ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : จุดเริ่มต้นชีวิตเรียนร่วม
งานเลี้ยงอำลาครูเชลซีผ่านพ้นไปไม่นาน เมรินกับเพื่อนๆก็ได้เป็นเด็กเรียนร่วมอย่างเต็มตัว ครีมแยกไปอยู่อีกโรงเรียนหนึ่ง ส่วนเมรินกับทีเจได้เรียนที่โรงเรียนวินเซนต์ดั่งใจปรารถนา ถึงรั้วฟ้าแดงวันแรกนำมาซึ่งความตื่นเต้น
“พี่คม ปลายว่าเราคงต้องถามทางใครสักคนแล้วล่ะ ทางเดินออกกว้าง เดินไปเรื่อยๆคงหาห้องครูพรพิมลไม่เจอแน่ๆ สายมากแล้ว เดี๋ยวน้องเมย์ก็เข้าห้องเรียนไม่ทันกันพอดี”
หญิงสาวร่างท้วมเดินไปก็บ่นกับชายร่างกำยำที่เดินอยู่เคียงข้าง มีเด็กผู้หญิงร่างเล็กสวมชุดนักเรียนตัวใหม่เดินเกาะแขนตามมาข้างหลัง
“นั่นสิน้องปลาย เราคงต้องถามใครแถวนี้แล้วแหละ” น้าคมพยักหน้าเห็นด้วย
ครูพรพิมลที่น้าปลายกล่าวถึง ว่ากันว่าเป็นคนดูแลเด็กเรียนร่วมตาบอดทั้งหมดที่โรงเรียนแห่งนี้ เมรินจำได้ดีตอนที่พี่มินตราท์เคยเล่าให้ฟัง “ถ้าน้องเมย์ไปเรียนที่วินเซนต์ ไม่ต้องกลัวจะไม่มีหนังสืออักษรเบรลล์อ่าน ครูพรพิมลจะคอยช่วยเหลือ” เมรินอยากเจอครูพรพิมลมากเหลือเกิน เมื่อวานน้าคมโทรติดต่อเพื่อพาเมรินมาเข้าเรียน ครูพรพิมลบอกให้มาพบที่ห้องผลิตสื่อ แต่เมื่อมาถึงก็หาห้องไม่เจอเสียนี่
“เอ่อ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เสียงหวานใสเสียงหนึ่งเดินตรงมาทางคนทั้งสาม เจ้าของร่างบาง ผมซอยสั้นเดินมากับเด็กผู้ชายวัยไล่เลี่ยกับเมริน ผิวขาว ผมสั้นเกรียนสีทองดูเด่นสะดุดตา น้าปลายจำได้ว่า หญิงผมซอยสั้นคนนั้นเป็นแม่ของทีเจ เคยเจอกันในวันประชุมผู้ปกครองทุกปี หากแต่ยังไม่เคยพูดคุยกันสักครั้งเดียว
“เอ่อ ห้องครูพรพิมลน่ะค่ะ พวกเราไม่ทราบว่าไปทางไหน”
“อ๋อ ดิฉันกับทีเจกำลังจะไปที่นั่นพอดี ไปด้วยกันเลยนะคะ” แม่ของทีเจกล่าวชวน
“ได้ค่ะ” น้าปลายบอกก่อนที่คนทั้งสามจะพาเด็กในความดูแลไปที่ห้องผลิตสื่อด้วยกัน
เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่า จุดที่เรียกว่า “ห้องผลิตสื่อ” เป็นเพียงห้องเนื้อที่แคบๆซ่อนตัวอยู่ที่มุมตึก ภายในมีชั้นวางหนังสือกับโต๊ะวางเครื่องพิมพ์ดีดเพียงเครื่องเดียว
“สวัสดีค่ะ” เสียงทุ้มติดแหบผู้เป็นเจ้าของห้อง แนะนำตัวว่าชื่อครูพรพิมล พูดคุยทักทายกันสองสามคำ จากนั้นก็พาไปที่ห้องเรียน ทีเจแยกเข้าห้อง ป. สอง ทับสาม ขณะที่เมรินได้อยู่ห้อง ป. สอง ทับสี่ ซึ่งมีครูแพรวาเป็นครูประจำชั้น
ตอนที่เมรินไปถึง เด็กๆคนอื่นกำลังอ่านบทเรียนภาษาอังกฤษเสียงดังฟังชัดแทบทุกคน ครูแพรวาออกมาต้อนรับ พูดจาปราศรัยกันเป็นครู่ใหญ่ก่อนน้าคมกับน้าปลายจะลากลับไป
"มาสิจ๊ะเมริน... เข้าไปที่ห้องเรียนกันเถอะจ้ะ" ครูแพรวาบอกเสียงอ่อนพลางจูงมือเมรินก้าวเดินไปช้าๆ
ห้องเรียนค่อนข้างกว้าง มีนักเรียนไม่ถึงห้าสิบคน ยินเสียงพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษที่เมรินพอจะจับใจความได้
"นี่เพื่อนใหม่เหรอ เขาเป็นอะไร..." เมื่อเสียงหนึ่งสงสัย อีกเสียงก็เกทับ
"นั่นสิ เขาไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหลับตาล่ะ..."
