ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rush of Ruin: The First Flame of Ruin เพลิงแรกแห่งการล่มสลาย

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่:4 ผิดหวัง

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 67


    ทางเดินคดเคี้ยวและแคบลงเรื่อยๆ แต่ก็มีร่องรอยของการใช้งานที่บ่งบอกว่าเป็นทางที่กลุ่มลัทธิเอลดริทช์คาบาลใช้บ่อย ๆ เสียงกึกก้องของการต่อสู้เริ่มเบาลงเมื่อพวกเขาลงลึกไปในอุโมงค์ มันแคบและคดเคี้ยว มีทางแยกมากมายที่ทำให้พวกเขาต้องหยุดคิดทุกครั้งก่อนจะเลือกทางเดินต่อก่อนจะเดินไปเจอโถงทางเดินยาวที่รายล้อมไปด้วยห้องขังมากมาย ทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะเดินไปตามโถงทางเดิน เขาเดินผ่านห้องขังแต่ละห้องกลิ่นเน่ายิ่งกว่าอ้วกและเลือด และซากศพของเหยื่อผู้โชคร้ายแต่ละห้อง มันทำเอา เอิร์ทรู้สึกมึนหัว

    “สู่สุขติ..”เขาพูดก่อนจะหันเดินไปมองข้างหน้า

    หลังเดินผ่านไปสักพักเดวิดได้กลิ่นบางอย่างโรยขึ้นมาแตะจมูกของเขา มันทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยก่อนเขาจะรีบไปต้นทางของกลิ่น คาสันและเอิร์ทที่กำลังเดินอยู่ก็ต้องเปลี่ยนมาวิ่งทันทีทั้งคู้ค่อนข้างงงแต่ก็มั่นใจว่ามีอะไรที่เดวิดเจออย่างแน่นอน ทั้งสามวิ่งไปสักพักก่อนจะเจอห้องขังที่เปิดทิ้งไว้ พบคราบเลือดที่พวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นของปีเตอร์แต่มันเยอะมากจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าปีเตอร์อาจจะตายไปแล้ว

    “เดวิด..”

    “ตามหาเขาต่อ..”เดวิดตอบกลับคาสันอย่างเย็นชาก่อนจะวิ่งไปตามกลิ่นเลือดที่เขาสัมผัสได้

    ทางเดินอุโมงค์เหมืองลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งเดวิดวิ่งผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยว เสียงลมหายใจของเขาหนักหน่วงและแผ่วเบาลงจากการตามหาที่ยาวนาน เขาต้องใช้พลังทั้งหมดที่เหลือเพื่อฝ่าไปข้างหน้า ผนังหินรอบๆตัวเต็มไปด้วยร่องรอยการกัดกร่อนจากความชื้นและรอยแตกจากแรงสั่นสะเทือน แต่เขาไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นจนในที่สุดทั้งสามก็มาถึงประตูเหล็กขนาดใหญ่ประดับด้วยอักษรโบราณสีแดงเลือดซึ่งเรืองแสงแปลกประหลาดในความมืด มันเป็นประตูที่ดูแปลกตากว่าทุกบานที่เขาเคยเห็นมาซึ่งดูเหมือนเขาจะคิดถูก เหมือนมันถูกสร้างขึ้นเพื่อพิธีกรรมบางสิ่งหรือขังบางคนไว้ด้านใน ทั้งสามหันหน้ามามองพร้อมกันก่อนเดวิดจะอาสาเปิดคนเปิดประตูก่อน เมื่อเอามือได้สัมผัสกับประตูและกำลังจะออกแรงผลักออก จู่ๆเดวิดก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหน้าประตูเขากระแทกหอกใส่ทันทีเมื่อฝ่าเท้าปริศนาเข้าปะทะมาทางหน้าของเขาอย่างแรง

    เดวิดหงายหลังแทบจะในทันทีแต่เขาก็รีบลุกขึ้นแต่ก็ถูกมือที่อยู่ข้างในห้องลากไปกระทืบเขาต่อ

    “เอาแล้วไง..”คาสันหน่ายก่อนจะวิ่งตามเข้าไปพร้อมกับเอิร์ท

    สายตามองไปรอบๆมันมีสมาชิกลัทธิที่แต่งตัวเหมือนกัน ยืนรายล้อมแท่นสังเวยหินที่มีร่างของชายคนหนึ่งนอนสะบักสะบอมอยู่เมื่อตั้งใจมองก็พบว่าคนๆนั้นคือปีเตอร์

    “ปีเตอร์!”คาสันตะโกน

    แต่ก่อนจะเข้าไปพวกเขาก็พบเดวิดที่กำลังถูกตัวประหลาดบีบคอลอยเหนือพื้นมันน่ากลัวราวกับถูกถอดมาจากหนังสยองขวัญปี90ไม่มีผิด ร่างกายเปลือยเปล่าที่สูงใหญ่แต่ผิวหนังกลับดูเน่าเปื่อย รอยเย็บตะเข็บไปตามตัวของมันและผิวหนังที่ดูไม่เหมือนกันตามรอย มันแทบทำให้เอาทั้งสองแทบอยากอ้วกแต่คาสันก็ฝืนใจยกขวานของเขาปาใส่แขนที่กำลังบีบคอเดวิด ทำให้เขาตกลงสู่พื้นหินพร้อมอาการหายใจติดขัด

    เอิร์ทรีบวิ่งเข้าไปพยุงเดวิดขึ้นก่อนจะพาถอยไปตั้งหลัก “ไหวไหม?” เขาถามสั้น ๆ ขณะที่คาสันตั้งท่ารับมือกับร่างมหึมาที่บัดนี้หันขวับมาเผชิญหน้ากับพวกเขา เสียงหัวเราะแผ่วต่ำของร่างประหลาดดังขึ้น ราวกับว่ามันกำลังชอบใจ

    เสียงชลมุนดึงดูดเหล่าลัทธิตรงหน้าทันที

    “เวรจริงๆ มาถึงจนได้”ชายที่มีรอยสักเต็มใบหน้าหันไปมองกลุ่มของเดวิดระหว่างที่เขายืนอยู่ฝั่งหัวปีเตอร์

    “ปีเตอร์…” เดวิดหันไปสบตากับปีเตอร์ที่นอนสะบักสะบอมอยู่บนแท่นหิน ข้อมือและข้อเท้าของเขาถูกล่ามโซ่ไว้ มือทั้งสองมีร่องรอยตะปูที่ถูกตอกติดกับแท่นจนดูเด่นตา ใบหน้ามีแต่รอยช้ำจนแทบจำไม่ได้

    ชายที่มีรอยสักบนใบหน้าก้าวออกมาจากตรงนั้น ใบหน้าของเขายิ้มกว้างจนน่ากลัว “คุณมาช้ามาก…” เสียงของมันกวนประสาท ขณะที่มันเหลือบมองปีเตอร์ที่นอนหมดสภาพอยู่ราวกับเป็นเพียงเครื่องเซ่นให้กับพระเจ้า

    “ทำไม..”เดวิดพูดเสียงเบา

    “แม้อับราฮัมยังเคยสังเวยลูกตัวเองเพื่อพระเจ้าเลย นับประสาอะไรกับมนุษย์คนนึง”มันตอบกลับ

    คำตอบนั้นทำเอาเดวิดเลือดขึ้นหน้า ความโทสะมันเยอะจนเขาแถมไม่อยากจะใช้หอกเพื่อให้มันได้ตายด้วยมือของเขา

    “มึงคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์มากแค่ไหนวะ”เดวิดแยกหอกตัวเองเป็นสองท่อน ฝั่งซ้ายเป็นส่วนบนคมหอกฝั่งขวาเป็นส่วนล่าง หนังตาเดวิดแทบกระตุกไม่หยุด แสงฮาโลของเขากระพริบไปมาและเริ่มหลั่งเลือด

