ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rush of Ruin: The First Flame of Ruin เพลิงแรกแห่งการล่มสลาย

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ:ไม้หนาม

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 67


    บทนำ:ไม้หนาม

    เดรัจฉาน

    แสงสลัวจากเสาไฟของริมถนนของซานดิเอโกกะพริบเป็นระยะ เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความบันเทิงของคนรวย แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลของสังคมที่เน่าเฟะ อาคารต่างๆ เต็มไปด้วยเศษกระสุน และเสียงปืนดังก้องในอากาศ ตรอกซอกซอยที่ซ่อนอยู่ในเมืองจะมีบาร์ที่ซึ่งมีเพียงผู้ที่อยู่ในโลกของความตายเท่านั้นที่รู้จัก มันเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับทหารรับจ้างและนักฆ่าโรคจิตที่แสวงหาความสงบท่ามกลางความวุ่นวาย คุณนายวอร์เรน เจ้าของบาร์สุดเข้มงวดคอยจับตาดูลูกค้าของเธอและเธอมุ่งมั่นที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยภายในขอบเขตของสถานประกอบกิจการของเธอ

    เธอเป็นเจ้าของกิจการบาร์แห่งนี้หลังจากจบเหตุการณ์ที่ท้องฟ้าสีแดงทั่วโลกได้จางหายไปแต่ความบ้าคลั่งกลับไม่เคยเบาลงเลยแม่แต่น้อย ผู้คนยังไล่เข่นฆ่ากันเพราะธุรกิจของสงครามสมัยใหม่โดยเหล่าผู้มีอำนาจต่างๆมากมายทั่วโลก


    ภายในบาร์เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์และน้ำเลือดที่หกไหลไปทั่วพื้นจากความรุนแรงที่ตกค้างอย่างยาวนานภายในบาร์รวมถึงเสียงตะโกนของนักฆ่าดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน สร้างบรรยากาศที่น่ารำคาญไปทั่วทุกหนแห่ง คุณนายวอร์เรนแม้จะคุ้นเคยกับความบ้าคลั่ง แต่เธอก็ได้แต่ภาวนาอย่างเงียบๆ เพื่อให้ค่ำคืนนี้ไม่มีใครตายในร้านของเธออีก วอร์เรนไม่ได้เป็นห่วงชีวิตผู้คนแต่เธอเป็นห่วงทรัพย์สินสุดแพงในบาร์ของเธอที่เธอหวงนักหวงหนา เธอยืนเอามือเท้าคางตรงระเบียงไม้ชั้นสองของบาร์กวาดสายตาสีเขียวมองไปทั่วๆ สถานที่เพื่อเสพบรรยากาศเล็กน้อย ผมสีแดงยาวดูสวยสะดุดของเธอดึงดูดพวกลูกค้าชั้นล่างไปทั่วแห่งแต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะสิ่งที่เธอมองไปยังด้านล่างก็ไม่ต่างจากขยะที่เธอไม่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานจู่ๆ เธอก็รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยราวกับสัญชาตญาณในตัวเธอกำลังเตือนอะไรบางอย่างให้เธอได้รับรู้ เธอหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดปุ่มติดต่อคนที่เธอต้องการจะคุยด้วย

    “อเล็กซ์?” วอร์เรนพูด

    “ครับคุณหญิง มีอะไรหรือครับ” เสียงในวิทยุพูดตอบกลับวอร์เรนซึ่งเป็นลูกจ้างของเธอ

    “เหมือนเดิมใช่ไหม ไอบ้านั้นน่ะ” เธอพูดพลางชำเลืองตามองไปรอบๆ บาร์

    เสียงในวิทยุเงียบสักพักก่อนจะโต้ตอบออกมา

    “ครับท่าน เขามาแล้ว เดวิดชาน วันนี้เขามากับเพื่อน รวมเป็น2คน ให้ทำอะไรดีครับท่าน จัดการเลยไหมครับ” เสียงจากวิทยุถามเธอ

    วอร์เรนกุมขมับเป็นเวลาสักพักจนเธอคลายมือออกจากหน้าผากและได้ถอนหายใจอย่างเบาๆ

    “ถ้าพวกเขามีอาวุธไล่พวกเขาได้เลย แต่หากไม่ก็ให้พวกเขาเข้ามาซะแล้วบอกคนอื่นๆ ด้วย ฉันไม่ต้องการเห็นลูกจ้างเป็นศพแถมเปลืองค่าเงินประกันของฉันอีก” วอร์เรนตอบกลับด้วยเสียงที่ดูเหนื่อยหน่ายก่อนจะปิดวิทยุเก็บเข้ากระเป๋าของเธอไปและเดินกลับไปที่ลิฟต์กดเลือกชั้นใต้ดิน ก่อนประตูลิฟต์จะปิดไปวอร์เรนยืนจ้องมองไปที่ด้านหน้าของเธอมันเป็นประตูลิฟต์ที่ติดภาพจระเข้ที่กำลังสู้กับงูยักษ์กันอยู่และประตูก็ได้ปิดลง

