ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Free zone 2

    ลำดับตอนที่ #203 : Aegis Superbia : Catastrophe Chuunibyou

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 63


    Application

    "ใช่แล้วล่ะ ฉัน จอมเวทแห่งภัยพิบัติคนนี้ จะเป่าดันเจี้ยนนี้ให้หายไปในครั้งเดียวเลย~"

    “จงสรรเสริญซะ! มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้มาปรากฎตัวต่อหน้าพวกเจ้าทุกคนแล้ว!”

     

    บทบาท : เอจิสคนอื่นๆ (บท Damager กิลด์ Dual Flame)

    1.ข้อมูลลักษณะภายนอก

    ชื่อ :  ฟรานเชสก้า มอร์แกน แอนโทเนีย || Francesca Morgan Antonia

    ชื่อเรียก : ฟรานเชสก้า || Francesca (คนที่ไม่ได้สนิท)

    ฟราน || Fran (คนสนิท)

    จอมเวทแห่งภัยพิบัติ || Sorcerer of Catastrophe (ฉายา)

     

    เพศ : หญิง

    อายุ : 28 ปี

    เชื้อชาติ : อังกฤษ

    ลักษณะภายนอก : หญิงสาวผู้ซึ่งมีเรือนผมสีบลอนด์อ่อนๆ ยาวถึงราวๆ ต้นคอ ผูกด้วยโบว์สีแดงตลอดเวลา นัยน์ตาสีครามสว่างที่เป็นดั่งท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ใบหน้าเรียวสวยเป็นรูปไข่ พร้อมทั้งเครื่องหน้าที่ถูกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมทำให้ดูงดงามมากขึ้นอีก ริมฝีปากเรียวบางที่มักจะยิ้มเล็กๆ ด้วยความมั่นใจออกมาตลอดเวลา 

    ผิวพรรณของเธอนั้นจัดได้ว่าขาวเนียนแบบสุขภาพดี แต่กระนั้นก็ยังมีร่องรอยของแผลเป็นบริเวณช่องท้อง ไหปลาร้า ลำคอ แขน และขาทั้งสองข้างที่เป็นเหมือนรอยที่ถูกของมีคมบาดเป็นทางยาว ซึ่งมันคือหลักฐานถึงความผิดพลาดเมื่อกาลก่อน รูปร่างของเธอนั้นเรียกได้ว่าสมส่วนหากเทียบน้ำหนักกับส่วนสูง กระนั้นความสูงของเธอออกจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้หญิงเลือดอังกฤษทั่วไปมากเบยทีเดียว สูง 176 หนัก 65

    ฟรานเชสก้านั้นมักจะมีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ ซึ่งมันจะแฝงไปด้วยความมั่นใจของตัวเธอ รวมทั้งการกระทำต่างๆ ของเธอนั้นก็จะผ่าเผยอย่างสง่างามจนทำให้หลายๆ คนนั้นมองมาที่เธออย่างเคารพ แต่กระนั้นถ้าหากได้รู้จักเนื้อแท้ของเธอก็จะรู้เลยว่า “เคารพคนแบบนี้ไปได้ยังไง”

    เธอมักจะแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวปกคอสูงจนปิดคอได้ทั้งหมดและพันด้วยผ้าสีขาวสะอาดตามสไตล์ผู้ดีอังกฤษ พร้อมทั้งปลอกแขนสีดำที่อยู่ด้านในเสื้อสีขาวของเธอ กระโปรงยาวถึงเข่าและถุงน่องสีดำ รองเท้าส้นสูง และมักจะนำอาเสื้อโค้ทของเธอคลุมไหล่ไว้ตลอดๆ รวมทั้งยังมีไม้เท้าอยู่ในมือเสมอด้วย

    2.ข้อมูลในฐานะอีจิส

    Class : The Great Wiseman || มหาปราชญ์

    เป็นขั้นกว่าของคลาสนักปราชญ์ โดยคลาสนี้จะสามารถเรียนรู้สกิลที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ได้ทุกแขนง รวมทั้งยังมีสกิลที่สนับสนุนการใช้เวทด้วย

    Trait : Magic

    Property : [Catastrophe] - ภัยพิบัติ

    Position : Damage , Enchanter , Debuffer , Controller

    Rank : A

    สังกัดกิลด์ : Dual Flame

    Status : 

    HP : E

    MP : A

    STR : E                          AGI : D MAG : A

    VIT : D                           DEX : B INT : A

    STM : D                        INS : D   SPD : C

    Charisma skill : [Greedy : Mana Overflow] - ละโมบ : มานาเอ่อล้น

    : สามารถมีมานาเกินปริมาณสูงสุดได้ แต่การจะได้รับมานาที่เกินมานั้นต้องได้รับด้วยวิธีที่ไม่ใช่ธรรมชาติ เช่น มานาสูงสุดมี 100/100 แต่ถ้ามีเพื่อนร่วมทีมร่ายสกิลเพิ่มมานาใส่ก็สามารเป็น 150/100 ได้ แต่ถ้ารอฟื้นฟูเองก็สูงสุดแค่ 100 โดยมานาส่วนเกินนั้นจะลดลงเรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือตามมานาสูงสุด ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ถาวร เหมือนแก้วน้ำที่มีรูเจาอยู่ด้านข้างของแก้ว ที่น้ำเหนือรูจะไหลออกไปจนกว่าน้ำในแก้วจะต่ำกว่ารู

     

    Skill : 