"อะแฮ่ม" ครูแพรวากระแอมเบาๆ เป็นเครื่องหมายให้เงียบเสียง
"เมรินมองไม่เห็นจ้ะ จะมาเรียนร่วมกับพวกเรา ครูขอให้ทุกคนช่วยดูแลเพื่อนด้วยนะคะ..."
"ดูแลยังไงคะครู" เด็กหญิงที่ชื่อฟ้าใสถามซื่อๆ
"ดูแลอย่างไรน่ะหรือ..." ครูแพรวา ทวนคำเสียงอ่อนโยน
"เริ่มจาก...”
“พาเพื่อนไปนั่งโต๊ะซีจ๊ะ"
หนูฟ้าใสลุกจากที่นั่ง เดินมาจับมือเมรินไว้ สอดส่ายสายตา หันรีหันขวางอยู่ชั่วอึดใจ ฉับพลันเสียงหนึ่งก็พูดว่า
"นั่งตรงนี้ก็ได้นะ" ไม่พูดเปล่า เจ้าของเสียงเล็กๆฟังดูเป็นมิตรชี้มือไปยังเก้าอี้ว่างข้างตัวเขา
ฟ้าใสพาเมรินวิ่งปราดไปโดยเร็ว เป็นอันว่าเมรินได้นั่งเรียนข้างเด็กชายเสียงแหบเล็กท่าทางมั่นใจคนนั้น ส่วนฟ้าใสนั่งอยู่ตรงข้ามกัน เมื่อนั่งประจำที่เรียบร้อย ครูแพรวาก็เช็คชื่อนักเรียนอีกครั้ง เมรินคอยฟังว่า เพื่อนใหม่ในห้อง ป. สอง ทับสี่ มีชื่ออะไรกันบ้าง ทุกชื่อที่ได้ยินผ่านหู เมรินไม่เคยคุ้นมาก่อน เท่าที่จำได้ก็มี แมทธิว ชาร์ลี เบล และคนที่นั่งอยู่ข้างเธอก็คือเจสซี่
เช็คชื่อเสร็จก็ถึงเวลาเรียนต่อ และปัญหาก็เกิดขึ้นกับเมรินจนได้
เธอไม่มีหนังสือเรียนเลยสักเล่ม ชั่วโมงนี้เป็นชั่วโมงภาษาไทย
แบบฝึกหัดจากหนังสือที่ครูแพรวาแจกให้ เมรินอ่านไม่ออกแม้สักตัวเดียว เธอจึงหยิบสเล้ทกับสไตลัสมาวางบนโต๊ะตามความเคยชิน
“ต้องบอกไหม” เสียงใสๆข้างตัวเอ่ยถาม พอดีกับครูแพรวาเดินมายืนซ้อนหลังแล้วพูดว่า
“เอาละ เจสซี่ บอกเพื่อนเขียนตามในหนังสือนั่นเลย เสร็จแล้วเอามาส่งครูนะลูก ครูจะเอาไปให้ครูพรพิมลแปล จะได้ตรวจให้คะแนนทีหลัง”
ระบบแปลงาน มีมาตั้งแต่รุ่นบุกเบิกหรือเปล่า เมรินไม่อาจรู้ เธอรู้แต่ว่า เด็กตาบอดต้องมีคนแปลงานให้ เรื่องจะพิมพ์คอมพิวเตอร์หรือ ต้องรอขึ้นชั้นมัธยมถึงจะได้ใช้
สามชั่วโมงผ่านไป การเรียนในช่วงเช้าเสร็จสิ้น เด็กๆเดินออกจากห้องเรียน พร้อมกับพูดคุยทำความรู้จักเพื่อนใหม่ไปด้วย
“เราชื่อเจสซี่ พาเวล เรียกเจสซี่เฉยๆก็ได้ ยินดีที่รู้จักนะ”
เด็กชายผมบลอนด์เริ่มกล่าวขณะนั่งลงที่โต๊ะไม้ยาวเพื่อรอกินข้าวกลางวัน
“เธอเป็นพี่ชายของจินนี่ รุ่นน้องเราที่โรงเรียนสายทิพย์ใช่ไหมจ๊ะ”
เมรินชวนคุยต่อ ด้วยว่าคุ้นเคยกับเสียงของเจสซี่ตั้งแต่ก่อนออกเรียนร่วม
“ใช่ เราตามพ่อกับแม่ไปรับจินนี่ที่สายทิพย์บ่อยๆ เห็นเธอที่สนามเด็กเล่นกับน้องแก้วทุกวันแหละ”
“จริงเหรอ เราก็จำได้ ตอนไปเที่ยวที่พัทยาน่ะ เธอกับแม็ทพาเราลงทะเลด้วย สนุกมากเลยว่าไหมล่ะ”