    “ฝากจัดการตัวหลังด้วย”เดวิดกล่าวก่อนจะเดินไปหาพวกมัน

    เสียงฝีเท้าของเดวิดที่กระแทกกับพื้นหินสะท้อนก้องไปทั่วโถงพิธี เส้นเลือดในตัวเขาเต้นตุบๆ พร้อมกับพลังที่พุ่งผ่านร่างทุกอณูขุมขน แขนทั้งสองข้างถือหอกที่แยกออกเป็นสองส่วน สายตาเขาจับจ้องไปยังชายใบหน้ามีรอยสักที่ยืนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หน้าแท่นพิธี มือของมันแตะเบาๆ บนหน้าอกของปีเตอร์ราวกับจะย้ำให้รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในกำมือแล้ว เสียงโคมไฟและเสียงของท่อระบายน้ำที่ติดตามผนังเพดานอาจเป็นตัวสัญญาณบอกให้เริ่มแต่ไม่ เดวิดเปิดด้วยการวิ่งเข้าหาพวกมันทันทีที่มันแตะตัวปีเตอร์

    คาสันและเอิร์ทมุ่งความสนใจไปที่สัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างหน้าทันทีที่เริ่มการปะทะ  หมัดของเจ้าตัวประหลาดฟัดเหวี่ยงใส่ทั้งสองอย่างรวดเร็วแต่พวกเขาก็กลิ้งม้วนตัวหลบไปตามพื้นก่อนคาสันจะดีดตัวเองไปหาขวานที่ขว้างใส่มัน เขาหยิบมันอย่างร้อนลน ก่อนจะรีบตั้งตัวไปร่วมสู้กับเอิร์ทต่อ

    ทางเดวิดที่โดนสายฟ้าและห่าฝนกรดที่ถูกยิงจากเวทย์มนต์คาถาก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับมันเขาเคยเจออะไรที่หนักกว่านี้จากไอแซคมาแล้ว จนในที่สุดพวกมันก็ปล่อยให้เขามาถึงแท่นบูชาได้สำเร็จ

    “ฆ่ามันซะ!”หนึ่งในนั้นตะโกน ก่อนจะตามมาด้วยการร่ายคาถาแบบเป็นกลุ่มอีกครั้ง

    เดวิดฟาดพวกมันด้วยคมหอกใส่หนึ่งในนั้นที่พยายามสู้ระยะประชิดเดวิดและเดวิดก็เหวี่ยงหอกฟาดกระโหลกมันจนแตกหักด้วยปลายหอกท่อนล่างตอนนี้เดวิดมีอาวุธสองประเภทอยู่ในกำมือ

    เลือดสีแดงเข้มของพวกมันพุ่งกระเซ็นไปทั่วแท่นพิธีเมื่อคมหอกแหลมของเดวิดเฉือนผ่านร่างของพวกมันอย่างไม่ปรานี เสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดของพวกมันดังไปทั่วโถงใต้ดินที่มืดมิด ควันสีดำจากคาถาและพลังเวทมนตร์พุ่งมาจากทุกทิศทาง แต่เดวิดเคลื่อนที่หลบมันอย่างรวดเร็วและไร้ความลังเล หอกสองท่อนในมือหมุนควงอย่างบ้าคลั่งฉีกกระชากร่างของผู้ติดตามลัทธิเป็นชิ้นๆ เขากระหน่ำโจมตีโดยไม่ให้โอกาสพวกมัน

    เสียงแหลมของโลหะปะทะกับโลหะดังสะท้อนอยู่ไม่ไกล คาสันและเอิร์ทพยายามฆ่าสัตว์ประหลาดเน่าเปื่อยข้างหลังให้เดวิดเพื่อให้เขาได้มีสมาธิในการต่อสู้ มันฟาดหมัดลงมาที่พื้นจนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับมันกำลังบ้าคลั่งในการล่าพวกเขา แต่คาสันและเอิร์ทก็ไม่สนใจ เสียงดาบและขวานปะทะกับผิวเน่าของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทิ้งร่องรอยฉีกขาดบนตัวมันเป็นร้อย

    “ทำไมมันไม่ตายซักทีวะ!?”คาสันตะโกนขณะตั้งตัวห่างจากเจ้าสัตว์ประหลาด

    "เราน่าจะต้องตัดคอมัน"เอิร์ทพูด พลางหลบการโจมตีของมันอยู่หลายครั้ง

    คาสันพยักหน้าเบาๆ"มีไอเดียไหม?"

    “ทำให้แม่งล้มซะ”

    หลังเสี้ยววินาทีที่ทั้งสองวางแผนนั้น คาสันเอี้ยวตัวไปทางด้านขวาของตัวมัน โจมตีมันด้านข้าง มันพยายามตามเขาและหัวเราะเสียงแหลมอย่างน่าขนลุก สายตามันยังคงมองคาสันที่หลบไปหลบมาโดยไม่สังเกตเห็นเอิร์ทที่กำลังค่อยๆ หมอบต่ำอยู่ด้านหลัง เมื่อมันกระโดดพุ่งใส่คาสัน เอิร์ทก็พุ่งตัวเข้าข้างใต้ตัวมันด้วยความเร็วสูง เขาใช้ดาบของเขาฟาดเข้าที่ขาอย่างแรงจนข้อต่อและเส้นเอ็นของมันขาดทำมันล้มนอนลงกับพื้นไป

    มันกรีดร้องโหยหวนขณะที่ทรุดตัวลงกับพื้น มันพยายามดันตัวเองชึ้นแต่ก็ทำไม่ได้ คาสันที่ได้โอกาสก็รีบเข้าประชิดตัว เขาควงใบขวานเซเบอร์ของเขาแล้วฟาดไปที่คอของมันเต็มแรง ใบมีดของขวานปักลงที่กระดูกคออย่างแม่นยำ เสียงกระดูกแตกดังสนั่นเมื่อคาสันออกแรงดันอีกหัวของมันจึงแยกออกจากร่าง เลือดสีดำทะลักออกจากบาดแผลเหมือนน้ำหนอง

    “..ห่าอะไรว่ะเนี้ย”คาสันพูดกับตัวเองเบาๆพลางมองดูเลือดของมัน

    หลังทั้งสองฆ่าเจ้าตัวประหลาดตัวนี้ได้สำเร็จพวกเขาก็หันไปมองทางเดวิดที่กำลังไล่ฟันพวกลัทธิอย่างเดือดดาล

    “เราต้องไปช่วยมัน”

    “เออสิวะ รีบไปก่อนที่จ-”เอิร์ทพูดก่อนจะเกิดเสียงผลักประตูอย่างแรง เปิดเผยเหล่าสมาชิกลัทธิที่แห่ขบวนกันมามากมายหมายตาจะฆ่าพวกเขาทั้งสามให้สิ้น

    “เปลี่ยนแผน ถ่วงเวลาเดวิดเหมือนเดิมแหละดีแล้ว”เอิร์ทพูด

    “รับทราบครับนาย”คาสันตอบรับ

    ในขณะที่เอิร์ทและคาสันเตรียมรับกับพวกที่เหลืออยู่ ทางเดวิดก็กำลังเข้าสู่เส้นทางแห่งความโกรธอย่างบ้าคลั่ง เขาฉีกกระชากร่างของสมาชิกกลุ่มลัทธิแต่ละคนด้วยมือของเขา เสียงแหบพร่าของพวกมันดังกรีดร้องขอความเมตตา แต่สายตาของเดวิดไม่เหลือความเห็นใจอีกต่อไป ทุกครั้งที่เขาฟาดหอกใส่พวกมัน ความโกรธของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

    เขาตอน ฟาดมันด้วยดามหอกและฟันมันด้วยคมหอกเป็นระยะการโจมที่รุนแรงของเขาก็แลกมาด้วยการสู้ในระยะประชิดที่ทำให้เขามีโอกาสตายได้ เขาไม่ใช่มนุษย์อมตะ เขาก็ตายได้เหมือนกันดั่งที่เขาได้สลักปนแผ่นป้ายเหล็กที่ห้อยคอของเขาตลอดเวลาเป็นภาษาอังกฤษ Death equalizes all ความตายคือความเท่าเทียม

