คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ:ไม้หนาม
บทนำ:ไม้หนาม
เดรัจฉาน
แสงสลัวจากเสาไฟของริมถนนของซานดิเอโกกะพริบเป็นระยะ เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความบันเทิงของคนรวย แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลของสังคมที่เน่าเฟะ อาคารต่างๆ เต็มไปด้วยเศษกระสุน และเสียงปืนดังก้องในอากาศ ตรอกซอกซอยที่ซ่อนอยู่ในเมืองจะมีบาร์ที่ซึ่งมีเพียงผู้ที่อยู่ในโลกของความตายเท่านั้นที่รู้จัก มันเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับทหารรับจ้างและนักฆ่าโรคจิตที่แสวงหาความสงบท่ามกลางความวุ่นวาย คุณนายวอร์เรน เจ้าของบาร์สุดเข้มงวดคอยจับตาดูลูกค้าของเธอและเธอมุ่งมั่นที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยภายในขอบเขตของสถานประกอบกิจการของเธอ
เธอเป็นเจ้าของกิจการบาร์แห่งนี้หลังจากจบเหตุการณ์ที่ท้องฟ้าสีแดงทั่วโลกได้จางหายไปแต่ความบ้าคลั่งกลับไม่เคยเบาลงเลยแม่แต่น้อย ผู้คนยังไล่เข่นฆ่ากันเพราะธุรกิจของสงครามสมัยใหม่โดยเหล่าผู้มีอำนาจต่างๆมากมายทั่วโลก
ภายในบาร์เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์และน้ำเลือดที่หกไหลไปทั่วพื้นจากความรุนแรงที่ตกค้างอย่างยาวนานภายในบาร์รวมถึงเสียงตะโกนของนักฆ่าดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน สร้างบรรยากาศที่น่ารำคาญไปทั่วทุกหนแห่ง คุณนายวอร์เรนแม้จะคุ้นเคยกับความบ้าคลั่ง แต่เธอก็ได้แต่ภาวนาอย่างเงียบๆ เพื่อให้ค่ำคืนนี้ไม่มีใครตายในร้านของเธออีก วอร์เรนไม่ได้เป็นห่วงชีวิตผู้คนแต่เธอเป็นห่วงทรัพย์สินสุดแพงในบาร์ของเธอที่เธอหวงนักหวงหนา เธอยืนเอามือเท้าคางตรงระเบียงไม้ชั้นสองของบาร์กวาดสายตาสีเขียวมองไปทั่วๆ สถานที่เพื่อเสพบรรยากาศเล็กน้อย ผมสีแดงยาวดูสวยสะดุดของเธอดึงดูดพวกลูกค้าชั้นล่างไปทั่วแห่งแต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะสิ่งที่เธอมองไปยังด้านล่างก็ไม่ต่างจากขยะที่เธอไม่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานจู่ๆ เธอก็รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยราวกับสัญชาตญาณในตัวเธอกำลังเตือนอะไรบางอย่างให้เธอได้รับรู้ เธอหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดปุ่มติดต่อคนที่เธอต้องการจะคุยด้วย
“อเล็กซ์?” วอร์เรนพูด
“ครับคุณหญิง มีอะไรหรือครับ” เสียงในวิทยุพูดตอบกลับวอร์เรนซึ่งเป็นลูกจ้างของเธอ
“เหมือนเดิมใช่ไหม ไอบ้านั้นน่ะ” เธอพูดพลางชำเลืองตามองไปรอบๆ บาร์
เสียงในวิทยุเงียบสักพักก่อนจะโต้ตอบออกมา
“ครับท่าน เขามาแล้ว เดวิดชาน วันนี้เขามากับเพื่อน รวมเป็น2คน ให้ทำอะไรดีครับท่าน จัดการเลยไหมครับ” เสียงจากวิทยุถามเธอ
วอร์เรนกุมขมับเป็นเวลาสักพักจนเธอคลายมือออกจากหน้าผากและได้ถอนหายใจอย่างเบาๆ