    บรรยากาศหน้าทางเข้าดูมืดทึบน่ากลัวแต่ภายในกลับดูรู้สึกสนุกครื้นเคร้งสร้างความบันเทิงให้กับคนในบาร์แต่ค่ำคืนนี้มันจะพิเศษกว่าคืนไหนๆ เพราะบุคคลอันตรายที่ได้รับฉายาเทวทูตสีเลือดอย่าง เดวิด และคู่หูจอมแสบของเขา ต๋อง ก็เลือกที่จะมาดื่มบาร์เหมือนกันกับนักฆ่าบ้าๆพวกนี้ เดวิดและต๋องเดินมาถึงหน้าทางเข้าบาร์อย่างเงียบๆ พยักหน้าให้กับการ์ดติดอาวุธปืนกลเบาอย่างช้าๆ และการ์ดก็พยักหน้ากลับราวกับเข้าใจดี ทั้งสองกอดคอกันพาสังขารตัวเองเข้าไปในบาร์แห่งนี้ เดวิดใส่ชุดสบายๆ เสื้อยืดสีเทาปนดำกับกางเกงยีนสีดำต่างจาก ต๋อง เพื่อนร่วมเดินทางของเดวิดที่ใส่เสื้อกล้ามดำกับกางเกงขาสั้นลายฮาวายสับปะรดสีน้ำเงิน แม้จะมีความวุ่นวายอยู่รอบตัวพวกเขาแต่พวกเขาก็สามารถพบมุมดีๆ ที่จะนั่งดื่มและโต้เถียงกันได้อย่างดุเดือด โดยเสียงก็เริ่มดังขึ้นเหนือเสียงรบกวนฉากหลังของสถานที่ทันทีเมื่อเดวิดได้นั่งที่โต๊ะบาร์เคาน์เตอร์ของบาร์แห่งนี้

    40ดีกรี 2ขวด!” เดวิดตะโกนเสียงดังพร้อมกับเสียงฝ่ามือที่กระชั้นชิดเข้ากับหัวของเดวิดอย่างจัง

    “เสียงดังทำเชี่ยอะไร! ไอ้ชาน!” ต๋องหันไปตะคอกใส่เดวิด

    เสียงของทั้งสองได้หยุดบรรยากาศภายในบาร์อย่างกระทันหันทันที แล้วตามมาด้วยสีหน้าสุดเซ็งของบาร์เทนเดอร์และสายตาที่จับจ้องมาที่โต๊ะของเดวิดและต๋อง

    “ขออภัยครับทุกท่าน ก็แค่ลูกค้าสติไม่ดีสองคนเชิญพวกท่านสนุกกับกิจกรรมของพวกท่านต่อเถอะครับ” บาร์เทนเดอร์ที่อยู่หน้าเดวิดพูดแก้สถานะการณ์ ช่วยให้บรรยากาศในบาร์กลับมาปกติเหมือนเดิมอีกครั้ง

    บาร์เทนเดอร์จิม เขาเป็นหนุ่มยุโรปเชื้อไทยที่อายุราวๆ ได้23ปีเขาตัวเล็กผมสีบลอนด์เทากลับเลือกมาทำงานอันตรายหาเลี้ยงชีพตัวเองในย่านเนวาด้า เขาสนิทกับเดวิดตอนเจอกันครั้งแรกทันทีแต่เป็นครั้งแรกที่จิมไม่ประใจเท่าไหร่

    “เดวิด อีกแล้วหรอ?” บาร์เทนเดอร์ถามเดวิด

    “อ่อใช่เหมือนเดิม40ดีกรี” เดวิดพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มระรื่นราวกับเรื่องก่อนหน้าไม่ได้เกิดขึ้น

    “ไม่.. ผมหมายถึงพฤติกรรมแบบนี้น่ะ ทำไมคุณต้องทำตัวอย่างงี้ด้วย มันมีแต่ทำเอาคุณวอร์เรนเกลียดขี้หน้าคุณเอานะครับ” บาร์เทนเดอร์พูดพลางก้มลงไปหยิบขวดเหล้าสีเก่าๆ เขาเอาผ้ามาเช็ดให้ขวดสะอาดพร้อมกับแก้วเล็กๆ

    “โอ้ๆ ไอ้หนู เมิงถามคนออทิซึมแดกแบบนี้ เองไม่ได้คำตอบดีๆ หรอก แต่ฉันตอบแทนได้นะก็เพราะสังคมมันบ้า มันก็เลยบ้าตาม” ต๋องพูดพลางมองหน้าเดวิด

