ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Free zone 2

    ลำดับตอนที่ #205 : Aegis Superbia : Faceless Pilgrim

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 63


    Application



    "อ่า…ถ้ามีเรื่องอะไรล่ะก็...บอกมาได้นะคะ"

    "ฉันพร้อมที่จะรับฟังเสมอค่ะ….ไม่ต้องห่วงว่ามันจะไม่น่าฟังหรอก"


    บทบาท : รุ่นพี่ผู้อ่อนโยน


    1.ข้อมูลลักษณะภายนอก


    ชื่อ : อาคาสึกิ คานาโมริ || Akasuki Kanamori


    ชื่อเรียก : อาคาสึกิ || Akasuki


    เพศ : หญิง


    อายุ : 18 ปี


    เชื้อชาติ : ญี่ปุ่น


    ลักษณะภายนอก : หญิงสาวสายเลือดอาทิตย์อุทัยผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลดาร์คช็อกโกแลตที่ยาวประมาณต้นคอ ส่วนด้านหน้านั้นก็มีปล่อยให้ยาวลงมาถึงบริเวณประมาณไหปลาร้า ดวงตาสีเฮเซลนัทที่ดูอบอุ่นแต่กระนั้นก็ยังคงแฝงไปด้วยท่าทีที่ตื่นกลัวและไม่มั่นใจเล็กน้อยจนจับสังเกตยาก แต่กระนั้นก็ไม่อาจพ้นสายตาของคนช่างสังเกตไปได้ ใบหน้าของเธอนั้นช่างดูน่ารักและไร้เดียงสาเหมือนกับผ้าขาวที่ยังบริสุทธิ์ รอยยิ้มที่แสดงออกมาถึงความอ่อนโยนนั้นมันก็มักจะอยู่บนใบหน้าของเธอเสมอๆ หากมองรวมๆ แล้วเธอก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งก็ว่าได้ และคงจะดีกว่านี้หากตัดแววตาที่ดูกังวลของเธอออกไป


    ร่างกายของเธอนั้นจัดว่าได้สัดได้ส่วนเป็นอย่างดี ถึงแม้เมื่อเทียบกับมาตรฐานส่วนสูงของเด็กสาวในวัยนี้แล้วจะจัดว่าเตี้ยงไปเสียหน่อยก็ตาม แต่กระนั้นหากลองคิดเทียบกับน้ำหนักของเธอแล้วมันก็จะพอดีมากเลยทีเดียว เธอนั้นไม่ได้มีกล้ามเนื้อมากนักจึงไม่เห็นเป็นลอนออกมา แต่เธอก็ออกกำลังกายเบาๆ อยู่สม่ำเสมอ ผิวกายขาวผ่องดั่งเช่นคนสุขภาพดีทั่วไป สูง 150 เซนติเมตร และน้ำหนักตัวอยู่ที่ 46 กิโลกรัม


    อาคาสึกินั้นมักจะใส่แว่นตาอยู่เสมอด้วยปัญหาทางสายตาของเธอ ทำให้ดูเป็นเหมือนคนคงแก่เรียนหน่อยๆ ชุดที่เธอมักจะใส่อยู่ประจำจนเหมือนเป็นยูนิฟอร์มส่วนตัวของเธอแล้วก็คือเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงยาวถึงราวๆ เข่า สวมเสื้อคาร์ดิแกนทับไว้และกระเป๋าขนาดเล็กที่เธอมักจะสะพายมันไว้ตลอดเวลาเพื่อใส่ของจำเป็นต่างๆ เธอมักจะมีใบหน้าที่แสดงออกถึงความประหม่าเล็กๆ ตลอดๆ


    2.ข้อมูลในฐานะอีจิส


    Class : [Faceless Pilgrim] - ผู้แสวงบุญไร้หน้า


    Trait : Magic


    Property : [Faith] - ศรัทธา

    [Rite] - พิธีกรรม

    [Sacred] - ศักดิ์สิทธิ์




    Position : Healer , Debuffer , Enchanter


    Rank : F


    สังกัดกิลด์ : -


    Status : 