    <Passive>

    [Wiseman’s Knowledge] (A) - ความรู้ของนักปราชญ์

    : สามารถรู้ได้ว่าสกิลที่ผู้อื่นใช้คือสกิลอะไร มีรายละเอียดยังไงโดยแค่มองท่าทาง วงเวทหรือได้ยินชื่อสกิล กระนั้นสกิลที่มีเลเวลสูงกว่าสกิลนี้ก็จะไม่สามารถตรวจสอบได้

    [Prideful Sage] (C) - ปราชญ์ผู้มากซึ่งอัตตา 

    : ป้องกันการตรวจสอบจากสกิลตรวจสอบที่มีเลเวลต่ำกว่าสกิลนี้ได้

    [Walking Catastrophe] (C) - ภัยพิบัติเดินได้

    : ลดการใช้มานา รวมทั้งเพิ่มระยะและความรุนแรงของสกิลที่มีคำว่า [Catastrophe] อยู่ในชื่อ

    [Mana Overclock] - มานา โอเวอร์คล๊อก

    : สามารถลดเวลาคูลดาวน์ของสกิลได้โดยการจ่ายมานาตามเวลาที่ต้องการจะลด และหากจะลดเวลามาก ก็ใช้มานามากตามไปด้วย เช่น คูลดาวน์เหลือ 30 วินาที จะลดให้เหลือ 15 วินาทีก็จ่ายมานาเท่านี้ แต่ถ้าจะให้เหลือ 10 วินาทีก็จ่ายมากขึ้น หรือถ้าจะให้พร้อมใช้เลยไม่ต้องรอคูลดาวน์ก็จ่ายได้เลย แต่ต้องใช้มานาจำนวนมาก ซึ่งบางทีอาจจะมากกว่าค่าร่ายสกิลอีก โดยมานาที่จะต้องจ่ายเพื่อลดเวลานั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสกิล จำนวนมานาที่ใช้เรียกและเวลาคูลดาวน์ที่ต้องการลด 

    [Mana Overcharge] - มานา โอเวอร์ชาร์จ

    : สามารถจ่ายมานาเพิ่มขึ้นในการใช้สกิลแต่ละครั้งได้ ซึ่งจะเพิ่มความรุนแรงและระยะของสกิล

    [Mana Absorption] (D) - ดูดกลืนมานา

    : เมื่อสังหารศัตรูด้วยสกิลที่เป็นเวทมนตร์แล้ว จะดูดซับมานาจากศัตรูที่ฆ่าไปตามเลเวลของสกิล

     

    <Active>

    [Dispel Skill] - สลายทักษะ

    : สามารถทำการขัดขวางการใช้ทักษะของศัตรูได้ โดยจะทำได้เมื่อศัตรูใช้ทักษะเท่านั้น (เหมือนร่ายสกิลแล้วโดยอันนี้ขัดครับ ต้องร่ายก่อนถึงจะขัดได้ แต่หากหมดคูลดาวน์แล้วก็ใช้อีกรอบได้ ทักษะไม่ได้ถูกผนึก)

    [Mana Reinforced] - มานาเสริมกำลัง

    : เพิ่มความแข็งแกร่งของอาวุธหรือร่างกายของเพื่อนในปาร์ตี้หรือสิ่งอัญเชิญ (บัฟเกราะ+ดาเมจ)

    [Catastrophe : Lava Leaking] - ภัยพิบัติ : ลาวารั่วไหล

    : พื้นที่ 500 เมตรของสกิลจะเกิดลาวาไหลออกมาจากพื้นดิน สร้างความเสียหายให้กับคนที่ถูกลาวา

    [Catastrophe : Gathering Storm] - ภัยพิบัติ : พายุก่อตัว

    : ในพื้นที่ 500 เมตรของสกิลจะเกิดลมพายุขึ้น ซึ่งทำให้คนที่อยู่ภายในเคลื่อนที่ช้าลง รวมทั้งหากยืนนิ่งๆ จะถูกลมพัดไปได้อย่างง่ายดาย

    [Catastrophe : Lightning Strike] - ภัยพิบัติ : สายฟ้าฟาด

    : ในพื้นที่สกิล 200 เมตร จะเกิดฟ้าผ่าแบบสุ่มในพื้นที่ทุกๆ 3 วินาทีเป็นเวลา 120 วินาที โดยหากมีสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ จะมีโอกาสเข้าใกล้สิ่งมีชีวิตมากกว่า 

    [Catastrophe : Acid Rain] - ภัยพิบัติ : ฝนกรด

    : ในพื้นที่สกิล 800 เมตร จะสามารถเรียกฝนกรดลงมาได้ ซึ่งฝนนี้มีคุณสมบัติกัดกร่อนอย่างสูง ซึ่งสามารถกร่อนได้กระทั่งเหล็กเลยทีเดียว แม้แต่เนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตก็ละลายเป็นน้ำได้ แต่มันไม่สามารถกัดกร่อนพลาสติกได้

    [Grand Catastrophe : XII Mercalli] - มหาภัยพิบัติ : สิบสองแมร์กัลลี

    : เมื่อใช้แล้วจะเกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมากในระยะ 2.5 กิโลเมตรของสกิล พื้นดินจะพังทลายจนทรุดตัวลงไป เปลือกโลกจะแยกออก ตึกรามบ้านช่องจะถูกถล่มจนไม่เหลือซาก วัตถุที่ไม่อยู่ติดกับดินจะถูกส่งขึ้นไปในอากาศด้วยแรงสั่นสะเทือนอันมหาศาล

