ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คุณครูในดวงใจย
เช้าวันศุกร์เดือนสุดท้ายก่อนปีใหม่ เมรินถือชามเปล่าเดินเข้าสู่ตัวบ้าน ท่ามกลางเสียงไก่ขันจากบ้านข้างเคียงดังไปทั่วบริเวณลานกว้างด้านหน้า
ใส่บาตรพระเสร็จ เมรินต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนสายทิพย์เหมือนเช่นทุกวัน ทีแรกครูประจำชั้นสั่งงดวิชาเรียนทั้งเช้าบ่าย แต่ให้ไปร่วมงานส่งท้ายปีเก่าในตอนเย็น
แล้วยังไง หลังใส่บาตรยังไม่ทันได้กินข้าว เมรินก็ได้รับโทรศัพท์จากครูตู่ให้รีบไปโรงเรียนอย่างปัจจุบันทันด่วน
"อ้าว ไหนว่ายกคลาสทั้งวันไงคะ… ว้า อดฉลองปีใหม่กับคุณยายเลยเรา...”
“ช่างเถอะ กลับบ้านสวนพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย”" เทศกาลปีใหม่ยังมีต่อไปอีกหลายวัน
เมรินมารู้ทีหลังว่า ที่ถูกตามตัวไปโรงเรียนแบบกะทันหันเพราะวันนี้ช่วงเช้า ครูชาลิดา หรือครูเชลซีจะขอเก็บชั่วโมงสอบโอเอ็มก่อนฝึกงานเสร็จ
จริงสิ เรายังไม่ได้สอบปลายภาควิชาโอเอ็มเลย
ตอนที่เพื่อนๆสอบกันเมื่อสัปดาห์ก่อน เมรินป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่เกือบสองอาทิตย์ วันนี้เลยต้องไปสอบย้อนหลังพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนบางคน รวมถึงแพรวกับครีม สองเกลอคนสนิทของเมรินเอง
ต้องขอบอกคุณผู้อ่านก่อนว่า แรกเริ่มเดิมที เมรินอยู่ที่บ้านสวนหลังใหญ่ในตำบลมะค่า น้าคมเป็นตำรวจสายสืบอยู่ที่โรงพักประจำจังหวัด ส่วนน้าปลายทำงานธนาคาร คุณตากับคุณยายยึดอาชีพขายผลไม้มาตั้งแต่เริ่มสร้างครอบครัว
ช่วงชีวิตวัยแรกเกิดจนถึงอายุสี่ขวบ คุณตากับคุณยายจะพาเมรินนั่งรถกระบะไปขายผลไม้ที่ตลาดทุกวัน ถึงยามบ่ายใกล้ค่ำกลับบ้านทันเวลาน้าคมกับน้าปลายเลิกงาน เราก็เข้าครัวเตรียมทำกับข้าวมื้อเย็นกินด้วยกัน
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้วนเวียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมรินโตพอที่จะเข้าเรียนหนังสือได้ น้าปลายจึงพาไปฝากเตรียมความพร้อมที่โรงเรียนสายทิพย์ ตั้งแต่วันนั้น น้าทั้งสองคนก็ได้พาเมรินย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านจัดสรรหน้าโรงเรียนสอนคนตาบอดหลังนี้เอง
วันแรกที่ไปถึง เมรินอาจงอแงตามประสาเด็กที่ไม่เคยอยู่ห่างจากครอบครัว ได้ยินเสียงรถกระบะที่เคยคุ้นแล่นจากไป น้ำตาก็ยิ่งไหลชนิดไม่มีทางใดจะควบคุม
“น้องเมย์ มาหาครูซิลูก หยุดร้องไห้นะจ๊ะคนเก่ง”
เสียงครูมุก ครูประจำชั้นอนุบาลในตอนนั้นพูดกับเมรินอย่างอ่อนโยน ครูมุกจูงมือเมรินไปที่ห้องเรียนขนาดย่อม เพื่อนๆวัยเดียวกันนั่งร้อยลูกปัดอยู่ที่โต๊ะ
ครูมุกแนะนำเมรินกับเพื่อนในชั้นเรียน แล้วพาไปที่นั่งริมหน้าต่าง ตอนนั้นเองเมรินได้รู้จักจุฑาภรณ์ หรือครีม และปิยฉัตร หรือแพรว ทั้งสองคนส่งเสียงทักทายก่อนที่ครีมจะยื่นตุ๊กตาลิงสีชมพูให้
“ลิงตีกลอง ลองหมุนปุ่มกลมๆที่มือมันดูสิ” ครีมอธิบาย เมรินรับคำแล้วคลำหาปุ่มไขลาน อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าลิงตัวนี้จะตีกลองเสียงดังแค่ไหน
“แกร็ก” เสียงปุ่มไขลานจากลิงสีชมพูทำลายความเงียบขึ้น ฉับพลันก็มีเสียง “แกร็ก” จากตุ๊กตาในมือครีม แนน และจากเพื่อนอีกหลายคนดังขึ้นพร้อมๆกัน นาทีต่อมาก็เกิดเสียงมือลิงกระทบกล่องเหล็กกลมๆแบบไม่เป็นจังหวะ ดังก้องทั่วห้องเรียน
เมรินสะดุ้งตัวลอยในตอนแรก พอเล่นไปสักพักเริ่มติดใจ น้ำตาหยุดไหล อาการคิดถึงบ้านที่เคยเป็นเมื่อครู่ได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
เพราะลิงสีชมพูตัวนี้เองที่พาให้เมริน กลายมาเป็นเพื่อนกับครีมและแพรว จนเมื่อทีเจย้ายเข้ามาเรียนอนุบาลสอง และน้องแก้วข้ามมาเรียนห้องเดียวกันในชั้น ป, หนึ่ง ทั้งสองคนคุยเก่ง และเข้ากับพวกเราได้ดี พวกเราจึงรับทีเจกับแก้วเข้ามาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
ขณะนี้ ทั้งห้าคนเรียนจบ ป. หนึ่ง แล้ว เมริน ครีม และทีเจกำลังจะออกไปเรียนร่วม แพรวกับแก้วยังอยู่ที่โรงเรียนเดิม หากความสัมพันธ์ฉันเพื่อนก็ยังไม่จางหาย และดูเหมือนว่าจะยิ่งผูกพันแนบแน่นขึ้นอีกด้วยนะ...