    HP : D


    MP : B


    STR : E                         AGI : C MAG : B


    VIT : D                          DEX : C INT : B


    STM : C                        INS : D   SPD : C


    Charisma skill : [Bonding Spirit] - วิญญาณประจำตัว

    : เธอนั้นมีวิญญาณประจำตัวอยู่ดวงหนึ่ง ซึ่งมีแต่เธอเท่านั้นที่มองเห็นได้ตลอดเวลา ส่วนคนอื่นจะเห็นต่อเมื่อวิญญาณอยากให้เห็นเท่านั้น โดยวิญญาณตนนี้สามารถที่จะช่วยในการโจมตี สอดแนม หรือใช้ทักษะในการสนับสนุนได้ รวมทั้งยังออกมาป้องกันตัวผู้ใช้เมื่อถูกโจมตีด้วย


    ลักษณะภายนอกของดวงวิญญาณตนนั้นจะมีลักษณะคล้ายๆ กับตัวเธอ และได้กล่าวว่ามันคือพี่สาวของเธอที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็กแล้ว แต่กระนั้นคนอื่นๆ ที่เคยได้เห็นวิญญาณดวงนี้กลับบอกว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นเลย


    เรื่องอื่นๆ ดูได้ที่เพิ่มเติม

    Skill : 

    <Passive>

    [Charisma] - บารมี

    : ทำให้ผู้ที่ได้ฟังคำพูดของเธอนั้นมีโอกาสที่จะคล้อยตามมากขึ้น และลดโอการการตกเป็นเป้าโจมตีจากมอนสเตอร์ลง


    [Divine Daughter] - บุตรีแห่งสวรรค์

    : ลดโอกาสการติดสถานะผิดปกติลงกึ่งหนึ่ง รวมทั้งลดความรุนแรงของสถานะผิดปกติลง 75% 


    [Faceless] - ไร้หน้า

    : เมื่อไม่มีใครมองเห็นใบหน้าของเธอ ประสิทธิภาพของสกิลจะเพิ่มขึ้น 40%



    <Active>

    [Blessing] - อวยพร

    : ฟื้นฟูพลังชีวิตจำนวนหนึ่งทันที เติมมานาให้นิดหน่อย และเพิ่มค่าสถานะต่างๆ เล็กน้อย


    [Healing] - เยียวยา

    : ฟื้นฟูพลังชีวิตจำนวนหนึ่งใหใ้กับผู้ที่ถูกร่ายสกิลใส่


    [Ritual] - ศาสนพิธี

    : ทำการวาดวงเวทเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 เมตรขึ้นมา พันธมิตรที่อยู่นวงเวทนั้นจะได้รับการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาต่อวินาทีจนกว่าจะออกจากวงเวท และเพิ่มพลังป้องกันของผู้ที่อยู่ในวงเวทด้วย หากแต่เมื่อใช้สกิลนี้ที่ใด วงเวทจะอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหนจนกว่าเวลาสกิลจะหมดลง


    [Miracle] - ปาฏิหาริย์

    : ฟื้นฟูพลังชีวิตจำนวนมากจนแทบจะเรียกได้ว่าจากเกือบหมดเป็นเต็มหลอดได้ทันที และยังคอยฟื้นฟูพลังชีวิตต่อวินาทีอีกเป็นเวลา 30 วินาที รวมทั้งยังเพิ่มค่าสถานะต่างๆ เป็นอย่างมาก ว่ากันว่าสกิลนี้สามารถชุบชีวิตคนที่พึ่งตายไม่นานได้ แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด


    [Cursed] - สาปแช่ง

    : ทำให้คนที่โดนสกิลนี้ไปติดสถานะผิดปกติต่างๆ ตามแต่การสุ่ม เช่น เยือกแข็ง ติดพิษ ฯลฯ รวมทั้งลดค่าสถานะลงเล็กน้อยด้วย 