    [Grand Catastrophe : Divine Wind] - มหาภัยพิบัติ : สายลมแห่งสรวงสวรรค์

    : เรียกพายุขนาดใหญ่ขึ้นมาในพื้นที่ 1 กิโลเมตรของสกิล พายุนี้รุนแรงมากจนทำให้วัตถุต่างๆ ลอยอยู่ในอากาศสูงสุดถึง 100 เมตร อาคารต่างๆ ถูกพัดจนลอยขึ้นกลางอากาศ แม้กระทั่งคอนกรีตเสริมเหล็กยังเสียหายอย่างหนัก

    [Grand Catastrophe : Rage From The Sea] มหาภัยพิบัติ : ความพิโรธจากห้วงสมุทร

    : สร้างคลื่นสึนามิที่จะถล่มทุกสิ่งด้านหน้าในระยะ 1 กิโลเมตรจนราบเป็นหน้ากลอง แม้จะไม่มีทะเลแถวนั้นก็ตาม  

    [Doomsday Clock : Two Minutes Before Midnight] : นาฬิกาแห่งวันสิ้นโลก : สองนาทีก่อนเที่ยงคืน

    : นับถอยหลังสองนาทีหลังจากใช้สกิล เมื่อหมดเวลาแล้วจะมีเสียงระฆังดังขึ้น 12 ครั้ง ก่อนจะเกิดมหาภัยพิบัติในพื้นที่สกิล แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง สภาพอากาศสลับร้อนกับหนาวไปมาอย่าวรวดเร็วจนน่ากลัว เกิดน้ำท่วมฉับพลัน พายุทอร์นาโดขนาดใหญ่เคลื่อนที่ไปทั่ว และสุดท้ายจะเกิดระเบิดขนาดใหญ่ สร้างดาเมจมหาศาลในพื้นที่สกิล ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลงดังเดิม และผู้ใช้ก็จะสลบไป

    เมื่อใช้สกิลแล้วในระยะเวลา 2 นาที เธอจะไม่สามารถขยับได้ รวมทั้งหากถูกโจมตีแม้แต่ 1 ดาเมจ สกิลนี้จะถูกยกเลิกทันที สกิลนี้เป็นเหมือนอัลติของเธอ ถ้าใช้สำเร็จก็แทบจะการันตีความสำเร็จ แต่ถ้าล้มเหลวแล้ว มานามหาศาลจะถูกใช้ไปอย่างเสียเปล่า 

    ความสามารถในการต่อสู้ : - สกิลมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก

    • ระยะของสกิลที่กว้าง

    • การขัดขวางการใช้ทักษะของศัตรู

    • เสริมพลังให้พันธมิตร

    • ขัดขวางการเคลื่อนที่ 

    อุปกรณ์ที่ใช้ : [Regalia of The Great Wiseman] - กกุธภัณฑ์แห่งมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ 

    : ไม้คทาสีทองยาวประมาณ 75 เซนติเมตร มันมีคุณสมบัติในการลดการใช้มานาเมื่อใช้มันร่ายเวท โดยผู้ที่จะใช้งานได้ต้องมีคลาสมหาปราชญ์เท่านั้น

    [Sorcerer’s Cane] - ไม้เท้าของจอมมนตรา

    : ไม้เท้าที่เธอมักจะถือตลอดเวลา มันมีคุณสมบัติคือเมื่อถือไว้จะเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูมานาให้เร็วกว่าเดิม 

    ลักษณะเครื่องแบบ : เสื้อโค้ทยาวสีขาวกระดุมสีทองใส่ทับกับเสื้อเชิ้ตสีดำ มีเข็มขัดสีดำคาดอยู่ กางเกงขายาวสีขาวกับรองเท้าหนังสีดำ ถุงมือสีขาวและเสื้อคลุมสีขาวสะอาดที่มีฮู้ดด้วย โดยมันสามารถลดดาเมจจากการถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์ได้

    สไตล์การต่อสู้ : ฟรานนั้นเป็นนักเวทที่มีสกิลโจมตีในระยะที่กว้างและไกลมาก รวมทั้งความรุนแรงที่มากเสียจนเรียกได้ว่าน้องๆ เครื่องบินปูพรมทิ้งระเบิดหรือปืนใหญ่เลยทีเดียว แต่กระนั้นการที่เธอจะใช้แต่ละสกิลก็กินเวลามากพอสมควร อย่างน้อยๆ เวลาร่ายคือ 10 วินาทีแล้ว

    เธอมักจะอยู่กึ่งกลางโดยที่มีแท้งค์คอยปกป้องอยู่รอบด้าน เพราะดาเมจที่เธอทำได้นั้นรุนแรงมหาศาล แต่กระนั้นเธอก็บางซะยิ่งกว่าทิชชู่เปียกน้ำหรือไก่สับที่ถูกมีดตบจนแบนในร้านข้าวมันไก่แถวบ้าน ทำให้หากเธอถูกประชิดตัวได้หรือโดนโจมตีก็จบเลยกับดาเมจที่รุนแรงของปาร์ตี้

    เธอนั้นมักจะให้เพื่อนในปาร์ตี้ของเธอรวมศัตรูเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก่อนจะใช้เวทตระกูลภัยพิบัติจัดการ ซึ่งเวทนั้นมีระยะที่กว้างและความรุนแรงเป็นอย่างมาก จนทำให้เรียกว่าหากโดนเข้าไปแล้วไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต นอกจากนี้ยังมีสกิลที่สามารถวิเคราะห์สกิลที่ผู้อื่นใช้ออกมาได้ทำให้วางแผนรับมือได้สะดวก เพราะทราบทั้งเวลาคูลดาวน์ ระยะสกิล ความรุนแรง หรือมานาที่จ่ายไป และยังมีสกิลขัดขวางการใช้สกิลของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย

    สกิลแต่ละอันของเธอนั้นบริโภคพลังเวทอย่างมหาศาลยิ่งกว่าการนำเข้าน้ำมันของสหรัฐอเมริกาเสียอีก ดังนั้นจึงต้องเติมพลังเวทเรื่อยๆ โดยให้ซัพพอร์ตใช้สกิลฟื้นฟูมานากับเธอ ไม่งั้นใช้แค่สกิลสองสกิลมีมานาหมดหลอดบ้าง และเวลาคูลดาวน์ที่นานพอๆ กันกับความรุนแรงอีก และเวทที่ไม่ใช่เวทวงกว้างก็แทบไม่มีเลย ทำให้เธอไม่สามารถปกป้องตัวเองได้

    และเมื่อต้องใช้อัลติเมทของเธอก็ต้องการการคุ้มกันมากเสียยิ่งกว่าเดิมเพราะดาเมจแค่ถูกมดกัดก็สามารถยกเลิกการร่ายสกิลกว่าสองนาทีนี้ได้ ทำให้มานาปริมาณมากเสียไปโดยเปล่าประโยชน์และตัวดาเมจหลักไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปเพราะสลบไปแล้ว ทำให้เมื่อใช้อัลติเมทของเธอ เธอจะถูกคุ้มกันซะยิ่งกว่าประธานาธิบดีบางประเทศซะอีก แต่มันก็คุ้มค่าเพราะอาจจะล้างบางดันเจี้ยนเล็กๆ ได้ในครั้งเดียวเลย

    นอกจากนี้เธอไม่เคยใช้เวทโจมตีแบบอื่นนอกจากเวทตระกูลภัยพิบัติเลย ซึ่งนั่นทำให้บางครั้งเธอก็ปกป้องตัวเองไม่ค่อยได้ด้วยระยะที่กว้างโคตรๆ ของสกิล

    3.ข้อมูลภูมิฐาน

    อุปนิสัย : เมื่อมองในภายนอกและเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วนั้นเธอเป็นหญิงสาวที่ดูสง่างาม มารยาทดี รวมทั้งยังออกแนวๆ คุณหนูอีกด้วย แต่ความคิดเหล่านั้นแทบจะเปลี่ยนไปเลยหากได้พบกับตัวตนจริงๆ ของเธอ ที่เธอก็ไม่ได้แอบซ่อนเท่าไหร่ทำให้สังเกตเห็นได้ตั้งแต่แรกๆ ที่พบกัน

    โดยเธอนั้นจะมีนิสัยที่ขัดกับภาพลักษณ์ภายนอกอย่างกับคนละคนกันจนอดสงสัยไม่ได้ว่ามีฝาแฝดที่ไหนหรือเปล่า ทั้งความจูนิเบียว โลลิค่อน หลงตัวเอง และเพ้อๆ เหมือนพึ่งสูดมา ซึ่งมักจะทำให้คนรอบข้างนั้นต้องกุมขมับและปวดหัวกับการกระทำของเธอบ่อยๆ รวมทั้งอาจจะต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอเวลาทำอะไรน่าอายๆ อีกด้วย

    ฟรานเชสก้านั้นหลงตัวเองเป็นอย่างมาก เธอมักจะพูดเพื่อบรรยายความแข็งแกร่งของเวทมนตร์ของเธอตลอดๆ รวมทั้งการโม้เกี่ยวกับคลาสอย่าง "มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่" ที่ไม่ใช่แค่เพิ่มความแข็งแกร่งทางเวท แต่ยังทำให้เธอมีเรื่องโม้อีกด้วย ถือได้ว่าประโยชน์สองเด้ง

    ร่าเริง เฮฮา และปาร์ตี้ ความร่าเริงของเธอนั้นเป็นเหมือนแสงสว่างที่ไม่มีทางดับไปง่ายๆ ดั่งดวงตะวันอันร้อนแรง ทำตัวเหมือนในชีวิตไม่เคยที่จะกังวลเรื่องอะไรเลยมาก่อนเลย มองโลกในแง่ดีมากๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามะนก็ไมาได้ดีอะไรขนาดนันสำหรับโลกนี้ แต่เธอจะพยายามทำตัวให้สดใสราวกับได้วิ่งเล่นกับม้าโพนี่ในทุ่งลาเวนเดอร์

    จูนิเบียวขั้นสุดเกินกว่าที่จะรับไหว ทั้งท่าโพสที่สุดจะบรรยายกับความพยายามในการจัดท่านั้นให้ออกมาได้โดยผสมผสนาทั้งความลิเกและเบียวจนทำให้ไม่เหบืออะไรเลยนอกจากท่าโพสประหลาดๆ ชวนให้ลงไปขำกลิ้ง รวมทั้งคำพูดคำจาที่บางครั้งราวกับว่าหลุดออกมาจากยุคกลางอย่างข้ากับเจ้าและชวนให้หัวเราะไม่ก็ละเหี่ยใจกับการแนะนำตัวและคำพูดจาสุดแสนจะอีปิค อีกทั้งยังมีการเอ่ยถึงความสุดยอดของอภิมหาเวทภัยพิบัติทั้งหลายแหล่ของเธอที่เว่อร์บ้างจริงบ้างผสมปนเปกันไป รวมทั้ยังเห็นอันตรายต่างๆ เป็นของเล่นสนุกที่เธอจะได้โชว์พลังออกมาอีกด้วย ทำให้ไม่ค่อยจะกลัวอะไรเท่าไหร่นัก