    เขานึกถึงช่วงเวลาเก่าๆที่บ้าบิ่นในสมัยที่เขาเป็นทหารพราน เขามักกลัวความตายเพราะเขาไม่มีพลังแห่งเลือดแต่ไม่ใช้สำหรับตอนนี้อีกต่อไป

    เดวิดกัดฟันวิ่งเข้าไปกลางวงล้อมของพวกลัทธิอย่างบ้าคลั่ง หอกในมือเขาฟาดลงอย่างไร้ความปรานี คมหอกศักดิ์สิทธิ์แทงทะลวงร่างพวกมันทำให้เนื้อฉีกกระจาย เสียงหอบหายใจและเสียงฟาดฟันปะปนกับเวทย์มนต์ที่ร่ายใส่หน้าเดวิดอย่างไม่หยุดหย่อนแต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรที่จะหยุดเขาได้อีกต่อไป

    เดวิดคำรามพร้อมกับเสียงเลือดที่สาดกระเซ็น เสียงแผ่นป้ายเหล็กที่กระทบกันอยู่ที่คอของเขาดังก้องท่ามกลางความบ้าคลั่ง เขาสบถในใจถึงความชิงชังที่เขามีต่อพวกลัทธิที่บ้าคลั่งเหล่านี้ ทุกครั้งที่เขาโจมตี ความตายก็ดูเหมือนจะรอบตัวเข้าใกล้เรื่อยๆ การโจมตีแบบไม่กลัวเจ็บหรือเสียเลือดได้เปลี่ยนเขาเป็นร่างปีศาจแห่งความโกรธ เลือดสีแดงดำไหลผ่านร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ผิวหนังกระพริบสีแดงราวเปลวเพลิงจากสัญชาตญาณดิบของเขา คมหอกเฉือนเนื้อและกระดูกได้อย่างง่ายดาย กองศพที่เขาฆ่ากองสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เหลือเพียงคนคนเดียวที่ยืนอยู่ตอนหน้าเขาชายที่มีรอยสักยิ้มเยาะชอบใจมันตบมือไปหลายสิบครั้งก่อนเดวิดจะเดินไปที่ด้าหน้าของมัน

    “อยากสั่่งเสียอะไรไหม”เดวิดถามมันพลางหายใจหอบ

    “สั่งเสีย? งั้นขอบคุณที่ช่วยเพิ่มวิญญาณให้กับข้าก็แล้วกัน”

    เดวิดกระชากอวัยวะข้างในตัวของมันอย่างแรงเลือดและไส้ไหลมากองรวมกัน

    “ฮะ ฮะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮา!”มันหัวเราะสำลักเลือดก่อนจะตบมือไปที่พื้นอย่างแรงเกิดวงแหวนสัญลักษณ์ที่มีอักขระที่เดวิดแปลกตา

    “อะไรว-”

    “เลือดแด่พระเจ้าสีเลือด!”

    สิ้นเสียงคำกล่าวเสียงเวทย์ดังสนั่นทันทีที่มันร่ายมนต์ลงกับแท่นจนเกิดหมอกไปทั่วรอบเดวิดทำให้เขามองไม่เห็นตัวมันจนเมื่อสยหมอกสีม่วงได้จางหายไปก็ปรากฏกลายเป็นปีศาจร่างใหญ่ขนาดยักษ์ประมาณ2เมตรและปีเตอร์ที่สภาพเต็มไปด้วยเลือดสีดำมันได้จุติร่างใหม่เป็นปีศาจด้วยการสังเวยวิญญาณทั้งหมดโดยรอบและตัวของปีเตอร์ไปเหลือไว้เพียงสภาพปางตายของเขาที่ดูเหมือนจะหยุดหายใจ

    “ไม่”เขาพูดออกมาแต่ปากไม่ได้ออกเสียงอะไรมันเงียบสนิทคำพูดนับล้านแล่นเข้ามาในหัวแต่ล้วนเป็นคำว่า"ไม่" เขาช็อคอยู่กับสิ่งที่เห็น

    หัวใจเริ่มเต้นแรง

    แรงขึ้น

    .

    .

    .

    .

    ภาพปรากฏเป็นคอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลาสเวกัสเป็นที่พักที่ได้รับการป้องกันที่หนาแน่นที่สุดขององค์กรเอเดนเวย์มันเป็นความทรงจำดีๆในช่วงหน้าร้อนพวกเขาซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารด้วยกันพูดคุยและฉลองให้กับความสำเร็จขององค์กร ทั้งสองแต่งตัวด้วยชุดลำรองไม่มีพิธีรีตองอะไรทั้งนั้นมีแต่ความผ่อนคลายเท่านั้นที่เหลืออยู่

    วันนี้เป็นวันที่ยาวนานราวกับหลายเดือน บทสนทนาปรับความเข้าใจกันก็แทรกขึ้นมา

    “ชาน”ปีเตอร์เรียกเขาแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก

    “ว่า”เดวิดหันไปมองต้นทางระหว่างที่เขากำลังทำอาหารและปีเตอร์ก็เตรียมของเพื่อให้เดวิดปรุงพวกมัน

    “แปลกใจไหมที่..เรามาทำอะไรแบบนี้”

    “หึ ไม่เลยกูคิดว่ามันเป็นวันที่ดีที่สุดนะพ่อคนเก่ง”เดวิดยิ้มตอบ

    ปีเตอร์หัวเราะในลำคอ “ดีที่สุดอย่างนั้นหรอ?”

    “กูคิดว่ากูต้องขอบคุณมึงปีเตอร์ การทำงาน การวางแผน การก่อสร้างแทบทั้งหมดช่วยให้องค์กรของเราเติบโตขึ้น เราแทบไม่ต้องนองเลือดกับคนในประเทศเราได้เมืองสวรรค์มาอยู่ในมือ ปีเตอร์ ฉันชอบนะว่าในที่สุดมันก็มีช่วงเวลาที่คนในองค์กรมีช่วงวันหยุด ลูกทีมของฉันก็ได้ลาพักร้อนไป งานเราแทบไม่มีการนองเลือดเลยในหนึ่งเดือนนี้แม่งสุดจัด ”

    “มันก็แค่ของชั่วคราวชาน”ปีเตอร์ตอบรับเขายิ้มมุมปากเล็กๆ"ทุกอย่างไม่จีรัง แค่ทำให้วันนี้ดีที่สุดก็พอแล้ว"

    “อย่างน้อยเราก็มีความสุข เป็นความสุชที่กูไม่เคยมีมานาน กูไม่ใช่พวกโรคจิตที่ชอบการฆ่าฟันกูแค่ต้องการข่มขวัญศัตรู นี่แหละปีเตอร์ สิ่งที่กูต้องการ การฉลองเล็กๆน้อยๆที่แทบไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้น มันยากนะ”เดวิดพูดพลางชี้เนื้อวัวที่กำลังย่างอยู่บนเตา

    “หัวสมองนายมีแต่เรื่องกินสินะ หึ”ปีเตอร์ตอบกลับพลางหันผักใส่จานทำเป็นสลัด

    “ปีเตอร์จอมเย็นชาของกูหายไปไหนนะ หืมมม”เดวิดลากเสียงยาวขณะยื่นหน้าไปหาปีเตอร์

    ปีเตอร์หัวเราะเบาๆ “นายสนใจฉันเมื่อก่อนมากกว่าหรอ”ปีเตอร์หันหน้าไปทางเดวิด

    “กูชอบมึงในตอนนี้มากกว่า เป็นในแบบที่ควรเป็น”เดวิดพูดเสร็จก็หยิบเนื้อย่างวางใส่จานเสริฟแบบง่ายพร้อมกินกันตรงนั้น แต่เดวิดก็สังเกตุว่าปีเตอร์มองไปที่ท้องฟ้ายามราตรี เขามองตรงไปดวงจันทร์อย่างถลำลึกที่สีหน้าเหมือนจะพอใจอะไรบางอย่าง

    "มีอะไรเปล่า?"เดวิดมองหน้าปีเตอร์

    ปีเตอร์ส่ายหน้าเบาๆ"ฉันคิดว่า ใช่ …เป็นในแบบที่ควรเป็น"

    มันดังขึ้นในหัวและตามมาไม่หยุด

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    เป็นในแบบที่ควรเป็น

    “อ๊าก!!!”