    [Excommunicado] - อัปเปหิ

    : เมื่อใครก็ตามถูกร่ายสกิลนี้ใส่ การฟื้นฟูพลังชีวิต มานา หรือการเพิ่มค่าสถานะจะไม่ได้ผลเป็นเวลา 1 นาที


    ความสามารถในการต่อสู้ : - การรักษา

    • ร่ายสถานะผิดปกติ

    • ฟื้นฟูมานา

    • บัฟสถานะ


    อุปกรณ์ที่ใช้ : 

    [Codex]

    : หนังสือเวทมนตร์ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ถึงสองมือในการถือ มันช่วยในการใช้เวทของเธอได้


    ลักษณะเครื่องแบบ : 

    [Forgotten Prophet]

    ชุดคลุมสีขาวที่ดูเก่าๆ ประดับลวดลายสีขาวและมีฮู้ดที่ปิดไว้จนทำให้มองไม่เห็นใบหน้าเลย เสื้อด้านในเป็นเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาว และกางเกงหนังสีน้ำตาล รองเท้าบูทยาวเพื่อความสะดวกในการเดิน ชุดนี้หากไม่เอาฮู้ดลง ก็ไม่มีทางที่จะเห็นใบหน้าของเธอได้เลย


    สไตล์การต่อสู้ : ตัวของเธอนั้นมักจะอยู่ในแนวหลังๆ เสมอๆ ด้วยความเป็นซัพพอร์ตตัวบางที่ต้องได้รับการดูแลอย่างดี ทำให้เธอนั้นจะอยู่ใต้การดูแลของสายต่อสู้และคอยรักษาพวกเขาเหล่านั้น ไม่ค่อยจะเข้าไปประชิดศัตรูเท่าไหร่นัก 


    เวทที่ร่ายนั้นระยะก็ไม่ได้ใกล้มาก จึงทำให้สามารถรักษาหรือดีบัฟจากระยะกลางๆ ได้ และเธอจะกางวงเวทไว้เพื่อเป็นจุดสำหรับให้คนเข้าไปรักษา เพื่อที่เธอจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้ เช่น ฮิลในจังหวะฉุกเฉิน


    ส่วนเมื่อศัตรูมาใกล้ๆ แล้ว เธอจะถอยกลับเพื่อเพิ่มระยะระหว่างเธอกับศัตรูไม่ให้น้อยกันไป ส่วนในจังหวะอื่นๆ ก็จะคอยสอดส่องหาคนที่กำลังลำบากและต้องการฮิล รวมทั้งการร่ายสถานะผิดปกติใส่ศัตรูด้วย


    3.ข้อมูลภูมิฐาน


    อุปนิสัย : 

    ตัวตนของเธอเปรียบได้กับผืนผ้าที่ขาวสะอาดไร้ซึ่งสิ่งใดเจือปน อาคาสึกินั้นมักจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้วยความอ่อนโยนที่ชวนให้มองและเข้าหาอยู่เสมอๆ ทั้งน้ำเสียงที่นุ่มนวลน่าฟังและการกระทำที่ส่อแววได้ถึงความอ่อนโยนอย่างชัดเจน ทำให้หลายๆ คนนั้นรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอด้วยรังสีอบอุ่นที่แผ่ออกมา ทำให้เหมือนอยู่กับพี่สาวเลยทีเดียว รวมทั้งเธอนั้นยังชอบที่จะให้คำปรึกษาและให้กำลังใจคนอื่นๆ อยู่เสมอ และสิ่งที่เหมือนเป็นเครื่องยืนยันอีกอย่างหนึ่งก็คือเธอนั้นไม่เคยเลยที่จะโกรธเกลียดใครก็ตาม


    ใสซื่อเป็นอย่างมากจนบางครั้งก็ดูตามเล่ห์เหลี่ยมของคนไม่ค่อยจะทันสักเท่าไหร่นัก จึงทำให้มักจะถูกหลอกอยู่บ่อยๆ แต่กระนั้นก็ยังคงมีคนที่ไว้ใจได้มากมายรอบตัวเธอที่คอยช่วยเหือไม่ให้เธอนั้นเป็นอะไรไปหรือถูกหลอกโดยคนไม่ดี