ที่โรงเรียนวันนี้เพื่อนๆของเมรินมารวมกลุ่มกันพร้อมหน้า ขาดแต่น้องแก้วเท่านั้น เด็กทั้งสี่คนนั่งกินขนม และพูดคุยไปพลางๆระหว่างรอ สอบวิชาสุดท้ายกับครูเชลซี
“เราตกใจมากเลย ตอนครูตู่โทรไปที่บ้านน่ะ” เมรินเล่าเสียงใส ขณะนั่งรับลมหนาวบนเก้าอี้หินอ่อนหน้าตึกเรียน
“ทีแรกน้าคมกับน้าปลายวางแผน กลับบ้านสวนตั้งแต่เมื่อคืน ยังดีที่เปลี่ยนใจ ไม่งั้นเราได้สอบวิชานี้หลังปีใหม่แน่ๆ”
“ใช่ ถึงวันนั้นคนทดสอบคงไม่ใช่ครูเชลซีหรอก” แพรวพูด เมรินเองใจหายเหมือนเพื่อนๆ ไม่อยากให้ครูเชลซี กลับไปเรียนต่อเลย ตัวเธอกับเพื่อนๆก็จะออกเรียนร่วมในเทิมหน้า เมรินคิดว่าทั้งสองอย่างนี้น่าใจหายพอๆกัน
ตลอดสามเดือนที่อยู่ด้วยกัน เมรินรู้สึกผูกพันกับครูเชลซีตั้งแต่วันแรกที่ได้ยินเสียง ยังจำกลิ่นน้ำหอมกับน้ำเสียงหวานสดใสขณะอ่านข้อสอบให้ฟังเมื่อวันพุธได้ไม่ลืม
“ว่าไป ครีมไม่อยากให้ครูเชลซี กลับอเมริกาเหมือนกัน ไม่เคยลืมวันเกิดครีมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”
“หลังสอบปลายภาควันสุดท้าย ครูเชลซีพาไปกินข้าวตอนเย็น แถมมีของขวัญให้ด้วย ไม้เท้าอันใหม่ของครีมนั่นไง” เด็กหญิงครีมชูไม้เท้าพับได้ขนาดสี่ท่อนให้ลองสัมผัส กลิ่นความใหม่ยังไม่จางหาย สีของปลอกซิลิโคนตรงด้ามจับก็ยังไม่หลุดลอก เมื่อแกะเชือกไนล่อนและกางออก ไม้นั้นยาวพอดีกับความสูงของครีม
“ใช้ไม้เท้าใหม่สอบโอเอ็มเลยสิครีม นั่นไง ครูเชลซีกำลังมา”
แพรวพูด ขณะที่ครีมก็จำเสียงต๊อกแต๊กจากรองเท้าส้นสูงของครูได้
เมรินหันไปตามเสียงที่กำลังใกล้เข้ามา ใช่จริงๆด้วย ครูเชลซีเดินมากับทีเจ เพื่อนชายสายตามองเห็นได้ไกลที่จะมาเป็นผู้ช่วยนำทางเราสามคน
แพรว ซึ่งพอมองเห็นเล็กน้อยบอกได้เพียงว่าครูเชลซีตัวสูง โครงหน้ามนสวย และปล่อยผมยาวประบ่า ส่วนรายละเอียดนอกจากนี้ก็เกินขีดจำกัดที่ดวงตาของแพรวจะมองเห็นเสียแล้ว
ส่วนทีเจ วันนี้เขามาในชุดพละสีเหลืองกับกางเกงวอมสีดำเช่นเดียวกับเมริน แพรว และครีม
“ครูเชลซีใจดีจัง ครีมว่าจะซื้อของขวัญให้สักชิ้น ก่อนที่เราจะไม่ได้เจอกันอีก”
หลังเข้าแถวเคารพธงชาติตอนแปดโมงเช้า เมริน แพรว ครีม และทีเจกลับมาที่หน้าตึกเรียนอีกครั้ง ครูเชลซีบอกว่าจะสอบตั้งแต่ขึ้นลงบันไดกับผู้นำทาง ไปจนถึงเดินเลือกซื้อของที่ร้านป้าขวัญกมล
เรื่องขึ้นลงบันไดไม่มีปัญหา เมรินไม่แน่ใจนักว่าจะเดินเข้าร้านป้าขวัญโดยไม่มีผู้นำทางได้ไหม เพราะในช่วงเวลาปกติ ถ้าจะออกนอกบ้านก็มีน้าปลายพาไปตลอด ลองดูสักตั้งแล้วกัน อาจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เมรินกับเพื่อนๆลงไปยืนบนลานโล่งที่หน้าป้ายชื่อโรงเรียน จุดเริ่มการทดสอบอยู่ที่นั่น ในช่วงแรกยังไม่เดินไม้เท้าทันที ครูเชลซีให้เมรินจับคู่กับครีม แล้วเดินเข้าสำนักงานไปด้วยกัน แพรวจับคู่กับทีเจ และจะต้องทดสอบเป็นคู่ต่อไป
สอบขึ้นลงบันไดกับครีมผ่านไปด้วยดี เมื่อออกมายืน ณ จุดเดิม เมรินก็ต้องยอมปล่อยมือจากครีม อย่างไม่มีทางเลือก
หยิบไม้เท้าจากในกระเป๋ามาถือไว้ เมรินยังไม่ก้าวเดินไปไหน คิดถึงการเดินออกไปร้านป้าขวัญที่ใกล้จะเริ่มแล้วใจหาย กลัวเหลือเกินว่าจะหาทางกลับเข้าโรงเรียนไม่เจอ
“ไม่ต้องกลัวค่ะน้องเมย์ วันนี้ไม่มีผู้นำทาง ไม้เท้านี่แหละจะช่วยหนูได้...”
