ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รีไรท์ [Marvel: cap×oc] power of mind (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #5 : พลังแห่งจิตใจ (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.38K
      104
      1 พ.ค. 66

    อลิสได้แยกกับอีวานไปยังด้านใต้ยานที่มียักษ์เขียวกับเจ้าหน้าที่โรมานอฟอยู่ด้านล่าง เธอมาถึงก็เจอเข้ากับยักษ์เขียวที่กำลังไล่ล่าเจ้าหน้าที่โรมานอฟอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่

    “มาทางนี้!” อลิสส่งเสียงเรียกเจ้าหน้าที่โรมานอฟให้วิ่งมาทางตน

    “โฮกกกกกก” เสียงของฮัลค์คำรามดังลั่น

    อลิสได้ทำการปล่อยพลังโอบล้อมฮัลค์เอาไว้ พลังของเธอคือการสร้างม่านหมอกมายาหรือเรีบกง่ายๆว่าภาพมายานั่นเอง หมอกสีฟ้าค่อยๆโอบล้อมร่างกายของฮัลค์เอาไว้ ฮัลค์ที่อยู่ในม่านหมอกเริ่มตื่นตัวเพราะรอบข้างตอนนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากหมอก

    อลิสที่เห็นว่าฮัลค์ติดอยู่ในม่านหมอกแล้วก็ใส่พลังเข้าไปอีก สร้างภาพของทุ่งหญ้าอันกว้าง มีแสงอาทิตย์สีทอง มีนกกำลังบินหยอกล้อเล่นกัน สัตว์น้อยใหญ่วิ่งไล่จับกัน มันเป็นภาพที่ชวนให้รู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด ฮัลค์หลับตาลงซึมซับบรรยากาศก่อนจะหลับไป

    เมื่อม่านหมอกสลายหายไปก็ปรากฏร่างของด็อกเตอร์แบนเนอร์ที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ที่พื้น ธอร์ที่เพิ่งมาถึงหันมามองทั้งสองคนที่ยืนอยู่

    “เหมือนข้าจะมาช้าไปสินะ” ธอร์มองสำรวจรอบๆข้าง อลิสเก็บพลังของตัวเองแล้วหันไปพูดกับธอร์และเจ้าหน้าที่โรมานอฟ

    “ท่านโอดินสันท่านควรไปดูอนุชาของท่าน ดูเหมือนอนุชาของท่านจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ส่วนคุณโรมานอฟคุณควรขึ้นไปด้านบน ตอนนี้ด้านบนต้องการกำลังเสริมโดยด่วน” เจ้าหน้าที่โรมานอฟพยักหน้าเข้าใจ

    “ข้าจะไปดูน้องของข้า เจ้าไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับข้าก็ได้และได้โปรดเรียกข้าว่าธอร์” อลิสพยักหน้ารู้ ธอร์ก็เดินจากไปทันที

    “แล้วคุณจะไปด้วยกันมั้ย” เจ้าหน้าที่โรมานอฟถามคนตรงหน้า

    “คุณขึ้นไปก่อนเถอะค่ะ ฉันขอจัดการคนคนนี้ก่อน” อลิสหมายถึงด็อกเตอร์แบบเนอร์ที่นอนอยู่ไม่ไกล

    “งั้นพาขึ้นไปข้างบน ส่วนที่เป็นห้องพักไม่น่าจะได้รับความเสียหาย” อลิสและเจ้าหน้าที่โรมานอฟช่วยกันแบกร่างของด็อกเตอร์ขึ้นไปด้านบน

    .

    .

    ทางด้านอีวาน

    อีวานเดินออกจากห้องที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้ ระหว่างทางก็มีศัตรูเข้ามาบ้างแต่ก็ไม่คณามือเขาสักเท่าไหร่ เขาเดินมาบริเวณที่เครื่องยนต์ที่ 3 ที่ได้รับความเสียหาย เห็นกัปตันอเมริกากำลังสู้กับศัตรูอยู่ มีศัตรูพุ่งเข้ามาทางด้านหลังของกัปตัน ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่ามีศัตรูพุ่งเข้ามา อีวานจึงพุ่งเข้าไปประชิดตัวแล้วจัดการจับทุ่มลงกับพื้นอย่างแรงจนสลบคาที่

    “คุณ? มาที่นี่ได้ไง” สตีฟหันมามองคนที่ช่วยเขาเอาไว้

    “ก็แค่มาดูให้เห็นกับตาพลังเหนือมนุษย์ที่เกิดจากการทดลอง” อีวานตอบคนตรงหน้าพร้อมกับโบกพัดในมือไปด้วย สตีฟมองคนตรงหน้าแล้วรู้สึกคิ้วกระตุก