    ฟรานนั้นเป็นหญิงสาวที่รักในการดูอนิเมะ อ่านนิยาย แบะมังงะแนวแฟนตาซีเกี่ยวกับเวทมนตร์อย่าวมาก ถึงโลกปัจจุบันจะไม่ต่างกับโลกแบบนั้นซักเท่าไหร่นักก็ตาม กระนั้นเธอก็ยังชอบมันอยู่ดี สืบเนื่องมาจากสมัยที่เธอหมกตัวและได้ไปเจอกับสิ่งมัวเม----บันเทิงพวกนี้ จนทำให้เธอติดงอมแงมซะยิ่งกว่ายาอีเสียอีก 

    โลลิค่อนที่หลงใหลในการโม่ยเหล่าโลลิน้อยๆ อย่างมาก ราวกับเห็นภาพหมีขึ้นมาซ้อนทับกับตัวเธอให้ FBI ได้ตื่นตระหนกเตรียมจับหมีตลอดๆ แต่กระนั้นความคิดในการโม่ยของเธอไม่เคยที่จะลามไปถึงการมีอะไรด้วยเลยแม้แต่น้อย ที่เธอโม่ยเพราะร่างกายและจิตใจอันบอบบาง บริสุทธิ์ และน่าปกป้องของโลลิเหล่านั้นต่างหาก

    มั่นใจในตัวเองเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะในด้านของพลังเวทที่เธอมั่นใจว่าเป็นรองอยู่แค่พวกแรงค์เอสเท่านั้น เมกุ_นคลั่งเวทระเบิดฉันใด เธอก็คลั่งเวทภัยพิบัติฉันนั้น ทำให้เวทโจมตีของเธอล้วนมีแต่เวทภัยพิบัติที่ระยะกว้างมากจนแทบอยากจะร้องให้เมื่อเข้าระยะประชิด เนื่องจากถ้าใช้ ความชห.จะไม่อยู่แค่ศัตรู แต่คนที่จะชห.อีกคนก็คือปาร์ตี้ของเธอ-- 

    แต่กระนั้นสิ่งที่ขัดกับไอ้นิสัยที่ดูบ้าบออย่างมากด้านบนก็คือความฉลาดและการวิเคราะห์ของเธอที่เฉียบแหลมซะเหมือนนักปราชญ์ ก็แน่ล่ะ เธอเป็นมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่นี่นา~ ภายใต้ความร่าเริงและจูนิเบียวจนน่าเอาส้นเท้าไปกระทบเรียกสติแล้วกลับมีมันสมองคอยวิเคราะห์การต่อสู้อยู่เนื่องๆ จนทำให้สามารถรู้ได้ว่าควรจะทำยังไงต่อ และถ่ายทอดออกไปเป็นคำสั่งที่ถึงจะเบียวๆ แต่มันก็ใช้ได้ผลหากทนกับความจูนิเบียวของคำสั่งได้นะ

    แต่ในอดีตเธอนั้นไม่ใช่แบบนี้เลย ออกจะเป็นคุณหนูเรียบร้อยสมบูรณ์แบบมารยาทงามถ่อมตัว พร้อมทั้งออร่าความงดงามที่เปล่งประกายออกมาแม้มองจากด้านหลัง ซึ่งมันไม่มีอะไรตรงกับตัวเธอตรงนี้เลย จนทำให้หลายๆ คนสงสัยว่าคนเดียวกันจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าโดนวิญญาณร้ายเข้าสิง ซึ่งสาเหตุก็คงมาจากเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้เธอเป็นนีทและหมกอยู่กับอนิเมะ เกม มังงะ นิยายจนกลายเป็นแบบนี้ 

    กระนั้นการที่เธอนิสัยแบบนี้ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิ่ง เธอนั้นก็ยังคงสามารถกลับไปเป็นโหมดจริงจังไม่โม่ยและเบียวได้ เพราะการที่เธอแสดงนิสัยแบบนี้ออกมานั้นมันเป็นเหมือนเกราะกำบังให้จิตใจของเธอที่กำลังอ่อนแอ ทั้งจากความผิดหวังหรือความเศร้าที่ตัวเธอนั้นเผชิญมาในอดีต หากเหตุจำเป็นจริงๆ หรือมีคนพูดอะไรกระตุกเธอขึ้นมา ไอ้ความสดใสร่าเริงพวกนั้นจะหายไป เหลือเพียงแค่ความเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง สายตาที่เฉียบคมราวนกอินทรี ท่วงท่าที่สง่าสามดั่งพญาราชสีห์เท่านั้น เหมือนกับว่าตัวเธอคนเดิมนั้นได้กลับมาแล้ว แต่พอหมดช่วงมันก็กลับมาเบียวเหมือนเดิมแหละ ของแบบนี้มันเลิกยาก กระนั้นพอเปลี่ยนนิสัยเป็นคนเดิมแล้วจะเกิดอาการอายอย่างมากเวลามีใครพูดถึงตอนเป็นจูนิเบียวจนกว่าจะกลับไปเบียวเหมือนเดิม

    ลิ้นจระเข้ที่ไม่รับรู้ความห่วยแตกของอาหารเลย กินอะไรก็อร่อยหมด ขนาดโรตีสดไม่ก็ของทอดที่ไหม้จนเหมือนก้อนมะเร็งผสมสสารมืดที่น่าตาไม่น่าไว้วางใจเธอยังกล้าพูดออกมาได้ว่า "อร่อยมาก" จนทำให้คนที่เผลอลองตามนั้นต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลจากอาการอาหารเป็นพิษ 