    “จ้าๆ พ่อบุรุษเลิศดี” เดวิดเคือง

    “ก็เข้าใจอยู่ครับแต่อย่างน้อยก็แค่ไม่ต้องไปบ้าตามสังคมก็ได้นี่ครับ?” บาร์เทนเดอร์ พูดก่อนจะวางแก้วไปที่ด้านหน้าเดวิดและเปิดฝา40ดีกรี

    “มะนาวเหมือนเดิมนะครับ” บาร์เทนเดอร์มองหน้าเดวิด

    “เหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ขอพิเศษกว่าเดิมหน่อย ช่วยเพิ่มเกลือด้วยแต่ไม่เยอะไม่เขย่า” เดวิดตอบ

    “ครับและคุณต๋อง?” บาร์เทนเดอร์หันหน้าไปถามอีกฝั่ง

    “อ่อ ครั้งก่อนมีไอ้ลูกตุ๊ดเตะไข่ฉันระหว่างดื่มแจ็คฮันนี่เลม่อนไป เจ็บสัส ฉันเข็ดล่ะวันนี้เอาเหล้าแบบเดียวกับเจมส์บอนด์นะสีส้มปนแดงรสชาติขอจัดๆ ใส่มะกอกพร้อมเกลือ อ่อแล้วก็อย่าลืมหัวหอมด้วยช่วยหันมันเป็นเล็กๆ ก็พอ ถ้าลูกใหญ่ไปมันจะไม่อร่อย” ต๋องพูดอย่างใจเย็น

    สีหน้าของบาร์เทนเดอร์นิ่งไปชั่วขณะแต่เขาก็พยักเบาๆ ก่อนหันหลังกลับไปทำเครื่องดื่มสุดพิ(สดาร)เศษ ทั้งสองหมุนเก้าอี้ไปทางด้านหลัง เดวิดมองไปยังพวกนักฆ่าที่พวกมันนั่งเมาระงมอยู่ตรงโต๊ะของอีกฟาก จนบทสนทนาแก้เบื่อก็ได้แทรกเข้ามา

    “เอ่อ นั้นใช่คนเดียวกันในรายงานไหม?” เดวิดสะกิดต๋องพลางชี้นิ้วไปทางกลุ่มนักฆ่า

    “เออกูรู้แล้ว จะชี้นิ้วทำบ้าอะไร?” ต๋องตีมือเดวิด

    “เอ้าก็ชี้ให้มึงได้ดูไง” เดวิดชี้นิ้วไปทางกลุ่มนักฆ่าอีกรอบแต่ครั้งนี้พวกมันหันกลับมามองที่โต๊ะเดวิดแต่แอลกอฮอล์ก็มาถึงพอดี ทั้งสองหันหน้ากลับมาที่โต๊ะบาร์ทันทีก่อนจะจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มให้กับบาร์เทนเดอร์จิม

    “เฮ้ จิมอย่าพึ่งไปไหนคอยรินให้กู” เดวิดพูด

    “ไอ้ชาน มึงปล่อยเด็กไปทำงานสิวะคิดจะกั๊กไว้คนเดียวรึไง” ต๋องพูดพลางจิบเครื่องดื่ม

    “อืม ไม่เป็นไรหรอกครับนี่มันเป็นงานบริการ ผมยินดีทำ” บาร์เทนเดอร์ พูดก่อนจะคอยยืนประจำฝั่งเดวิด

    “ว้ายๆ ไอควาย” เดวิดพูด พลางทำหน้ายียวนใส่ต๋อง

    การมาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถช่วยผ่อนคลายอารมณ์ทั้งสองได้นิดหน่อยอย่างน้อยๆ มันก็ช่วยเพิ่มฝีปากในการสนทนาของทั้งสองให้ดีขึ้นกว่าเดิม

    "ไอ่ห่าต๋อง กูบอกแล้วว่าปีเตอร์ไม่ด่ามึงหรอก!" เดวิดตะโกน

    "เออไอ้เวร ได้ใจแล้วเอาใหญ่ ก็กูกลัวปีเตอร์จะฆ่ากูไงเว้ย แต่พอมีมึงอยู่ด้วยกูก็สบายใจได้อยู่ ไอเรื่องปฏิเสธงานแล้วมาพักผ่อนน่ะ"ต๋องยิ้มพลางกระดกเหล้าเข้าปาก

    "ฮาฮา เอาเลยต๋อง วันนี้มึงจะต้องได้พักผ่อนไม่ใช่ไปนั่งปวดหลังจากการวิ่งหนีพวกA.R.I ที่จะล่อตูดมึง เฮ้จิมมึงช่วยรินมาอีก"เดวิด พูดติดตลก

    “ครับผม” บาร์เทนเดอร์พูดพลางรินเหล้าให้

    "พ่อมึงอ่ะชาน ควย" ต๋องด่าเดวิดก่อนจะหันดื่มเครื่องดื่มของตัวเองต่อ

    “เอ่อแล้วเอาไงกับไอพวกนั้น” เดวิดพูดพลางยกนิ้วโป้งชี้ไปด้านหลังแต่ไม่ได้หันไปมอง

    “ออกจากบาร์แล้วชิ่งหนีดีกว่ากูว่า” ต๋องแนะนำ

    “หนีไปไหนหรอ?”