“นั่นสิ” เพื่อนชายอีกคนที่นั่งข้างๆเจสซี่เอ่ยขึ้นบ้าง เขาพูดเสียงเบาทว่าฟังชัดเจนดี
“เธอไม่ยอมปล่อยมือจากเราเลยนี่นะ”
แล้วเด็กทั้งสามคนก็ส่งเสียงหัวเราะให้กัน เป็นอันว่าในวันแรก
เมรินได้รู้จักกับเพื่อนใหม่
นอกจากเจสซี่กับฟ้าใสก็ยังมี
แมทธิว เบล และชาร์ลี
เด็กๆทั้งหกคนนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ
เมรินรู้ได้ทันทีว่า เพื่อนทั้งห้าคน น่ารัก นิสัยดีและมีน้ำใจ
ชาร์ลีเดินไปหยิบถาดหลุมมาวางให้ เบลช่วยบอกตำแหน่งอาหารแต่ละอย่างว่าอยู่ตรงล็อกใดบ้าง
แมทธิวแบ่งขนมเค้กที่นำมาจากบ้านให้ได้ลิ้มรสความอร่อยอย่างทั่วถึง
อิ่มข้าวกันแล้ว ถึงเวลาต้องล้างถาด เมรินอยากจะเอาถาดของเธอไปล้างเอง แต่เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งก็เอ่ยขึ้น
“รอตรงนี้แหละ ให้พวกเราจัดการเองดีกว่านะ”
เมรินหน้าเสีย นึกไม่ถึงว่า จะถูกกีดกันให้ใจขุ่นเมรินอยากบอกเพื่อนกลุ่มนี้ไปตามตรง สมัยอยู่โรงเรียนสายทิพย์ เธอล้างถาดหลุมกับแพรว ครีม และทีเจ
ทุกวันหลังมื้อเที่ยง หรือจะเป็นตอนอยู่ที่บ้านของเธอเอง น้าปลายก็สอนให้เก็บกวาดห้องส่วนตัวอีกด้วยนะ
เรื่องล้างถาดข้าวกลางวันวันนี้ เมรินมั่นใจว่าทำได้ เมื่อถูกห้ามไม่ให้ทำ เธอเลยต้องปิดปากเงียบ
“ให้เมย์ไปกับพวกเราดีกว่า จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาที่โต๊ะอีก”” แมทธิวสรุปความ ขณะที่ฟ้าใสยกถาดข้าวทั้งหกใบมาวางซ้อนกัน
“เก็บถาดแล้วจะได้ขึ้นห้องเรียน บ่ายนี้เรียนอังกฤษฟังพูดกับครูซามูเอล สนุกมากเลยนะ”
เบลเจื้อยแจ้วต่อแล้วถือแก้วน้ำเดินตามกลุ่มเพื่อนไป
“ขอบใจเธอมากนะ แม็ท วันนี้เราไม่ได้ล้างถาดก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อย เธอก็พาเราเอาถาดไปเก็บที่ชั้นวาง มีเรื่องราวน่าประทับใจกลับไปเล่าให้แม่ปลายฟังแล้วล่ะ”
วิชาอังกฤษฟังพูดเริ่มขึ้นตอนบ่ายโมงพอดิบพอดี วิชานี้สอนโดยครูซามูเอล ครูจากสถาบันสอนภาษาที่เด็กๆนิยมไปเรียนในวันหยุด
ตลอดสองชั่วโมงที่เข้าเรียน เมรินทั้งสนุกและประทับใจ เพราะครูซามูเอลเปิดโอกาสให้เธอได้พูดถามตอบกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เมรินชอบมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนเก่า
บทสนทนาในชั่วโมงแรกไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกประวัติของตัวเองอย่างคร่าวๆ
“ Miss Mae, can you introduce yourself?”
