คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ไอริชวิสกี้
เช้าวันต่อมา
รินยังคงมาถึงก่อนเวลานัดเหมือนเดิม วันนี้รินเลือกที่จะแต่งตัวเหมือนเดิมแต่แค่เปลี่ยนสีชุดเป็นสีดำและยังคงแต่งหน้าทำผมเหมือนเดิม รองเท้าปรับเปลี่ยนเป็นส้นสูงแบบที่เธอเคยใส่ รอบนี้เธอหวังว่าจะได้เจอยินสักครั้ง แม้มันไม่มีทางที่จะเป็นไปไม่ได้ที่คนเข้ามาใหม่อย่างเธอจะได้เจอสมาชิกระดับสูงอย่างยิน
ในวันนี้เบอร์เบิ้นจะพาเธอไปแนะนำตัวกับสมาชิกในองค์กรและจะบอกว่าเธอจะได้ทำหน้าที่อะไรในองค์กรพร้อมกับพาไปเจอกับคู่หูที่จะต้องทำงานด้วยกัน ส่วนเรื่องโค้ชเนมเบอร์เบิ้นได้ให้เธอคิดเอาเอง
ตอนนี้รินเลือกที่จะนั่งรอในโกดังที่เบอร์เบิ้นเคยพาเธอมา และผ่านไปไม่นานเธอก็เห็นเบอร์เบิ้นเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง
“รอนานมั้ยครับคุณปีศาจจิ้งจอกแดง” เบอร์เบิ้นกล่าวทักทาย
“ไม่เลยค่ะ” รินลุกขึ้นทักทายทุกคนที่เดินเข้ามา “สวัสดีค่ะ”
ไม่มีเสียงตอบรับแต่ทุกคนพยักหน้ารับรู้ รินนั่งลงที่เดิมตามด้วยคนอื่นๆที่ยืนและนั่งประจำจุดของตัวเอง ทำให้พื้นที่ที่เคยว่างถูกจับจองไปหมดยกเว้นที่ว่างด้านหน้าที่เบอร์เบิ้นเคยนั่ง จะว่าไปสมาชิกที่อยู่ในนี้หน้าคุ้นๆกันทั้งนั้นเลยนะ คงต้องรอฟังชื่อ
“รออีกสักแปปนะครับ เราต้องรออีกคนก่อน” เบอร์เบิ้นที่ยืนอยู่ไม่ไกลพูดกับเธอ
“ค่ะ” รินตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“ชุดเป็นเอกลักษณ์ดีนี่” ผู้หญิงผมสั้นในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณค่ะ ถึงแม้มันจะดูขยับตัวลำบากแต่กับฉันที่ใส่มันมาตั้งแต่เด็กเข้าใจมันดีเลยล่ะค่ะ” รินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากคุณอยากลองใส่ฉันสามารถแนะนำคุณได้นะคะ”
“5555 อย่างเธอน่ะหรอจะใส่แบบนั้นได้ปัจจุบันนี้ใส่แบบคนปกติให้ได้ก่อนเถอะ” ผู้ชายใส่หมวกแก๊ปสวมแว่นตาดำที่ยืนอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซะ
“แกเงียบไปเลยนะกอร์น” ผู้หญิงข้างๆหันไปด่า
กอร์นงั้นหรอ นี่ไม่ใช่สมาชิกที่ทำงานร่วมกับยินหรือไงกัน แสดงว่าผู้หญิงคนนี้คือเคียนติสินะ เดี๋ยวสิ! ถ้าคนพวกนี้อยู่นี่แสดงว่าเราอาจจะมีสิทธิ์เจอยินอย่างนั้นหรอ
“ก็มันจริงถ้าเธอใส่คงแปลกน่าดู” กอร์น
“ระวังไว้ให้ดีกอร์นงานต่อไปหัวแกอาจจะเป็นรู” กอร์นยกมือขึ้นยอมแพ้
“พวกคุณดูสนิทกันนะคะ” รินมองดูทั้งคู่ที่เลิกทะเลาะกันเรียบร้อยแล้ว
“ทั้งสองคนเป็นคู่หูกันน่ะครับ” เบอร์เบิ้นเป็นคนให้คำตอบกับเธอ
“ดีจังเลยนะคะ มีคู่หูจะได้ไม่เหงา ฉันทำงานคนเดียวมาโดยตลอดเลยล่ะค่ะ” รินมุ่ยหน้าลงเล็กน้อย
“ทำคนเดียวมาโดยตลอดหรอครับ” เบอร์เบิ้นถามด้วยความสงสัย เพราะจากที่เช็คประวัติแล้วมีหลายงานเลยที่เป็นไปได้ยากที่จะทำคนเดียว
“ใช่ค่ะ ดิฉันทำคนเดียวมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการเลยล่ะค่ะ” ทุกคนต่างให้ความสนใจกับประโยคนี้
“หมาย- ”
ปรื้นนน~
เบอร์เบิ้นยังไม่ทันที่จะได้ถามเสียงรถก็ดังมาจากทางเข้าหน้าโกดังซะก่อน ตัวของรินเกร็งขึ้นมาทันที เธอจำได้ เธอจำเสียงรถคันนี้ได้แม้ว่าจะไม่ได้หันไปเธอก็สามารถบอกได้ทันทีว่ารถคันนี้คือ Porsche 356 A ซึ่งเป็นรถที่ยินชื่นชอบเป็นที่สุดอย่างแน่นอน!