    ใจดีมีเมตตาและห่วงใยคนอื่นเสมอๆ จนดูราวกับแม่พระหรือนักบุญที่ไหนหลุดมาจากสวรรค์ เธอนั้นห่วงคนอื่นก่อนที่จะห่วงตนเองเสมอ ต่อให้หิวแค่ไหน แต่ถ้ามีคนอื่นที่ยังหิวเหมือนกันเธอก็พร้อมที่จะยื่นอาหารให้ แทนที่จะกินเสียเอง รวมทั้งมักจะคอยสังเกตถึงความผิดปกติของคนอื่นๆ แม้กระทั่งในน้ำเสียง เผื่อว่าเธอพอจะช่วยเหลือได้ก็จะช่วย ดังนั้นไม่แปลกถ้าเธอรู้ว่ามีใครกำลังทุกข์ใจได้เหมือนอ่านใจอยู่


    กังวลไปเสียซะทุกเรื่อง ราวกับคติของเธอคือ “ถ้ามีอะไรน่าจะพลาด มันจะพลาดแน่ๆ” ทำให้เธอมักจะเหงื่อตกด้วยความกังวลบ่อยๆ ถึงแม้ใบหน้าจะยังคงยิ้มอยู่ก็ตามที และนั่นก็ทำให้เธอเป็นคนที่รอบคอบอย่างมากเช่นกัน หากแต่ว่าเธอนั้นไม่ค่อยจะบอกคนอื่นเท่าไหร่นักเกี่ยวกับความกังวลของเธอ เพราะตัวของอาคาสึกินั้นมักจะคิดเองไปว่าสิ่งที่เธอกังวลคงจะทำให้คนอื่นรำคาญเสียเปล่า 


    ขี้กลัวเป็นอย่างมาก เธอนั้นมักจะตกใจกลัวไปเสียทุกอย่าง แม้แต่อะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างเสียงดังๆ เช่นพจนานุกรมเล่มหนาๆ ตกลงพื้น หรือลูกโป่งแตก เธอก็พร้อมที่จะเอามือปิดหูแล้วก้มลงมุดใต้โต๊ะไปทันที จนทำให้หลายๆ คนที่เห็นเธอเป็นเช่นนี้มักจะเอาเธอไปเปรียบเทียบกับกระต่ายอยู่บ่อยๆ 


    อ่อนไหวง่ายมาก เธอนั้นสามารถคล้อยตามอารมณ์ต่างๆ ของคนอื่นได้อย่างดีโดยเฉพาะความโศกเศร้า นั่นทำให้ตัวเธอนั้นรู้ว่ามันเป็นเช่นไร และควรจะปลอบยังไงดีไม่ให้มันแย่กว่าเดิม หรือบางครั้งก็บ่อน้ำตาแตกไปเลยเมื่อเจอกับอะไรซึ้งๆ หรือเวลามีความสุขก็ปล่อยโฮออกมาได้เช่นกัน แต่กระนั้นมีอารมณ์ที่เธอจะไม่คล้อยตามเลยก็คือความโกรธนั่นเอง


    ไม่กล้าที่จะติดสินใจอะไรเท่าไหร่นักเพราะกลัวความผิดพลาดที่จะตามมา และก็กลัวว่าเธอจะทำให้ใครเป็นอะไรไปจากการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเธอ หรือว่ามีคนไม่พอใจในการติดสินใจนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในผลพวงจากอดีตที่เธอได้เผชิญมา นั่นทำให้เธอไม่กล้าจะติดสินใจอะไรเลย แม้กระทั่งการเลือกร้านอาหารก็ตามที


    กระนั้น เธอกล้าหาญที่จะเผชิญกับความกลัวของตัวเอง พยายามที่จะสู้กับมันให้ได้ และก้าวไปเพื่อให้หลุดพ้นจากวังวนของความวิตกกังวลและโซ่ตรวนของความกลัวว่าจะทำอะไรพลาดเสียที ส่วนเรื่องอาการขี้กลัวของเธอนั้นเธอก็พยายามที่จะระงับมันให้ได้ ถึงจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ก็ตามทีเถอะ