“ถ้าพวกเขามีอาวุธไล่พวกเขาได้เลย แต่หากไม่ก็ให้พวกเขาเข้ามาซะแล้วบอกคนอื่นๆ ด้วย ฉันไม่ต้องการเห็นลูกจ้างเป็นศพแถมเปลืองค่าเงินประกันของฉันอีก” วอร์เรนตอบกลับด้วยเสียงที่ดูเหนื่อยหน่ายก่อนจะปิดวิทยุเก็บเข้ากระเป๋าของเธอไปและเดินกลับไปที่ลิฟต์กดเลือกชั้นใต้ดิน ก่อนประตูลิฟต์จะปิดไปวอร์เรนยืนจ้องมองไปที่ด้านหน้าของเธอมันเป็นประตูลิฟต์ที่ติดภาพจระเข้ที่กำลังสู้กับงูยักษ์กันอยู่และประตูก็ได้ปิดลง
บรรยากาศหน้าทางเข้าดูมืดทึบน่ากลัวแต่ภายในกลับดูรู้สึกสนุกครื้นเคร้งสร้างความบันเทิงให้กับคนในบาร์แต่ค่ำคืนนี้มันจะพิเศษกว่าคืนไหนๆ เพราะบุคคลอันตรายที่ได้รับฉายาเทวทูตสีเลือดอย่าง เดวิด และคู่หูจอมแสบของเขา ต๋อง ก็เลือกที่จะมาดื่มบาร์เหมือนกันกับนักฆ่าบ้าๆพวกนี้ เดวิดและต๋องเดินมาถึงหน้าทางเข้าบาร์อย่างเงียบๆ พยักหน้าให้กับการ์ดติดอาวุธปืนกลเบาอย่างช้าๆ และการ์ดก็พยักหน้ากลับราวกับเข้าใจดี ทั้งสองกอดคอกันพาสังขารตัวเองเข้าไปในบาร์แห่งนี้ เดวิดใส่ชุดสบายๆ เสื้อยืดสีเทาปนดำกับกางเกงยีนสีดำต่างจาก ต๋อง เพื่อนร่วมเดินทางของเดวิดที่ใส่เสื้อกล้ามดำกับกางเกงขาสั้นลายฮาวายสับปะรดสีน้ำเงิน แม้จะมีความวุ่นวายอยู่รอบตัวพวกเขาแต่พวกเขาก็สามารถพบมุมดีๆ ที่จะนั่งดื่มและโต้เถียงกันได้อย่างดุเดือด โดยเสียงก็เริ่มดังขึ้นเหนือเสียงรบกวนฉากหลังของสถานที่ทันทีเมื่อเดวิดได้นั่งที่โต๊ะบาร์เคาน์เตอร์ของบาร์แห่งนี้
“40ดีกรี 2ขวด!” เดวิดตะโกนเสียงดังพร้อมกับเสียงฝ่ามือที่กระชั้นชิดเข้ากับหัวของเดวิดอย่างจัง
“เสียงดังทำเชี่ยอะไร! ไอ้ชาน!” ต๋องหันไปตะคอกใส่เดวิด
เสียงของทั้งสองได้หยุดบรรยากาศภายในบาร์อย่างกระทันหันทันที แล้วตามมาด้วยสีหน้าสุดเซ็งของบาร์เทนเดอร์และสายตาที่จับจ้องมาที่โต๊ะของเดวิดและต๋อง
“ขออภัยครับทุกท่าน ก็แค่ลูกค้าสติไม่ดีสองคนเชิญพวกท่านสนุกกับกิจกรรมของพวกท่านต่อเถอะครับ” บาร์เทนเดอร์ที่อยู่หน้าเดวิดพูดแก้สถานะการณ์ ช่วยให้บรรยากาศในบาร์กลับมาปกติเหมือนเดิมอีกครั้ง
บาร์เทนเดอร์จิม เขาเป็นหนุ่มยุโรปเชื้อไทยที่อายุราวๆ ได้23ปีเขาตัวเล็กผมสีบลอนด์เทากลับเลือกมาทำงานอันตรายหาเลี้ยงชีพตัวเองในย่านเนวาด้า เขาสนิทกับเดวิดตอนเจอกันครั้งแรกทันทีแต่เป็นครั้งแรกที่จิมไม่ประใจเท่าไหร่
“เดวิด อีกแล้วหรอ?” บาร์เทนเดอร์ถามเดวิด
“อ่อใช่เหมือนเดิม40ดีกรี” เดวิดพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มระรื่นราวกับเรื่องก่อนหน้าไม่ได้เกิดขึ้น
“ไม่.. ผมหมายถึงพฤติกรรมแบบนี้น่ะ ทำไมคุณต้องทำตัวอย่างงี้ด้วย มันมีแต่ทำเอาคุณวอร์เรนเกลียดขี้หน้าคุณเอานะครับ” บาร์เทนเดอร์พูดพลางก้มลงไปหยิบขวดเหล้าสีเก่าๆ เขาเอาผ้ามาเช็ดให้ขวดสะอาดพร้อมกับแก้วเล็กๆ
“โอ้ๆ ไอ้หนู เมิงถามคนออทิซึมแดกแบบนี้ เองไม่ได้คำตอบดีๆ หรอก แต่ฉันตอบแทนได้นะก็เพราะสังคมมันบ้า มันก็เลยบ้าตาม” ต๋องพูดพลางมองหน้าเดวิด