ตึกก ตึกก ตึก
เสียงรองเท้าที่บดกับพื้นทำให้รินเริ่มที่จะสั่นเล็กน้อย เธอกำลังตื่นเต้นกับเสียงนี้และกำลังจะหัวใจวายในไม่ช้าถ้าหากว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นถูกต้อง
“มาช้านะยิน” รินถึงกับหยุดหายใจ เมื่อกี้เคียนติเรียกคนข้างหลังเธอว่าอะไรนะ
“ฉันมีธุระที่ต้องทำ” ยินเดินเข้ามาพร้อมกับวอดก้า ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับริน “นี่หรอสมาชิกใหม่ที่ท่านผู้นั้นต้องการตัว”
“ใช่ครับ” เบอร์เบิ้นส่งสัญญาณให้รินแนะนำตัว
“อาคุมุ รินค่ะ” รินโค้งตัวให้ยินอย่างเต็มใจและสุภาพที่สุด
“ได้ข่าวว่าฝีมือดี ผลงานดี แถมยังมีความสามารถในด้านการต่อสู้” รินยิ้มรับ เธอไม่คิดว่ายินจะชมเธอ
“ขอบคุณค่ะ” รินส่งยิ้มให้กับยิน
“นอกจากหาข่าวกับฆ่าเธอทำอะไรได้อีก” ยินมองสำรวจคนตรงหน้า
“ฉันขับรถได้เกือบทุกประเภทค่ะ ทำอาหารได้ งานบ้านก็ได้ เย็บปักก็ได้ งานเกี่ยวกับบริหารฉันก็ทำได้- ” รินจัดการไล่ยาว
“พอ” ยิน
“เธอพูดมาเลยดีกว่าว่าเธอทำได้ทุกอย่าง” เคียนติ
“คงพูดแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้เก่งทุกอย่าง” รินตอบกลับเคียนติด้วยท่าทางที่เขินอาย “ฉันไม่เก่งเรื่องวิทยาศาสตร์ค่ะ ตารางธาตุมันน่าเบื่อจะตายนี่คะ”
“ฉันเห็นด้วยนะ” เคียนติ
“แล้วเธอถนัดอาวุธอะไรบ้าง” ยินไม่สนใจในคำตอบเขาเลือกที่จะถามต่อ
“ถ้าเป็นคำถามนี้ฉันค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าฉันสามารถใช้อาวุธได้ทุกประเภทค่ะ” ริน
“มั่นใจขนาดนั้นเลย” ยิน
“ค่ะ” ให้ตายสิ สายตาของเขาที่จ้องมาที่เธอในตอนนี้ช่างร้อนแรงเสียจริง
“เธอถนัดสไนเปอร์ด้วย?” กอร์น
“ค่ะ ฉันชอบใช้ L42 EnField - British ค่ะ เพราะมันคือนัดเดียวที่ชี้ชะตาคนได้ดีที่สุด” เมื่อก่อนในโลกของเธอเธอเคยใช้มันมาก่อนแต่พักหลังๆเธอไม่ได้ใช้แล้วเพราะงานที่ส่วนมากที่เธอรับทำมันมักจะต้องเข้าถึงตัวของเหยื่อมากกว่า
“ใช้ของดีเลยหนิ” เคียนติเองก็รู้จักมันดีเลยทีเดียว
“แสดงว่าเธอจะต้องมีฝีมือและต้องชำนาญมากไม่งั้นคงใช้มันไม่ได้” กอร์น
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ภารกิจเธอ ถ้าเธอทำสำเร็จเธอจะได้ร่วมทีมกับฉันตามที่ท่านผู้นั้นสั่งมา” ว่ายังไงนะ เมื่อกี้ยินบอกว่าเธอจะได้ทำงานร่วมกับใครนะ “นี่คืองานของเธอ จัดการลอบสังหารคนคนนี้”
“เอ๋” รินหยิบรูปขึ้นมาดู “คนคนนี้มหาเศรษฐีดูไบที่กำลังเดินทางมาที่ญี่ปุ่นนี่คะ”