    “ก็บ้า-” เดวิดพูดไม่ทันขาดคำก็ถูกขัดด้วยกำปั้นของบุคคลปริศนาที่ยืนอยู่ด้านพวกเขาทั้งสอง หมัดจากหนึ่งในกลุ่มได้ซัดไปที่หน้าของเดวิดและเขาก็ถูกจับกดหัวไว้ที่โต๊ะอย่างแรงใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวช้ำ

    “เฮ้ยเชี่ย!” ต๋องตะโกนก่อนเขาจะถูกจับกดหัวและล็อกแขนไว้

    บรรยากาศในบาร์เริ่มตึงเครียดขึ้นมาและอาจจะปะทุถึงขั้นรุนแรง

    “เฮ้ย ทำบ้าอะไรน่ะปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะเรียกการ์ดมา” บาร์เทนเดอร์จิมตะคอกใส่บุคคลปริศนาทั้ง5คน

    “เรียกการ์ด? ตลกดีไอ้หนุ่มฉันไม่ได้ฆ่าสองคนนี้ในที่นี้ซะหน่อยจะเรียกการ์ดมาทำไม” บุคคลปริศนาพูด

    “เดี๋ยวไม่สิพวกแก…” บาร์เทนเดอร์จิม

    บาร์เทนเดอร์จิม สังเกตชายปริศนาทั้ง5คนพวกเขาล้วนใส่ชุดสูทและแว่นดำพร้อมโลโก้ที่คอที่สักเอาไว้ว่า A.R.I

    หรือพวก Arcanum Research Initiative  ที่องค์กรมันมีหน้าที่จับพวกเหนือมนุษย์มาทดลองโดยเฉพาะ กลุ่มนี้มีหลายสาขาและพื้นที่รวมถึงยังมีหน่วยหลายเหน่วยเพื่อทำภารกิจประเภทต่างๆ

    “ก็ถูก ที่นี้ไม่มีอำนาจพอที่จะต่อกรกับพวกเราและอย่าหวังว่าจะได้มาหยามกับพวกเรา แค่ปล่อยให้พวกฉันจัดการไอ้ขี้กาก2ตัวนี้พวกฉันก็พอใจแล้ว” บุคลากรA.R.I-1พูด

    “แกต้องการอะไร?” บาร์เทนเดอร์จิมกัดฟัน

    “เราแต่ทำงานของเรา ไอ่สองตัวนี้ทำป่วนไปทั่วเขตของเราแต่อย่างน่าเศร้าทีฝีมือมีแค่นี้”

    “ก็เพราะไอ้ขี้กากแพ้เพราะมัวแต่แดกเหล้าเมาไม่สนความตายที่จ้องจะเสียบดากมันไงล่ะฮาฮาฮ่า” บุคลากรA.R.I ยิงมุกออกมาทำทุกคนภายในบาร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

    ภายในกลุ่มหัวเราะเสียงดังท่ามกลางบาร์เป็นเวลาซักพัก แต่เมื่อพวกเขาหยุดหัวเราะกลับยังมีเสียงหัวเราะอยู่ดีและเสียงตลกนั้นมันไม่ใช่จากใครที่ไหนมันมาจากคู่หูตัวป่วนในที่แห่งนี้

    “พวกแกขำบ้าอะไรวะ!?” หนึ่งในบุคลากรA.R.Iได้ตะคอกถามพวกเขา

    “กร๊ากไอสัส มุกที่มึงพูดแม่งตลกชิบหาย ทำเอาเยี่ยวเล็ดเลยวะฮาฮา” เดวิดพูดในขณะที่เขาขำแทบกรามค้าง

    “เอออะดิ แม่งฮาชิบหาย คิดได้ไงวะ ความตายแม่งจะตอกดากกู ฮาฮาฮ่า” ต๋องหุบยิ้มไม่อยู่เขาพยายามจะไม่ขำแล้วแต่ความทุเรศที่เก็บไว้ในใจได้พุ่งพล่านออกมากหมด

    “เงียบเว้ยฉันบอกให้แกเงียบ!!” หนึ่งในบุคลากรA.R.I ตะคอกใส่แต่ทั้งสองยังไม่หยุดขำราวกับคนบ้าที่เจอบ้างสิ่งกระตุ้นเข้า ทำให้หนึ่งในกลุ่มเอาปืนแม็คนั่มจ่อไปที่หลังเดวิด

    “กูบอกให้มึงหยุดไง!!”