    ครืนนนนนนน

    อยู่ๆยานก็เสียสมดุลโคลงเคลงไปมา สตีฟและอีวานเสียการทรงตัวไปสักพักก่อนจะยืนทรงตัวได้เหมือนเดิม

    “ฝีมือของบาร์ตัน” สตีฟได้ยินมาจากหูฟังที่ตัวเองใส่อยู่ “เขาเป็นพวกเดียวกับเราแต่เขาโดนคฑาของโลกิควบคุมอยู่ คุณพอจะช่วยได้มั้ย”

    “ถ้างั้นต้องรีบช่วยเขาอย่าให้มณีควบคุมเขานานกว่านี้” คนที่โดนพลังของมณีควบคุมเท่ากับกำลังโดนมณีกลืนกินจิตใจไปเรื่อยๆมันเสี่ยงที่เขาจะสูญเสียจิตใจไป

    “เจ้าหน้าที่โรมานอฟกำลังไปจัดการ” สตีฟหันออกไปมองข้างนอกก่อนจะหันมาทางอีวาน “ยานกำลังจะตก คุณทำอะไรได้บ้างมั้ย” 

    “กัปตันดึงคันโยก เร็ว” เสียงของโทนี่ดังออกมาจากหูฟัง

    “ได้ ขอเวลาแปปนึง” สตีมหันไปยังตู้อะไรสักอย่างเปิดออกมาก็เจอคันโยกเขาดึงคันโยกทันที ไม่นานไอรอนแมนก็พุ่งเข้ามาด้านในนอนอยู่บนพื้นไม่ขยับเลย

    “ให้ช่วยมั้ย” อีวานเดินเข้าไปดูคนที่นอนอยู่ใกล้ตัวเขา

    “ขอพักแปปนึง” เสียงของโทนี่ดังออกมาจากเกราะเหล็กตรงหน้า

    “งั้นก็นั่งพักทั้งคู่” อีวานมองไปทางด้านหลัง เห็นว่ามีกลุ่มคนวิ่งมาทางนี้ท่าทางบ่งบอกว่าไม่เป็นมิตรแน่นอน “พักให้เต็มที่เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”

    อีวานเดินออกมาจากตรงนั้นเล็กน้อย เขาเห็นกลุ่มคนที่เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดิน ยกปืนขึ้นขู่เขาเอาไว้ อีวานยิ้มอ่อนส่งกลับไปโดนไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น

    “จะดีหรอที่หันปืนมาทางนี้” อีวานส่งยิ้มหวาน

    ดวงตาค่อยๆกลายเป็นสีเหลืองเหมือนตอนที่อยู่ในห้องก่อนหน้านี้ ละอองสีเหลืองค่อยๆลอยเข้าไปในตัวของศัตรูที่ล้อมรอบเขาเอาไว้

    “เป็นเด็กดีแล้วไปจัดการพวกที่บุกเข้ามาซะ” สิ้นคำพูดของอีวานกลุ่มคนเหล่านี้ก็รีบออกตัวกระจายกันออกไป

    “ขี้โกง!!!” โทนี่ที่เห็นเหตุการณ์เมื่อกี้ตะโกนออกมาเสียงดัง

    “ช่วยไม่ได้” อีวานหันหน้าไปตอบทั้งๆที่ดวงตายังคงเรืองแสงอยู่

    “แล้วจะเอาไงต่อ” สตีฟที่เงียบถามทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า

    “โคลสันโดนแล้ว” ทั้งสตีฟและโทนี่นิ่งไปส่วนอีวานที่ไม่ได้ยินได้แต่มองสงสัย

    “จะส่งหน่วยพยาบาลไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” เสียงของเจ้าหน้าที่คนนึงตอบกลับ

    “มาแล้ว” ฟิวรี่ “แต่ไม่ทัน”

    “เกิดอะไรขึ้น” อีวานเห็นสีหน้าของทั้ง 2 คนที่นิ่งสนิท

    “เจ้าหน้าที่ฟิล โคลสันเสียชีวิตแล้ว” สตีฟเป็นคนตอบคำถามเขา

    คนๆนี้เขาเห็นแค่แปปเดียวแต่เขามองดูแล้วคนๆนี้เป็นคนดีคนนึงเลยก็ว่าได้ เขาไม่คิดเลยว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ น่าสงสารแต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถชุบชีวิตคนตายขึ้นมาได้เหมือนกับโซอี้