“ครูกับเพื่อนๆก็เดินอยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะคนเก่ง”
“เอาละ ทุกคนพร้อมนะ เริ่มค่ะ”
จบคำพูดครูเชลซี พวกเรากางไม้เท้า ทีเจกับแพรวเดินนำหน้าไปก่อน ครีมอยู่ที่สาม และเมรินเดินอยู่ท้ายแถว
ขณะแกว่งไม้เท้าไปตามขอบถนน หัวใจเมรินเต้นคับอกจนต้องหยุดฟังเสียงรอบข้าง ทีเจ แพรว และครีม ยังไม่ไปไหนไกล เมรินก้าวเดินต่อ เริ่มอุ่นใจขึ้นบ้างแล้ว อย่างน้อยก็มีเพื่อนนำทางอยู่ข้างหน้า เลิกกลัวเสียทีนะ เมรินบอกตัวเองในใจ
เด็กทั้งสี่คนเดินกันเงียบๆ แกว่งไม้เท้าไปตามพื้นถนน ไม่นานก็ถึงร้านขายของชำป้าขวัญกมล
“สวัสดีจ้ะเด็กๆ วันนี้ป้าเตรียมของขวัญให้จับฉลากเยอะแยะเลย เข้ามาเลือกได้ตามใจ”
เจ้าของร้านเชิญชวนเสียงเนิบช้า ครูเชลซีส่งสัญญาณให้พับไม้เท้า เมรินดีใจมาก รีบคล้องแขนแพรวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ วิ่งตรงเข้าไปในร้าน ทีเจกับครีมยืนอยู่ที่ชั้นเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งมีของขวัญมากมายหลายชนิดวางเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งนาฬิกา กรอบรูป หรือจะเป็นตุ๊กตาก็มีให้เลือกสันตามความต้องการของผู้ซื้อ
ครีมเอื้อมมือหยิบห่อของสีน้ำตาลที่ชั้นบนออกมา กระซิบกับเมรินไปด้วย
“นี่ไง ของขวัญครูเชลซี”
“โอ้โห! สวยมากเลย เอาไปให้ป้าขวัญคิดเงินเถอะ ถ้าเงินในกระเป๋าครีมไม่พอ เราสามคนจะสมทบให้”
“จริงๆนะครีม” แพรวพูดเสริม และเพื่อนชายคนเดียวในกลุ่มเป็นฝ่ายรวบรัดตัดความ
“ของขวัญชิ้นนี้อาจจะแพง แต่เรารวมเงินกันซื้อเพื่อครูเชลซีนะ”
กลับถึงโรงเรียนตอนเที่ยงวันพอดี เพื่อนๆชั้น ป. หนึ่ง รออยู่ที่โรงอาหาร เมรินแปลกใจ “อะไรกัน งานส่งท้ายปีเริ่มตอนเย็นไม่ใช่เหรอ ทำไมเพื่อนเรามาก่อนเวลาล่ะ”
ครูตู่ให้คำตอบว่า นี่คือวาระพิเศษของนักเรียน ป. หนึ่ง และถือโอกาสเลี้ยงส่งครูเชลซีด้วย เพราะครูจะเดินทางกลับอเมริกาตอนเย็นวันนี้ เรากินอาหารเที่ยงด้วยกัน จากนั้น เมรินก็เป็นตัวแทนมอบของขวัญกล่องสวยให้ ครูเชลซีรับไว้พร้อมกับลูบเส้นผมตรงยาวของเมรินไปด้วย
“เป็นเด็กดีนะทุกคน” ครูเชลซีพูดเสียงสั่น เมรินและเพื่อนๆเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังครูเชลซี ส่งดอกไม้ ส่งกำไลลูกปัด ส่งเสียงสะอื้นไห้ชนิดไม่หวงน้ำตาอีกต่อไป
“หนูไม่อยากให้ครูเชลซีกลับเลยค่ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น ครูเชลซีนิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า
“วันนี้ครูจากไป วันหน้าเราอาจได้พบกันใหม่นะคะ”
“พวกหนูต้องคิดถึงครูแน่ๆเลย” แพรวพูดบ้าง
“ครูรู้จ้า ครูจะรอฟังข่าวของพวกหนูนะลูก”
“เอาละ ตอนนี้ครูต้องไปแล้ว จนกว่าจะพบกันใหม่นะจ๊ะ”
“จนกว่าจะพบกันใหม่ค่ะ”
คืนวันศุกร์หลังเทศกาลปีใหม่
เมรินกับแพรวมาค้างที่บ้านของครีม เพราะวันนี้น้าอุษา แม่ของครีมจะพาไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
อันที่จริง เมรินยังไม่เคยไปเที่ยวห้างกับเพื่อนๆเลยสักครั้ง วันนี้เป็นโอกาสเหมาะ คงมีเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย
“นี่คือจดหมายจากครูเชลซี ไปรษณีย์เพิ่งส่งมาถึงเมื่อวาน” ครีมเปิดผนึกซองสีน้ำตาลใบใหญ่ออก หยิบกระดาษติดสเต็ปเปิลปึกใหญ่วางบนตักแล้วเริ่มอ่าน
“สวัสดีจ้ะ น้องเมย์ น้องครีม และน้องแพรว”
กว่าพวกหนูจะได้รับจดหมายจากครูก็คงเป็นช่วงกลางเดือนมกราคมพอดี ก่อนอื่น ครูขอบใจมากสำหรับของขวัญที่หนูมอบให้ กล่องดนตรีเซรามิกส์ประดับกากเพชร สวยงามอย่าบอกใครเลยจ้ะ”
“ตอนนี้ครูอยู่อเมริกา” อากาศหนาวมาก หนูๆอยู่เมืองไทย สบายดีนะจ๊ะ รักษาสุขภาพด้วย อีกไม่นานครูเรียนจบคงได้กลับไปเจอกัน
“สวัสดีปีใหม่จ้ะ รักหนูๆทุกคนเลย”
“ครูเชลซี”
ฟังครีมอ่านจดหมายจบ เมรินถึงกับน้ำตาคลอเพราะคิดถึงครูเชลซีจับใจ
“โทรไปหาครูดีไหม ใช้โทรศัพท์ในห้องครีมก็ได้”
“เอาสิ ครีมมีเบอร์ครูเชลซีที่อเมริกาพอดี ถ้าจะโทรจริงๆต้องไปขออนุญาตแม่ก่อน”
ครีมออกจากห้องไปสักครู่ก็กลับมาบอกแพรวกับเมรินว่า
“แม่ให้เวลาโทรแค่สิบนาที” แม่บอกว่า ค่าโทรศัพท์ไปอเมริกาแพงมาก แพงชนิดที่เงินในกระปุกออมสินของครีมก็จ่ายคืนแม่ไม่ครบ
“ได้ค่ะแม่ ครีมจะคุยกับครูเชลซีไม่เกินสิบนาทีนะคะ”
เสียงรอสายดังเพียงสามครั้งแล้วเงียบหาย กลายเป็นเสียงหวานใสที่คุ้นเคยเข้ามาแทน
“สวัสดีค่ะครูเชลซี” เราสามคนกล่าวทัก
“สวัสดีจ้า เป็นไงกันบ้าง อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะจ๊ะ”
“พวกหนูได้รับจดหมายแล้วค่ะ “
“ครูเชลซีเขียนอักษรเบรลล์เก่งจัง ไม่มีคำผิดสักคำเดียว” เมรินบอกเสียงใส ครูเชลซีหัวเราะ บอกเขียนทุกคำมาจากใจ เมรินและเพื่อนๆยิ้มดีใจกับคำบอกเล่าของครูซึ่งอยู่ปลายสาย
“วันเด็กปีนี้หนูๆไปเที่ยวไหนกันเอ่ย” เสียงหวานใสถามมาอีกครั้ง
“ไปเดินห้างใกล้บ้านค่ะ” ครีมเป็นฝ่ายให้คำตอบ
“แม่ก้อยจะพาไปสวนสนุก โซนเดิมที่ครูเคยพาครีมไปเล่นม้าหมุนเมื่อวันเกิดนั่นล่ะค่ะ”
“เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ ว่างๆครูค่อยโทรไปคุยด้วย”
“สุขสันต์วันเด็กนะทุกคน” ครูเชลซีกล่าวต่อ
ฝากความคิดถึงทีเจ แก้ว แล้วก็เพื่อนเราในโรงเรียนด้วยนะจ๊ะ”
สายสนทนาถูกตัดไป เมรินเอาจดหมายครูเชลซีใส่ไว้ในตู้เก็บของ ตั้งใจกลับมาอ่านซ้ำอีกครั้งในคืนนี้ เพื่อระลึกถึงความหลังในวันที่ครูเชลซีมาฝึกงาน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ความรักและมิตรภาพอันงดงามได้ก่อตัวขึ้นแล้วภายใต้ชายคารั้วกัลปพฤกษ์
มิตรภาพนั้นจะคงอยู่เรื่อยไปตราบสิ้นลมหายใจสุดท้าย “ขอบคุณโชคชะตาที่พาเมรินกับเพื่อนๆมาพบคนจิตใจดีเช่นครูเชลซี”
จนกว่าจะพบกันใหม่
ใส่บาตรพระเสร็จ เมรินต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนสายทิพย์เหมือนเช่นทุกวัน ทีแรกครูประจำชั้นสั่งงดวิชาเรียนทั้งเช้าบ่าย แต่ให้ไปร่วมงานส่งท้ายปีเก่าในตอนเย็น
แล้วยังไง หลังใส่บาตรยังไม่ทันได้กินข้าว เมรินก็ได้รับโทรศัพท์จากครูตู่ให้รีบไปโรงเรียนอย่างปัจจุบันทันด่วน
"อ้าว ไหนว่ายกคลาสทั้งวันไงคะ… ว้า อดฉลองปีใหม่กับคุณยายเลยเรา...”