“จ้าๆ พ่อบุรุษเลิศดี” เดวิดเคือง
“ก็เข้าใจอยู่ครับแต่อย่างน้อยก็แค่ไม่ต้องไปบ้าตามสังคมก็ได้นี่ครับ?” บาร์เทนเดอร์ พูดก่อนจะวางแก้วไปที่ด้านหน้าเดวิดและเปิดฝา40ดีกรี
“มะนาวเหมือนเดิมนะครับ” บาร์เทนเดอร์มองหน้าเดวิด
“เหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ขอพิเศษกว่าเดิมหน่อย ช่วยเพิ่มเกลือด้วยแต่ไม่เยอะไม่เขย่า” เดวิดตอบ
“ครับและคุณต๋อง?” บาร์เทนเดอร์หันหน้าไปถามอีกฝั่ง
“อ่อ ครั้งก่อนมีไอ้ลูกตุ๊ดเตะไข่ฉันระหว่างดื่มแจ็คฮันนี่เลม่อนไป เจ็บสัส ฉันเข็ดล่ะวันนี้เอาเหล้าแบบเดียวกับเจมส์บอนด์นะสีส้มปนแดงรสชาติขอจัดๆ ใส่มะกอกพร้อมเกลือ อ่อแล้วก็อย่าลืมหัวหอมด้วยช่วยหันมันเป็นเล็กๆ ก็พอ ถ้าลูกใหญ่ไปมันจะไม่อร่อย” ต๋องพูดอย่างใจเย็น
สีหน้าของบาร์เทนเดอร์นิ่งไปชั่วขณะแต่เขาก็พยักเบาๆ ก่อนหันหลังกลับไปทำเครื่องดื่มสุดพิ(สดาร)เศษ ทั้งสองหมุนเก้าอี้ไปทางด้านหลัง เดวิดมองไปยังพวกนักฆ่าที่พวกมันนั่งเมาระงมอยู่ตรงโต๊ะของอีกฟาก จนบทสนทนาแก้เบื่อก็ได้แทรกเข้ามา
“เอ่อ นั้นใช่คนเดียวกันในรายงานไหม?” เดวิดสะกิดต๋องพลางชี้นิ้วไปทางกลุ่มนักฆ่า
“เออกูรู้แล้ว จะชี้นิ้วทำบ้าอะไร?” ต๋องตีมือเดวิด
“เอ้าก็ชี้ให้มึงได้ดูไง” เดวิดชี้นิ้วไปทางกลุ่มนักฆ่าอีกรอบแต่ครั้งนี้พวกมันหันกลับมามองที่โต๊ะเดวิดแต่แอลกอฮอล์ก็มาถึงพอดี ทั้งสองหันหน้ากลับมาที่โต๊ะบาร์ทันทีก่อนจะจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มให้กับบาร์เทนเดอร์จิม
“เฮ้ จิมอย่าพึ่งไปไหนคอยรินให้กู” เดวิดพูด
“ไอ้ชาน มึงปล่อยเด็กไปทำงานสิวะคิดจะกั๊กไว้คนเดียวรึไง” ต๋องพูดพลางจิบเครื่องดื่ม
“อืม ไม่เป็นไรหรอกครับนี่มันเป็นงานบริการ ผมยินดีทำ” บาร์เทนเดอร์ พูดก่อนจะคอยยืนประจำฝั่งเดวิด
“ว้ายๆ ไอควาย” เดวิดพูด พลางทำหน้ายียวนใส่ต๋อง
การมาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถช่วยผ่อนคลายอารมณ์ทั้งสองได้นิดหน่อยอย่างน้อยๆ มันก็ช่วยเพิ่มฝีปากในการสนทนาของทั้งสองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
"ไอ่ห่าต๋อง กูบอกแล้วว่าปีเตอร์ไม่ด่ามึงหรอก!" เดวิดตะโกน
"เออไอ้เวร ได้ใจแล้วเอาใหญ่ ก็กูกลัวปีเตอร์จะฆ่ากูไงเว้ย แต่พอมีมึงอยู่ด้วยกูก็สบายใจได้อยู่ ไอเรื่องปฏิเสธงานแล้วมาพักผ่อนน่ะ"ต๋องยิ้มพลางกระดกเหล้าเข้าปาก
"ฮาฮา เอาเลยต๋อง วันนี้มึงจะต้องได้พักผ่อนไม่ใช่ไปนั่งปวดหลังจากการวิ่งหนีพวกA.R.I ที่จะล่อตูดมึง เฮ้จิมมึงช่วยรินมาอีก"เดวิด พูดติดตลก
“ครับผม” บาร์เทนเดอร์พูดพลางรินเหล้าให้
"พ่อมึงอ่ะชาน ควย" ต๋องด่าเดวิดก่อนจะหันดื่มเครื่องดื่มของตัวเองต่อ
“เอ่อแล้วเอาไงกับไอพวกนั้น” เดวิดพูดพลางยกนิ้วโป้งชี้ไปด้านหลังแต่ไม่ได้หันไปมอง
“ออกจากบาร์แล้วชิ่งหนีดีกว่ากูว่า” ต๋องแนะนำ
“หนีไปไหนหรอ?”