ครูซามูเอลส่งเสียงถามอยู่ไม่ไกล
" Yes I can."
เมรินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนต่อหน้าเพื่อน ยืนทำใจอยู่นานค่อยเอ่ยแนะนำตัวด้วยภาษาอังกฤษถอดสำเนียงแบบที่ครูมุกกับครูวิลเลียมเคยสอนชนิดไม่ผิดเพี้ยน”
“ my name is Merin. I come from Saithip blind school. I’m glad to be here and I’m so happy to meet good teacher and good friend. Thank you.”
ว่าจบ เสียงตบมือก็ดังขึ้นแทบพร้อมกัน
“เยี่ยมเลยเมย์ เธอพูดภาษาอังกฤษดีมาก สำเนียงเหมือนที่ครูซามูเอลสอนเลย จริงไหมแม็ท ฟ้าใสหันไปถามเพื่อนผมทองที่นั่งฟังอยู่ห่างๆ
ฝ่ายนั้นเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปสนใจกับหนังสือตรงหน้าที่ยังอ่านไม่จบ ฟ้าใสมองตามพร้อมเอ่ยปากพึมพำเบาๆ
“แม็ทก็เป็นอย่างนี้ นั่งเงียบอยู่ได้ทั้งวัน”
“แต่เขาก็พูดกับเราตอนกินข้าวอยู่นี่นา” เมรินแอบเถียงในใจ
“วันหนึ่งๆ แม็ทจะพูดแค่ประโยคสองประโยคเท่านั้นแหละ” ถ้าเพื่อนคนไหนที่ไม่สนิทด้วย แม็ทจะไม่คุยเลย”
เจสซี่อธิบาย เมรินออกจะกลัวอยู่ในที คำถามที่ตามมาก็คือ เธอจะทำตัวอย่างไรหากต้องอยู่กับแมทธิวเพียงสองคน
แม็ทไม่ค่อยพูด เมรินเองก็ไม่ใช่คนช่างคุย ต่างคนต่างเงียบใส่กันอย่างนั้นคงไม่สนุกไปทั้งวันแน่ๆ
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง แม็ทคงไม่ทิ้งเพื่อนหรอก อย่างน้อย เขายังมีน้ำใจแบ่งเค้กให้กินตอนพักกลางวัน เนื้อแป้งนุ่มๆสอดไส้ครีมหอมหวาน อร่อยอย่าบอกใครทีเดียวล่ะ
ไม่นานต่อมา การเรียนในช่วงบ่ายก็เสร็จสิ้น
เมื่อเดินลงมาจากตึกเรียน เบลกับชาร์ลีแยกตัวไปเรียนพิเศษกับครูพัชรินทร์ ขณะที่แม่ของฟ้าใสมารอรับกลับบ้านพอดี แมทธิวกับเจสซี่พาเมรินไปที่หน้าห้องดนตรี ซึ่งเป็นจุดนัดพบระหว่างเขากับพี่โมมาหลายปี นับตั้งแต่วันแรกเข้าเรียนอนุบาลที่นี่ ผ่านร้านน้ำปั่นระหว่างทางก็แวะซื้อเป๊บซี่ดื่มพอชื่นใจ
“ใครมารับ” เจสซี่ถามท่ามกลางเสียงเปียโนดังแว่วมาเข้าหู
“น้าคมกับน้าปลายจ้ะ” เมรินตอบ
“เดี๋ยวพวกเราจะอยู่เป็นเพื่อน”
เพื่อนผมบลอนด์บอกอีก คนผมทองนามแมทธิวพยักหน้าเห็นด้วย
นั่งคุยเล่นกันสักพัก น้าของเมรินก็มารับพอดี แมทธิวกับเจสซี่รีบยกมือไหว้ทันที ทั้งสองคนสังเกตว่า นอกจากน้าผู้ชายที่เมรินเรียกว่าน้าคม ก็ยังมีน้าผู้หญิงอีกคน ซึ่งน่าจะเป็นน้าปลายมารับเมรินด้วย
“น้าคมคะ น้าปลายคะ นี่เจสซี่กับแม็ท เพื่อนใหม่ของน้องเมย์ค่ะ” เมรินแนะนำ ทุกคนต่างยินดีที่ได้รู้จักและพูดคุยทักทายกันเป็นอันดี
“กลับก่อนนะ เจอกันใหม่วันจันทร์จ้ะ”
เมรินเอ่ยกับเพื่อนทั้งสองคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และหวังใจว่า ตัวเองจะอยู่ที่โรงเรียนสองภาษาแห่งนี้ได้อย่างมีความสุข