    ละเอียดลออเป็นอย่างมากทั้งในด้านที่เป็นการเรียนและไม่ใช้การเรียน ไม่ยอมปล่อยให้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หลุดพ้นจากสายตาไปได้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงเธอก็สามารถที่จะจับสังเกตได้ นั่นจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงเหมาะกับงานเอกสารที่ต้องใช้ความรอบคอบอย่างสูง


    เธอนั้นชอบที่จะจดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอลงไปในสมุดบันทึกเล่มหนาที่พกไว้กับตัวตลอดเวลา ทั้งบทเรียนต่างๆ หรือเรื่องราวที่ว่าแต่ละวันทำอะไรมาบ้าง ไม่ก็เป็นรายละเอียดของคนที่เธอพบเจอในชีวิต ทั้งที่ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร นิสัยยังไง ประมาณนี้ และบางครั้งก็มักจะเห็นเธอเหม่อมองวิวทิวทัศน์อยู่เสมอๆ เพื่อที่จะจดจำภาพที่สวยงามเหล่านั้นไว้ในสมองของเธอ


    ความขยันและพยายามก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของเธอ การที่ไม่ย่อท้อและยอมแพ้ต่ออะไรไปโดยง่ายนั้นทำให้เธอกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ แม้จะล้มสักเท่าไหร่ก็จะลุกขึ้นยืน และก้าวเดินต่อไป ตราบใดก็ตามที่เธอนั้นยังคงมีลมหายใจอยู่ รวมทั้งความขยันที่เธอไม่เคยปล่อยให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์และมักจะเอางานมานั่งทำหรือทบทวนบทเรียนเสมอๆ


    ความเป็นหนอนหนังสือของเธอนั้นเกิดขึ้นมาจากการที่เธอต้องการจะจดจำสิ่งต่างๆ เอาไว้ และหนังสือเองก็เป็นเหมือนกับสิ่งที่บันทึกความทรงจำของมวลมนุษย์ ทำให้เธอชื่นชอบในการอ่านมันเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอไม่เกี่ยงแนวว่าจะแนวไหน เพราะเธอนั้นก็สามารถอ่านได้หมดอยู่ดี


    บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าการที่ทำตัวเป็นคนดีแบบนี้มันได้อะไรกัน หรือไม่ก็เหนื่อยที่จะต้องเป็นแบบนี้ แต่กระนั้นเมื่อนึกถึงหน้าของพี่สาวแล้วจิตใจก็จะสงบอีกครั้งหนึ่ง หวังว่าสักวันเธอจะรู้นะ ว่าการเป็นคนเช่นนี้ มันให้อะไรกับเธอ


    ชอบ : การช่วยเหลือคนอื่น , นมร้อน , การจดจำ , อาหารมังสวิรัติ , สัตว์ที่มีขน โดยเฉพาะกระต่าย


    ไม่ชอบ : เนื้อสัตว์ , ทุกอย่างที่น่ากลัวและน่าตกใจ , ความผิดพลาด , หนังสยองขวัญ


    ลักษณะการพูด : เธอแทนตัวเองด้วยคำว่า “ฉัน” ส่วนผู้อื่นนั้น หากไม่สนิทจะแทนว่า “คุณ” แต่ถ้าสนิทจะแทนว่า “เธอ/นาย” ไม่ก็ด้วยชื่อตรงๆ ส่วนคนที่อาวุโสมากกว่านั้นเธอก็จะแทนว่า “ท่าน” มักจะมีคำลงท้ายเสมอๆ สำนวนในการพูดนั้นจะเต็มไปด้วยความสุภาพและให้ความเคารพในตัวของผู้ฟังหรือบุคคลที่สามเสมอๆ ไม่เคยเลยที่จะมีคำหยาบหลุดออกจากปากของเธอ 