“ก็บ้า-” เดวิดพูดไม่ทันขาดคำก็ถูกขัดด้วยกำปั้นของบุคคลปริศนาที่ยืนอยู่ด้านพวกเขาทั้งสอง หมัดจากหนึ่งในกลุ่มได้ซัดไปที่หน้าของเดวิดและเขาก็ถูกจับกดหัวไว้ที่โต๊ะอย่างแรงใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวช้ำ
“เฮ้ยเชี่ย!” ต๋องตะโกนก่อนเขาจะถูกจับกดหัวและล็อกแขนไว้
บรรยากาศในบาร์เริ่มตึงเครียดขึ้นมาและอาจจะปะทุถึงขั้นรุนแรง
“เฮ้ย ทำบ้าอะไรน่ะปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะเรียกการ์ดมา” บาร์เทนเดอร์จิมตะคอกใส่บุคคลปริศนาทั้ง5คน
“เรียกการ์ด? ตลกดีไอ้หนุ่มฉันไม่ได้ฆ่าสองคนนี้ในที่นี้ซะหน่อยจะเรียกการ์ดมาทำไม” บุคคลปริศนาพูด
“เดี๋ยวไม่สิพวกแก…” บาร์เทนเดอร์จิม
บาร์เทนเดอร์จิม สังเกตชายปริศนาทั้ง5คนพวกเขาล้วนใส่ชุดสูทและแว่นดำพร้อมโลโก้ที่คอที่สักเอาไว้ว่า A.R.I
หรือพวก Arcanum Research Initiative ที่องค์กรมันมีหน้าที่จับพวกเหนือมนุษย์มาทดลองโดยเฉพาะ กลุ่มนี้มีหลายสาขาและพื้นที่รวมถึงยังมีหน่วยหลายเหน่วยเพื่อทำภารกิจประเภทต่างๆ
“ก็ถูก ที่นี้ไม่มีอำนาจพอที่จะต่อกรกับพวกเราและอย่าหวังว่าจะได้มาหยามกับพวกเรา แค่ปล่อยให้พวกฉันจัดการไอ้ขี้กาก2ตัวนี้พวกฉันก็พอใจแล้ว” บุคลากรA.R.I-1พูด
“แกต้องการอะไร?” บาร์เทนเดอร์จิมกัดฟัน
“เราแต่ทำงานของเรา ไอ่สองตัวนี้ทำป่วนไปทั่วเขตของเราแต่อย่างน่าเศร้าทีฝีมือมีแค่นี้”
“ก็เพราะไอ้ขี้กากแพ้เพราะมัวแต่แดกเหล้าเมาไม่สนความตายที่จ้องจะเสียบดากมันไงล่ะฮาฮาฮ่า” บุคลากรA.R.I ยิงมุกออกมาทำทุกคนภายในบาร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ภายในกลุ่มหัวเราะเสียงดังท่ามกลางบาร์เป็นเวลาซักพัก แต่เมื่อพวกเขาหยุดหัวเราะกลับยังมีเสียงหัวเราะอยู่ดีและเสียงตลกนั้นมันไม่ใช่จากใครที่ไหนมันมาจากคู่หูตัวป่วนในที่แห่งนี้
“พวกแกขำบ้าอะไรวะ!?” หนึ่งในบุคลากรA.R.Iได้ตะคอกถามพวกเขา
“กร๊ากไอสัส มุกที่มึงพูดแม่งตลกชิบหาย ทำเอาเยี่ยวเล็ดเลยวะฮาฮา” เดวิดพูดในขณะที่เขาขำแทบกรามค้าง
“เอออะดิ แม่งฮาชิบหาย คิดได้ไงวะ ความตายแม่งจะตอกดากกู ฮาฮาฮ่า” ต๋องหุบยิ้มไม่อยู่เขาพยายามจะไม่ขำแล้วแต่ความทุเรศที่เก็บไว้ในใจได้พุ่งพล่านออกมากหมด
“เงียบเว้ยฉันบอกให้แกเงียบ!!” หนึ่งในบุคลากรA.R.I ตะคอกใส่แต่ทั้งสองยังไม่หยุดขำราวกับคนบ้าที่เจอบ้างสิ่งกระตุ้นเข้า ทำให้หนึ่งในกลุ่มเอาปืนแม็คนั่มจ่อไปที่หลังเดวิด
“กูบอกให้มึงหยุดไง!!”