    หลังจากทุกอย่างสงบลง สตีฟ โทนี่ และฟิวรี่อยู่ในห้องประชุมกัน ส่วนคนที่เหลือก็แยกย้ายกันอยู่ ด็อกเตอร์แบนเนอร์ยังคงสลบอยู่ภายในห้องพัก ส่วนเจ้าหน้าที่โรมานอฟอยู่ในห้องของบาร์ตัน อีวานและอลิสก็อยู่ในห้องนี้ด้วย

    บาร์ตันที่ฟื้นแล้วยังคงมึนๆงงๆอยู่ เขารู้สึกว่าห้องทั้งห้องมันหมุนๆไปมา แถมยังเป็นสีน้ำเงินแดงสลับกันไป ปวดหัวจนแถบจะระเบิด

    “คลินท์คุณจะต้องหาย” เจ้าหน้าที่โรมานอฟที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงพูดกับเพื่อนร่วมทีม

    “เธอรู้หรอ แน่ใจงั้นหรอ ไม่ได้ มันรอไม่ได้ ต้องขับมันออกไป” คลินท์ บาร์ตันที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มพูดไปเรื่อย “ฉันกลับมาได้ยังไง”

    “เอาจริงๆคุณยังกลับมาไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ จิตใจคุณตอนนี้ยังคงมีพลังของมณีควบคุมอยู่” อีวานเดินเข้าไปใกล้เตียงของบาร์ตันที่นอนอยู่

    “เราช่วยเขาได้มั้ย” เจ้าหน้าที่โรมานอฟถาม

    “ได้ คุณบาร์ตันมองตาผมสิ” อีวานเชยคางของอีกคนขึ้นเพื่อสบตา บาร์ตันเงยหน้ามองตาของอีวานอย่างล่องลอยเขาจัดการดึงพลังของมณีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใจของบาร์ตันออกมา ผ่านไปสักพักบาร์ตันรู้สึกเบาตัว หัวที่เคยปวดเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ใจที่หนักอึ้งก็เริ่มเบา “ยินดีด้วยคุณหลุดจากพลังของมณีแล้ว”

    “ขอบคุณ” เจ้าหน้าที่โรมานอฟรีบเข้ามาแก้มัดให้กับบาร์ตัน

    “ด้วยความยินดี ถ้างั้นผมขอตัวก่อน” อีวานกับอลิสเดินออกมาจากห้อง “มณีล่ะ”

    “ขออภัยนายท่าน โลกิได้มันไปแล้ว” อลิสรู้ดีว่าการที่ปล่อยให้มณีหลุดมือไปหมายความว่าเธอทำงานพลาด

    “แสดงว่าตอนนี้มณีจิตใจและมณีอวกาศอยู่ที่โลกิ” อีวานโบกพัดอย่างครุ่นคิด “ก็ดีจะได้เก็บทีเดียว”

    “นายท่านอีวาน” อลิสไม่เข้าใจ ตัวเธอทำงานผิดพลาดทำไมนายท่านถึงไม่ลงโทษเธอ

    “อย่าได้มีครั้งต่อไป ทำได้มั้ย?” อีวานไม่ได้ใจดี แต่เขาก็ไม่ได้ใจร้ายสักหน่อย

    “ทำได้ค่ะ” อลิสตั้งใจแน่วแน่เธอจะต้องไม่ผิดพลาดเป็นครั้งที่ 2

    “นี่ล่ะ สิ่งที่อยากได้ยิน”

    .

    .

    .

    ทางด้านโทนี่และสตีฟ

    “เสียใจด้วย ท่าทางเขาเป็นคนดี” สตีฟเสียใจเขาไม่ได้คุยกับโคลสันมากเท่ากับคนตรงหน้า

    “โง่สิไม่ว่า” โทนี่ตอบกลับ

    “ยังไง” สตีฟกอดอกพิงผนัง

    “ที่ตัวๆกับโลกิ เขาน่าจะรอ” โทนี่เดินผ่านสตีฟไป

    “เพิ่งเคยเสียทหารในหน่วยไปหรอ” โทนี่ที่ได้ยินคำพูดของสตีฟก็หยุดเดินแล้วหันมาโต้กลับ

    “พวกเราทุกคนไม่ใช่ทหาร ฉันไม่เดินตามเสียงนกหวีดของฟิวรี่หรอก” โทนี่

    “ผมเองก็ไม่ ฟิวรี่ก็มือเปลื้อนเลือดไม่ต่างจากโลกิ แต่ตอนนี้เราต้องทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ลุยต่อให้จบโลกิยังคงขาดแหล่งพลังงาน-” สตีฟ

    “ความแค้นส่วนตัว” โทนี่

    “นั่นไม่ใช่ประเด็น” สตีฟ

    “นั่นแหละประเด็น” โทนี่ยังคงพูดต่อ “มันไล่จี้ใจดำของเราทุกคนทำไม?”