“ช่างเถอะ กลับบ้านสวนพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย”" เทศกาลปีใหม่ยังมีต่อไปอีกหลายวัน
เมรินมารู้ทีหลังว่า ที่ถูกตามตัวไปโรงเรียนแบบกะทันหันเพราะวันนี้ช่วงเช้า ครูชาลิดา หรือครูเชลซีจะขอเก็บชั่วโมงสอบโอเอ็มก่อนฝึกงานเสร็จ
จริงสิ เรายังไม่ได้สอบปลายภาควิชาโอเอ็มเลย
ตอนที่เพื่อนๆสอบกันเมื่อสัปดาห์ก่อน เมรินป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่เกือบสองอาทิตย์ วันนี้เลยต้องไปสอบย้อนหลังพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนบางคน รวมถึงแพรวกับครีม สองเกลอคนสนิทของเมรินเอง
ต้องขอบอกคุณผู้อ่านก่อนว่า แรกเริ่มเดิมที เมรินอยู่ที่บ้านสวนหลังใหญ่ในตำบลมะค่า น้าคมเป็นตำรวจสายสืบอยู่ที่โรงพักประจำจังหวัด ส่วนน้าปลายทำงานธนาคาร คุณตากับคุณยายยึดอาชีพขายผลไม้มาตั้งแต่เริ่มสร้างครอบครัว
ช่วงชีวิตวัยแรกเกิดจนถึงอายุสี่ขวบ คุณตากับคุณยายจะพาเมรินนั่งรถกระบะไปขายผลไม้ที่ตลาดทุกวัน ถึงยามบ่ายใกล้ค่ำกลับบ้านทันเวลาน้าคมกับน้าปลายเลิกงาน เราก็เข้าครัวเตรียมทำกับข้าวมื้อเย็นกินด้วยกัน
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้วนเวียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมรินโตพอที่จะเข้าเรียนหนังสือได้ น้าปลายจึงพาไปฝากเตรียมความพร้อมที่โรงเรียนสายทิพย์ ตั้งแต่วันนั้น น้าทั้งสองคนก็ได้พาเมรินย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านจัดสรรหน้าโรงเรียนสอนคนตาบอดหลังนี้เอง
วันแรกที่ไปถึง เมรินอาจงอแงตามประสาเด็กที่ไม่เคยอยู่ห่างจากครอบครัว ได้ยินเสียงรถกระบะที่เคยคุ้นแล่นจากไป น้ำตาก็ยิ่งไหลชนิดไม่มีทางใดจะควบคุม
“น้องเมย์ มาหาครูซิลูก หยุดร้องไห้นะจ๊ะคนเก่ง”
เสียงครูมุก ครูประจำชั้นอนุบาลในตอนนั้นพูดกับเมรินอย่างอ่อนโยน ครูมุกจูงมือเมรินไปที่ห้องเรียนขนาดย่อม เพื่อนๆวัยเดียวกันนั่งร้อยลูกปัดอยู่ที่โต๊ะ
ครูมุกแนะนำเมรินกับเพื่อนในชั้นเรียน แล้วพาไปที่นั่งริมหน้าต่าง ตอนนั้นเองเมรินได้รู้จักจุฑาภรณ์ หรือครีม และปิยฉัตร หรือแพรว ทั้งสองคนส่งเสียงทักทายก่อนที่ครีมจะยื่นตุ๊กตาลิงสีชมพูให้
“ลิงตีกลอง ลองหมุนปุ่มกลมๆที่มือมันดูสิ” ครีมอธิบาย เมรินรับคำแล้วคลำหาปุ่มไขลาน อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าลิงตัวนี้จะตีกลองเสียงดังแค่ไหน
“แกร็ก” เสียงปุ่มไขลานจากลิงสีชมพูทำลายความเงียบขึ้น ฉับพลันก็มีเสียง “แกร็ก” จากตุ๊กตาในมือครีม แนน และจากเพื่อนอีกหลายคนดังขึ้นพร้อมๆกัน นาทีต่อมาก็เกิดเสียงมือลิงกระทบกล่องเหล็กกลมๆแบบไม่เป็นจังหวะ ดังก้องทั่วห้องเรียน
เมรินสะดุ้งตัวลอยในตอนแรก พอเล่นไปสักพักเริ่มติดใจ น้ำตาหยุดไหล อาการคิดถึงบ้านที่เคยเป็นเมื่อครู่ได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
เพราะลิงสีชมพูตัวนี้เองที่พาให้เมริน กลายมาเป็นเพื่อนกับครีมและแพรว จนเมื่อทีเจย้ายเข้ามาเรียนอนุบาลสอง และน้องแก้วข้ามมาเรียนห้องเดียวกันในชั้น ป, หนึ่ง ทั้งสองคนคุยเก่ง และเข้ากับพวกเราได้ดี พวกเราจึงรับทีเจกับแก้วเข้ามาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
ขณะนี้ ทั้งห้าคนเรียนจบ ป. หนึ่ง แล้ว เมริน ครีม และทีเจกำลังจะออกไปเรียนร่วม แพรวกับแก้วยังอยู่ที่โรงเรียนเดิม หากความสัมพันธ์ฉันเพื่อนก็ยังไม่จางหาย และดูเหมือนว่าจะยิ่งผูกพันแนบแน่นขึ้นอีกด้วยนะ...