“ฮาฮ่า กูตายแน่ๆ เลย กร๊าก” เดวิดหันหน้ามองแล้วยิ้มใส่คนที่เอาปืนมาจากเขา
“ปังงง!”
เศษเนื้อได้พุ่งกระจายไปทั่วพื้นที่ทันทีเมื่อกระสุนได้ลั่นออกจากปากกระบอก แต่ส่วนใหญ่เป็นเลือดมากกว่าที่กระเด็นใส่ตัวของกลุ่มบุคลากรA.R.Iทั้งหมด ทั้งบาร์เต็มไปด้วยความเงียบอีกครั้งสายตาจับจ้องไปยังร่างที่ดูไร้ชีวิตของเดวิด
“แม่งเอ้ยเลือดกระเด็นใส่ตัวฉันเต็มเลย"หนึ่งในนั้นพูด
"เอ้า! ดูสิยังจะขำได้อีกไหม!” คนในกลุ่มเอาปืนจ่อหัวไปที่ต๋อง
พวกเขากำลังคาดหวังปฏิกิริยาของต๋อง เขาจะ ร้องไห้? เสียใจ? หวาดกลัว? หรือเรื่องอมทุกข์ต่างๆ หลังจากเพื่อนของตัวเองตายไปต่อหน้า แต่ไม่เลย ไม่ใช่กับคนอย่างต๋อง ปฏิกิริยาของต๋องที่ทำเอาคนในกลุ่มแปลกใจคือ เขาหัวเราะ
“ฮาฮาฮ่่าฮ่า” ต๋อง หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย
“แก..แกหัวเราะบ้าอะไร” หนึ่งในนั้นถาม
“โอ้ อยากรู้หรอ หัวเราะให้กับเด็กที่ไม่ทำการบ้านอย่างพวกมึงไง!” ต๋องตะโกน
“อะไรว-”
ฉึก!!
เลือดที่เปื้อนตามตัวของกลุ่มA.R.Iกลับยืดขยายขึ้นและแข็งทะลุร่างกายของพวกเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วกระดูกและเส้นเลือดของพวกมันทั้งกลุ่มแตกและฉีกขาดอย่างรุนแรง พวกมันทั้งหมดไม่มีเวลาตอบสนองต่อความรู้สึกเจ็บ บางคนก็ตายบางคนก็ล้มคุกเข่าลงไปกับพื้น ปากพูดอะไรไม่ได้ ตัวสั่นและเลือดไหลไปหมดทั้งร่างกาย หนึ่งในนั้นได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเขาไม่แม้แต่คิดหรือได้รับรู้ความจริง ต๋องลุกขึ้นมาก่อนจะเตะไปที่ระหว่างขาของเดวิด
“โอ้ย!” เดวิดตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด
“ไอ่ห่า แผนแกล้งตาย ฉลาดจริงๆเพื่อนกูเนี่ย" ต๋องพูด “ได้เวลากลับบ้านล่ะ” ต๋องมองเดวิดที่สภาพถูกยิงตัวทะลุท้องและหลังของเขาเละมากและดูแย่เกินกว่าคนธรรมดาจะมอง แต่มันเริ่มฟื้นฟูเนื้อเยื่อกลับคืนขึ้นมาในสภาพเดิมได้อีกครั้งราวกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหลังและท้องของเขา
บาร์เทนเดอร์จิมได้แต่ยืนมองว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่เข้าใจสถาณการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่นิด
“อ..อะ..” บาร์เทนเดอร์จิมพูดไม่ออก พลางมองไปที่ตัวเดวิด
“โิอ้ยๆ เจ็บเว้ย จิมพยุงกูขึ้นมาหน่อย” เดวิดพูดพลางเอามือกุมท้อง
จิมไม่รู้ควรจะทำอะไรดีเขากระโดดข้ามโต๊ะบาร์แล้วพยุงตัวเดวิดขึ้นมาจากกองเลือดหนามเขางงไปหมด แต่เมื่อประเมินสถานการณ์อยู่สักครู่เขาก็เข้าใจได้ก่อนจะมองไปหาเดวิด