“พี่คม ปลายว่าเราคงต้องถามทางใครสักคนแล้วล่ะ ทางเดินออกกว้าง เดินไปเรื่อยๆคงหาห้องครูพรพิมลไม่เจอแน่ๆ สายมากแล้ว เดี๋ยวน้องเมย์ก็เข้าห้องเรียนไม่ทันกันพอดี”
หญิงสาวร่างท้วมเดินไปก็บ่นกับชายร่างกำยำที่เดินอยู่เคียงข้าง มีเด็กผู้หญิงร่างเล็กสวมชุดนักเรียนตัวใหม่เดินเกาะแขนตามมาข้างหลัง
“นั่นสิน้องปลาย เราคงต้องถามใครแถวนี้แล้วแหละ” น้าคมพยักหน้าเห็นด้วย
ครูพรพิมลที่น้าปลายกล่าวถึง ว่ากันว่าเป็นคนดูแลเด็กเรียนร่วมตาบอดทั้งหมดที่โรงเรียนแห่งนี้ เมรินจำได้ดีตอนที่พี่มินตราท์เคยเล่าให้ฟัง “ถ้าน้องเมย์ไปเรียนที่วินเซนต์ ไม่ต้องกลัวจะไม่มีหนังสืออักษรเบรลล์อ่าน ครูพรพิมลจะคอยช่วยเหลือ” เมรินอยากเจอครูพรพิมลมากเหลือเกิน เมื่อวานน้าคมโทรติดต่อเพื่อพาเมรินมาเข้าเรียน ครูพรพิมลบอกให้มาพบที่ห้องผลิตสื่อ แต่เมื่อมาถึงก็หาห้องไม่เจอเสียนี่
“เอ่อ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เสียงหวานใสเสียงหนึ่งเดินตรงมาทางคนทั้งสาม เจ้าของร่างบาง ผมซอยสั้นเดินมากับเด็กผู้ชายวัยไล่เลี่ยกับเมริน ผิวขาว ผมสั้นเกรียนสีทองดูเด่นสะดุดตา น้าปลายจำได้ว่า หญิงผมซอยสั้นคนนั้นเป็นแม่ของทีเจ เคยเจอกันในวันประชุมผู้ปกครองทุกปี หากแต่ยังไม่เคยพูดคุยกันสักครั้งเดียว
“เอ่อ ห้องครูพรพิมลน่ะค่ะ พวกเราไม่ทราบว่าไปทางไหน”
“อ๋อ ดิฉันกับทีเจกำลังจะไปที่นั่นพอดี ไปด้วยกันเลยนะคะ” แม่ของทีเจกล่าวชวน
“ได้ค่ะ” น้าปลายบอกก่อนที่คนทั้งสามจะพาเด็กในความดูแลไปที่ห้องผลิตสื่อด้วยกัน
เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่า จุดที่เรียกว่า “ห้องผลิตสื่อ” เป็นเพียงห้องเนื้อที่แคบๆซ่อนตัวอยู่ที่มุมตึก ภายในมีชั้นวางหนังสือกับโต๊ะวางเครื่องพิมพ์ดีดเพียงเครื่องเดียว
“สวัสดีค่ะ” เสียงทุ้มติดแหบผู้เป็นเจ้าของห้อง แนะนำตัวว่าชื่อครูพรพิมล พูดคุยทักทายกันสองสามคำ จากนั้นก็พาไปที่ห้องเรียน ทีเจแยกเข้าห้อง ป. สอง ทับสาม ขณะที่เมรินได้อยู่ห้อง ป. สอง ทับสี่ ซึ่งมีครูแพรวาเป็นครูประจำชั้น
ตอนที่เมรินไปถึง เด็กๆคนอื่นกำลังอ่านบทเรียนภาษาอังกฤษเสียงดังฟังชัดแทบทุกคน ครูแพรวาออกมาต้อนรับ พูดจาปราศรัยกันเป็นครู่ใหญ่ก่อนน้าคมกับน้าปลายจะลากลับไป
"มาสิจ๊ะเมริน... เข้าไปที่ห้องเรียนกันเถอะจ้ะ" ครูแพรวาบอกเสียงอ่อนพลางจูงมือเมรินก้าวเดินไปช้าๆ
ห้องเรียนค่อนข้างกว้าง มีนักเรียนไม่ถึงห้าสิบคน ยินเสียงพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษที่เมรินพอจะจับใจความได้
"นี่เพื่อนใหม่เหรอ เขาเป็นอะไร..." เมื่อเสียงหนึ่งสงสัย อีกเสียงก็เกทับ
"นั่นสิ เขาไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหลับตาล่ะ..."