    “ยุให้แตกกัน” สตีฟ

    “มันต้องจัดการเราก่อน โลกิชอบเยอะไว้ก่อน ต้องมีดอกไม้ ต้องมีขบวนแห่ ต้องมีอนุสาวรีย์สูงเสียดฟ้า ป้ายชื่อใหญ่ๆ-” โทนี่หยุดพูดไป

    สตาร์ค ทาวเวอร์ที่คุณพูดมาทั้งหมดมีอยู่แค่ตึกเดียวเท่านั้น ตึกของคุณไงล่ะคุณสตาร์ค” อีวานที่ยืนฟังคนทั้งคู่พูดมาตั้งแต่แรกเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยอีกคน

    “ตายโหงแล้ว” โทนี่รีบเดินออกไปทันที

    “ใช่ ตายโหงแล้ว” อีวานมองตามหลังโทนี่จนลับสายตา

    “คุณฟังตั้งแต่ตอนไหน” สตีฟถามคนตรงหน้าที่ยืนโบกพัดในมือเอื่อยๆ

    “คุณคิดว่าไง” อีวานมองหน้าคนตรงหน้า

    “การแอบฟังมันไม่ดี” สตีฟกอดอกมองคนตรงหน้า

    “แต่ตอนนี้คุณก็รู้แล้วหนิว่าผมฟังอยู่ เพราะงั้นถือว่าไม่ใช่การแอบฟังแล้วกัน” อีวานสะบัดพัดเก็บแล้วเดินตามโทนี่ออกไป

    “มันได้ที่ไหนล่ะ” สตีฟส่ายหัวให้กับคำพูดของคนที่เพิ่งเดินออกไป

    .

    .

    .

    ห้องของบาร์ตัน

    “ไปกันได้แล้ว” สตีฟเดิมมาตามเจ้าหน้าที่โรมานอฟกับบาร์ตันที่ห้อง “ไว้บอกระหว่างทาง ขับควีนเจ็ทของชีลด์ได้มั้ย?”

    “ผมขับได้” บาร์ตันที่ออกมาจากห้องน้ำตอบแทน

    “มีชุดตัวเก่งมั้ย” สตีฟถาม

    “มี” บาร์ตัน

    “งั้นไปใส่มา” สตีฟพูดจบก็เดินไปรอที่ยาน

    ภายในยานทุกคนต่างจับจองที่นั่งกันเรียบร้อย บาร์ตันรับหน้าที่ขับยานมีเจ้าหน้าที่โรมานอฟนั่งอยู่ด้านข้าง ส่วนสตีฟนั่งอยู่ทางด้านหลังของยานฝั่งตรงข้ามมีอีวานและอลิสนั่งอยู่ด้วย

    ตอนนี้ยานได้เข้ามาในเขตุนิวยอร์กเรียบร้อยแล้ว กองทัพชิทอรี่ได้ออกอาละวาดไปในพื้นที่ต่างๆ ด้านบนของตึกสตาร์ค ทาวเวอร์ได้มีลำแสงสีฟ้าพุ่งขึ้นไปบนฟ้าเป็นผลมาจากเทสเซอแรคต์หรือมณีอวกาศ ผลของมณีทำให้เกิดประตูมิติทำให้พวกชิทอรี่เข้ามายังโลกมนุษย์ได้

    “คุณบาร์ตัน คุณช่วยหาที่เหมาะๆให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ” อีวานกับอลิสลุกขึ้นยืนเดินไปท้ายยาน

    “เรียกผมว่าบาร์ตันเฉยๆก็ได้ แล้วคุณจะทำอะไร” บาร์ตันขับยานหลบมาทางที่ไม่มียานของพวกชิทอรี่

    “คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดใช่มั้ย” สตีฟมองคนทั้งคู่ตรงหน้า อีวานยิ้มให้ก่อนจะกดเปิดประตูท้ายยาน

    “เจอกันข้างล่างนะครับ ไปกันอลิส” อีวานหันไปพูดกับสตีฟอีกครั้งก่อนจะกระโดดลลงมาจากยานควีนเจ็ทในท่าซุปเปอร์แลนดิ้ง