    น้ำเสียงของเธอมีความอ่อนนุ่มน่าฟังเป็นอย่างมากจนทำให้หลายๆ คนเข้ามาคุยกับเธอเพียงเพราะว่าอยากจะฟังเสียงของเธอแค่นั้น ซึ่งนั่นก็เป็นผลพวงมาจากสกิลของเธอด้วย ส่วนเวลาที่เธอตื่นกลัว กังวล หรือกดดัน น้ำเสียงเธอจะมีความตะกุกตะกักพอจะให้สังเกตได้


    “เอาล่ะค่ะ...ลองใจเย็นๆ ก่อนแล้วค่อยๆ เล่ามานะคะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”


    “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ ตัวคุณก็ทำได้แน่นอนค่ะ ถ้าคุณเชื่อเช่นนั้น”


    “ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอกนะคะ”


    “ตะ..แต่ว่าท่านคะ...ถะ..ถ้ามัน..ปะ..เป็นแบบนั้นล่ะก็….ยะ...แย่แน่ๆ ค่ะ”


    ประวัติ : อาคาสึกิ เด็กสาวผู้ซึ่งเกิดในเขตปกครองที่ซึ่งเคยเป็นประเทศญี่ปุ่นมาก่อน ในครอบครัวซึ่งเป็นพวกที่เคร่งครัดในประเพณีและหน้าตาในสังคมของตนเป็นอย่างมาก เมื่อเธอได้เกิดมาแล้วก็ถูกคาดหวังตั้งแต่ยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำให้เป็นที่สุดในทุกๆ เรื่อง ทั้งด้านการเรียน ศิลปะ ดนตรี หรือแม้แต่กีฬา รวมทั้งหากมีความสามารถด้านเอจิสหากมีอีกด้วย เพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของตระกูลนั้นเสื่อมเสีย เหมือนกับพี่สาวต่างแม่ของเธอที่อายุห่างกันถึง 10 ปี ที่ในอนาคตจะเป็นเอจิสระดับ C ภายในเวลาไม่นานหลังจากจบจากโรงเรียนเอจิส


    เธอนั้นได้รับการสอนในทุกๆ เรื่อง กดดันอยู่ตลอดเวลา คาดหวังว่าเธอจะทำได้ทุกอย่างที่หวัง แต่กระนั้นเธอก็มิได้สมบูรณ์แบบขนาดที่จะเป็นอันดับหนึ่งแบบนั้น จนทำให้พ่อและแม่ของเธอเริ่มที่จะเมินเธอ ไม่สนใจราวกับว่าเป็นอากาศธาตุ หากแต่ว่าสิ่งที่ยังคงรั้งเธอไว้ได้มีเพียงแค่พี่สาวของเธอเท่านั้น มีแค่เธอคนนี้ที่คอยเข้ามาปลอบเธอ ให้กำลังใจหรือคำแนะนำต่างๆ กับเธอ จนอาจจะพูดได้ว่าอาคาสึกิได้รับนิสัยหลายๆ ส่วนมาจากพี่สาวของเธอก็ว่าได้


    เธอพยายามมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนเลือดตาแทบกระเด็น ทำทุกสิ่งเรียนทุกอย่างที่พวกท่านคาดหวัง แต่สิ่งที่เธอไม่ได้ทำตามก็คือการที่เหยียบผู้อื่นให้ต่ำ เพื่อที่จะถีบตัวเองให้สูงขึ้นไป โดยพี่สาวของเธอเองเป็นผู้สอนเธอแบบนี้ รวมทั้งยังคอยพูดถึงการช่วยเหลือผู้อื่นอีกด้วย อาคาสึกิซึมซับมันเข้ามามากขึ้นจนความเห็นแก่ตัวและนิสัยด้านลบนั้นไม่เข้ามาในตัวเธอเลย และความพยายามของเธอก็เริ่มที่จะสำเร็จทีละน้อย จากผลการเรียน บทกวีที่เธอแต่ง ระดับในสมาคมหมากล้อมและโชกิ ฯลฯ ซึ่งก็ค่อยๆ สร้างความพอใจกับพ่อแม่เธอมากขึ้นเรื่อยๆ