"อะแฮ่ม" ครูแพรวากระแอมเบาๆ เป็นเครื่องหมายให้เงียบเสียง
"เมรินมองไม่เห็นจ้ะ จะมาเรียนร่วมกับพวกเรา ครูขอให้ทุกคนช่วยดูแลเพื่อนด้วยนะคะ..."
"ดูแลยังไงคะครู" เด็กหญิงที่ชื่อฟ้าใสถามซื่อๆ
"ดูแลอย่างไรน่ะหรือ..." ครูแพรวา ทวนคำเสียงอ่อนโยน
"เริ่มจาก...”
“พาเพื่อนไปนั่งโต๊ะซีจ๊ะ"
หนูฟ้าใสลุกจากที่นั่ง เดินมาจับมือเมรินไว้ สอดส่ายสายตา หันรีหันขวางอยู่ชั่วอึดใจ ฉับพลันเสียงหนึ่งก็พูดว่า
"นั่งตรงนี้ก็ได้นะ" ไม่พูดเปล่า เจ้าของเสียงเล็กๆฟังดูเป็นมิตรชี้มือไปยังเก้าอี้ว่างข้างตัวเขา
ฟ้าใสพาเมรินวิ่งปราดไปโดยเร็ว เป็นอันว่าเมรินได้นั่งเรียนข้างเด็กชายเสียงแหบเล็กท่าทางมั่นใจคนนั้น ส่วนฟ้าใสนั่งอยู่ตรงข้ามกัน เมื่อนั่งประจำที่เรียบร้อย ครูแพรวาก็เช็คชื่อนักเรียนอีกครั้ง เมรินคอยฟังว่า เพื่อนใหม่ในห้อง ป. สอง ทับสี่ มีชื่ออะไรกันบ้าง ทุกชื่อที่ได้ยินผ่านหู เมรินไม่เคยคุ้นมาก่อน เท่าที่จำได้ก็มี แมทธิว ชาร์ลี เบล และคนที่นั่งอยู่ข้างเธอก็คือเจสซี่
เช็คชื่อเสร็จก็ถึงเวลาเรียนต่อ และปัญหาก็เกิดขึ้นกับเมรินจนได้
เธอไม่มีหนังสือเรียนเลยสักเล่ม ชั่วโมงนี้เป็นชั่วโมงภาษาไทย
แบบฝึกหัดจากหนังสือที่ครูแพรวาแจกให้ เมรินอ่านไม่ออกแม้สักตัวเดียว เธอจึงหยิบสเล้ทกับสไตลัสมาวางบนโต๊ะตามความเคยชิน
“ต้องบอกไหม” เสียงใสๆข้างตัวเอ่ยถาม พอดีกับครูแพรวาเดินมายืนซ้อนหลังแล้วพูดว่า
“เอาละ เจสซี่ บอกเพื่อนเขียนตามในหนังสือนั่นเลย เสร็จแล้วเอามาส่งครูนะลูก ครูจะเอาไปให้ครูพรพิมลแปล จะได้ตรวจให้คะแนนทีหลัง”
ระบบแปลงาน มีมาตั้งแต่รุ่นบุกเบิกหรือเปล่า เมรินไม่อาจรู้ เธอรู้แต่ว่า เด็กตาบอดต้องมีคนแปลงานให้ เรื่องจะพิมพ์คอมพิวเตอร์หรือ ต้องรอขึ้นชั้นมัธยมถึงจะได้ใช้
สามชั่วโมงผ่านไป การเรียนในช่วงเช้าเสร็จสิ้น เด็กๆเดินออกจากห้องเรียน พร้อมกับพูดคุยทำความรู้จักเพื่อนใหม่ไปด้วย
“เราชื่อเจสซี่ พาเวล เรียกเจสซี่เฉยๆก็ได้ ยินดีที่รู้จักนะ”
เด็กชายผมบลอนด์เริ่มกล่าวขณะนั่งลงที่โต๊ะไม้ยาวเพื่อรอกินข้าวกลางวัน
“เธอเป็นพี่ชายของจินนี่ รุ่นน้องเราที่โรงเรียนสายทิพย์ใช่ไหมจ๊ะ”
เมรินชวนคุยต่อ ด้วยว่าคุ้นเคยกับเสียงของเจสซี่ตั้งแต่ก่อนออกเรียนร่วม
“ใช่ เราตามพ่อกับแม่ไปรับจินนี่ที่สายทิพย์บ่อยๆ เห็นเธอที่สนามเด็กเล่นกับน้องแก้วทุกวันแหละ”
“จริงเหรอ เราก็จำได้ ตอนไปเที่ยวที่พัทยาน่ะ เธอกับแม็ทพาเราลงทะเลด้วย สนุกมากเลยว่าไหมล่ะ”