    “พวกเขาไม่เป็นอะไรใช่มั้ย!!” สตีฟถามเจ้าหน้าที่โรมานอฟที่มองจอมอนิเตอร์ที่กำลังแสดงภาพของคน 2 คนที่เพิ่งจะกระโดดลงไป

    “ไม่ แถมยังจัดการพวกชิทอรี่ที่อยู่บนพื้นจนหมดอีกด้วย” ทั้งสามคนมองไปที่หน้าจอ เห็นอีวานที่กำลังบังคับชิทอรี่รอบๆข้างให้สู้กับพวกมันเอง ส่วนอีกคนก็ปล่อยหมอกสีฟ้าออกไปรอบๆ

    สังเกตุได้ว่าพวกชิทอรี่ที่โดนหมอกพวกนี้ไปเริ่มที่จะโจมตีใส่พวกมันเอง เพราะอลิสได้สร้างภาพหลอนขึ้นมาทำให้พวกมันเห็นเพื่อนตัวเองเป็นศัตรู ทั้งสามคนคิดในใจขี้โกงชะมัดเลย พวกเขาจะไม่ทำให้คนทั้งคู่โมโหหรือโกรธเด็ดขาด!!

    อีวานและอลิสเดินหน้าจัดการพวกชิทอรี่ เดินในที่นี้หมายถึงเดินจริงๆเพราะรอบข้างของทั้งสองคนนั้นเต็มไปด้วยพวกชิทอรี่ที่ถูกอีวานควบคุมและถูกภาพหลอนของอลิสจัดการทำให้คนทั้งคู่แทบไม่ต้องออกแรงอะไรให้มากมายเลย นอกจากจะโจมตีพวกชิทอรี่แล้วพวกเขายังช่วยประชาชนที่ยังติดอยู่ในพื้นที่อีกด้วย

    “นายท่านอีวาน บนตึกของสตาร์คตอนนี้มีมณีด้วยกัน 2 เม็ดค่ะ” อีวานหันหน้ามองตามมือของอลิส

    “ปล่อยไปก่อนจำกัดพวกชิทอรี่และช่วยเหลือมนุษย์ให้มากที่สุด ส่วนเรื่องมณีจบงานนี้ข้าจะเอามันมา” อีวานจัดการบังคับพวกชิทอรี่จัดการพวกที่อยู่ตรงหน้า

    “ค่ะ นายท่านอีวานท่านจะให้ข้าเอาจริงเลยมั้ยคะ” อลิสและอีวานมองไปยังประตูมิติที่เริ่มมีตัวแปลกๆออกมาเพิ่ม ตัวที่เพิ่มมาใหม่มีลักษณะเป็นปลาที่มีกระดองแข็งๆเป็นเกราะป้องกัน ดูเหมือนเป็นยานที่มีชีวิตถ้าเขาควบคุมมันจะเป็นยังไงกันนะ

    “ไม่ เอาแบบพอดี ถ้าเราจัดการพวกมันจนหมด อเวนเจอร์จะไม่เก่งขึ้นพวกเขาจะต้องได้เรียนรู้ในศึกครั้งนี้” อีวาน

    “ตามที่นายท่านต้องการ นายท่านสนใจเจ้ายานมีชีวิตนั่นหรอคะ” อลิสที่สังเกตุว่าอีวานยืนมองบางอย่างมาได้สักพักก็หันไปมองตาม สรุปแล้วนายท่านของเธอกำลังมองยานมีชีวิตของพวกชิทอรี่อยู่

    “ข้ากำลังคิดอยู่ว่าถ้าข้าบังคับพวกมัน ข้าจะทำอะไรกับมันดี” อีวานยังไม่ทันได้ทำอะไรโทนี่ในชุดเกราะเหล็กสีแดงก็ลงจอดตรงหน้าซะก่อน

    “สนใจไปรวมกลุ่มด้วยกันมั้ย” โทนี่

    “เอาสิ นำทางได้เลย” โทนี่บินนำทางอีวานและอลิสมาตรงจุดที่อเวนเจอร์กำลังรวมตัวกันอยู่ “สภาพดูดีนะคุณโรเจอร์ส”

    “5555555555” โทนี่ระเบิดหัวเราะใส่สตีฟยกใหญ่

    “คุณต่างหากที่ดูดี” สตีฟไม่ได้ประชดแต่มันเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ คนตรงหน้าไม่แม้จะมีรอยขีดข่วน ตอนอยู่ที่ยานเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างงั้น

    “ขอบคุณที่ชม แต่จะดีกว่านี้ถ้าเราไม่อยู่ใในสถาณะการณ์แบบนี้ เอาล่ะเรามาเข้าประเด็นกันดีกว่า” อีวานมองเหล่าอเวนเจอร์ที่ตอนนี้อยู่กันไม่ครบ เดี๋ยวนะ?