    รวมทั้งเธอยังกินจุมากเหมือนว่ากระเพาะของเธอเป็นหลุมดำที่ไม่ได้ส่งต่ออาหารไปยังลำไว้เล็ก แต่กลับดูดมันไปยังมิติอันลึกลับซะยิ่งกว่าหนังโนแลนด์ ในแต่ละมื้อปริมาณอาหารที่เธอบริโภคคงเรียกว่ายิ่งกว่านักเพาะกายที่มีกล้ามเป็นมัดๆ แต่กระนั้นยังไม่มีวี่แววของน้ำหนักที่เกินมาเลย

    คลั่งชามากจนต้องดื่มแทบจะวันละห้าเวลา หากวันไหนไม่ได้ดื่มชาจะเกิดอาการมือสั่น ใจคอไม่ปกติ ตัดสินใจอะไรไม่ได้ราวกับคนขาดยา เพราะฉะนั้นเธอจะพกกระติกสูญญากาศไปไหนมาไหนเสมอๆ รวมทั้งใบชาแห้งที่พกติดตัวตลอดด้วย

     

    ชอบ : ชาทุกชนิด - ชอบจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเสพติดเลย ต้องดื่มวันละห้าถึงหกแก้วถึงจะหลับลง

    ฟิช แอนด์ ชิป - เมนูสิ้นคิดของชาวอังกฤษที่ใครๆ ก็บอกว่าจืดชืดไร้รส แต่เธอกลับบอกว่าอร่อยเฉยแม้ว่าร้านนั้นจะทำได้ห่วยขนาดไหนก็ตาม

    แซนด์วิชขนมปังปิ้ง - ขนมปังที่ประกบกับขนมปังปิ้งทาเนยโรยเกลือไว้ อาหารสิ้นคิดแต่เป็นเวอร์ชั่นยาจก รสชาติก็ถือว่าอร่อยกว่าอันข้างบนบางร้าน ฟรานจะกินทุกเช้าเลย

    อนิเมะ มังงะ และนิยายของญี่ปุ่น : วัฒนธรรมที่อยู่เคียงคู่มนุษยชาติมาอย่างช้านาน ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านีท ฮิกกี้ และโอตาคุ

    โม้ : ไม่เชิงโม้ จะเรียกว่าเบียวก็ได้ ซึ่งเธอชอบที่จะอวดสรรพคุณความเก่งกาจของเธอแบบเว่อร์ๆ และกาวๆ ดั่งหลุดออกมาจากนิยายเน็ต รวมทั้งสกิลของเธอที่จะเสริมเติมแต่งคำร่ายจนดูน่าอดสูและลิเกอย่างมาก เช่น "โอ พระผู้เป็นเจ้า ท่านกำลังเสด็จมาเยือน มหาอาณาจักรกำลังมาถึง การล้างบางได้เริ่มต้นขึ้น นำพามนุษย์สู่จุดเริ่มต้นอีกครา [นาฬิกาแห่งวันสิ้นโลก : สองนาทีก่อนเที่ยงคืน]" ราวๆ นี้

    ไม่ชอบ : คนที่เห็นแก่ตัว : คนจำพวกนี้ไม่มีคุณค่าอะไรให้ใส่ใจ

    การดูถูก : คนเราทุกคนเท่ากัน เพียงแต่ว่าใครจะถูกกำหนดให้เป็นแบบใด เธอคิดเช่นนี้ 

    อาหารฝรั่งเศส : อาหารที่มีวิธีกินซับซ้อนและใช้เวลานานไม่เหมาะกับเธอ แบบเธอแค่จับยัดเข้าปากหมดในห้านาทีก็พอ

    นักฆ่า : เรื่องฝังใจในอดีตทำให้เธอไม่ค่อยชอบ แม้ในอดีตจะเป็นมอนสเตอร์ แต่ถ้านตอนนี้มันลามไปถึงพวกสายนักฆ่าแล้ว

     

    ลักษณะการพูด : แทนตัวเองด้วยคำว่า “ฉัน” แทนคนอื่นว่า “นาย/เธอ" ตามแต่เพศ ไม่ก็ชื่อตรงๆ เลย เธอไม่มีคำลงท้ายนอกจากกับผู้อาวุโสที่จะใช้คำว่า "ดิฉัน" กับ "คุณ" และมีคำลงท้ายเสมอ

    คำพูดของเธอไม่ค่อยจะสุภาพเท่าไหร่นัก และเป็นคำพูดที่แสดงถึงความเบียวและหลงตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม แต่น้ำเสียงที่ดูจริงจังของเธอก็ทำให้บางคนเชื่อได้ไม่ยาก 

    ตัวอย่างบทสนทนา

    “ฟรานเชสก้า มอร์แกน แอนโทเนีย เจ้าแห่งภัยพิบัติและมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ได้มาปรากฏกายตามคำเชิญชวนแล้ว” ฟรานเชสก้าได้โค้งตัวลงไปเล็กน้อยและจับกระโปรงจีบขึ้น

    “นายน่ะหรอ คู่ต่อสู้ของฉันคนนี้? หึ จงลิ้มรสความหวาดกลัวต่อพลังอันมหาศาลของภัยพิบัติเหล่านี้ซะ เตรียมตัวไว้เลย!” เธอใช้มือข้างขวายกขึ้นปิดหน้า ก่อนที่จะเชิดหน้าขึ้นและหัวเราะเบาๆ ถึงเธอจะคิดว่าท่านี้เท่ดี แต่คนอื่นน่าจะเปลี่ยนจากคำว่าเท่เป็นปัญญาอ่อนแทน

    “จงสั่นไหว” มือซ้ายของเธอนั้นถูกนำมาใช้ปิดตาข้างขวาของเธอไว้ก่อนที่จะเอ่ยต่อ

    “จงบ้าคลั่ง”  ฟรานค่อยๆ หลับตาซ้ายลงช้าๆ ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ และตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง

    “จงสูญสิ้น [มหาภัยพิบัติ : สิบสองแมร์กัลลี]” เธอลืมตาขึ้นมาก่อนจะใช้มือตั้งสองข้างสะบัดผ้าคลุมให้พริ้วไปทางด้านหลังของเธอ

    เมื่อเธอเข้าสู่โหมดนิสัยเก่าที่ไม่จูนิเบียวแล้ว คำพูดคำจาจะดูเป็นผู้เป็นคนได้อย่างเห็นได้ชัด ไม่มีแอคชั่นเบียวๆ ออกมาประกอบเวลาพูด รวทั้งความนิ่งและสุภาพของน้ำเสียงจะมากขึ้นไปประมาณสองร้อยเท่าเศษ รวมทั้งจะอับอายเป็นอย่างมากหากมีคนพูดถึงตอนเธอเบียวอยู่

    ใช้คำแทนตัวว่า “ดิฉัน” ส่วนคนอื่นจะใช้เป็น “ท่าน” มีคำลงท้ายอยู่เสมอๆ 

    “ขอความกรุณาให้ท่านเลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะ ถือว่าดิฉันได้ขอร้องแล้ว...” ใบหน้าของเธอนั้นนิ่งสนิท แต่กับมีสีแดงจางๆ ระเรื่อออกมาจากความเขินอายเมื่อมีคนพูดถึงเธอยามจูนิเบียว

     

    ประวัติ : ฟรานเชสก้า มอร์แกน แอนโทเนีย ลูกสาวคนรองของตระกูลของเอจิสระดับสูงในเขตยุโรปเหนือ ทั้งตระกูลนั้นเป็นเอจิสที่เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์กันทั้งหมด ไล่ไปตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายที่เป็นเอจิสระดับ A และ B ที่โด่งดังเป็นอย่างมากด้วยผลงานหรือการช่วยเหลือผู้คน รุ่นพ่อแม่ที่ก็เป็นเอจิสระดับ A ทั้งคู่ที่โดดเด่นด้านการสอดประสานการโจมตีกันอย่างงดงาม

    พี่สาวของเธอที่มีทักษะพรสวรรค์ที่ใช้ในการกวาดล้างศัตรูจำนวนมากได้อย่างดี และน้องชายที่มีทักษะสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมจนเรียกได้ว่าเทวามาโปรด และเธอ ฟรานเชสก้า ผู้ซึ่งมีทักษะในด้านการโจมตีทางเวทมนตร์มหาศาล และทักษะพรสวรรค์ที่ทำให้มานาล้นเหลือหากมีสายสนับสนุนดีๆ และพี่น้อง รวมทั้วเธอนั้นก็ถูกคาดหวังเป็นอย่างมาก ให้ขึ้นไปในแรงค์ S ให้ได้ เพราะไม่เคยมีใครในตระกูลทำสำเร็จมาก่อนเลย

    เธอนั้นเริ่มฝึกฝนอย่างหนักตั้งแตพลังได้ตื่นขึ้นมาตอน 15 ปี ทั้งการใช้สกิลต่างๆ การเปลี่ยนคลาสให้สูงกว่าเดิม และการตามหาสกิลเพื่อมาใช้กับสายเวทของเธอ เธอตั้งใจจะเป็นเวทธาตุดิน แต่เธอกลับเปลี่ยนใจหันไปเป็นเวทวงกว้างกับชุดทักษะภัยพิบัติของเธอที่หามาได้ เธอสามารถเข้าไปเรียนโรงเรียนเอจิสอันดับหนึ่งในเขตปกครองนั้นได้ ผลการเรียนของเธอดีเยี่ยมจนเป็นอันดับต้นๆ แต่มันก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน

    พี่สาวของเธอเสียชีวิตจากการลงดันเจี้ยน

    ความคาดหวังต่างๆ ตกลงมาที่เธอเพื่อให้ทดแทนในส่วนของพี่สาวที่เสียไป ความกดดันให้ฝึกฝนอย่างหนักกว่าเดิมเพื่อที่จะขึ้นเป็นแรงค์ S แต่พอระยะนึงแล้ว การพัฒนาของเธอมันกลับช้าลงเรื่อยๆ ราวกับเป็นสัญญาณว่าเธอใกล้จะถึงทางตันแล้ว

    ฟรานเชสก้านั้นได้ลงดันเจี้ยนร่วมกับเพื่อนของเธอที่จบจากโรงเรียนเอจิสมาด้วยกัน ลงดันเจี้ยนมามากมายจนทำให้เกิดความมั่นใจ จนกระทั้งเธออายุ 22 ปี เธอได้ลงดันเจี้ยนแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเธอนั้นไม่ได้คิดว่ามันจะยากอะไรมากมาย แต่มันผิดคาด

     จู่ๆ ภายในดันเจี้ยนนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป บรรยาการก็มืดมิดลงจนแทบมองไม่เห็น พวกเธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก และสิ่งเดียวที่เห็นก็คือดวงตาสีแดงจำนวนมาก เธอสลบไปไม่นานหลังจากนั้น โดยที่ไม่รู้ตัวอะไรเลย

    ฟรานฟื้นกลับมาอีกครั้งในโรงพยาบาล ด้วยรอยแผลมากมายที่เป็นรอยของมีคม มอนสเตอร์รูปแบบมนุษย์ที่มีความสามารถคล้ายๆ นักฆ่า คนที่ช่วยเธอไว้เล่าแบบนั้น เธอรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เพื่อนของเธอไม่มีใครรอดเลยแม้แต่คนเดียว เธอกลายเป็นคนเก็บตัวตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ออกมาจากห้องนอนของเธอเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันๆ ก็เอาแต่กินอาหารแช่แข็งไม่ก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่สั่งซื้อออนไลน์มา ดูแต่อนิเมะ อ่านนิยายไม่ก็มังงะ ราวปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปอย่างไร้ค่า 