    เดวิดร้องทันทีที่เขาเห็นสภาพปีเตอร์ที่ตกอยู่ในสภาพนั้น

    หนังตากระตุกรัวยิ่งกว่าคนบ้า

    เสียงกรีดร้องของเดวิดดังผสานเข้ากับความเจ็บปวดและความเคียดแค้นจากข้างใน เขากระชับหอกแน่นจนข้อต่อแทบปริแหัก ขณะที่จ้องมองไปภาพเบื้องหน้า ปีเตอร์ที่สภาพบาดเจ็บสาหัสร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดดำที่เปรอะเปื้อนจากการสังเวย ทั่วตัวถูกมัดแน่นกับแท่นหินราวกับสัตว์ที่โดนเชือด มันเป็นภาพที่ทำให้เดวิดแทบจะควบคุมสติไม่อยู่ มันแทบทำให้เขาเป็นบ้า มันเหมือนในวันนั้น วันที่เขาปกป้องเธอไม่ได้

    “เจ้ากลัวไหม?” มันกล่าวเสียงต่ำ “เจ้ารู้สึกถึงสิ่งนี้ไหม เดวิด?”

    สิ้นเสียงคำพูดเดวิดพุ่งเข้าหามันด้วยความเร็วที่เกินธรรมชาติของมนุษย์ หอกในมือแหวกอากาศด้วยเปลวไฟแห่งโทสะ

    แต่ปีศาจร่างยักษ์ก็ไม่ได้กระทบอะไรมาก มันยกแขนขนาดมหึมาขึ้นกันการโจมตีของเดวิด เสียงโลหะกระทบกับผิวหนังที่แข็งหนาของมันทำให้เกิดเสียงกึกก้องไปทั่วห้อง เสี้ยววินาทีนั้นเอง เดวิดรู้สึกถึงแรงต้านทานที่มหาศาล  แต่ความโกรธและความตั้งใจจะฆ่าทำให้เขาไม่หยุดลงแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว หอกในมือเขาแทงทะลวงไปข้างหน้าด้วยแรงมหาศาล แต่มันก็ปัดป้องหอกของเขาพร้อมร่ายคาถาคลุมมือมันเหมือนเกราะป้องกันหนาแน่น แต่แรงกระแทกจากหอกก็ทำให้มันถอยหลังไปหลายก้าว ร่างกายที่ใหญ่โตนั่นสั่นสะท้านไปจากแรงปะทะ แต่ยังคงยืนหยัดไม่ยอมล้มลง

    เสียงกระอักกระอวนที่เหมือนพูดอยู่ในลำคอของปีศาจดังขึ้นก่อนสะบัดมือเพื่อดึงเอามวลเวทย์มืดขึ้นจากพื้นดิน พลังที่พุ่งออกจากวงเวทย์ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ฝุ่นควันและเศษหินกระเด็นกระจายทั่วบริเวณ

    หอกในมือเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงสดจากเลือดของเขาที่ไหลซึมออกมาจากมือ เขายกหอกขึ้นเหนือหัวก่อนจะหวดด้วยแรงทั้งหมดในคราวเดียว คมหอกเปล่งประกายแสงสีแดงที่แผ่ขยายออกไป ราวกับเปลวไฟสีเลือดที่กำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง

    มันพยายามสร้างบาเรียสีมืดขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเอง แต่คมหอกของเดวิดกลับแทงทะลุผ่านได้อย่างง่ายดาย โลหิตและอักขระเวทย์สีแดงเข้มพุ่งทะลักออกมาจากบาดแผลของมัน พลังมหาศาลที่แผ่ขยายออกมาจากเดวิดรุนแรงพอจะทำให้ปีศาจที่ทรงพลังยังต้องถอยไป

    เขาเข้าพุ่งใส่ปีศาจอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเสียบหอกเข้าที่ลำคอของมัน เลือดสีดำพุ่งทะลักออกมาราวกับน้ำพุ ปีศาจร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่ล้มลง เดวิดปล่อยมืออีกข้างก่อนจะต่อยซ้ำเข้าไปที่เบ้าหน้าของเจ้าปีศาจอย่างแรกจนสามารถได้ยินเสียงแตกหักที่ขึ้นมาได้อย่างชัดเจน เดวิดพยายามจะแทงซ้ำแต่ก็โดนมันกระชากตัวด้วยมือที่เต็มไปด้วยพลัง

    มันขว้างเขาอัดใส่กำแพงจนเดวิดกระเด็นไปกระแทกลงกับพื้น แต่เดวิดรีบลุกขึ้นมาตั้งหลัก

    “มา…มาอีก…กูจะฆ่ามึง กูจะทรมานมึงทั้งเป็น" เขาพูดด้วยเสียงต่ำ สภาพโชกด้วยเลือดเต็มตัวและบาดแผลที่กำลังฟื้นฟู เขาคำรามของสัตว์ป่าที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ เขาตวัดหอกด้วยความเร็วที่ทำให้ปีศาจไม่ทันตั้งตัว หอกของเขาเฉือนเข้าไปที่ขาของมันและถีบซ้ำจนทำให้มันเซลงไปกับพื้น

    เดวิดที่กำลังฟาดคมหอกเข้าไปที่ลำคอก็ถูกมันเหวี่ยงมือปัดหอกเขาทิ้ง ทั้งสองจึงเข้าปะทะกันด้วยท่าผสานมือวัดพลังกัน พวกเขาดันกันไปมาในแบบไม่มีใครยอมใคร

    มือทั้งสองกดแน่นลงบนมือ พยายามผลักดันมันจนเสียงกระดูกของทั้งสองฝ่ายดังแตกหัก ด้วยแรงมหาศาลและสัญชาตญาณดิบของเขา ทำให้แม้แต่ปีศาจก็ยังไม่อาจจะรับมือได้ง่ายๆ

    “แกควรพอได้แล้ว แกควรยอมรับชะตากรรมซะที แกไม่มีทางหลบหนีได้อีกต่อไป”มันพูดพลางพยายามออกแรงล้มเดวิด

    เดวิดไม่สนห่าอะไรอีกแล้ว เขาคำรามเสียงต่ำราวกับสัตว์ร้ายที่ห่วงพี่น้องของมัน มือของเขากดลงบนมือของปีศาจแน่นราวกับต้องการจะบดขยี้กระดูกของมันให้แตกเป็นผง เดวิดกัดฟัน เขาเจ็บมาก เลือดพุ่งออกจากจมูกของเขาและเลือดก็เริ่มไหลออกจากมือ เส้นเลือดในตัวเขาพองจนทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเต้นเป็นจังหวะ เดวิดลงมือด้วยความดิบเถื่อนทันที เขาดึงปีศาจเข้ามาใกล้ ก่อนจะปล่อยมือขวาจับมันดึงเข้าหาตัวก่อนที่จะหมุนตัวกระชากลำคอของมันจนกระเห็นหลอดเลือดในคอของปีศาจ แต่มันก็อดทนยืนจับมือเขาไม่ยอมปล่อย มันหมายมั่นจะฆ่าเขาให้ได้และเดวิดก็เหมือนกัน ทั้งสองต่างต้องการฆ่ากันและกัน

    “ฆ่ามัน ฆ่ามันให้หมด!”เสียงปริศนาดังขึ้นตามมาด้วยเสียงลั่นไกปืนประเภทลูกโม่ที่ทำให้เดวิดรู้สึกคุ้นเคยกับมันดังมาจากทางเข้าห้องพิธีกรรมและเสียงกราดยิงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