""มนุษย์กลายพันธุ์?"จิมพูดขณะมองไปที่เดวิด
“เออๆ เห็นว่าเป็นหมาป่าจากตำนานไวกิ้งรึไงไอ่งี่เง่า ไปเอาเหล้ามาเพิ่มสิจิม” ต๋องพูด
“….อ่าครับ” จิมพูดพลางพยักหน้าเบาๆ แต่พอหันหลังจะเดินอ้อมเข้าช่องของนักชงเครื่องดื่มจิมก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อเขาถูกคนเขามาขว้าง
“เออคุณ…” จิมเงยหน้ามอง
สาวร่างใหญ่ผมสีแดงยาวสลวยถึงเองเด่นตาเอาตัวเข้ามาบังจิมไว้ขว้างทางไม่ให้เขาเดินไปต่อ
“ไม่ อย่าเอาเหล้าให้พวกมัน”
คนที่มาขว้างจิมไม่ใช่ใครแต่เป็นวอร์เรนที่เดินเข้ามาขว้างพร้อมการ์ดติดอาวุธหนักอีก3คน เสียงซุบซิบของคนในบาร์ดังกระหึ่มยิ่งกว่าใดๆ ทำให้เธอเริ่มรำคาญ
“เงียบ” เธอพูดอย่างเย็นชาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่กลับสามารถทำเอาคนที่อยู่ในบาร์กลัวจนตัวสั่นได้
“โอ้ๆ คนดังมาวะ เฮ้วอร์เรนฉันเผลอทำเก้าอี้ร้านเธอพังวะ” เดวิดพูดพร้อมชี้นิ้วไปที่เก้าที่พังเพราะพลังวิเศษของเดวิด
“แล้วจะบอกเธอทำไมฟะ ไอ้โง่เอ้ย!” ต๋องตบหัวเดวิดไป
ทั้งสองพูดราวกับเป็นเรื่องสนุกแต่ไม่ใช่กับวอร์เรน เธอไม่สนุกด้วยและตอนนี้เธอดูโกรธมากๆ
“เทวทูตสีเลือดและหมาของเขา… มาทำบ้าอะไรที่นี้” วอร์เรนถาม
“ก็ดื่มเหล้าไง?” เดวิดพูดตอบ
“เฮ้ย ขอโทษเขาสิเว้ย” ต๋องทำหน้าวิตกกังวลต่อสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” วอร์เรนพูดก่อนจะเดินไปหาทั้งสอง เธอเดินไปอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าเดวิดที่ห่างกันประมาณ3ก้าว
“ไหนบอกมาซิว่าจะชดใช้กับที่เก้าอี้ที่ทำจากไม้หายากสีสวยนี้ยังไง?” เธอมองหน้าเดวิดด้วยสายตาที่จริงจัง
เดวิดรู้สึกเฉยๆ จู่ๆ เขาก็คิดอะไรออกอยู่บางอย่าง
“2หมื่นละว่าไง” เดวิดพูดพลางเอามือจิ้มที่เศษเก้าที่พัง
วอร์เรนทำหน้าจริงจังกว่าเดิมเธอหันไปมองคนของA.R.I ที่ยังหายใจอยู่แต่ไม่สามารถขยับตัวได้เพราะเลือดที่แข็งตัวขนาดใหญ่ได้ขว้างการทำงานของเส้นประสาทของเขาและเขาทำได้แต่รอความตายเท่านั้น ทั้งสองสบตาก่อนที่วอร์เรนจะหันมามองเดวิด
“4หมื่น” วอร์เรนพูด
“ถ้าฉันไม่จ่ายล่ะ?” เดวิดถาม
วอร์เรนไม่พูดอะไรแต่เธอหักเลือดหนามที่แข็งตัวขนาดใหญ่เท่ากำมือเธอหักออกจากคนของA.R.I ก่อนจะแทงไปที่หน้าผากของเขาทำให้เขาเสียชีวิตไปในที่สุด
“คนขององค์กรหัวหน้าแกจะเละกว่าหมอนี้นะ” วอร์เรนพูด
“แม่งเอ้ย ก็ได้” ต๋องพูด
“โถ่จร้ายชิบ แค่เก้าอี้ไม้ไม่กี่ตัวเอง” เดวิดบ่น
ทั้งคู่มองไปยังร่างที่เละของคนในกลุ่มA.R.I ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันมาสนทนากันต่อ