    มันเป็นอีกวันหนึ่งในตอนที่เธออายุได้สิบสองปี เธอได้ไปเที่ยวงานเทศกาลกับพี่สาวของเธอที่นานๆ จะกลับมาสักครั้งหนึ่งตามประสาคนคิดถึงกัน สองพี่น้องได้คุยกันอย่างสนิทสนมจนเหมือนระยะห่างระหว่างวัยไม่ได้มีผลเลยแม้แต่น้อย ความสุขและความยินดีปรีดาเอ่อล้นออกมาในจิตใจของเธอ แต่หารู้ไม่ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ


    จู่ๆ ก็มีเกทปราฎขึ้นกลางงานเทศกาล เสียงกัมปนาทดังขึ้นไปทั่ว ตัวเธอที่ไม่เคยเจอประสบการณ์เช่นนั้นก็ได้แต่สั่นด้วยความกลัวราวกับลูกนก แต่แล้วสัมผัสที่อบอุนก็แผ่ไปทั่วร่างของเธอด้วยอ้อมกอดของพี่สาว และมันน่าจะเป็นอ้อมกอดสุดท้ายแล้ว…


    พี่สาวของเธอซึ่งเป็นเอจิสได้ทำการเข้าต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านั้นอย่างห้าวหาญ ช่วยเหลือชีวิตของผู้คนมากมายจากคมเขี้ยวของเหล่าสัตว์ร้าย แต่กระนั้นชะตาชีวิตของเธอ ก็ได้จบลง เมื่อมีมอนสเตอร์ตนหนึ่งเข้าไปโจมตียังครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพ่อและแม่กำลังกอดูกน้อยของตนอย่างแน่นหนา ราวกับกำลังป้องกันอันตรายให้กับเด็กน้อยคนนั้น เธอก็ได้วิ่งเข้าไปช่วยทันที แต่เหตุการณ์มันกระชั้นชิดเกินไป จนเธอต้องตัดสินใจที่จะเอาตัวเองบัง และให้ทักษะสะท้อนการโจมตีออกไป


    ร่างกายของเธอขาดออกเป็นสองท่อน เช่นเดียวกันกับมอนสเตอร์ตัวนั้น อาคาสึกิกรีดร้องออกมาก่อนจะร้องไห้ และวิ่งเข้าไปหาพี่สาวของเธอที่ตอนนี้ได้สิ้นลมหายใจไปเสียแล้ว เธอได้ก้มลงไปกอดร่างท่อนบนของพี่สาวเอาไว้อย่างแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หยดน้ำตามากมายรินไหลลงไปยังชุดสีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ทั้งของตัวเองและของมอนสเตอร์ โดยที่ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่เธอจำได้ดีที่สุดคือใบหน้าสุดท้ายของพี่สาวเธอนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    งานศพของพี่สาวเธอได้ผ่านพ้นไป เธอนั้นไม่ได้มีสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว แะพ่อแม่ของเธอก็ไม่ค่อยจะสนใจเธอเท่าไหร่ รวมทั้งยังโทษเธออีกที่ชวนไปงานเทศกาลทำให้พี่สาวตาย เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี เธอจึงได้ขอพวกท่านไปเรียนต่อที่ต่างเขต และแน่นอนว่ามันได้รับการอนุมัติ


    เธอเข้าเรียนในโรงเรียนไวท์ การ์เดี้ยนตั้งแต่ 15 ปี พลังเอจิสของเธอที่ถูกปลุกขึ้นมานั้นทำให้เธอยินดีเป็นอย่างมาก เพราะเธอจะได้พูดกับพี่สาวเธออีกครั้งหนึ่ง อาคาสึกิได้อันดับต้นๆ ในโรงเรียนเสมอๆ และยังเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับคนอื่นๆ ด้วย จนทำให้เป็นที่รักของหลายๆ คน แต่ก็เป็นที่หมั่นไส้และเป้าของการกลั่นแกล้งของหลายๆ คนเช่นกัน