    “ใครก็ตามที่ใส่ผ้าคลุมฆ่าพวกมันให้หมด!”เสียงดัคลาสดังสนั่นไปทั่วโถงและตามมาด้วยแสงสีและกลิ่นควันไหม้ของปืนที่เข้าปะทะกับร่างกายของเหล่าลัทธิ

    “ทราบครับท่าน!”เหล่าลูกทีมเขาเขาตอบรับคำสั่งและเริ่มโจมตีที่หนักที่สุดดั่งสงคราม

    เหล่านักรบเกราะเต็มตัวบุกฆ่าทะลวงด้วยห่ากระสุนนาๆประเภทและการฆ่าระยะประชิตของยอดฝีมือนักรบของดัคลาสที่ได้ฝึกหนักอย่างจริงจังและสามารถใช้ได้จริงกับทุกสถานการณ์

    เหล่าลัทธิที่โดนโจมตีแบบไม่ทันได้ตั้งตัวก็แตกฝูงกระเจิงพยายามจะหาจุดลอบโจมตีระยะไกลแต่ก็ไม่รอดสายตาเหล่านักรบของดัคลาส

    ในขณะที่ทั้งสองคาสันและเอิร์ทกำลังหันหลังให้แก่กันกัดฟันสู้กับพวกลัทธิก็รีบกระโจนหลบไปหลังเก้าอี้ม้านั่งยาวทันทีที่ได้ยินเสียงปืน

    “ห่าอะไรวะเนี่ย!?”คาสันสบถแทบจะทันที

    “น่าจะเพื่อนเดวิด กูเชื่อนะ เฮ้ยกูเพื่อนเดวิดเว้ย!อย่ายิงกูนะ กูใส่หน้ากากอีกคนใส่แว่นแปลกๆ”เอิร์ทตะโกนบอกเหล่าทหารเทมพารัสเร็กซ์และดัคลาสแต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ใส่ใจอะไรแค่พยายามกำจัดพวกลัทธิให้หมดและรีบเข้าไปช่วยเดวิด

    ในขณะเดียวกัน เดวิดที่ยังคงปะทะกับปีศาจอยู่ข้างหน้า เสียงกระสุนที่ดังขึ้นรอบๆ ทำให้เขาได้สติกลับมา เขากัดฟันแน่นเมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อช่วยกันทำลายพวกมัน เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลือเพื่อสู้กับปีศาจตรงหน้า

    “พอกันที”เดวิดตะคอกใส่ก่อนจะกดมือของมันจนเละด้วยแรงที่เสริมด้วยเลือดของเขาก่อนจะกอดคอกระแทกเข่าเข้าคางของมันอย่างแรงทำให้มันล้มลงจนเดวิดใช้โอกาสนี้ใช้มือทะลวงร่างของมันจนไปถึงหัวใจ เดวิดพยายามจะดึงแต่มันก็กดมือเดวิดไว้ และใช้มืออีกข้างรวมพลังยกขึ้นมาเหนือหัวของมัน

    “ตาย ตาย ตาย!”เดวิดตะคอกใส่มันขณะพยายามส่งแรงไปที่มือเพื่อกระชากหัวใจของมันออกมาแต่เหมือนจะทำไม่ได้อีกต่อไปเพราะปีศาจตนนี้ได้ร่ายเวทย์อันยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆกันพวกสมาชิกลัทธิเอลดริทช์ คาบาล วาร์ปอันตรธานพวกเขาทั้งหมดที่เหลืออยู่หายไปพริบตาเหลือไว้เพียงแสงจางสีม่วงที่ทิ้งไว้กับเสียงของปีศาจตนนั้น"เราจะเจอกันอีกในสงครามครั้งสุดท้ายเพื่อนายเหนือหัวองค์ใหม่ของเรา" เสียงนั้นเงียบลงและหัวใจที่เขาจับก็ว่างเปล่า

    เดวิดล้มใส่พื้นทันทีภาพในหัวพร่ามัวไปหมด เขาเหมือนจะหมดสติจากการใช้แรงและเสียเลือดมากไปแต่ก็ค่อยๆกลับมาฟื้นฟูอีกครั้งแต่ก็คงช้ามากไปหลายเท่า ก่อนจะได้คาสันและเอิร์ทที่วิ่งเข้าไปหาพยุงตัวเขาขึ้นและตามด้วยดัคลาสที่เดินไปหาพวกเขาทั้งสามคน

    หัวสมองเดวิดคิดอะไรไม่ออก สายตาพร่ามัว แต่เมื่อหันไปมองทางปีเตอร์ เขาก็แทบจะเบิกตากว้างโดยทันที

    “ปีเตอร์!”เดวิดพึ่งนึกออกก่อนจะรีบผลักเอิร์ทและคาสันออกห่างเขาและรีบกระชากโซ่ที่ผูกติดกับปีเตอร์ออกให้หมดและลากตัวเขาออกมาเหมือนคนบ้า

    “ไม่ ไม่..”เดวิดพูดขณะโอบกอดร่างของปีเตอร์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลและไร้สติ เลือดสีดำสนิทไหลออกจากปากและแผลของเขา ผิวหนังซีดเซียวราวกับคนที่ผ่านการทรมานมายาวนาน  ดวงตาของเดวิดเต็มไปด้วยความเศร้าขณะที่เขาพยายามพยุงเพื่อนสนิทของเขาให้พ้นจากแท่นพิธีกรรม แต่เดวิดสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบาของเพื่อนเขา

    “เขายังหายใจ...แต่ไอ้คราบสีดำนี่มันอะไรวะ!” เดวิดพูดเสียงสั่น ขณะที่พยายามกอดร่างเพื่อนที่เต็มไปด้วยบาดแผลเอาไว้แน่น เลือดดำที่ไหลออกจากปากและแผลลึกที่ข้อมือและข้อเท้าทำให้เดวิดแทบข่มน้ำตาไว้ไม่อยู่ ความเจ็บปวดที่สลักอยู่บนใบหน้าซีดเซียวของปีเตอร์ทำให้เขารู้ว่าการทรมานที่ปีเตอร์ต้องทนแบกรับนั้นมากกว่าที่เขาคาดคิด เขาผิดพลาดอีกแล้ว เขาไม่น่าติดสนุกเลย เขาควรจะจริงจังกับงานมากกว่านี้ เดวิดโทษตัวเองพร้อมกำปั้นทุบลงไปที่พื้น

    ทีมแพทย์ทหารของดัคลาสเขามาตรวจอาการของปีเตอร์ทันทีดัคลาสเดินเข้ามาใกล้พยุงไหล่ของเดวิดที่เต็มไปด้วยเลือดและความโกรธแค้นที่ยังไม่หายไป ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขามองเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเดวิดแล้วพยักหน้าให้ทีมแพทย์ที่ติดตามมาข้างหลังเข้ามาช่วย ดัคลาสรู้ดีว่าปีเตอร์เป็นเหมือนเส้นชีวิตของเดวิด ในสายตาเดวิด ปีเตอร์ไม่ใช่แค่เพื่อน เขาเป็นทั้งครอบครัว เป็นทั้งความหวังเดียวในชีวิตที่เดวิดเคยมีมาตลอด เขายอมรับที่เขาอิจฉาแต่เรื่องนี้เขาคงต้องยอมรับไปอีกนานแต่เขายังเคืองที่เขาไม่ใช่คนสำคัญอยู่ดี

    “เขาต้องไม่เป็นไร” ดัคลาสพูดออกมาปลอบใจเดวิดที่ยืนดูร่างเพื่อนของเขา ในขณะคาสันและเอิร์ทที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้ มันไม่เคยรุนแรงแบบนี้มาก่อนแต่ทั้งคู่ก็ถอยห่างปล่อยให้เป็นเรื่องของกลุ่มเดวิด

    “เดี๋ยวเราวาร์ปกลับก่อนเลย เรื่องนี้หนักเกิดสำหรับกู”คาสันบอกเอิร์ทพลางล้วงมือเข้าไปหยิบบางอย่าง