“เรื่องนี้ล่ะว่าไง” ต๋องถามด้วยความสงสัย
วอร์เรนมองไปหน้าของการ์ดที่อยู่ข้างเธอ พวกเขาพยักหน้าเบาๆ ส่งสัญญาณที่มีแต่เธอและพวกเขารู้เท่านั้น
“พวกแกสองคนจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันให้เวลา3นาที” วอร์เรนพูดพลางชำเลืองมองดูนาฬิกาที่อยู่บนผนังกำแพงของโต๊ะบาร์
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเดวิดวิ่งมาเอาเหล้า40ดีกรีที่โต๊ะบาร์ที่มันยังไม่เปิดไว้และวิ่งหนีไปพร้อมกับต๋อง เมื่อทั้งสองหายจากหน้าประตูวอร์เรนก็สั่งเก็บกวาดทันทีและก่อนเธอจะเดินกลับเธอก็ได้มองไปที่จิม
“ไงพ่อหนุ่ม มีเรื่องไรจะถามไหม” วอร์เรนพูดพลางเอาไฟแช็กขึ้นมาสูบบุหรี่
จิมมองไปที่กองศพอย่างเหม่อเลยแต่ก็ได้สติหลังได้ยินเสียงของวอร์เรน
“อืมแค่สัยสัยเฉยๆ น่ะครับว่า เขาคนนั้นเป็นใครกันแน่…” จิมก้มหน้า
วอร์เรนที่เห็นอย่างนั้นเธอก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมา
“ฮึ อยากรู้หรอ?” วอร์เรนถามพลางเอาหน้าเข้ามาใกล้
จิมที่เห็นอย่างนั้นก็สะดุ้งและถอยหลังไป
“อะ อ่า ใช่ครับท่าน” จิมพูด
“เขาคือปีศาจ ปีศาจกลุ่มแรกที่ไม่สนความชั่ว ปีศาจกลุ่มแรกที่ไม่ยอมรับความบ้าคลั่ง และที่สำคัญมันคือปีศาจที่โคตรอันตรายเลยล่ะ” วอร์เรนบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในลิฟต์ปล่อยให้จิมงงกับคำตอบของเธอ
ด้านนอกบาร์มันเป็นช่วงเวลากลางคืนทุกอย่างมืดมิดก็จริงแต่ก็ไม่ใช่กับทางเท้าของซานดิเอโก
ทั้งสองวิ่งออกมาจากตรอกจนเวลาผ่านไป พวกเขาก็เลิกวิ่งและเริ่มเปลี่ยนเป็นเดินไปตามถนนแล้วหันมาคุยกันแก้เบื่อกันอีกครั้ง
“แผลหายยัง” ต๋องเปิดคำถามเป็นคนแรก
“หายแล้วที่เหลือแค่เปลี่ยนเสื้อ หวังว่าจะมีเสื้อมือสองขายอยู่” เดวิดพูดพลางถกเสื้อโชว์
“ไม่ต้องล่ะ กูมีเสื้อพอๆ กะตัวมึงอยู่”
"เอ่อได้เห็นแมกซ์บ้างไหม"เดวิดถามพลางสะบัดหน้าจากอาการมึนหัวของการฟื้นฟูบาดแผลที่โดนยิงที่หลังไป
"ไม่อ่ะ แต่ได้ยินมาว่าไปถล่มแก๊งกาลามานัวจนแตกทั้งแก๊ง"ต๋องตอบกลับ
"เอ่อ ถ้าเจอรอบหน้ากะจะชวนไปดื่มหน่อย" เดวิดพูด ก่อนจะกระดกขวดเหล้าขาว40ดีกรีที่ขโมยมาจนถึงหยดสุดท้าย แล้ววางขวดไว้ข้างๆ ทางเดิน
"อ่าแล้ว จะไปไหนต่อ?" ต๋องหันหน้าทางเดวิด
"ไปเยี่ยมคาสันหน่อย เดี๋ยวจะชวนไอ่งั่งนั่นไปเที่ยวที่โลกใต้ดินต่อ"
"อีกแล้ว? รอบก่อนก็เกือบจะโดนเด็กช่างที่วังรุมกระทืบไป" เขายิ้ม
"ก็แม่งไปกวนตีนเด็กช่างก่อนไง ดีนะที่เจ้าเอเจนมาห้ามไว้ไม่งั้นได้เกิดศึกปะทะที่โรงแช่น้ำร้อนแน่" เดวิดตอบด้วยสีหน้าที่ดูบูดบึ้ง
"เออ ทำไมพวกนั้นถึงทะเลาะกัน?"