    “คุณสตาร์คหายไปไหนแล้วคะ” อลิสที่สังเกตุเห็นเช่นเดียวกับอีวานถามทุกคนที่อยู่บริเวณนี้

    “สตาร์คคุณอยู่ไหน” เจ้าหน้าที่โรมานอฟจับไปที่หูฟังที่ใช้ติดต่อกันในทีม

    “โดนพี่เบิ้มไล่อยู่ สงสัยชุดฉันมันไปเตะตาพวกมันเข้า” โทนี่ตอบกลับมา

    “หาทางสลัดมันให้หลุดสตาร์ค” สตีฟ “เอาล่ะเราคุยกันแค่นี้ก่อนก็ได้ โลกิพุ่งเป้ามาที่พวกเราถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ขาดโลกิไปพวกนี้จะแตกแถว สตาร์คอยู่ข้างบนแต่เขาต้อง-”

    บรื้นนนๆๆ

    เสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาทางด้านหลัง ทุกคนหันไปมองก็เจอเข้ากับด็อกเตอร์แบนเนอร์ที่เป็นคนขับเข้ามา

    “โอ้ สถานการณ์ดูเลวร้าย” ด็อกเตอร์แบนเนอร์

    “ตอนนั้นเลวร้ายมากกว่านี้” เจ้าหน้าที่โรมานอฟคงหมายถึงเหตุการณ์ที่พวกเขานั้นโดนมณีจิตใจเล่นงาน

    “คุณมาที่นี่ได้ยังไง ฉันจำได้ว่าตอนที่พวกเรามาคุณสลบอยู่บนยาน แถมชุดคุณในตอนนี้มัน…” อลิสมองด็อกเตอร์แบนเนอร์ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่น กางเกงมีรอยขาด ส่วนเสื้อก็นั่นแหละ

    “พอดีว่าผมตื่นมาได้สักพัก อยู่ๆไอ้คนในตัวผมก็ดันตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่ามันเป็นบ้าอะไรถึงได้ดิ่งลงมาที่พื้นโลก แล้วผมก็อยู่ในสภาพนี้” อลิสพอจะนึกเหตุผลออก เจ้ายักษ์ตัวเขียวคงโมโหเธอหรือไม่ก็อยากให้เธอสร้างภาพมายานั้นขึ้นมาอีกแต่คิดไปคิดมาน่าจเป็นอย่างแรก

    “แบนเนอร์มาแล้วใช่มั้ย งั้นดีเลยบอกเขาให้แต่งตัวเลยทางนี้กำลังพาความมันไปให้” โทนี่หักเลี้ยวไปทางขวามุ่งหน้าไปที่ที่กลุ่มของเขากำลังยืนอยู่พร้อมกับเจ้ายานชิทอรี่ขนาดใหญ่ตามมาด้านหลัง

    “ฉันนึกไม่ออกว่าจะมากันอีท่าไหน” เจ้าหน้าที่โรมานอฟ

    “ด็อกเตอร์แบนเนอร์ ถึงฤกษ์งามยามดีอย่างยิ่ง ที่คุณจะโกรธ” สตีฟ

    “โกรธ?” อีวานสงสัยที่มนุษย์ที่เขากำลังสนใจอยู่พูดนั้นหมายความว่ายังไง?

    “นี่ล่ะความลับผมล่ะ ผมโกรธเมื่อไหร่ก็ได้” ด็อกเตอร์แบนเนอร์ค่อยๆเปลี่ยนไป ร่างกายเริ่มใหญ่ขึ้น สีผิวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาหันไปชกเจ้ายานมีชีวิตของชิทอรี่จนหัวมันติดกับพื้นอย่างแรง แต่ดูเหมือนการชกครั้งนี้จะทำให้ส่วนหางของมันล้มมาทางที่พวกเขายืนอยู่

    “จับไว้” โทนี่ยิงมิสไซล์ขนาดเล็กระเบิดส่วนหางของเจ้ายานแต่ก็ยังคงสร้างแรงกระแทกมาทางพวกเขาอยู่ดี