    “ฮาฮ่า กูตายแน่ๆ เลย กร๊าก” เดวิดหันหน้ามองแล้วยิ้มใส่คนที่เอาปืนมาจากเขา

    “ปังงง!”

    เศษเนื้อได้พุ่งกระจายไปทั่วพื้นที่ทันทีเมื่อกระสุนได้ลั่นออกจากปากกระบอก แต่ส่วนใหญ่เป็นเลือดมากกว่าที่กระเด็นใส่ตัวของกลุ่มบุคลากรA.R.Iทั้งหมด ทั้งบาร์เต็มไปด้วยความเงียบอีกครั้งสายตาจับจ้องไปยังร่างที่ดูไร้ชีวิตของเดวิด

    “แม่งเอ้ยเลือดกระเด็นใส่ตัวฉันเต็มเลย"หนึ่งในนั้นพูด

    "เอ้า! ดูสิยังจะขำได้อีกไหม!” คนในกลุ่มเอาปืนจ่อหัวไปที่ต๋อง

    พวกเขากำลังคาดหวังปฏิกิริยาของต๋อง เขาจะ ร้องไห้? เสียใจ? หวาดกลัว? หรือเรื่องอมทุกข์ต่างๆ หลังจากเพื่อนของตัวเองตายไปต่อหน้า แต่ไม่เลย ไม่ใช่กับคนอย่างต๋อง ปฏิกิริยาของต๋องที่ทำเอาคนในกลุ่มแปลกใจคือ เขาหัวเราะ

    “ฮาฮาฮ่่าฮ่า” ต๋อง หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “แก..แกหัวเราะบ้าอะไร” หนึ่งในนั้นถาม

    “โอ้ อยากรู้หรอ หัวเราะให้กับเด็กที่ไม่ทำการบ้านอย่างพวกมึงไง!” ต๋องตะโกน

    “อะไรว-”

    ฉึก!!

    เลือดที่เปื้อนตามตัวของกลุ่มA.R.Iกลับยืดขยายขึ้นและแข็งทะลุร่างกายของพวกเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วกระดูกและเส้นเลือดของพวกมันทั้งกลุ่มแตกและฉีกขาดอย่างรุนแรง พวกมันทั้งหมดไม่มีเวลาตอบสนองต่อความรู้สึกเจ็บ บางคนก็ตายบางคนก็ล้มคุกเข่าลงไปกับพื้น ปากพูดอะไรไม่ได้ ตัวสั่นและเลือดไหลไปหมดทั้งร่างกาย หนึ่งในนั้นได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเขาไม่แม้แต่คิดหรือได้รับรู้ความจริง ต๋องลุกขึ้นมาก่อนจะเตะไปที่ระหว่างขาของเดวิด

    “โอ้ย!” เดวิดตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด

    “ไอ่ห่า แผนแกล้งตาย ฉลาดจริงๆเพื่อนกูเนี่ย" ต๋องพูด “ได้เวลากลับบ้านล่ะ” ต๋องมองเดวิดที่สภาพถูกยิงตัวทะลุท้องและหลังของเขาเละมากและดูแย่เกินกว่าคนธรรมดาจะมอง แต่มันเริ่มฟื้นฟูเนื้อเยื่อกลับคืนขึ้นมาในสภาพเดิมได้อีกครั้งราวกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหลังและท้องของเขา

    บาร์เทนเดอร์จิมได้แต่ยืนมองว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่เข้าใจสถาณการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่นิด

    “อ..อะ..” บาร์เทนเดอร์จิมพูดไม่ออก พลางมองไปที่ตัวเดวิด

    “โิอ้ยๆ เจ็บเว้ย จิมพยุงกูขึ้นมาหน่อย” เดวิดพูดพลางเอามือกุมท้อง

    จิมไม่รู้ควรจะทำอะไรดีเขากระโดดข้ามโต๊ะบาร์แล้วพยุงตัวเดวิดขึ้นมาจากกองเลือดหนามเขางงไปหมด แต่เมื่อประเมินสถานการณ์อยู่สักครู่เขาก็เข้าใจได้ก่อนจะมองไปหาเดวิด

    ""มนุษย์กลายพันธุ์?"จิมพูดขณะมองไปที่เดวิด

    “เออๆ เห็นว่าเป็นหมาป่าจากตำนานไวกิ้งรึไงไอ่งี่เง่า ไปเอาเหล้ามาเพิ่มสิจิม” ต๋องพูด