"ก็แหงสิ คาสันชอบประดิษฐ์พวกของเจ๋งๆ ล้ำหน้ากว่าไอ้พวกนั้น แถมยังไปกวนตีนซื้อของแย่งพวกมันอีก" เดวิดอธิบายพลางทำมือประกอบกับเรื่องที่เล่าไป
"ตลกดี" ต๋องยิ้มก่อนจะหยุดเดินแล้วไปยืนเอนตัวพิงที่เสาไฟก่อนจะหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาหยิบ1มวนยัดใส่ริมฝีปากแล้วก็จุดไฟให้มัน
"เออแล้วมึงจะไปไหนต่อ?"เดวิดถาม
"กลับหอก่อน เดี๋ยวกูจะเอาเสื้อมึงกับกูไปซักที่ร้านคุณนายมากาเล็ต"ต๋องตอบก่อนจะพ่นควันออกมา
"ดีจริงๆ ที่มีเพื่อนคอยรับใช้ เจอกัน" เดวิด ยิ้มก่อนจะเดินออกไป
"เหี้ยจริงๆ ที่มีเพื่อนหมาๆ ที่กูต้องคอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้"ต๋อง ด่าพร้อมชูนิ้วกลางใส่เดวิดที่เดินหันหลังให้ออกจากท้องถนน
เดวิดเดินไปเรื่อยๆ ของทางเท้าจนเขาเจอกับตู้โทรศัพท์ เดวิดมองไปมาก่อนจะเข้าไปในตู้แล้วกดเบอร์โทรที่เข้าต้องการเบอร์ของปีเตอร์หน้าของเขาและเพื่อนของเขา เดวิดใช้เวลาไปสักพักจนกระทั่งปลายสายรับ
“ฮัลโหล ปีเตอร์ อย่าว่ากูนะ คือกูไปก่อเรื่องมา พอจะข-”
“เดวิด! น.นั้นคุณใช่ไหม!!”
เสียงปลายสายไม่ใช่ปีเตอร์แต่เป็นเลขาผู้ช่วยของปีเตอร์ที่ทำงานให้กับองค์กรปีเตอร์มหลังเดวิดออกไปตามหาลูกทีมที่เหมาะสมแก่องค์กร
“..เกิดอะไรขึ้น?” เดวิดถามด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น
“ปีเตอร์โดนลักพาตัว! ตอนนั้นเรากำลังเจรจางานอยู่แต่ก็โดนโจมตีฝ่ายลูกค้าและหน่วยรักษาความปลอดภัยตายหมด เราทราบแค่ว่ากลุ่มที่ลักพาตัวคือกลุ่มเอลดริทช์ คาบาล ส่วนสถานะตอนนี้ยังไม่ทราบเลยค่ะ”
เดวิดนิ่งไปชั่วขณะเขาเหงื่อแตกทันทีที่ได้ยิน นั้นเป็นชื่อที่เขาเกลียดและไม่ชอบที่สุดในหมู่คู่ต่อสู้ของเขา หลังจากเหตุการณ์ท้องฟ้าสีแดงจางลงก็มีกลุ่มแปลกๆเกิดขึ้นมากมายทั่วโลกรวมถึงกลุ่มนักเวทย์นับถือปีศาจที่ใช้พลังจิตได้อย่าง กลุ่มเอลดริทช์ คาบาล เดวิดเอามือปาดเหงื่อออกก่อนจะตั้งสติ
“ตอนนี้ผมจะให้คุณทำหน้าที่บริหารไปก่อน อย่าบอกให้คนในองค์กรรู้เรื่องนี้ ผมจะขอจัดการเอง ผมสัญญา อีกไม่กี่ชั่วโมงผมจะไปดูสถานการณ์ แค่ไว้ใจผม คิม ” เดวิดพูดพลางมองดวงจันทร์ที่กำลังลงขอบฟ้า
ปลายสายเหมือนจะลังเลสักพักแต่ก็รีบพูดต้ดประโยคเดวิด
“ค่ะ! รีบเลยค่ะ ตอนนี้คุณไม่มีเวลาแล้ว” เสียงอีกฝ่ายดูกระวนกระวายเป็นอย่างมากแต่ไม่เท่าเดวิดเขากลัวมากกว่าสิ่งใดซะอีก กลัวที่สูญเสียอีกครั้ง เขากลัวเรื่องนี้จริงๆ เขาไม่อยากให้อดีตมันซ้ำรอยเหมือน6ปีที่แล้วที่ประเทศไทย
เดวิดวางสายและเปลี่ยนเบอร์ติดต่อทันที เขาลังเลใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเลือกเบอร์ เบอร์ของคนที่จะสามารถช่วยเขาได้ คนที่เก่งพอๆ กับเขาหรืออาจจะเก่งมากกว่าเขา เดวิดรู้และยอมรับเขามองไปที่รายชื่อเบอร์ติดต่อในใบกระดาษเก่าๆ ที่เขาเก็บติดตัวไว้ในกระเป๋าเงินมาตลอดเขากดเบอร์ที่เขาเลือกและรอมัน เขาใช้เวลาสักพักกว่าจะโทรติด เสียงปลายสายไม่พูดอะไรมีเพียงเดวิดเท่านั้นที่ต้องเป็นฝ่ายเริ่ม
“เอิร์ทฉันมีเรื่องต้องการให้นายช่วย”
จบบทนำ
ความคิดเห็น