“นั่นสิ” เพื่อนชายอีกคนที่นั่งข้างๆเจสซี่เอ่ยขึ้นบ้าง เขาพูดเสียงเบาทว่าฟังชัดเจนดี
“เธอไม่ยอมปล่อยมือจากเราเลยนี่นะ”
แล้วเด็กทั้งสามคนก็ส่งเสียงหัวเราะให้กัน เป็นอันว่าในวันแรก
เมรินได้รู้จักกับเพื่อนใหม่
นอกจากเจสซี่กับฟ้าใสก็ยังมี
แมทธิว เบล และชาร์ลี
เด็กๆทั้งหกคนนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ
เมรินรู้ได้ทันทีว่า เพื่อนทั้งห้าคน น่ารัก นิสัยดีและมีน้ำใจ
ชาร์ลีเดินไปหยิบถาดหลุมมาวางให้ เบลช่วยบอกตำแหน่งอาหารแต่ละอย่างว่าอยู่ตรงล็อกใดบ้าง
แมทธิวแบ่งขนมเค้กที่นำมาจากบ้านให้ได้ลิ้มรสความอร่อยอย่างทั่วถึง
อิ่มข้าวกันแล้ว ถึงเวลาต้องล้างถาด เมรินอยากจะเอาถาดของเธอไปล้างเอง แต่เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งก็เอ่ยขึ้น
“รอตรงนี้แหละ ให้พวกเราจัดการเองดีกว่านะ”
เมรินหน้าเสีย นึกไม่ถึงว่า จะถูกกีดกันให้ใจขุ่นเมรินอยากบอกเพื่อนกลุ่มนี้ไปตามตรง สมัยอยู่โรงเรียนสายทิพย์ เธอล้างถาดหลุมกับแพรว ครีม และทีเจ
ทุกวันหลังมื้อเที่ยง หรือจะเป็นตอนอยู่ที่บ้านของเธอเอง น้าปลายก็สอนให้เก็บกวาดห้องส่วนตัวอีกด้วยนะ
เรื่องล้างถาดข้าวกลางวันวันนี้ เมรินมั่นใจว่าทำได้ เมื่อถูกห้ามไม่ให้ทำ เธอเลยต้องปิดปากเงียบ
“ให้เมย์ไปกับพวกเราดีกว่า จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาที่โต๊ะอีก”” แมทธิวสรุปความ ขณะที่ฟ้าใสยกถาดข้าวทั้งหกใบมาวางซ้อนกัน
“เก็บถาดแล้วจะได้ขึ้นห้องเรียน บ่ายนี้เรียนอังกฤษฟังพูดกับครูซามูเอล สนุกมากเลยนะ”
เบลเจื้อยแจ้วต่อแล้วถือแก้วน้ำเดินตามกลุ่มเพื่อนไป
“ขอบใจเธอมากนะ แม็ท วันนี้เราไม่ได้ล้างถาดก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อย เธอก็พาเราเอาถาดไปเก็บที่ชั้นวาง มีเรื่องราวน่าประทับใจกลับไปเล่าให้แม่ปลายฟังแล้วล่ะ”
วิชาอังกฤษฟังพูดเริ่มขึ้นตอนบ่ายโมงพอดิบพอดี วิชานี้สอนโดยครูซามูเอล ครูจากสถาบันสอนภาษาที่เด็กๆนิยมไปเรียนในวันหยุด
ตลอดสองชั่วโมงที่เข้าเรียน เมรินทั้งสนุกและประทับใจ เพราะครูซามูเอลเปิดโอกาสให้เธอได้พูดถามตอบกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เมรินชอบมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนเก่า
บทสนทนาในชั่วโมงแรกไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกประวัติของตัวเองอย่างคร่าวๆ
“ Miss Mae, can you introduce yourself?”
ครูซามูเอลส่งเสียงถามอยู่ไม่ไกล
" Yes I can."
เมรินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนต่อหน้าเพื่อน ยืนทำใจอยู่นานค่อยเอ่ยแนะนำตัวด้วยภาษาอังกฤษถอดสำเนียงแบบที่ครูมุกกับครูวิลเลียมเคยสอนชนิดไม่ผิดเพี้ยน”
“ my name is Merin. I come from Saithip blind school. I’m glad to be here and I’m so happy to meet good teacher and good friend. Thank you.”
ว่าจบ เสียงตบมือก็ดังขึ้นแทบพร้อมกัน
“เยี่ยมเลยเมย์ เธอพูดภาษาอังกฤษดีมาก สำเนียงเหมือนที่ครูซามูเอลสอนเลย จริงไหมแม็ท ฟ้าใสหันไปถามเพื่อนผมทองที่นั่งฟังอยู่ห่างๆ
ฝ่ายนั้นเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปสนใจกับหนังสือตรงหน้าที่ยังอ่านไม่จบ ฟ้าใสมองตามพร้อมเอ่ยปากพึมพำเบาๆ
“แม็ทก็เป็นอย่างนี้ นั่งเงียบอยู่ได้ทั้งวัน”
“แต่เขาก็พูดกับเราตอนกินข้าวอยู่นี่นา” เมรินแอบเถียงในใจ
“วันหนึ่งๆ แม็ทจะพูดแค่ประโยคสองประโยคเท่านั้นแหละ” ถ้าเพื่อนคนไหนที่ไม่สนิทด้วย แม็ทจะไม่คุยเลย”
เจสซี่อธิบาย เมรินออกจะกลัวอยู่ในที คำถามที่ตามมาก็คือ เธอจะทำตัวอย่างไรหากต้องอยู่กับแมทธิวเพียงสองคน
แม็ทไม่ค่อยพูด เมรินเองก็ไม่ใช่คนช่างคุย ต่างคนต่างเงียบใส่กันอย่างนั้นคงไม่สนุกไปทั้งวันแน่ๆ
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง แม็ทคงไม่ทิ้งเพื่อนหรอก อย่างน้อย เขายังมีน้ำใจแบ่งเค้กให้กินตอนพักกลางวัน เนื้อแป้งนุ่มๆสอดไส้ครีมหอมหวาน อร่อยอย่าบอกใครทีเดียวล่ะ
ไม่นานต่อมา การเรียนในช่วงบ่ายก็เสร็จสิ้น
เมื่อเดินลงมาจากตึกเรียน เบลกับชาร์ลีแยกตัวไปเรียนพิเศษกับครูพัชรินทร์ ขณะที่แม่ของฟ้าใสมารอรับกลับบ้านพอดี แมทธิวกับเจสซี่พาเมรินไปที่หน้าห้องดนตรี ซึ่งเป็นจุดนัดพบระหว่างเขากับพี่โมมาหลายปี นับตั้งแต่วันแรกเข้าเรียนอนุบาลที่นี่ ผ่านร้านน้ำปั่นระหว่างทางก็แวะซื้อเป๊บซี่ดื่มพอชื่นใจ
“ใครมารับ” เจสซี่ถามท่ามกลางเสียงเปียโนดังแว่วมาเข้าหู
“น้าคมกับน้าปลายจ้ะ” เมรินตอบ
“เดี๋ยวพวกเราจะอยู่เป็นเพื่อน”
เพื่อนผมบลอนด์บอกอีก คนผมทองนามแมทธิวพยักหน้าเห็นด้วย
นั่งคุยเล่นกันสักพัก น้าของเมรินก็มารับพอดี แมทธิวกับเจสซี่รีบยกมือไหว้ทันที ทั้งสองคนสังเกตว่า นอกจากน้าผู้ชายที่เมรินเรียกว่าน้าคม ก็ยังมีน้าผู้หญิงอีกคน ซึ่งน่าจะเป็นน้าปลายมารับเมรินด้วย
“น้าคมคะ น้าปลายคะ นี่เจสซี่กับแม็ท เพื่อนใหม่ของน้องเมย์ค่ะ” เมรินแนะนำ ทุกคนต่างยินดีที่ได้รู้จักและพูดคุยทักทายกันเป็นอันดี
“กลับก่อนนะ เจอกันใหม่วันจันทร์จ้ะ”
เมรินเอ่ยกับเพื่อนทั้งสองคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และหวังใจว่า ตัวเองจะอยู่ที่โรงเรียนสองภาษาแห่งนี้ได้อย่างมีความสุข
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น