“รู้ด้วยสินะ แสดงว่าไม่ได้โม้เรื่องความสามารถในการหาข่าวสินะ เธอจะต้องทำงานคนเดียว” ยินแสยะยิ้มเหี้ยม “ไหนๆเธอก็เก่งอาวุธทุกประเภทแถมยังไม่ปฎิเสธที่เธอเก่งต่อสู้อีก ถ้าอย่างนั้นสไนเปอร์นัดเดียวก็คงพอ”
“เอ๋” ยินนี่ใจร้ายจังเลยนะคะกะจะไม่ให้อะไรไว้ใช้หนีเลย แต่ก็หล่อโดนใจสุดๆไปเลย “แต่ก็น่าเสียดายจังเลยนะคะ”
“อะไร” ยินเลิกคิ้วถาม
“ฉันนึกว่าจะได้มีดสักเล่ม เผื่อฉันจะได้นำหัวของมันมาฝากคุณ” รินสบตากับยินโดยที่ต่างคนต่างไม่ยอมละสายตาออก
“แฮ่ม วันนี้คุณจะได้รู้จักกับสมาชิกแล้วก็รับโค้ชเนมนะครับ” เป็นเบอร์เบื้นที่หยุดสงครามของการจ้องตานี้ “อย่างที่คุณรู้ผมเบอร์เบิ้นครับ”
“ฉันเคียนติเป็นมือสไนเปอร์ไว้มีโอกาสฉันจะชวนเธอไปซ้อมยิงด้วย” เคียนติ
“ฉันกอร์นเป็นมือสไนเปอร์คู่หูกับเคียนติ” กอร์น
“ฉันวอดก้าและนี่ยินสมาชิกระดับสูง” รินไม่ได้สนใจคนอื่นๆที่เหลือที่แนะนำต่อ เพราะตอนนี้สายตาของเธอเอาแต่จ้องยินไม่หยุด
“หน้าฉันมันมีอะไร” ยินถาม
“เปล่าหรอกค่ะ” รินตอบกลับแต่ไม่ได้ละสายตาออก
“คุณได้คิดโค้ดเนมมารึยังครับ” เบอร์เบิ้นถาม
โค้ชเนมเธอได้คิดมาเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้ ตอนแรกเธอเลือกไม่ได้หรอกว่าจะใช้อันไหนดีแต่พอนั่งนึกไปสักพักเธอถึงคิดออก และถ้ายินรู้คงได้เอาปืนเป่าหัวเธอแน่ๆ
“คิดมาแล้วค่ะ” รินละสายตาจากยินแล้วหันไปตอบเบอร์เบิ้นแทน
“ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณแนะนำตัวใหม่ด้วยครับ” รินพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน
“สวัสดีค่ะ ดิฉันอาคุมุ ริน โค้ดเนมไอริชวิสกี้ค่ะ” รินโค้งตัวให้ทุกคนก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิม
ใช่ค่ะโค้ชเนมของฉันคือไอริชวิสกี้ เหตุผลก็ไม่ได้หวือหวาอะไรก็แค่คิดว่ารายชื่อที่เป็นรายชื่อของวิสกี้ส่วนมากเป็นสายลับทั้งนั้นเลย เธอเลยเลือกมาตั้งบ้างแค่นั้นเอง
“โค้ชเนมยาวดีนี่ แต่ก็ดีแล้วในองค์กรมีคนที่ใช้วิสกี้อยู่ด้วย ถ้าจำไม่ผิดน่ะนะ” เคียนติ
“นั่นสิ ตอนแรกฉันคิดว่าจะเป็นชื่อสาเกสักชื่อซะอีก” กอร์น
“อันที่จริง ฉันก็เตรียมมาสองชื่อล่ะค่ะและคุณก็เดาถูกแล้วอีกชื่อของฉันคือสาเก” รินตอบกลับ
“ฉันเดาถูก” กอร์นหันไปพูดกับเคียนติ
“เตรียมตัวให้พร้อม แล้วอีกอย่างเรื่องชุดที่เธอใส่ อย่าให้มีปัญหากับงานเด็ดขาดไอริช” ยินลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
“แน่นอนค่ะ ฉันใส่มันทำงานมาตลอดมันจะไม่มีปัญหาแน่นอน” รินส่งยิ้มให้กับยินตามหลังไป
“ถ้าอย่างนั้นขอให้โชคดีกับงานที่ได้รับมอบหมายล่ะ ไอริชวิสกี้” ตามด้วยเคียนติกับกอร์นและคนอื่นๆทำให้เหลือแค่เธอกับเบอร์เบิ้น