    “….อ่าครับ” จิมพูดพลางพยักหน้าเบาๆ แต่พอหันหลังจะเดินอ้อมเข้าช่องของนักชงเครื่องดื่มจิมก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อเขาถูกคนเขามาขว้าง

    “เออคุณ…” จิมเงยหน้ามอง

    สาวร่างใหญ่ผมสีแดงยาวสลวยถึงเองเด่นตาเอาตัวเข้ามาบังจิมไว้ขว้างทางไม่ให้เขาเดินไปต่อ

    ไม่ อย่าเอาเหล้าให้พวกมัน”

    คนที่มาขว้างจิมไม่ใช่ใครแต่เป็นวอร์เรนที่เดินเข้ามาขว้างพร้อมการ์ดติดอาวุธหนักอีก3คน เสียงซุบซิบของคนในบาร์ดังกระหึ่มยิ่งกว่าใดๆ ทำให้เธอเริ่มรำคาญ

    “เงียบ” เธอพูดอย่างเย็นชาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่กลับสามารถทำเอาคนที่อยู่ในบาร์กลัวจนตัวสั่นได้

    “โอ้ๆ คนดังมาวะ เฮ้วอร์เรนฉันเผลอทำเก้าอี้ร้านเธอพังวะ” เดวิดพูดพร้อมชี้นิ้วไปที่เก้าที่พังเพราะพลังวิเศษของเดวิด

    “แล้วจะบอกเธอทำไมฟะ ไอ้โง่เอ้ย!” ต๋องตบหัวเดวิดไป

    ทั้งสองพูดราวกับเป็นเรื่องสนุกแต่ไม่ใช่กับวอร์เรน เธอไม่สนุกด้วยและตอนนี้เธอดูโกรธมากๆ

    “เทวทูตสีเลือดและหมาของเขา… มาทำบ้าอะไรที่นี้” วอร์เรนถาม

    “ก็ดื่มเหล้าไง?” เดวิดพูดตอบ

    “เฮ้ย ขอโทษเขาสิเว้ย” ต๋องทำหน้าวิตกกังวลต่อสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า

    “พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” วอร์เรนพูดก่อนจะเดินไปหาทั้งสอง เธอเดินไปอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าเดวิดที่ห่างกันประมาณ3ก้าว

    “ไหนบอกมาซิว่าจะชดใช้กับที่เก้าอี้ที่ทำจากไม้หายากสีสวยนี้ยังไง?” เธอมองหน้าเดวิดด้วยสายตาที่จริงจัง

    เดวิดรู้สึกเฉยๆ จู่ๆ เขาก็คิดอะไรออกอยู่บางอย่าง

    “2หมื่นละว่าไง” เดวิดพูดพลางเอามือจิ้มที่เศษเก้าที่พัง

    วอร์เรนทำหน้าจริงจังกว่าเดิมเธอหันไปมองคนของA.R.I  ที่ยังหายใจอยู่แต่ไม่สามารถขยับตัวได้เพราะเลือดที่แข็งตัวขนาดใหญ่ได้ขว้างการทำงานของเส้นประสาทของเขาและเขาทำได้แต่รอความตายเท่านั้น ทั้งสองสบตาก่อนที่วอร์เรนจะหันมามองเดวิด

    4หมื่น” วอร์เรนพูด

    “ถ้าฉันไม่จ่ายล่ะ?” เดวิดถาม

    วอร์เรนไม่พูดอะไรแต่เธอหักเลือดหนามที่แข็งตัวขนาดใหญ่เท่ากำมือเธอหักออกจากคนของA.R.I ก่อนจะแทงไปที่หน้าผากของเขาทำให้เขาเสียชีวิตไปในที่สุด

    “คนขององค์กรหัวหน้าแกจะเละกว่าหมอนี้นะ” วอร์เรนพูด

    “แม่งเอ้ย ก็ได้” ต๋องพูด

    “โถ่จร้ายชิบ แค่เก้าอี้ไม้ไม่กี่ตัวเอง” เดวิดบ่น

    ทั้งคู่มองไปยังร่างที่เละของคนในกลุ่มA.R.I ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันมาสนทนากันต่อ

    “เรื่องนี้ล่ะว่าไง” ต๋องถามด้วยความสงสัย

    วอร์เรนมองไปหน้าของการ์ดที่อยู่ข้างเธอ พวกเขาพยักหน้าเบาๆ ส่งสัญญาณที่มีแต่เธอและพวกเขารู้เท่านั้น

    “พวกแกสองคนจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันให้เวลา3นาที” วอร์เรนพูดพลางชำเลืองมองดูนาฬิกาที่อยู่บนผนังกำแพงของโต๊ะบาร์