    “วาร์ปกลับ? ยังไง”เอิร์ทหันมองหน้าถามพลางเช็ดเลือดออกจากดาบก่อนจะเก็บเข้าฝักดาบ

    “ฉันวางแผ่นวาร์ปไว้ที่โลกใต้ดิน เราจะได้กลับง่ายๆ แต่เดี๋ยวนะ ทำไมกูหามันไม่เจอว่ะ”คาสันพยายามล้วงหาแต่ก็หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

    “กูว่ามันหล่นตรงที่เราหมอบ”เอิร์ทบอกคาสัน

    “เออ..เดี๋ยวกูกลับมา”คาสันรีบวิ่งออกจากห้องไปทิ้งให้เอิร์ทอยู่เฝ้ากลุ่มของเดวิด

    ทีมแพทย์รีบฉีดสารเร่งชีพจร พวกเขาวางสายฉีดยาเข้าไปในเส้นเลือดที่ซีดจนแทบจะไร้ชีวิตของปีเตอร์ ขณะที่อีกคนหนึ่งค่อย ๆ ใช้เครื่องมือพิเศษตรวจวัดการตอบสนองในร่างกาย

    “ระดับ 4 ครับท่าน เราทำอะไรไม่ได้กระดูกตามลำตัวแตกหมด เส้นเลือดฉีกขาดและเราไม่ทราบได้ว่าของเหลวพวกนี้คืออะไร”หนึ่งในทหารแพทย์บอกอาการของปีเตอร์

    “ฉีดสารกระตุ้นให้เขา และมอร์ฟีนเคลื่อนย้ายเขาเดี๋ยวนี้”ดัคลาสสั่งการก่อนจะหันไปติดต่อทางวิทยุสื่อสาร

    “สเปียร์ที่1ลงจอดได้พวกเราปลอดภัย ให้สเปียร์ที่2คุ้มกันทางด้านหน้าแล-”ก่อนจะพูดจบสีดำที่ซึมออกจากแผลของปีเตอร์เริ่มกระจายขึ้นไปที่ท่อนแขนอย่างรวดเร็วราวกับพยายามจะเข้าไปในหัวใจของเขา ทีมแพทย์ที่เหลือทั้งหมดต่างผงะถอยอย่างรวดเร็ว ร่างกายของปีเตอร์เริ่มกระตุกอย่างรุนแรง

    “ถอยออกไป!” ดัคลาสคำรามด้วยความตกใจ เขาดึงหมอที่กำลังจะสัมผัสร่างของปีเตอร์กลับมา

    เดวิดเบิกตากว้าง เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตะโกนลั่น “ปีเตอร์! ” เดวิดพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สติแตกออกไป แต่ภาพของปีเตอร์ที่ร่างกายกำลังถูกสีดำกลืนกินไปอย่างช้า ๆ ทำให้เขาแทบจะไม่สามารถรับกับมันได้

    ดัคลาสหยิบ.44 Magnumขึ้นเล็งใส่ปีเตอร์ทันที เมื่อเอานิ้วเข้าที่ลั่นไกเดวิดก็เอาตัวมาขว้างไว้

    "ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ!"เดวิดตะคอกใส่ดัคลาสทันที ทุกคนในห้องโถงต่างตื่นตกใจกับการกระทำของดัคลาสและเดวิด เอิร์ทหันหน้ามองไปทางทหารที่กำลังจะยกปืนเล็งมาที่เขาก่อนที่เขาจะพุ่งไปด้านหลังมันและเอาดาบจ่อคอเขาทันที

    “ไม่คุ้มเลยไอ่หนู”เอิร์ทพูด

    “เอาตัวแกถอยไปเดวิดและบอกเพื่อนแกให้ปล่อยลูกทีมฉันด้วย”ดัคลาสยกปืนเล็งไปที่เดวิด เดวิดพยักหน้าเบาๆส่งสัญญาณให้เอิร์ทหยุดก่อนที่เขาจะผลักลูกน้องของดัคลาสออกไปไกลและเก็บดาบเข้าตามเดิมแต่เดวิดยังคงยืนขว้างดัคลาสอยู่หน้าร่างของปีเตอร์

    “เราจะไม่จบแบบนี้ เรายังช่วยเขาได้!”เดวิดพยายามพูดขอร้องดัคลาส

    ดัคลาสจ้องมองเดวิดด้วยสายตาเย็นเยียบ ในมือเขายังคงกำแม็กนั่มแน่น ขณะที่เสียงของเดวิดแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง เหมือนเขากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยึดเหนี่ยวความหวังครั้งสุดท้ายเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนของเขา

    “มันไม่มีทางแล้ว.. ถ้าแกยังรักเพื่อนของแกอยู่จริง ปล่อยให้เขาหลุดพ้นซะ อย่าให้เขาทรมานไปมากกว่านี้สิ!” ดัคลาสตะคอกเสียงแข็ง ความแน่วแน่ในดวงตาของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อยุติความทรมานนี้

    “แกคิดว่าการปล่อยให้เขาตายเป็นการช่วยเขารึไง?! มึงบ้าไปแล้วไอ่เหี้ย!” เดวิดตะคอกตอบเสียงสั่น เห็นได้ชัดว่าเขาแทบจะควบคุมสติไม่ได้

    ดัคลาสมองภาพนั้นอย่างชิงชัง “นี่คือสภาพที่แกอยากให้เพื่อนของแกเป็นอยู่หรือไงเดวิด? แกมองเขาในสภาพนี้ได้ยังไง?” เสียงของเขาต่ำและแข็งกร้าว

    “มันยังมีวิธีรักษาอยู่”เดวิดพยายามนึกตัวช่วยที่พอช่วยเดวิดได้แต่นึกไปมาก็คงเหลือเพียงคำตอบที่ดัคลาสน่าจะไม่ชอบที่สุด

    “อาร์คานัม แวนการ์ด กูจะพาปีเตอร์ไปรักษาตัวที่นั่น เอ็ดจะช่วยเขาได้”เดวิดพูด

    “แกบ้าไปแล้วจริงๆเดวิด เพื่อนแกถูกทำให้เป็นแบบนี้ด้วยเวทย์มนต์แต่แกยังคงจะดื้อดึงพาเขาไปเจอกับพวกเวทย์มนต์อีกแล้ว”ดัคลาสพูดออกมาด้วยความน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ"หยุดเถอะเดวิดมันจบแล้วปีเตอร์ตายไปแล้ว"

    “กูยังไม่พร้อมที่จะปล่อยให้มันจบแบบนี้… ไม่ใช่ตอนนี้!” เดวิดกู่ร้องด้วยความบ้าคลั่งในความพยายามสุดท้าย ”เรายังช่วยเขาได้…ด้วยวิธีนี้!”

    “มันไม่มีทางรักษาเขาได้หรอก! เดวิด ตื่นได้แล้ว หลีกทางซะอย่าให้ฉันต้องยิงทะลุตัวแกเลย!”

    ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนนั้นพุ่งถึงขีดสุด สายตาของพวกเขาประสานกันอย่างดุดัน คำพูดสุดท้ายที่ดัคลาสเอ่ยเป็นฟางเส้นสุดท้ายทำให้เดวิดไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้อีกต่อไป เขาสาวหมัดขึ้นแล้วฟาดลงไปที่หน้าของดัคลาสเต็มแรงจนเกราะที่หน้าแตกเกิดเป็นรอยร้าวไปทั่ว

    ดัคลาสเซไปมาจากแรงชก เขาดึงแผ่นเหล็กที่เป็นเกราะใบหน้าทิ้งและปล่อยปืนของเขาลงพื้นทันที เขาตกใจในสิ่งที่เกิด

    “แกอยากจะสู้ให้ตายไปข้างใช่ไหม ห๊ะ!?” ดัคลาสคำราม ขณะพุ่งเข้าหาเดวิดอีกครั้ง หมัดของเขาพุ่งตรงเข้าหาคอของเดวิด เดวิดยกแขนขึ้นมาป้องกันไว้และสวนหมัดกลับไปอย่างแรง แต่ดัคลาสยกไหล์เข้ามารับแทนใบหน้าของเขาและจับเดวิดCQCโดยการเตะงัดขาของเขาและใช้มือดันไหล่ทำให้เดวิดล้มแต่เดวิดก็ตั้งตัวทันก่อนจะถอยห่างไป

    ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความเกลียดชัง

    ไม่มีความสงสารอีกแล้ว ดัคลาส คิด

    ทั้งสองเข้าปะทะต่กันอย่างดุเดือด หมัดและเข่าถูกฟาดใส่กันอย่างไม่ยั้ง ร่างของพวกเขาสะบัดไปมาในห้องโถงเหมืองที่เต็มไปด้วยเศษหินและคราบเลือด พลังที่พวกเขาทุ่มใส่กันนั้นเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ เอิร์ทและลูกทีมดัคลาสรีบเข้ามาพยายามห้ามทั้งคู่ แต่ก็ถูกผลักออกไปอย่างแรง

    ทั้งเดวิดและดัคลาสไม่ยอมหยุด ทั้งสองฟาดหมัดใส่กันอย่างบ้าคลั่ง ความโกรธ ความสิ้นหวัง และความรักที่มีต่อเพื่อนหล่อหลอมเป็นแรงที่ระเบิดออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ แต่ละหมัดที่พวกเขาปะทะกันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกกักเก็บมาอย่างยาวนาน

    “พอได้แล้ว!” เอิร์ทตะโกนสุดเสียง พยายามเข้าขวาง แต่กลับโดนเดวิดผลักออกไปอย่างแรงจนเขากระเด็นไปอีกทาง

    “มึงมันเห็นแก่ตัว ดัคลาส!”

    “คนที่เห็นแก่ตัวคือแกต่างหากเดวิด! เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว!”ดัคลาสสวนกลับทันที

    ทั้งคู่ซัดกันอีกครั้งเดวิดใช้หัวโขกไปที่ดัคลาสแต่ก็โดนดัคลาสโขกสวนกลับก่อนโดนCQCของดัคลาสเข้าไปจนเดวิดล้มหงายหลังและดัคลาสใช้จังหวะนี้ค่อมตัวเดวิดและซัดหน้าเขาหลายหน

    ดัคลาสหอบหายใจหนัก มองไปที่ร่างของปีเตอร์ที่ยังคงนอนหมดสติอยู่ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยช้ำที่บ่งบอกถึงการถูกทรมานมาหนักหน่วง “แกต้องการสิ่งนี้มาโดยตลอดเลยสินะเดวิด…” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความผิดหวัง แต่ก็เต็มไปด้วยความโกรธ “แกจะเสี่ยงชีวิตของปีเตอร์กับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต  ไม่และไม่ เขาควรจะจบ ตอนนี้ที่นี่”

    หลังพูดจบเดวิดก็ศอกหน้าใส่ดัคลาสจนเขาล้มไปทางอื่น เดวิดที่พยายามลุกขึ้นมาก็ถูกเอิร์ทล็อคแขนไว้

    “พอ กูบอกให้มึงพอชาน มึงทำแบบนี้ไปไม่ช่วยเหี้ยอะไรหรอก” เอิร์ทล็อคแขนเดวิดไว้แน่นในขณะที่เดวิดพยายามจะดิ้นออก

    “กูจะเหยียบมันให้ตายคาตีนกู เอิร์ท ทั้งที่เรายังช่วยเขาได้!”

    “แม่งเอ้ย”ดัคลาสพยุ่งตัวเองขึ้นมา เช็ดเลือดจากจมูกที่หักไป เขามองไปที่เดวิดด้วยสายตาที่แค้น"เวทมนตร์มันไม่เคยนำพาสิ่งดีๆ มาเลย เดวิด แกก็รู้ดี พวกเราเสียคนไปเพราะมันมากพอแล้ว ถ้าแกปล่อยให้ปีเตอร์ไปหาพวกเวทมนตร์นั่น เขาอาจจะไม่รอดเพราะแกเลยด้วยซ้ำ!"

    เดวิดกัดฟันแน่นจนรู้สึกถึงเลือดที่ไหลซึมออกจากปาก “ทางเดียวที่กูเห็นมากกว่ามึงคือตอนนี้ต้องพึ่งเวทมนตร์ที่กูไว้ใจเท่านั้น ปีเตอร์ไม่ใช่คนอ่อนแอ และของเหลวนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกคนธรรมดาเข้าใจได้! แกแค่ไม่เข้าใจเอง! ดัคลาสแกก็แค่เป็นเด็กน้อยในกะลาที่ไม่ยอมออกมาดูโลกว่าเกิดอะไรขึ้นไปแล้วบ้าง”

    “หุบปาก! แกกล้าดียังไงมาดูถูกฉัน! ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกแกไปไหนทั้งนั้นแหละ!”ดัคลาสตะคอก

    ในชณะนั้นเองคาสันก็เดินกลับมาพบเห็นพวกเดวิดและทุกคนที่อยู่ในสภาพที่วุ่นวาย

    ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน "เดี๋ยวๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ? ทำไมถึงได้ซัดกันยับขนาดนี้?” เขาพูดเบาๆก่อนจะรีบเดินไปร่วมวง

    เอิร์ทที่พยายามล็อคตัวเดวิดไว้หันมองคาสันด้วยแววตาที่ว้าวุ่น “มึงมาทันเวลาพอดีคาสัน รีบช่วยกูห้ามมันทั้งคู่ที!”

    “พวกมึงจะฆ่ากันเองรึไง? หยุดได้แล้ว!” คาสันตะโกนตะคอกไป พยายามคว้าแขนของเดวิดเอาไว้ แต่แรงของเขาไม่อาจหยุดเดวิดที่กำลังเดือดดาลได้ “ถ้ามึงสู้กันต่อไป พวกมึงจะตายทั้งคู่แล้วปีเตอร์ก็จะตายไปด้วย” คาสันพยายามกล่อม

    “มันจะฆ่าปีเตอร์ คาสัน กูไม่ให้ไอ้เหี้ยนี่ฆ่าปีเตอร์ได้หรอก”เดวิดพูดพลางพลักเอิร์ทออกไป เขายืนมองดัคลาสที่พยายามพยุงตัวเองขึ้นมา

    “มันไม่มีทางรักษาได้หรอก! ฟังไว้นะไอ้งมงาย เขาทรมานมามากพอแล้ว แกควรหยุด ปลิดลมหายใจเขาซะในตอนนี้ที่นี้”ดัคลาสแทรกเสียง

    ในขณะที่คาสันหนักใจ เอิร์ทก็เดินไปไกล้คาสันเพื่อพูดคุย

    “เดวิดมันจะช่วยปีเตอร์ แต่กูก็ไม่มั่นใจนะว่าจะรอดไหมแต่ที่แน่ๆดีกว่าตาย วาร์ปหนีไปพร้อมกันสี่คนเลย”เอิร์ทพูดกับคาสัน

    คาสันพยักหน้าเข้าใจแต่เหมือนการกระทำแปลกๆนี้จะทำให้ดัคลาสดูกังวลเพราะเขารู้ว่าโอกาสที่เดวิดและเพื่อนจะทรยศองค์กรมีเยอะมากแต่ก็จะพอมีโอกาศที่ดึงโอกาสเข้ากลับได้ทันอยู่

    แต่ทันทีที่เขาสังเกตุคาสันที่กำลังหยิบเครื่องวาร์ปมาเขาก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาวุธเขาจึงหยิบ.44ที่อยู่กับพื้นยิงคาสันทันที