    “สร้างบาเรีย!” อีวานสั่งอลิสให้สร้างบาเรียทันที อลิสกางบาเรียให้กับเจ้าหน้าที่โรมานอฟ บาร์ตันและตัวเอง ส่วนอีวานนั้นดึงตัวสตีฟมาทางด้านหลังของตัวเองแล้วสร้างบาเรียครอบเขาทั้งคู่เอาไว้ ส่วนธอร์ดูเหมือนเขาจะเอาตัวรอดได้

    “โฮกกกกกกกกก” เสียงคำรามของพวกชิทอรี่ที่เห็นว่ายานของพวกมันโดนทำลายโดยมนุษย์ตรงหน้า ในตอนนี้พวกเขายืนล้อมวงเตรียมตั้งรับการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

    “เอาเลยกัปตัน” โทนี่และคนอื่นๆมองไปยังบนฟ้า มีพวกชิทอรี่เข้ามาเรื่อยๆไม่หยุดพัก แถมยังมีตัวแบบที่พวกเขาเพิ่งจะจัดการไปเมื่อกี้ด้วย

    “ถ้ายังปิดประตูไม่ได้เราต้องจำกัดบริเวณ บาร์ตันขึ้นไปบนยอดตึกคอยรายงานกำลังของมันว่าตรงไหนกองรบตรงไหนกองโจร สตาร์คคุณคุมพื้นพี่ตัวไหนออกนอกเขต 3 ช่วงตึกไล่ไม่กลับมาก็ฆ่าเลย” สตีฟ

    “ไปส่งหน่อยได้มั้ย” บาร์ตัน

    “ได้ เกาะให้แน่นล่ะ” โทนี่เดินไปหาบาร์ตันแล้วพากันบินออกไป

    “ธอร์หาทางลดพื้นที่ปากประตู ชะลอการผ่านคุณมีสายฟ้าจัดต้อนรับมันเลย” ธอร์หมุนค้อนของเขาแล้วบินขึ้นฟ้าไปอีกคน “ฮัลค์ อัดให้แหลก”

    “โฮกกกกก” ฮัลค์กระโดดขึ้นตึกไปจัดการพวกที่อยู่บนตึกอย่างรุนแรง อ่าาดูเหมือนนอกจากพวกชิทอรี่จะทำตึกพังแล้วต้องนับเจ้ายักษ์เขียวนี่ไปด้วยแล้วล่ะ

    “ส่วนคุณอยู่กับผมต่อสู้แนวราบ” สตีฟชี้ไปที่เจ้าหน้าที่โรมานอฟ “ส่วนพวกคุณ พวกคุณมีความสามารถอะไรบ้าง”

    “ฉันคือการสร้างภาพมายาค่ะ” อลิสแสดงให้เห็นโดยการปล่อยควันสีฟ้าไปทางกลุ่มชิทอรี่ที่กำลังวิ่งมาทางพวกเขา ชิทอรี่ที่โดนควันสีฟ้าเข้าไปก็กรีดร้องทรมานแล้วเริ่มฆ่ากันเอง “ฉันสามารถสร้างภาพมายาให้พวกมันฆ่ากันเองได้ค่ะ”

    “ส่วนผมพลังแห่งจิตใจ อะไรที่มีจิตใจผมล้วนควบคุมมันได้หมด” ดวงตาของอีวานเรืองแสงสีเหลือง ละอองสีสีเหลืองกระจายตัวแทรกซึมเข้าไปในตัวพวกชิทอรี่ที่อยู่รอบๆ ดวงตาของพวกมันเป็นสีเหลืองแบบอีวาน อีวานบังคับพวกมันเดินเข้ามายืนล้อมพวกเขาเอาไว้ “อย่างที่เห็นผมสามารถควบคุมจิตใจของพวกมันได้”

    “กัปตันข้างล่างเกิดอะไรขึ้นทำไมมีพวกมันยืนล้อมพวกคุณเอาไว้แต่ไม่ทำอะไรพวกคุณเลย ”  โทนี่

    “พวกมันดูแปลกๆ” บาร์ตัน

    “เป็นเพราะพลังของอีวาน เขาควบคุมพวกมัน” สตีฟตอบกลับ

    “เหมือนตอนนั้นน่ะหรอ!! ขี้โกงชะมัดเลย” โทนี่

    “ใช่” สตีฟ “คุณควบคุมพวกมันได้มากขนาดไหน”

    แหม๋ ถ้าตอบว่าทั้งโลกเขาจะคิดว่าเขาล้อเล่นมั้ยนะ “สูงสุดคือ 300 ตัว”