    เมื่อได้ยินอย่างนั้นเดวิดวิ่งมาเอาเหล้า40ดีกรีที่โต๊ะบาร์ที่มันยังไม่เปิดไว้และวิ่งหนีไปพร้อมกับต๋อง เมื่อทั้งสองหายจากหน้าประตูวอร์เรนก็สั่งเก็บกวาดทันทีและก่อนเธอจะเดินกลับเธอก็ได้มองไปที่จิม

    “ไงพ่อหนุ่ม มีเรื่องไรจะถามไหม” วอร์เรนพูดพลางเอาไฟแช็กขึ้นมาสูบบุหรี่

    จิมมองไปที่กองศพอย่างเหม่อเลยแต่ก็ได้สติหลังได้ยินเสียงของวอร์เรน

    “อืมแค่สัยสัยเฉยๆ น่ะครับว่า เขาคนนั้นเป็นใครกันแน่…” จิมก้มหน้า

    วอร์เรนที่เห็นอย่างนั้นเธอก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมา

    “ฮึ อยากรู้หรอ?” วอร์เรนถามพลางเอาหน้าเข้ามาใกล้

    จิมที่เห็นอย่างนั้นก็สะดุ้งและถอยหลังไป

    “อะ อ่า ใช่ครับท่าน” จิมพูด

    “เขาคือปีศาจ ปีศาจกลุ่มแรกที่ไม่สนความชั่ว ปีศาจกลุ่มแรกที่ไม่ยอมรับความบ้าคลั่ง และที่สำคัญมันคือปีศาจที่โคตรอันตรายเลยล่ะ” วอร์เรนบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในลิฟต์ปล่อยให้จิมงงกับคำตอบของเธอ

    ด้านนอกบาร์มันเป็นช่วงเวลากลางคืนทุกอย่างมืดมิดก็จริงแต่ก็ไม่ใช่กับทางเท้าของซานดิเอโก

    ทั้งสองวิ่งออกมาจากตรอกจนเวลาผ่านไป พวกเขาก็เลิกวิ่งและเริ่มเปลี่ยนเป็นเดินไปตามถนนแล้วหันมาคุยกันแก้เบื่อกันอีกครั้ง

    “แผลหายยัง” ต๋องเปิดคำถามเป็นคนแรก

    “หายแล้วที่เหลือแค่เปลี่ยนเสื้อ หวังว่าจะมีเสื้อมือสองขายอยู่” เดวิดพูดพลางถกเสื้อโชว์

    “ไม่ต้องล่ะ กูมีเสื้อพอๆ กะตัวมึงอยู่”

    "เอ่อได้เห็นแมกซ์บ้างไหม"เดวิดถามพลางสะบัดหน้าจากอาการมึนหัวของการฟื้นฟูบาดแผลที่โดนยิงที่หลังไป

    "ไม่อ่ะ แต่ได้ยินมาว่าไปถล่มแก๊งกาลามานัวจนแตกทั้งแก๊ง"ต๋องตอบกลับ

    "เอ่อ ถ้าเจอรอบหน้ากะจะชวนไปดื่มหน่อย" เดวิดพูด ก่อนจะกระดกขวดเหล้าขาว40ดีกรีที่ขโมยมาจนถึงหยดสุดท้าย แล้ววางขวดไว้ข้างๆ ทางเดิน

    "อ่าแล้ว จะไปไหนต่อ?" ต๋องหันหน้าทางเดวิด

    "ไปเยี่ยมคาสันหน่อย เดี๋ยวจะชวนไอ่งั่งนั่นไปเที่ยวที่โลกใต้ดินต่อ"

    "อีกแล้ว? รอบก่อนก็เกือบจะโดนเด็กช่างที่วังรุมกระทืบไป" เขายิ้ม

    "ก็แม่งไปกวนตีนเด็กช่างก่อนไง ดีนะที่เจ้าเอเจนมาห้ามไว้ไม่งั้นได้เกิดศึกปะทะที่โรงแช่น้ำร้อนแน่" เดวิดตอบด้วยสีหน้าที่ดูบูดบึ้ง

    "เออ ทำไมพวกนั้นถึงทะเลาะกัน?"