    “ไม่!!”เดวิดร้อง

    เอิร์ทพยุงคาสันไว้และพยายามกดแผลที่อกของเขา

    “เหี้ยเอ้ย.."คาสันร้องก่อนจะทรุดลงไปเขาได้ยื่นเครื่องวาร์ปให้เอิร์ททันที “ให้สัมผัสตัวพร้อมกันแล้วกดปุ่ม เครื่องจะทำงานทันที”คาสุนพูดพลางกระอั่กเลือดของเขาออกจากปากก่อนจะล้มตัวลงนอนหมอบไปกับพื้น

    ทันทีที่เสียงกระทบพื้นดังขึ้นความอดทนของเดวิดก่อนหมดลงทันที

    “มึง!!!” เดวิดตะโกนใส่ดัคลาสที่กำลังยืนตะหนักความผิดที่ตัวเองได้ทำลงไปแต่เขายังคงไม่ลดปืนลงในขณะที่เดวิดจะวิ่งเข้าไปหา เอิร์ทใช้แรงที่มีทั้งหมดเอาปลอกดาบกระชากคอเดวิดทำให้เขาล้มลงไปและเขารีบลากเดวิดไปหาปีเตอร์ทันที

    “พวกแกจะหนีไปไหน!”ดัคลาสคำราม

    “เราพูดกันพอแล้ว ไปกันเถอะเดวิด!” เอิร์ทกดอุปกรณ์ที่เครื่องมือของคาสัน วาร์ปสีฟ้าเรืองแสงปรากฏขึ้นตรงหน้า ทั้งเดวิดและเอิร์ทรีบพาร่างของปีเตอร์ก้าวเข้าไปในวงแหวนวาร์ปทันที ขณะที่ดัคลาสยืนมองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ในเวลานั้น

    “หนีไปสิ! หนีไปแล้วทำลายทุกอย่าง! แม่งเอ้ย ไอ้ทรยศ!” ดัคลาสคำรามออกมา พร้อมกับทุบหมัดลงกับผนังหินจนเกิดรอยร้าว ความโกรธและความผิดหวังพลุ่งพล่านในจิตใจของเขา “แม่งเอ้ย ไอ่ทรยศ!” เขาตะโกนใส่ความว่างเปล่า ขณะที่แสงจากการวาร์ปค่อยๆ หายไป ขณะที่ลูกทีมของดัคลาสไปเช็คสภาพของคาสันก็พบว่าร่างของเขากำลังจะสลายคล้ายโฮโลแกรม

    “อะไรวะเนี่ย”หนึ่งในลูกทีมของของเขาพูด

    แต่ทางดัคลาสที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและผิดหวัง เขาหันไปหาลูกน้องของเขาที่กำลังรอคำสั่ง “มันหนีไปแล้ว... และตอนนี้มันคือศัตรูของพวกเรา”

    ลูกน้องของดัคลาสที่ยืนอยู่ใกล้ๆ มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ “แต่เดวิด... เขาเคยเป็นหนึ่งในพวกเรา...”

    เสียงของดัคลาสเย็นชาและหนักแน่น ราวกับเป็นคำประกาศสงคราม "พวกมันต้องชดใช้... เราจะไม่ปล่อยให้มันหลบหนีไปได้” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเจ็บปวดที่สั่งสมมา มือของเขากำด้ามปืนอย่างแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นราวกับพยายามระงับความคับแค้นที่เดือดพล่านในอก

    ดัคลาสเดินถอยกลับไปพิงผนังหินที่เย็นเยียบในเหมือง ความเงียบงันปกคลุมไปทั่ว เขาหายใจลึกๆ ขณะที่ความคิดของเขาหมุนวนไปมา เขานึกถึงภาพปีเตอร์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล ภาพเดวิดที่ยืนยืนประจันหน้ากับเขาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเโกรธ

    “ท่านครับ…บางที ท่านไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” หนึ่งในลูกน้องของเขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลง เขามองไปที่ใบหน้าที่เคร่งเครียดของดัคลาส “บางทีเดวิดอาจจะมีเหตุผลของเขาเองก็ได้ เรารู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะทรยศพวกเราโดยไม่มีเหตุผล...”

    “เหตุผลเหรอ?” ดัคลาสหันมามองลูกน้องด้วยสายตาเย็นเยียบ “เหตุผลของเขาคือการพาเพื่อนของเขาไปรักษากับพวกเวทย์มนต์จอมปลอมนั่น แกเองก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าพวกเวทย์มนตร์มันทำอะไรกับพวกเราและปีเตอร์เองก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความขมขื่น “พวกเวทย์มันไม่เคยเปลี่ยน... มันจะทำลายทุกอย่าง!”

    ลูกน้องของดัคลาสมองหน้าเขาอย่างลังเล ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “บางทีเราอาจจะสามารถพูดคุยกับเขาได้ ลองหาทางออกที่ดีกว่านี้...” แต่ดัคลาสกลับส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ

    “ไม่มีทางแล้วล่ะ... ตอนนี้เขาเลือกเส้นทางของเขาเองแล้ว” เขาตอบเสียงเข้ม “โลกไม่ควรถูกทำลายด้วยเวทย์มนต์…”

    ดัคลาสหันไปหาลูกน้องของเขาทั้งหมดที่ยืนฟังอยู่ในเหมืองสายตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “พวกแกทั้งหมดฟังฉันให้ดี ตอนนี้เดวิดถือว่าเป็นศัตรูขององค์กร และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเวทย์มนตร์นั้นด้วย เราจะไม่ให้พวกมันได้หายใจอย่างสงบ ไม่ว่าจะเป็นปีเตอร์ เดวิด หรือใครก็ตามที่เลือกจะยืนอยู่ตรงข้ามกับเรา เราจะฉีกกระชากทำลายพวกมันให้หมด”

    ลูกน้องของเขาตอบรับคำสั่งด้วยความเคร่งเครียด แม้หลายคนจะยังคงมีความไม่แน่ใจในดวงตา แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของดัคลาส ดัคลาสหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายในองค์กร น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังและเย็นชา “นี่คือดัคลาส... ฉันมีประกาศสำคัญ”

    เสียงเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เดวิด ถูกจัดให้เป็นศัตรูขององค์กรของเรา ตำแหน่งแชมเปี้ยนมาสเตอร์จะถูกถอดออกและจะไม่มีใครทดแทนตอนนี้ พวกมันได้เลือกที่จะหันหลังให้กับพวกเราและยืนอยู่ข้างพวกเวทย์มนตร์และศาสตร์มืด ศัตรูที่แท้จริงของเรา ทุกคนในหน่วยรบให้เตรียมพร้อมและค้นหาตัวพวกมัน... เราจะไม่ปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบ”

    สิ้นเสียงเขาเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้าและเดินออกไปที่ลานจอดฮอลิคอปเตอร์ปล่อยให้ลูกทีมยืนอึ้งกับสิ่งที่ประกาศไป

    ภาพตัดมาที่นักรบคนหนึ่งในทีมของดัคลาส ขณะเดินลาดตระเวนไปตามเส้นทางของเหมือง เธอสะดุดตากับวัตถุประหลาดที่ตกอยู่กับพื้น มีคราบเลือดติดอยู่ตามคมของมันอย่างชัดเจน เธอหยิบหอกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง และพิจารณาอย่างละเอียดด้วยสายตาแหลมคม เธอจำได้ในทันทีว่านี่คือหอกของเดวิด อาวุธที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เฉพาะตัวและทุกครั้งที่ออกภารกิจร่วมกันเธอก็จะเห็นหอกเล่มนี้ทุกครั้ง

    หญิงสาวนักรบคนนั้นถอดหมวกยุทธวิธีออก เผยให้เห็นใบหน้าของเธอที่ถูกปกปิดไว้ ผมสั้นสีขาวของเธอสะท้อนแสงจางๆของตะเกียงจากความมืดมิดของเหมือง จากนั้นเธอก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา ส่งข้อความด้วยน้ำเสียงแฝงความตื่นเต้นเล็กๆ

    “นี่อเล็กซ์... ดูเหมือนว่าฉันจะเจอของดีเข้าให้แล้ว”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×