“ให้ผมไปส่งมั้ยครับ” เบอร์เบิ้นถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
หลังจากที่กลับมาถึงห้องพักในบาร์เธอก็รีบจัดการหาข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจทันที แหมก็ทางนั้นเล่นไม่ให้อะไรเธอมาเลยนอกจากคำสั่งเก็บแค่นั้น
หลังจากที่จัดการเตรียมการเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาทานมื้อกลางวันพอดี วันนี้รินคิดว่าจะไปทานข้างนอกแทน
รินจัดการเปลี่ยนชุดเป็นกิโมโนสีขาวปกติแทนพร้อมกับจัดการรวบผมขึ้นสูงเพราะอากาศที่ร้อนขึ้นรองเท้าที่ใส่ก็เป็นเกี๊ยะธรรมดาๆ
“หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรนะคะ เพราะชุดนี้ซ้อนอาวุธได้น้อยด้วยสิ” รินได้แต่ภาวนาในใจ
หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็ลงมาด้านล่างจัดการถามบาร์เทนเดอร์คนเดิมว่าแถวนี้มีร้านใหม่ๆร้านไหนที่พอจะแนะนำบ้างมั้ย สรุปแล้วไม่มีร้านที่เธอว่าแล้วเพราะเธอได้ไปมาครบหมดแล้ว
แต่บาร์เทนเดอร์ได้แนะนำร้านเค้กร้านนึงให้เธอเขาบอกว่าร้านนี้ทำแซนวิชได้อร่อยมากๆ เขาจัดการเรียกรถพร้อมกับบอกจุดหมายให้เรียบร้อย
ไม่นานรินก็มาถึงร้านที่ว่า ร้อนนี้อยู่ที่เมืองเบกะซึ่งไม่ไกลจากที่เธออยู่มากนัก ร้านนี้มีชื่อว่าร้านปัวโรต์
“นี่มัน ร้านที่เบอร์เบิ้นทำงานอยู่ไม่ใช่หรือคะ” เธอน่าจะเอะใจตั้งแต่ที่ได้ยินบาร์เทนเดอร์พูดกับคนขับ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นร้านนี้แถมร้านนี้ยังอยู่ใต้ตึกของตัวเอกอีกด้วย
กริ้งงง
รินผลักบานประตูเข้าไปทำให้คนในร้านนั้นหันมามอง เธอเดินเข้ามาด้วยท่าทางเรียบร้อยเหมาะกับชุดที่เธอสวมมาในวันนี้ เธอเดินมุ่งเข้าไปตรงเคาเตอร์ที่มีพนักงานยืนอยู่
“สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ” เบอร์เบิ้นละมือออกจากแก้วที่กำลังเช็ดอยู่ มองลูกค้าที่เดินเข้ามา จะว่าไปลักษณะของคนคนนี้คุ้นๆแปลกๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน
“สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะเบอร์เบิ้น” ในตอนท้ายรินใช้เสียงที่เบาลงพอที่จะได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
“คุณ..” เบอร์เบิ้นมองสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้ง “ไอริช”
“ถูกต้องค่ะ” รินส่งยิ้มให้กับเบอร์เบิ้นที่กำลังมองสำรวจเธออย่างตรงไปตรงมา “ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่นะคะ งานเสริมหรอคะ”
“จะว่างั้นก็ได้ครับ คุณพักอยู่แถวนี้หรอครับ” เบอร์เบิ้น