ที่โรงเรียนวันนี้เพื่อนๆของเมรินมารวมกลุ่มกันพร้อมหน้า ขาดแต่น้องแก้วเท่านั้น เด็กทั้งสี่คนนั่งกินขนม และพูดคุยไปพลางๆระหว่างรอ สอบวิชาสุดท้ายกับครูเชลซี
“เราตกใจมากเลย ตอนครูตู่โทรไปที่บ้านน่ะ” เมรินเล่าเสียงใส ขณะนั่งรับลมหนาวบนเก้าอี้หินอ่อนหน้าตึกเรียน
“ทีแรกน้าคมกับน้าปลายวางแผน กลับบ้านสวนตั้งแต่เมื่อคืน ยังดีที่เปลี่ยนใจ ไม่งั้นเราได้สอบวิชานี้หลังปีใหม่แน่ๆ”
“ใช่ ถึงวันนั้นคนทดสอบคงไม่ใช่ครูเชลซีหรอก” แพรวพูด เมรินเองใจหายเหมือนเพื่อนๆ ไม่อยากให้ครูเชลซี กลับไปเรียนต่อเลย ตัวเธอกับเพื่อนๆก็จะออกเรียนร่วมในเทิมหน้า เมรินคิดว่าทั้งสองอย่างนี้น่าใจหายพอๆกัน
ตลอดสามเดือนที่อยู่ด้วยกัน เมรินรู้สึกผูกพันกับครูเชลซีตั้งแต่วันแรกที่ได้ยินเสียง ยังจำกลิ่นน้ำหอมกับน้ำเสียงหวานสดใสขณะอ่านข้อสอบให้ฟังเมื่อวันพุธได้ไม่ลืม
“ว่าไป ครีมไม่อยากให้ครูเชลซี กลับอเมริกาเหมือนกัน ไม่เคยลืมวันเกิดครีมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”
“หลังสอบปลายภาควันสุดท้าย ครูเชลซีพาไปกินข้าวตอนเย็น แถมมีของขวัญให้ด้วย ไม้เท้าอันใหม่ของครีมนั่นไง” เด็กหญิงครีมชูไม้เท้าพับได้ขนาดสี่ท่อนให้ลองสัมผัส กลิ่นความใหม่ยังไม่จางหาย สีของปลอกซิลิโคนตรงด้ามจับก็ยังไม่หลุดลอก เมื่อแกะเชือกไนล่อนและกางออก ไม้นั้นยาวพอดีกับความสูงของครีม
“ใช้ไม้เท้าใหม่สอบโอเอ็มเลยสิครีม นั่นไง ครูเชลซีกำลังมา”
แพรวพูด ขณะที่ครีมก็จำเสียงต๊อกแต๊กจากรองเท้าส้นสูงของครูได้
เมรินหันไปตามเสียงที่กำลังใกล้เข้ามา ใช่จริงๆด้วย ครูเชลซีเดินมากับทีเจ เพื่อนชายสายตามองเห็นได้ไกลที่จะมาเป็นผู้ช่วยนำทางเราสามคน
แพรว ซึ่งพอมองเห็นเล็กน้อยบอกได้เพียงว่าครูเชลซีตัวสูง โครงหน้ามนสวย และปล่อยผมยาวประบ่า ส่วนรายละเอียดนอกจากนี้ก็เกินขีดจำกัดที่ดวงตาของแพรวจะมองเห็นเสียแล้ว
ส่วนทีเจ วันนี้เขามาในชุดพละสีเหลืองกับกางเกงวอมสีดำเช่นเดียวกับเมริน แพรว และครีม
“ครูเชลซีใจดีจัง ครีมว่าจะซื้อของขวัญให้สักชิ้น ก่อนที่เราจะไม่ได้เจอกันอีก”
หลังเข้าแถวเคารพธงชาติตอนแปดโมงเช้า เมริน แพรว ครีม และทีเจกลับมาที่หน้าตึกเรียนอีกครั้ง ครูเชลซีบอกว่าจะสอบตั้งแต่ขึ้นลงบันไดกับผู้นำทาง ไปจนถึงเดินเลือกซื้อของที่ร้านป้าขวัญกมล
เรื่องขึ้นลงบันไดไม่มีปัญหา เมรินไม่แน่ใจนักว่าจะเดินเข้าร้านป้าขวัญโดยไม่มีผู้นำทางได้ไหม เพราะในช่วงเวลาปกติ ถ้าจะออกนอกบ้านก็มีน้าปลายพาไปตลอด ลองดูสักตั้งแล้วกัน อาจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เมรินกับเพื่อนๆลงไปยืนบนลานโล่งที่หน้าป้ายชื่อโรงเรียน จุดเริ่มการทดสอบอยู่ที่นั่น ในช่วงแรกยังไม่เดินไม้เท้าทันที ครูเชลซีให้เมรินจับคู่กับครีม แล้วเดินเข้าสำนักงานไปด้วยกัน แพรวจับคู่กับทีเจ และจะต้องทดสอบเป็นคู่ต่อไป
สอบขึ้นลงบันไดกับครีมผ่านไปด้วยดี เมื่อออกมายืน ณ จุดเดิม เมรินก็ต้องยอมปล่อยมือจากครีม อย่างไม่มีทางเลือก
หยิบไม้เท้าจากในกระเป๋ามาถือไว้ เมรินยังไม่ก้าวเดินไปไหน คิดถึงการเดินออกไปร้านป้าขวัญที่ใกล้จะเริ่มแล้วใจหาย กลัวเหลือเกินว่าจะหาทางกลับเข้าโรงเรียนไม่เจอ
“ไม่ต้องกลัวค่ะน้องเมย์ วันนี้ไม่มีผู้นำทาง ไม้เท้านี่แหละจะช่วยหนูได้...”