    "ก็แหงสิ คาสันชอบประดิษฐ์พวกของเจ๋งๆ ล้ำหน้ากว่าไอ้พวกนั้น แถมยังไปกวนตีนซื้อของแย่งพวกมันอีก" เดวิดอธิบายพลางทำมือประกอบกับเรื่องที่เล่าไป

    "ตลกดี" ต๋องยิ้มก่อนจะหยุดเดินแล้วไปยืนเอนตัวพิงที่เสาไฟก่อนจะหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาหยิบ1มวนยัดใส่ริมฝีปากแล้วก็จุดไฟให้มัน

    "เออแล้วมึงจะไปไหนต่อ?"เดวิดถาม

    "กลับหอก่อน เดี๋ยวกูจะเอาเสื้อมึงกับกูไปซักที่ร้านคุณนายมากาเล็ต"ต๋องตอบก่อนจะพ่นควันออกมา

    "ดีจริงๆ ที่มีเพื่อนคอยรับใช้ เจอกัน" เดวิด ยิ้มก่อนจะเดินออกไป

    "เหี้ยจริงๆ ที่มีเพื่อนหมาๆ ที่กูต้องคอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้"ต๋อง ด่าพร้อมชูนิ้วกลางใส่เดวิดที่เดินหันหลังให้ออกจากท้องถนน

    เดวิดเดินไปเรื่อยๆ ของทางเท้าจนเขาเจอกับตู้โทรศัพท์ เดวิดมองไปมาก่อนจะเข้าไปในตู้แล้วกดเบอร์โทรที่เข้าต้องการเบอร์ของปีเตอร์หน้าของเขาและเพื่อนของเขา เดวิดใช้เวลาไปสักพักจนกระทั่งปลายสายรับ

    “ฮัลโหล ปีเตอร์ อย่าว่ากูนะ คือกูไปก่อเรื่องมา พอจะข-”

    “เดวิด! น.นั้นคุณใช่ไหม!!”

    เสียงปลายสายไม่ใช่ปีเตอร์แต่เป็นเลขาผู้ช่วยของปีเตอร์ที่ทำงานให้กับองค์กรปีเตอร์มหลังเดวิดออกไปตามหาลูกทีมที่เหมาะสมแก่องค์กร

    “..เกิดอะไรขึ้น?” เดวิดถามด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น

    “ปีเตอร์โดนลักพาตัว! ตอนนั้นเรากำลังเจรจางานอยู่แต่ก็โดนโจมตีฝ่ายลูกค้าและหน่วยรักษาความปลอดภัยตายหมด เราทราบแค่ว่ากลุ่มที่ลักพาตัวคือกลุ่มเอลดริทช์ คาบาล ส่วนสถานะตอนนี้ยังไม่ทราบเลยค่ะ”

    เดวิดนิ่งไปชั่วขณะเขาเหงื่อแตกทันทีที่ได้ยิน นั้นเป็นชื่อที่เขาเกลียดและไม่ชอบที่สุดในหมู่คู่ต่อสู้ของเขา หลังจากเหตุการณ์ท้องฟ้าสีแดงจางลงก็มีกลุ่มแปลกๆเกิดขึ้นมากมายทั่วโลกรวมถึงกลุ่มนักเวทย์นับถือปีศาจที่ใช้พลังจิตได้อย่าง กลุ่มเอลดริทช์ คาบาล เดวิดเอามือปาดเหงื่อออกก่อนจะตั้งสติ

    “ตอนนี้ผมจะให้คุณทำหน้าที่บริหารไปก่อน อย่าบอกให้คนในองค์กรรู้เรื่องนี้ ผมจะขอจัดการเอง ผมสัญญา อีกไม่กี่ชั่วโมงผมจะไปดูสถานการณ์ แค่ไว้ใจผม คิม ” เดวิดพูดพลางมองดวงจันทร์ที่กำลังลงขอบฟ้า

    ปลายสายเหมือนจะลังเลสักพักแต่ก็รีบพูดต้ดประโยคเดวิด

    “ค่ะ! รีบเลยค่ะ ตอนนี้คุณไม่มีเวลาแล้ว” เสียงอีกฝ่ายดูกระวนกระวายเป็นอย่างมากแต่ไม่เท่าเดวิดเขากลัวมากกว่าสิ่งใดซะอีก กลัวที่สูญเสียอีกครั้ง เขากลัวเรื่องนี้จริงๆ เขาไม่อยากให้อดีตมันซ้ำรอยเหมือน6ปีที่แล้วที่ประเทศไทย

    เดวิดวางสายและเปลี่ยนเบอร์ติดต่อทันที เขาลังเลใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเลือกเบอร์ เบอร์ของคนที่จะสามารถช่วยเขาได้ คนที่เก่งพอๆ กับเขาหรืออาจจะเก่งมากกว่าเขา เดวิดรู้และยอมรับเขามองไปที่รายชื่อเบอร์ติดต่อในใบกระดาษเก่าๆ ที่เขาเก็บติดตัวไว้ในกระเป๋าเงินมาตลอดเขากดเบอร์ที่เขาเลือกและรอมัน เขาใช้เวลาสักพักกว่าจะโทรติด เสียงปลายสายไม่พูดอะไรมีเพียงเดวิดเท่านั้นที่ต้องเป็นฝ่ายเริ่ม

    “เอิร์ทฉันมีเรื่องต้องการให้นายช่วย”

    จบบทนำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×