ผู้หยุดเวลา
เมื่อคำสาป มาพร้อมกับความเจ็บปวด เขาจะทำอย่างไร
ผู้เข้าชมรวม
101
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
เวลาของคนเรามีเท่ากัน...
แต่สิ่งที่คนเรามีไม่เท่ากันก็คือ...โอกาส
หลายคนมีความรู้อยู่ในระดับสูงถึงปริญญาแต่กลับตกงานเพราะจบช้ากว่าคนอื่น
หลายคนที่ความสามารถในด้านต่างๆ แต่ไม่สามารถใช้มันออกมาได้เพราะไม่มีต้นทุน แม้แต่บางคนที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง
ทั้งเงินทอง ชื่อเสียง ความรู้ แม้แต่โอกาสพวกเขาก็มี
แต่กลับเลือกที่จะปล่อยมันไป...
เพราะไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับมัน
ไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับโลกแห่งความเป็นจริง แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
โลกก็ยังคงหมุนต่อไปแม้ว่าคนเหล่านั้นจะหยุดอยู่ที่เดิม
เพราะเวลาของคนเรานั้นมีเท่าๆกันและไม่มีใครคนไหน สามารถที่จะแก้ไขกฎแห่งเวลาได้
กฎที่พระเจ้าสร้างขึ้น...
ถ้าเกิดคุณย้อนเวลาได้...คุณจะย้อนไปตอนไหน?
ไปทำอะไร?
มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ที่มนุษย์รู้จักกับคำว่า
<ผิดพลาด> ไม่ว่ามันจะเล็กหรือใหญ่มากแค่ไหน
คนเราเมื่อเกิดความผิดพลาดแล้วนั้น ก็จะเริ่มมีความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
มากเข้าๆ ก็จะกลายเป็นการบอกว่า
“ถ้าผม/ชั้น ย้อนเวลาได้ล่ะก็...”
เพียงเท่านั้น
แต่คุณไม่รู้หรอกว่าการที่ถูกทำให้สามารถควบคุมเวลาได้มันย่ำแย่แค่ไหน หลายคนอาจจะบอกว่าดีแล้ว
จะได้ทำอะไรได้ตามที่ต้องการได้ง่าย ส่วนน้อยคงจะเห็นใจคนๆนั้น
ที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบเกี่ยวกับอนาคตที่อาจจะบิดเบี้ยว
แต่นั่นเป็นแค่ส่วนที่น้อยมากๆเท่านั้น
คนเราทุกคนมักจะมองให้ความสำคัญในวันนี้มกกว่าที่จะมองเห็นอนาคต
เพราะทำวันนี้ดี อนาคตก็จะดีตาม นั่นคือสิ่งที่คนทั่วๆไปคิดกัน
แต่แท้จริงแล้วมันไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว
คุณก็คงจะสามารถที่จะหาเหตุผลมาได้ว่า
“ทำไมยังมีคนที่จบปริญญาเอกหรือการศึกษาชั้นสูงแล้วยังตกงาน?”
“ทำไมคนที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่6 สามารถประสบความสำเร็จได้?”
ผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไง แต่สำหรับผม
ผมจะไม่บอกว่ามันเป็นเพราะงานของคนจบการศึกษาในระดับต่ำนั้นง่ายกว่า
เพราะนั่นมันผิดถนัด
สมมุติว่า...ถ้าเกิดคนที่เป็นหมอที่จบสูงๆ
ไปทำงานเป็นพ่อครัวในร้านอาหารของตัวเอง แบบที่คนจบต่ำๆทำ ผมถามว่าจะประสบผลสำเร็จไหม?
คำตอบคือ ใช่ มีโอกาสประสบผลสำเร็จ แต่ใครจะรู้เล่า
เขาอาจจะทำพลาดก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าคนจบมาต่ำก็มีโอกาสทำได้
ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความเป็นไปได้
มันเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่อาจจะกำหนดให้มันเกิดขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าองค์ใดก็ตาม แม้แต่ไททันอย่างโครนอส
ที่เป็นเจ้าแห่งเวลาและความปั่นป่วน ยังไม่อาจที่จะกำหนดให้เวลานี้
จะมีสิ่งนี้เกิดขึ้นมาโดยไม่ใช่เหตุการณ์ปกติได้ ถ้าง่ายๆก็คือ
เขาไม่สามารถกำหนดให้<สิ่งนี้>เกิดขึ้นมาได้
ไม่มีทางเลย!
ผมว่าผมพูดนอกเรื่องที่ควรจะพูดมามากเกินพอแล้ว ทีนี้กลับมาที่เรื่องหลักบ้าง
ตั้งแต่ตอนที่ผมบอกว่าการมีโอกาสของคนเรามันไม่เท่ากัน เช่นเดียวกันกับผมครับ
ตัวผมเองก็ไม่ได้มีโอกาสอะไรมาก
เรียกได้ว่าไม่มีโอกาสดีๆเลยก็ได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเปิดโอกาสที่จะรับมันหรอกนะ
เพียงแต่ว่าโอกาสของผมนั้นมันจะมาในรูปแบบที่น่ากลัวและไมต้องการเสมอ
มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนผมอายุได้เพียงเจ็ดขวบเท่านั้น
“ฟินน์ นายคิดจะทำอะไรน่ะ?”