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ไกลออกไปอีกหน่อย” รินตอบคำถามแล้วก็สำรวจเมนูที่อยู่ด้านหน้า
“ถ้าอย่างนั้นมื้อนี้ผมเลี้ยงละกันครับ” เบอร์เบิ้นตัดสิใจแล้ว เขาจะตีสนิทแล้วคอยจับตาเธอเอาไว้เพราะถ้าเธอได้เข้าร่วมทีมกับยินคงจะมีประโยชน์ไม่น้อยเลย
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เกรงใจนะคะ ขอเป็นแซนวิชอะไรก็ได้กับชาเขียนร้อนละกันค่ะ” รินรู้ดีว่าทำไมเบอร์เบิ้นถึงได้ทำแบบนี้ อย่าลืมสิเธอไม่ใช่คนของโลกนี้
“ถ้าอย่างนั้- ”
“พี่สาวเกอิชา!!!” ก่อนที่เบอร์เบิ้นจะได้พูดอะไรเสียงของเด็กสาวก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวเถอะอายูมิ” โคนันที่เดินตามเข้ามาดุเด็กสาวตรงหน้า
“ขอโทษค่ะ พี่สาวจำอายูมิได้มั้ยคะ” อายูมิ
“จำได้ค่ะ ดีใจนะคะที่อายูมิจำพี่สาวได้” รินยิ้มให้กลับอายูมิ จนเด็กสาวต้องรีบก้มหน้าหลบรอยยิ้มสวยนั้น
“พวกเราก็จำได้! ถึงแม้ตอนแรกจะไม่แน่ใจก็เถอะ” เก็นตะเองก็จำได้ แม้ว่าในตอนแรกพวกเขาจะยืนเถียงกันนานก็เถอะนะ
“เพราะชุดน่ะครับ ตอนที่เจอกันครั้งแรกพี่สาวเอ่อ..” มิซึฮิโกะหน้าแดงทันทีเขายังจำได้ดีว่าตอนนั้นพี่สาวสวยขนาดไหน
“5555อากาศวันนี้ร้อนน่ะค่ะ พี่สาวเลยใส่ชุดที่ปิดผิว” ถึงรินจะชอบเปิดเนื้อหนังแต่ถ้าอากาศร้อนแบบนี้เธอก็ขอใส่ชุดปิดดีกว่า
“พี่สาวพักอยู่แถวนี้หรอครับ” โคนันที่อยู่ข้างๆไฮบาระถาม หลังจากที่เขาสำรวจคนตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว
“เปล่าค่ะ พี่สาวมาหาอะไรทานน่ะ ถ้าอยากทานอะไรเลือกกันได้เลยนะคะ” รินส่งยิ้มให้โคนันก่อนจะหันไปพูดกับเบอร์เบิ้นที่กำลังเตรียมชาขอเธออยู่ “ของเด็กกลุ่มนี้ฉันจะจ่ายให้เองค่ะ”
“จะดีหรอคะ อายูมิเกรงใจ” คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่สาวให้ด้วยความเต็มใจค่ะ” ริน
“ถ้าอย่างนั้นพี่สาวก็มานั่งด้วยกันสิ” ไฮบาระ
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะชิโฮะ” โคนันกระซิบถาม
“ก็เห็นนายจ้องตาไม่กระพริบก็นึกว่าอยากให้เขานั่งด้วย ฉันคิดผิดหรอเนี่ย” ไฮบาระเอ่ยแซวก่อนจะเดินเข้าไปร่วมวงสั่งของกินด้วย
“ของคุณรินได้แล้วครับ” เบอร์เบิ้นยกถาดที่มีของที่รินสั่งขึ้นมา “ให้ผมนำไปวางที่โต๊ะเลยมั้ยครับ”
“รบกวนด้วยนะคะ” ทั้งตัวรินและเบอร์เบิ้นต่างก็เดินมายังโต๊ะว่างตัวใหญ่
“ถ้าอยู่ข้างนอกเรียกผมว่าอามุโร่นะครับ” เบอร์- อามุโร่พูดเสียงเบา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณอามุโร่” ไม่นานพวกเด็กๆก็เดินมาที่โต๊ะ