    “นั่นมากเกินไปรึเปล่า เอาเถอะพวกคุณทั้งสองคนอยู่กับพวกเรา คอยกำจัดพวกที่อยู่ด้านล่าง คุณอลิสคุณคอยสร้างภาพให้พวกมันออกห่างจากตัวตึกให้พวกมันสู้กันที่อื่น คุณอีวาน-” สตีฟ

    “อีวาน เรียกผมว่าอีวานเฉยๆก็พอ” อลิสมองนายท่านของเธอ

    “โอเคอีวาน คุณคุมพวกมันให้พวกมันสู้กันเอง แล้วแบ่งพวกมันให้เปิดทางให้กับประชาชนที่ติดอยู่ภายในตึก คุณทำได้มั้ย” อีวานไม่ตอบแต่เลือกที่จะแสดงให้ดู ดวงตาของอีวานเรืองแสงอีกครั้งพวกชิทอรี่ที่อยู่ภายใต้อำนาจของอีวานก็แยกย้ายกันทำตามคำสั่งทันที ส่วนหนึ่งจัดการชิทอรี่ที่เข้ามาเพิ่ม อีกส่วนก็แยกย้ายกันเปิดทางให้กับประชาชน

    “ไม่ต้องห่วงเมื่อพวกมันตาย จะมีตัวใหม่มาแทนพวกมัน” เป็นจริงอย่างที่อีวานพูดเมื่อชิทอรี่ที่ไม่ถูกควบคุมฆ่าตัวที่ถูกควบคุมแล้วนั้นละอองสีเหลืองก็พุ่งเข้าควบคุมตัวมันต่อทันทีโดยที่อีวานไม่ต้องออกคำสั่ง

    “คุณคงไม่มีความคิดที่จะทำลายโลกนี้ใช่มั้ย” สตีฟถามแบบจริงจัง

    “ถ้าผมมีความคิดแบบนั้นจริง ผมคงควบคุมพวกมันแล้วเล่นงานพวกคุณไปแล้ว” อีวานสบัดพัดเป็นวงกว้างทำให้ละอองสีเหลืองนั้นกระจายตัวออกไปพวกชิทอรี่ที่อยู่ใกล้ต่างโดนควบคุมทั้งหมด “ไปทำหน้าที่ของพวกเจ้าซะ!” 

    “กัปตัน ดูเหมือนพวกเราจะว่างานซะแล้วสิ” เจ้าหน้าที่โรมานอฟมองไปยังรอบๆไม่มีพวกชิทอรี่ให้พวกเขาจัดการแล้วเพราะพวกที่ต้องการจะฆ่าพวกเขาต่างถูกฆ่าโดยพวกมันเองไม่ก็กลายเป็นหุ่นเชิดให้กับอีวาน

    “งั้นเรามาหาทางปิดประตูนั่นกันดีกว่ามั้ย” อีวานชี้ไปยังประตูมิติที่เปิดอยู่บนฟ้า

    “ปืนอะไรก็ถล่มมันไม่ได้ ถ้าจะขึ้นไปต้องหาคนไปส่ง” สตีฟ

    “มีออกเยอะแยะ แต่ต้องมีป๋าดัน” สตีฟถอยหลังตั้งท่าเตรียมส่ง ส่วนเจ้าหน้าที่โรมานอฟก็ตั้งท่าเตรียม

    “จะเอางี้แน่หรอ” สตีฟ

    “แน่ น่าสนุกดีออก” เจ้าหน้าที่โรมานอฟวิ่งกระโดดใส่รถข้างๆเป็นแรงส่งขึ้นไปเหยียบโล่ของสตีฟ ส่วนสตีฟก็ออกแรงดันส่ง ทำให้เจ้าหน้าที่โรมานอฟขึ้นไปยังยานลำเล็กขอพวกชิทอรี่ได้สำเร็จ

    “เหมือนคุณและเธอจะลืมนะ ว่าผมสามารถให้พวกชิทอรี่ไปส่งเธอได้” อีวานใช้พัดชี้ไปทางพวกชิทอรี่ที่ขี่ยานลำเล็กอยู่ด้านหลังของเขาดวงตาของอีวานเรืองแสงอีกครั้ง “ตามไปอารักขาเธอ”

    “……..” สตีฟมองฝูงชิทอรี่ที่ถูกอีวานควบคุมขับยานลำเล็กตามไปคุ้มกันเจ้าหน้าที่โรมานอฟอย่างอึ้งๆ “คราวหลังคุณพูดแทรกมาเลย”

    “มันจะเสียมารยามเอานะ” 

    .ฉบับรีไรท์.

    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×