“ครูกับเพื่อนๆก็เดินอยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะคนเก่ง”
“เอาละ ทุกคนพร้อมนะ เริ่มค่ะ”
จบคำพูดครูเชลซี พวกเรากางไม้เท้า ทีเจกับแพรวเดินนำหน้าไปก่อน ครีมอยู่ที่สาม และเมรินเดินอยู่ท้ายแถว
ขณะแกว่งไม้เท้าไปตามขอบถนน หัวใจเมรินเต้นคับอกจนต้องหยุดฟังเสียงรอบข้าง ทีเจ แพรว และครีม ยังไม่ไปไหนไกล เมรินก้าวเดินต่อ เริ่มอุ่นใจขึ้นบ้างแล้ว อย่างน้อยก็มีเพื่อนนำทางอยู่ข้างหน้า เลิกกลัวเสียทีนะ เมรินบอกตัวเองในใจ
เด็กทั้งสี่คนเดินกันเงียบๆ แกว่งไม้เท้าไปตามพื้นถนน ไม่นานก็ถึงร้านขายของชำป้าขวัญกมล
“สวัสดีจ้ะเด็กๆ วันนี้ป้าเตรียมของขวัญให้จับฉลากเยอะแยะเลย เข้ามาเลือกได้ตามใจ”
เจ้าของร้านเชิญชวนเสียงเนิบช้า ครูเชลซีส่งสัญญาณให้พับไม้เท้า เมรินดีใจมาก รีบคล้องแขนแพรวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ วิ่งตรงเข้าไปในร้าน ทีเจกับครีมยืนอยู่ที่ชั้นเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งมีของขวัญมากมายหลายชนิดวางเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งนาฬิกา กรอบรูป หรือจะเป็นตุ๊กตาก็มีให้เลือกสันตามความต้องการของผู้ซื้อ
ครีมเอื้อมมือหยิบห่อของสีน้ำตาลที่ชั้นบนออกมา กระซิบกับเมรินไปด้วย
“นี่ไง ของขวัญครูเชลซี”
“โอ้โห! สวยมากเลย เอาไปให้ป้าขวัญคิดเงินเถอะ ถ้าเงินในกระเป๋าครีมไม่พอ เราสามคนจะสมทบให้”
“จริงๆนะครีม” แพรวพูดเสริม และเพื่อนชายคนเดียวในกลุ่มเป็นฝ่ายรวบรัดตัดความ
“ของขวัญชิ้นนี้อาจจะแพง แต่เรารวมเงินกันซื้อเพื่อครูเชลซีนะ”
กลับถึงโรงเรียนตอนเที่ยงวันพอดี เพื่อนๆชั้น ป. หนึ่ง รออยู่ที่โรงอาหาร เมรินแปลกใจ “อะไรกัน งานส่งท้ายปีเริ่มตอนเย็นไม่ใช่เหรอ ทำไมเพื่อนเรามาก่อนเวลาล่ะ”
ครูตู่ให้คำตอบว่า นี่คือวาระพิเศษของนักเรียน ป. หนึ่ง และถือโอกาสเลี้ยงส่งครูเชลซีด้วย เพราะครูจะเดินทางกลับอเมริกาตอนเย็นวันนี้ เรากินอาหารเที่ยงด้วยกัน จากนั้น เมรินก็เป็นตัวแทนมอบของขวัญกล่องสวยให้ ครูเชลซีรับไว้พร้อมกับลูบเส้นผมตรงยาวของเมรินไปด้วย
“เป็นเด็กดีนะทุกคน” ครูเชลซีพูดเสียงสั่น เมรินและเพื่อนๆเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังครูเชลซี ส่งดอกไม้ ส่งกำไลลูกปัด ส่งเสียงสะอื้นไห้ชนิดไม่หวงน้ำตาอีกต่อไป
“หนูไม่อยากให้ครูเชลซีกลับเลยค่ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น ครูเชลซีนิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า
“วันนี้ครูจากไป วันหน้าเราอาจได้พบกันใหม่นะคะ”
“พวกหนูต้องคิดถึงครูแน่ๆเลย” แพรวพูดบ้าง
“ครูรู้จ้า ครูจะรอฟังข่าวของพวกหนูนะลูก”
“เอาละ ตอนนี้ครูต้องไปแล้ว จนกว่าจะพบกันใหม่นะจ๊ะ”
“จนกว่าจะพบกันใหม่ค่ะ”
คืนวันศุกร์หลังเทศกาลปีใหม่