“พี่สาวคะ พี่สาวรู้จักกับพี่ชายด้วยหรอคะ” อายูมิ
“นิดหน่อยค่ะ พอดีว่าเราเคยเจอกันข้างนอกน่ะค่ะ” รินตอบกลับก่อนจะค่อยๆยกถ้วยชาขึ้นจิบ
“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับพี่สาว” โคนันที่นั่งฝั่งตรงข้างรินพูดขึ้นเรียกความสนใจของคนในโต๊ะได้เป็นอย่างดี
“ถามมาได้เลยค่ะหนูน้อย” รินวางถ้วยชาลงพร้อมกับส่งยิ้มหวานแกล้งคนตรงหน้าเธอ
“คะ..คือว่าดูจากการวางตัวของพี่สาวแล้วพี่สาวคงฝึกหนักน่าดูเลยนะครับ” โคนันชะงักไปกับรอยยิ้มของรินเล็กน้อย “เหมือนกับว่าพี่สาวเป็นชนชั้นสูงเลย”
“ใช่ค่ะ พี่สาวเหมือนกับเจ้าหญิงที่อายูมิเคยดูเลย” อายูมิและเด็กคนอื่นๆต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นหรอคะ” แม้ใบหน้าของรินจะยังคงรอยยิ้มเอาไว้อยู่แต่ใครจะรู้ว่าเธอนั้นมีความรู้สึกนี้จริงๆรึเปล่า “ใช่แล้วล่ะค่ะ พี่สาวถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กเลยทำให้โตมามีบุคลิกแบบนี้ค่ะ”
“โห่ววว ต้องฝึกนานมากๆเลย” เก็นตะ
“นั่นสินะครับเก็นตะคุง” มิซึฮิโกะ
“พี่สาวเป็นเจ้าหญิงหรอคะ” อายูมิ
“เจ้าหญิง? เปล่าค่ะพี่ไม่ใช่เจ้าหญิงหรอกค่ะอายูมิจัง” รินยังคงยิ้ม “เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลยดีกว่าค่ะ ว่าแต่พวกอายูมิอยู่แถวนี้หรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ พอดีว่าพวกเรามาหาโคนันคุงน่ะครับ” มิซึฮิโกะเป็นคนตอบแทน
“งั้นหรอคะ ไฮบาระมีอะไรรึเปล่าคะ” รินหันไปถามเด็กสาวที่เอาแต่จ้องเธอ
“พี่สาวสวยมากเลยนะคะ” ไฮบาระ “สวยจนรู้สึกว่าถ้าหากได้สัมผัสหรือเข้าใกล้อาจจะถูกพรากวิญญาณได้เลย”
“งั้นหรอคะ” รินมองเด็กสาวที่อยู่ข้างๆโคนัน เป็นเด็กที่น่าสนใจจริงๆถ้าหากเปิดโปงตัวตนของเด็กคนนี้ให้ยินรู้จะเป็นยังไงนะ
“หมายถึงพี่สาวสวยมากๆเลยน่ะค่ะ” ไฮบาระ
“ขอบคุณนะคะ ไฮบาระเองก็เหมือนกันนะคะโตมาจะต้องสวยและเก่งมากแน่ๆ แล้วก็คงมีคนตามตัวเยอะมากแน่ๆเลยล่ะค่ะ” ใช่แล้วล่ะถ้าเธอโตขึ้นองค์กรจะต้องตามตัวเธอแน่ๆ
“.....” ทั้งไฮบาระและโคนันต่างเงียบจนเสียงของอายูมิดังขึ้น
“แล้วอายูมิล่ะคะพี่สาว”
“อายูมิเองก็เหมือนกันค่ะ โตมาอายูมิจะต้องมีคนตามเยอะแน่นอน” รินละสายตาหันมาตอบอายูมิแทน
“แสดงว่าอายูมิกับไฮบาระจะเหมือนดาราใช่มั้ยคะ เพราะว่ามีแต่คนตามทั้งนั้นเลย” อายูมิ
“ใช่แล้วค่ะ”
“ขออนุญาตเสิร์ฟนะครับ” อามุโร่จัดการวางเค้ก แซนวิชและน้ำลงบนโต๊ะ “ทานให้อร่อยนะครับ”
“พี่สาวครับ” เสียงของโคนันทำให้รินละสายตาจากอามุโร่แล้วหันมามองโคนันแทน