    ในช่วงแรกๆ พ่อแม่ ไม่ก็น้องชายของเธอก็ยังคงมาเคาะห้องบ่อยๆ เพื่อให้เธอออกมา ไถ่ถามว่าเป็นอะไรไหม แต่เธอเลือกที่จะไม่ตอบ จนกระทั่งเข้าเดือนที่ห้า ก็ไม่เคยมีเสียงเคาะประตูอีกเลย ทำให้เธอคิดว่าเธอคงถูกทิ้งแล้ว จึงไม่ได้สนใจอะไรอีก เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ จนครบ 1 ปี

    เธอตัดสินใจที่จะออกมาจากห้องของเธอ ก้าวออกมาจากเซฟโซนที่เธอรู้สึกปลอดภัยที่สุดและกลับมาเผชิญหน้ากับความจริง และความจริงที่เธอต้องเผชิญอย่างแรกก็มาถึง

    บ้านนั้นรกร้างราวกับไม่มีคนทำความสะอาดเป็นแรมปีทำให้ฝุ่นเกาะเต็มไปหมด ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็เหมือนกับไม่มีคนใช้มานานแล้ว เธอที่จ่ายค่าไฟค่าน้ำค่าอินเตอร์เน็ตผ่านออนไลน์นั้นไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอกบ้าง

    ฟรานเชสก้าวิ่งออกจจากบ้านพร้อมกับภาวนาว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นจะไม่จริง เธอได้เข้าไปหาเพื่อนของพ่อเธอที่เคยทำงานเอจิสร่วมกัน แต่เมื่อไปถึงบ้านของเขาคนนั้นก็พบกับชายที่ขาขาดข้างหนึ่งจนต้องนั่งรถเข็นอยู่หน้าบ้าน มันแตกต่างกับชายกล้ามโตที่เธอเคยรู้จักมากนัก

    เขาคนนั้นได้บอกว่าพ่อแม่และน้องชายของเธอเสียชีวิตจากเกทที่ปรากฏมาอย่างกระทันหัน รวมทั้งความรุนแรงที่มากกว่าปกติจนทำให้ต้องใช้เอจิสระดับศูงจำนวนมากในการหยุดมัน ทั้งสามเสียชีวิต ส่วนเขารอดมาได้แต่ทำให้ขาขาดและเป็นอัมพาตครึ่งซีก

    เธอจึงตัดสินใจละทิ้งอดีตจากเขตนี้ ไปแสวงโชคที่เขต 17 ราวกับเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่นั่นเธอปกปิดความเศร้าของตนด้วยนิสัยที่ดูจูนิเบียวจากอนิเมะเหล่านั้น ได้พบกับเพื่อนใหม่มากมาย และได้พบกับคนที่เธอสนใจและสนิทเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน...

    ความสามารถพิเศษ : กินจุ , ฉลาดวางแผน , หน้าด้านหน้าทน(?) , โม้(?) 

    เรื่องฝังใจ : เธอโกรธตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเพื่อนของเธอไว้ได้ ทั้งๆ ที่หากเธอใช้เวทวงกว้างในตอนที่เห็นดวงตาสีแดง อาจจะรอดกันหมด

    เธอเกลียดตัวเองที่มัวแต่เอาเวลาไปจมปลักกับความทุกข์ จนทำให้เธอนั้นไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ และน้องชายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากกันอย่างไม่มีวันกลับ แม้พวกท่านจะเข้มงวด แต่พวกท่านก็รักเธอ ส่วนน้องชายแม้จะกวนบ้าง แต่เขาก็เคารพรักเธอเช่นกัน

    และที่สำคัญ คือพวกประเภทนักฆ่าทั้งหลายแหล่ เธอจะไม่ค่อยชอบพวกนี้เท่าไหร่นัก เหมือนกับมันไม่ถูกชะตา

     

    บุคคลที่เกี่ยวข้อง : อเล็กเซีย ฮามิลตัน || Alexia Hamilton - เอจิสที่เธอเจอ ณ เขต 17 เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอ และคนที่เธอสนใจ (เดี๋ยวจะรีบปั่นมาส่งนะครับ)

    4.ข้อมูลการจับคู่ 

    รสนิยมทางเพศ : หญิง

    สเป็คของคนที่ชอบ : คนที่ดูนิ่งๆ ใจเย็น แต่ที่จริงแล้วก็อ่อนโยนอยู่ลึกๆ ในอตนนี้กำลังสนใจอเล็กเซียอยู่

     

    ข้อมูลอื่นๆ : - ตอนแรกกะจะให้เป็นแนวๆ นางร้ายเกมจีบหนุ่มนะครับเนี่ย ไหงกลายพันธุ์เปเมกุมินผสมอาร์ครอยัลได้ก็ไม่รู้

    • ก็ถ้าเธอจะกลับไปเป็นจูนิเบียวเหมือนเดิมหลังจากเป็นโหมดปกติแล้ว ก็แค่ดูอนิเมะจูนสมองซักสองสามเรื่องก็เหมือนเดิมแล้ว

    • ถึงจะโม่ยโลลิ แต่ก็ไม่ได้ต้องการจะครอบครองแต่อย่างใด แค่ได้โม่ยก็มีความสุขแล้ว

     


    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×