เมรินกับแพรวมาค้างที่บ้านของครีม เพราะวันนี้น้าอุษา แม่ของครีมจะพาไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
อันที่จริง เมรินยังไม่เคยไปเที่ยวห้างกับเพื่อนๆเลยสักครั้ง วันนี้เป็นโอกาสเหมาะ คงมีเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย
“นี่คือจดหมายจากครูเชลซี ไปรษณีย์เพิ่งส่งมาถึงเมื่อวาน” ครีมเปิดผนึกซองสีน้ำตาลใบใหญ่ออก หยิบกระดาษติดสเต็ปเปิลปึกใหญ่วางบนตักแล้วเริ่มอ่าน
“สวัสดีจ้ะ น้องเมย์ น้องครีม และน้องแพรว”
กว่าพวกหนูจะได้รับจดหมายจากครูก็คงเป็นช่วงกลางเดือนมกราคมพอดี ก่อนอื่น ครูขอบใจมากสำหรับของขวัญที่หนูมอบให้ กล่องดนตรีเซรามิกส์ประดับกากเพชร สวยงามอย่าบอกใครเลยจ้ะ”
“ตอนนี้ครูอยู่อเมริกา” อากาศหนาวมาก หนูๆอยู่เมืองไทย สบายดีนะจ๊ะ รักษาสุขภาพด้วย อีกไม่นานครูเรียนจบคงได้กลับไปเจอกัน
“สวัสดีปีใหม่จ้ะ รักหนูๆทุกคนเลย”
“ครูเชลซี”
ฟังครีมอ่านจดหมายจบ เมรินถึงกับน้ำตาคลอเพราะคิดถึงครูเชลซีจับใจ
“โทรไปหาครูดีไหม ใช้โทรศัพท์ในห้องครีมก็ได้”
“เอาสิ ครีมมีเบอร์ครูเชลซีที่อเมริกาพอดี ถ้าจะโทรจริงๆต้องไปขออนุญาตแม่ก่อน”
ครีมออกจากห้องไปสักครู่ก็กลับมาบอกแพรวกับเมรินว่า
“แม่ให้เวลาโทรแค่สิบนาที” แม่บอกว่า ค่าโทรศัพท์ไปอเมริกาแพงมาก แพงชนิดที่เงินในกระปุกออมสินของครีมก็จ่ายคืนแม่ไม่ครบ
“ได้ค่ะแม่ ครีมจะคุยกับครูเชลซีไม่เกินสิบนาทีนะคะ”
เสียงรอสายดังเพียงสามครั้งแล้วเงียบหาย กลายเป็นเสียงหวานใสที่คุ้นเคยเข้ามาแทน
“สวัสดีค่ะครูเชลซี” เราสามคนกล่าวทัก
“สวัสดีจ้า เป็นไงกันบ้าง อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะจ๊ะ”
“พวกหนูได้รับจดหมายแล้วค่ะ “
“ครูเชลซีเขียนอักษรเบรลล์เก่งจัง ไม่มีคำผิดสักคำเดียว” เมรินบอกเสียงใส ครูเชลซีหัวเราะ บอกเขียนทุกคำมาจากใจ เมรินและเพื่อนๆยิ้มดีใจกับคำบอกเล่าของครูซึ่งอยู่ปลายสาย
“วันเด็กปีนี้หนูๆไปเที่ยวไหนกันเอ่ย” เสียงหวานใสถามมาอีกครั้ง
“ไปเดินห้างใกล้บ้านค่ะ” ครีมเป็นฝ่ายให้คำตอบ
“แม่ก้อยจะพาไปสวนสนุก โซนเดิมที่ครูเคยพาครีมไปเล่นม้าหมุนเมื่อวันเกิดนั่นล่ะค่ะ”
“เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ ว่างๆครูค่อยโทรไปคุยด้วย”
“สุขสันต์วันเด็กนะทุกคน” ครูเชลซีกล่าวต่อ
ฝากความคิดถึงทีเจ แก้ว แล้วก็เพื่อนเราในโรงเรียนด้วยนะจ๊ะ”
สายสนทนาถูกตัดไป เมรินเอาจดหมายครูเชลซีใส่ไว้ในตู้เก็บของ ตั้งใจกลับมาอ่านซ้ำอีกครั้งในคืนนี้ เพื่อระลึกถึงความหลังในวันที่ครูเชลซีมาฝึกงาน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ความรักและมิตรภาพอันงดงามได้ก่อตัวขึ้นแล้วภายใต้ชายคารั้วกัลปพฤกษ์
มิตรภาพนั้นจะคงอยู่เรื่อยไปตราบสิ้นลมหายใจสุดท้าย “ขอบคุณโชคชะตาที่พาเมรินกับเพื่อนๆมาพบคนจิตใจดีเช่นครูเชลซี”
จนกว่าจะพบกันใหม่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น