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ผมขอเบอร์พี่สาวไว้ได้มั้ยครับ คือว่า- ” โคนัน
“ได้สิคะ” รินเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์จากมือโคนันมากดเบอร์ลงไป “นี่ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” โคนัน
“ถ้ามีเรื่องอะไรสนุกๆ ชวนพี่สาวด้วยนะคะ” ริน
หลังจากที่พูดคุยกันหอมปากหอมคอแล้วทุกคนก็ลงมือทานเมนูตรงหน้าทันที มันคงเป็นความจริงสินะที่ร้านนี้ทำแซนวิชได้อร่อยที่สุด ไม่เสียใจเลยจริงๆที่ได้มากิน
เวลาผ่านไปไม่นานอาหารตรงหน้าก็หมดเกลี้ยง เด็กๆต่างลูบท้องของตัวเองเพื่อแสดงให้เห็นว่าอิ่มจริงๆ
“อยากทานอะไรอีกมั้ยคะ เดี๋ยวพี่สาวจ่ายให้เอง” ริน
“ไม่แล้วล่ะครับ แค่นี้ก็เกรงใจพี่สาวมากๆแล้ว” มิซึฮิโกะ
“ถ้าอย่างนั้น- ”
ติ้ดดด ติ้ด ติ้ดดๆๆ
เสียงโทรศัพท์ของรินดังขึ้นมาพอดี เธอเลยหยิบขึ้นมาดู ปรากฎว่าเป็นข้อความของคนในองค์กรที่ส่งมาให้เธอ จากเนื้อหาดูเหมือนว่าจะมีงานแทรกเข้ามาให้เธอได้ทำ น่าเสียดายวันนี้เธอกะว่าจะทำตัวว่างๆสักหน่อย
“มีอะไรรึเปล่าครับสีหน้าพี่สาวดูไม่ดีเลย” เสียงของมิซึฮิโกะดึงสติของรินอีกครั้ง
“พอดีว่าพี่สาวมีงานที่ต้องไปทำน่ะค่ะ คิดว่าวันนี้จะได้พักสักหน่อย” รินจัดการลบเมลล์ที่ได้รับออกแล้วเก็บโทรศัพท์
“เอ๋ พี่สาวทำงานอะไรหรอคะ” อายูมิ
“เดี๋ยวสิพวกนายถามเยอะไปแล้วนะ” โคนัน
“นายก็อยากรู้เหมือนกันล่ะน่าคุโด้” ไฮบาระกระซิบที่ข้างหู
“รู้ดีจังนะเธอน่ะ” โคนันตอบกลับ
“ขอบใจ” ไฮบาระตอบกลับด้วยสีหน้าเหนือกว่าจนทำให้โคนันสะบัดหน้าไปอีกทาง
“พี่สาวหรอคะ” เด็กๆต่างพยักหน้า “เป็นเกอิชาค่ะ”
“เอ๋!!”
“พี่สาวขอตัวก่อนนะคะ ต้องรีบไปเตรียมตัวน่ะค่ะ” รินลุกขึ้นก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน
“จะไปแล้วหรอครับ” อามุโร่ถามขณะที่มือกำลังคิดเงินอยู่
“ค่ะ พอดีมีงานเข้ามาแทรกน่ะค่ะ” รินตอบกลับ
“งานขององค์กรหรอครับ” อามุโร่วางเงินทอนลงบนถาด
“ใช่ค่ะ เป็นงานที่ฉันทำมาตั้งแต่เด็กเลยล่ะค่ะ” รินหยับเงินทอนก่อนจะโค้งตัวลา
อามุโร่มองตามแผ่นหลังรินออกไปจนลับสายตา ผู้หญิงคนนี้เดาอะไรไม่ได้เลย ภายนอกดูเป็นคนที่ไม่มีอะไรให้น่าสงสัยแต่จริงๆแล้วกลับมีปริศนาเต็มไปหมด
“เธอเป็นใครกันนะ”
นอกจากสายตาของอามุโร่แล้วยังมีสายตาอีกสองคู่ที่มองตามแผ่นหลังบางของรินไปด้วยเช่นกัน นั่นก็คือเด็กแว่นและเด็กผมสีน้ำตาลนั่นเอง
ทางด้านริน
“ไม่คิดเลยนะคะว่ามาที่นี่แล้วยังจะได้ทำงานนี้อยู่อีก น่าเบื่อจริงๆ”
.....
....
...
.4.
ความคิดเห็น