อทุกอย่างกลับเป็นปกติ

                ผมก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นแบบที่ผมคิด ทุกสิ่งเคลื่อนไหวแล้ว ไม่นะ ได้โปรดให้เวลาผมอีกหน่อยเถอะ ผมอ้อนวอนพระเจ้าในใจก่อนทีฝีเท้าของผมจะหยุดลงอย่างหมดแรงใจ แต่ตอนที่ผมหยุดลงนั้น ทุกสิ่งกลับหยุดลงอีกครั้งหนึ่ง

                ผมอึ้งไปเลย อึ้งในสิ่งที่เกิดขึ้น อึ้งว่านี่มันหมายความว่ายังไง ผมในตอนนั้นยังคิดอะไรไม่ได้มากในการเจอเพียงครั้งเดียว ผมจึงลองก้าวเท้าเดินออกไปและทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ผมจึงหยุดลงและมันก็หยุดอีกครั้ง

                เหมือนมีกระสุนปืนยิงเข้ามาตรงกลางหัวใจของผมในวัยเด็ก ชีวิตของผมคือเวลา การกระทำของผมคือเวลา ผมกลายเป็นนาฬิกาไปแล้ว!!!

     

                หลายคนที่ได้ฟังคงจะคิดว่า “ว้าว!เจ๋งชะมัด เวลาเดินตามนาย นายควบคุมเวลา นายเป็นเวลาของจักรวาล นายเจ๋งจริงๆ” ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่

                ถ้าผมหยุดเวลาก็หยุด ถ้าผมเดินเวลาก็เดิน ผมในวัยเด็กคิดแค่ว่าจะช่วยเพื่อนของตัวเอง แต่ว่าผมไม่สามารถทำได้ เพราะถ้าผมขยับอีกก้าวเดียว โคลเวอร์จะต้องตายทันที

                แล้วคุณยังคิดว่ามันสุดยอดอีกหรือ การที่ต้องเลือกว่าจะหยุดเพื่อให้เขารอดตลอดไปหรือเดินต่อไปข้างหน้าและฆ่าเพื่อนของตัวเองและเห็นเขาตายทุกๆฉาก ทั้งตอนที่แรงกระแทกของรถอัดเข้าที่ตัวของเขา ทั้งตอนที่ร่างของเขาลอยกระเด็นขึ้นเหนือพื้นดิน ทั้งตอนที่ร่างของโคลเวอร์บิดเบี้ยวและเสียงของกระดูกทั้งร่างหักพร้อมๆกัน

                ผมมองเห็นมันทั้งหมด!

                ทุกๆฉากที่เขาตาย คุณคิดว่า...ผมทรมานไหมล่ะ?

                นี่อาจจะไม่ใช่โอกาสของพระเจ้าที่ประทานมาให้ผมเพื่อช่วยเพื่อน แต่อาจจะเป็น...

                คำสาปจากพระเจ้า ผู้สาปแช่งเด็กน้อย...ผู้ฆ่ าเพื่อนตัวเองก็ได้

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น