เสียงของเพื่อนในวัยเด็กที่สนิทมากๆของผมเรียกขณะที่ผมซึ่งตอนนั้นอายุเพียงเจ็ดขวบนั้นกำลังหยิบกิ่งไม้ด้ามยาวขึ้นมาถืออยู่ในมือพร้อมกับตั้งมันขึ้นเหมือนกำลังจับดาบ
ผมชี้มันไปข้างหน้าที่ผมคู่อริของผมในวัยเด็ก
โคลเวอร์
เขาเป็นคู่อริที่ผู้ใหญ่หลายคนมักจะบอกว่าเราเหมือนเพื่อนกันมากกว่าคู่อริ
ร่างกายเล็กๆแบบเด็กที่อ้วนท้วนสมบูรณ์เพราะที่บ้านเขาเป็นเศรษฐีน้ำปลา แน่นอนว่ารวยมากถึงขนาดที่ซื้อเสื้อราคาเกือบห้าร้อยเหรียญให้กับโคลเวอร์ใส่ในตอนที่อายุยังเท่านี้
“ก็ตัดสินกับโคลเวอร์ไง
ว่าใครจะได้เป็นจ้าวของสนามเด็กเล่นแห่งนี้”
ผมตอบกลับไปก่อนที่จะหันกลับไปจ้องตากับโคลเวอร์ที่กำลังหยิบดาบไม้ของเขาขึ้นมา
ตั้งท่าเตรียมจะต่อสู้
“แกแพ้แน่ๆฟินน์ แล้วนายจะต้องกลายมาเป็นคนรับใช้ของชั้น”
เขากล่าวอย่างมั่นใจ ผมไม่เคยเห็นคู่อริของผมมั่นใจมากขนาดนี้มาก่อน เพราะก่อนหน้านี้พวกเราก็ทะเลาะต่อยตีกันมาแล้วกว่าสองสามครั้ง
และแน่นอนว่าผมเป็นฝ่ายชนะ ทุกครั้งเสียด้วย
“เหอะ!
อย่าดีแต่ปากแล้วกัน” ผมเอ่ยก่อนที่จะวิ่งเข้าไปประชันดาบกับโคลเวอร์ แต่มันก็แค่การเอากิ่งไม้ด้ามยาวไปฟันแข่งกับดาบไม้ที่แข็งแรงกว่าเท่านั้น
ผมไม่รู้ว่าจะชนะได้ไหม เพราะมันดูมั่นใจมาก
อาการของโคลเวอร์ทำให้ผมค่อนข้างประหม่าเล็กน้อย เหมือนความมั่นใจของเขาจะทำให้ผมเริ่มกลัว
แต่นักรบจะไม่มีวันถอย!
ผมเข้าประชิดตัวก่อนที่จะใช้กิ่งไม้ฟาดเข้ากับใบดาบไม้ของโคลเวอร์
มันส่งเสียงป็อกแป๊กจากไม้กระทบกัน พวกเราประดาบกันอยู่นานก่อนที่ผมจะเผลอลื่นล้มเพราะสะดุดขาของตัวเองลง
ผมพลาดแล้วและนั่นก็เป็นช่องว่างที่ทำให้โคลเวอร์เอาดาบของเขามาจ่อที่คอของผมได้
ผมแพ้เป็นครั้งแรก แพ้โคลเวอร์เป็นครั้งแรก!!!
“ไม่ๆ ไม่นับ ชั้นลื่นนะ!” ผมแย้ง
“หึ รำไม่ดี อย่าโทษปี่โทษกลอง นายเป็นคนบอกเองนะ”
เขาพูดย้อนคำพูดที่ผมเคยพูดเมื่อชนะครั้งแรกออกมา นั่นทำให้ผมรู้สึกเจ็บมาก
เจ็บใจจนถึงขนาดถีบตัวของโคลเวอร์ให้ออกห่างจากตัวแล้วลุกขึ้น
ตรงไปชกเข้าที่หน้าของหมอนั่นหลายหมัดจนน่วมก่อนที่จะผลักร่างของมันให้ล้มลง
ที่จริงมันควรจะเป็นแบบนั้น
แต่โคลเวอร์ไม่ล้ม เขากลับลอยออกไปที่หน้าถนน
ในขณะที่ตอนนั้นมีรถสิบล้อขนาดใหญ่แล่นมาด้วยความเร็วสูงพอดี ผมหันไปเห็นมันแล้วตกใจมาก
พยายามที่จะวิ่งออกไปช่วยโคลเวอร์ แต่ว่าขามันไม่ยอมขยับเลยแม้แต่น้อย
ทำให้ผมได้แค่ยื่นมือออกไปแม้จะรู้ว่าไม่ถึงก็ตาม
ไม่ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้!
ชั้นไม่ต้องการแบบนี้!
ชั้นไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้นะ!!!