    ความสามารถพิเศษ : ความทรงจำภาพถ่าย - แค่มองก็จำได้เหมือนกับได้ถ่ายรูปไว้ ส่วนมากใช้จำวิวทิวทัศน์ต่างๆ

    เล่นฮาร์ป บิวะ และโคโตะได้ดี - ฝึกฝนตามคำสั่งแม่เธอ

    ทำอาหารเก่ง - พี่สาวของเธอชอบอาหารฝีมือเธอ จนทำให้เธอฝึกฝนมาขนาดนี้

    แต่งบทกวีได้เพราะมาก - ฝึกฝนตามคำสั่งแม่เธอ

    หมากล้อมระดับหกดั้ง โชกิสี่ดั้งสมัครเล่น - เล่นมาตั้งแต่ยังเด็กตามคำสั่งแม่เธอ จนมีฝีมือขนาดนี้


    เรื่องฝังใจ : การตายของพี่สาวเธอที่สละชีวิตเพื่อผู้อื่น ซึ่งเธอนั้นไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม , การที่เธออยากไปเที่ยวงานเทศกาล ที่เป็นเหตุให้พี่สาวเธอตาย , เสียงดังๆ ในเหตุการณ์วันนั้น จนทำให้เป็นพวกตกใจง่าย


    บุคคลที่เกี่ยวข้อง : พี่สาวต่างแม่ - อายาเมะ คานาโมริ || Ayame Kanamori (เสียชีวิตเมื่อ 22 ปี)

    : เอจิสระดับ B ที่เป็นพี่สาวของเธอ คอยให้กำลังใจและปลูกฝังนิสัยของเธอให้เป็นเช่นนี้ 


    แม่ - ฟุรุคาวะ คานาโมริ || Furukawa Kanamori

    : แม่ของเธอ หญิงสาวผู้มาจากตระกูลชั้นสูงซึ่งเคร่งในระเบียบและประเพณีที่สืบกันมาอย่างยาวนาน ไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของตระกูลเสื่อมเสียจนทำให้เกียรติของตระกูลต้องด้อยลง


    พ่อ - โยชิทากะ คานาโมริ || Yoshitaka Kanamori

    : นักธุรกิจรายใหญ่ที่ใช้ทั้งเล่ห์เหลี่ยมและกลโกงในการทำให้ได้ทุกสิ่งมา แต่กระนั้นเขาก็ทำไปเพื่อครอบครัวจะได้สบายเท่านั้น

     


    ข้อมูลอื่นๆ : 

    - สกิลพรสวรรค์นั้น ชื่อจริงๆ คือ [Call of the Terror] - เสียงเพรียกแห่งความหวาดกลัว


    - และวิญญานนั้นก็ไม่ใช่วิญญาณของพี่สาวเธอ แต่คือสัตว์ประหลาดอะไรซักอย่างที่หน้าตาไม่เหมือนมนุษย์ แต่จำแลงกายให้คล้ายพี่เธอ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้บางคนเวลาเห็นมันจะบอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่รูปร่างเหมือนมนุษย์แน่ๆ เพราะว่ามันคลายภาพจำแลงพี่สาวเธอออก ให้เห็นร่างจริงๆ ของมัน

    มันไม่เคยคลายภาพจำแลงให้เธอเห็นเลย เหมือนกับตัวอะไรซักอย่างที่ยากจะพูดออกมามากกว่า แต่ถ้าใช้งานในร่างจริงแล้ว จะทรงพลังกว่าร่างจำแลงอย่างมาก เพราะไม่ต้องคอยกดพลังเอาไว้


    - ถ้าเกิดว่าประชันแพ้คุณ Eagle Sonic ก็โยกไปบทอะไรก็ได้ตามความเหมาะสมเช่นกันครับ เอจิสคนอื่นๆ ก็ดีนะ~

    - เป็นมังสวิรัติ









    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×