เสียงกรีดร้องในใจผมดังขึ้น กลบเสียงความคิดทุกอย่าง
ผมไม่ได้ยินเสียงของโคลเวอร์ร้อง ไม่ได้ยินเสียงของรถที่กำลังแล่น
ไม่ได้ยินเสียงของเด็กคนอื่นๆในสนามที่กำลังเล่นอยู่นั้นกรีดร้อง
ไม่ได้ยินอะไรเลยซักอย่างเดียว
จนกระทั่ง...
ตึกตึก...
เหมือนเสียงของหัวใจผมเต้นผมไปจังหวะหนึ่ง ทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนเวลาถูกหยุดลง
ผมคิดว่ามันเป็นเพราะสมองผมเลิกที่จะรับรู้อะไรต่อไปแล้วภาพเลยหยุด
แต่ที่จริงมันไม่ใช่!
ทุกอย่างถูกหยุดไปจริงๆ
หยุดเหมือนว่าตอนนี้ผมเป็นคนเดียวที่ยังไม่หยุด ผมยังคงกระพริบตาได้ หายใจได้
กลืนน้ำลายได้ ผมรู้สึกหัวใจของผมยังเต้นอยู่ แต่ทุกอย่างรอบๆผมหยุดไปแล้ว
หยุดเหมือนนาฬิกาที่ถ่านไฟฉายหมด
ผมยิ้มออกมาแม้จะไม่รู้เพราะอะไร
แต่ตอนนี้ทุกอย่างหยุดลงแล้ว ผมก็สามารถช่วยโคลเวอร์ได้แล้ว ผมยิ้มกว้างออกมา
โคลเวอร์จะรอดแล้ว ผมจะไม่ได้กลายเป็นฆาตกร ผมเห็นโอกาสที่พระเจ้าประทานมาให้ผม เพื่อให้ช่วยคู่อริที่เป็นเพื่อนของผม
ผมจะเดินออกไปช่วยเขาและขอโทษเขาเมื่อทุกอย่างกลับเป็นปกติ
ผมก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นแบบที่ผมคิด ทุกสิ่งเคลื่อนไหวแล้ว ไม่นะ
ได้โปรดให้เวลาผมอีกหน่อยเถอะ ผมอ้อนวอนพระเจ้าในใจก่อนทีฝีเท้าของผมจะหยุดลงอย่างหมดแรงใจ
แต่ตอนที่ผมหยุดลงนั้น ทุกสิ่งกลับหยุดลงอีกครั้งหนึ่ง
ผมอึ้งไปเลย อึ้งในสิ่งที่เกิดขึ้น
อึ้งว่านี่มันหมายความว่ายังไง
ผมในตอนนั้นยังคิดอะไรไม่ได้มากในการเจอเพียงครั้งเดียว
ผมจึงลองก้าวเท้าเดินออกไปและทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ผมจึงหยุดลงและมันก็หยุดอีกครั้ง
เหมือนมีกระสุนปืนยิงเข้ามาตรงกลางหัวใจของผมในวัยเด็ก
ชีวิตของผมคือเวลา การกระทำของผมคือเวลา ผมกลายเป็นนาฬิกาไปแล้ว!!!
หลายคนที่ได้ฟังคงจะคิดว่า “ว้าว!เจ๋งชะมัด
เวลาเดินตามนาย นายควบคุมเวลา นายเป็นเวลาของจักรวาล นายเจ๋งจริงๆ” ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่
ถ้าผมหยุดเวลาก็หยุด ถ้าผมเดินเวลาก็เดิน
ผมในวัยเด็กคิดแค่ว่าจะช่วยเพื่อนของตัวเอง แต่ว่าผมไม่สามารถทำได้
เพราะถ้าผมขยับอีกก้าวเดียว โคลเวอร์จะต้องตายทันที
แล้วคุณยังคิดว่ามันสุดยอดอีกหรือ
การที่ต้องเลือกว่าจะหยุดเพื่อให้เขารอดตลอดไปหรือเดินต่อไปข้างหน้าและฆ่าเพื่อนของตัวเองและเห็นเขาตายทุกๆฉาก
ทั้งตอนที่แรงกระแทกของรถอัดเข้าที่ตัวของเขา
ทั้งตอนที่ร่างของเขาลอยกระเด็นขึ้นเหนือพื้นดิน
ทั้งตอนที่ร่างของโคลเวอร์บิดเบี้ยวและเสียงของกระดูกทั้งร่างหักพร้อมๆกัน
ผมมองเห็นมันทั้งหมด!
ทุกๆฉากที่เขาตาย คุณคิดว่า...ผมทรมานไหมล่ะ?
นี่อาจจะไม่ใช่โอกาสของพระเจ้าที่ประทานมาให้ผมเพื่อช่วยเพื่อน
แต่อาจจะเป็น...
คำสาปจากพระเจ้า
ผู้สาปแช่งเด็กน้อย...ผู้ฆ่ าเพื่อนตัวเองก็ได้
ผลงานอื่นๆ ของ Gazer ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Gazer
ความคิดเห็น