ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บั๊ดดี้ ซี้รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ความงามที่ไม่เคยเห็น

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 67


    “ฟังนะ”
    เสียงครูตู่เอ่ยขึ้นที่ห้องเรียนชั้นสอง บนอาคารเรียนหลังใหญ่ เด็ก ป. หนึ่ง นั่งเรียงแถวตามลำดับความสูงที่พื้นกระเบื้องเรียบลื่นขัดเป็นเงาวับ รอฟังข่าวประกาศสำคัญที่ครูประจำชั้นกำลังจะบอกด้วยใจจดจ่อ
    “รายชื่อที่ครูจะอ่านต่อไปนี้คือคนที่ได้ไปทะเล ใครที่ไม่สะดวกหรือไม่ค่อยสบายอย่างไรให้บอกครู”
    ว่าจบ ครูตู่ก็เริ่มอ่านรายชื่อนักเรียนทั้ง 15 คนบนกระดาษแผ่นบางในมือซึ่งพิมพ์มาเรียบร้อย เด็กๆนั่งฟังโดยไม่มีใครพูดแทรกแม้แต่คนเดียว เมรินนั่งอยู่ใกล้กับเสียงครูตู่ที่สุด เธอจดจำทุกรายชื่อ คอยฟังว่าจะมีชื่อของเธอกับครีม เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยไหม
    ครูตู่อ่านรายชื่อนักเรียนชายหญิงตั้งแต่เลขที่หนึ่ง เรื่อยไปจนถึงชื่อของเด็กสองคนสุดท้าย เด็กหญิงเมรินกับเด็กหญิงจุฑาภรณ์ เมรินดีใจจนเนื้อเต้น หันไปกระซิบกับครีมเพื่อนข้างตัวเบาๆ กลัวว่าถ้าเสียงดังเกินไป เธออาจจะโดนตัดสิทธิ์ไม่ให้ไปเที่ยวก็ได้
    “ดีใจไหมครีม เรากับเธอได้ไปทะเลด้วยล่ะ”
    “ดีใจสิ เราชอบทะเลอยู่แล้วนี่นา”
    พอครูตู่อ่านรายชื่อนักเรียนที่ได้ไปเที่ยวทะเลจนครบทุกคน เสียงออดไฟฟ้าก็ดังขึ้น ถึงเวลากินข้าวกลางวันพร้อมกับรุ่นพี่
    ขณะเดินเรียงแถวไปที่โรงอาหาร เสียงพูดคุยเรื่องเที่ยวทะเลก็ดังเซ็งแซ่ เด็กที่พอมองเห็นบางคนบอกว่า “น้ำทะเลเป็นสีฟ้า”
    บ้างก็บอกว่า “เราเคยเผลอกลืนน้ำทะเลด้วย เค็มจนถึงกับสำลักไอ”
    เด็กชายทีเจที่อยู่หัวแถวกลุ่มเพื่อนผู้ชายเล่าว่า “เราได้ไปขี่ฉลามด้วย สนุกดีเหมือนกัน ฉลามใจดี พาเราว่ายน้ำห่างฝั่งไปตั้งไกล”
    เมรินกับครีมฟังแล้วนึกแปลกใจ ทีเจขี่ฉลาม แล้วฉลาม มันไม่กัดเขาหรือไงนะ” เอ่ยถามไปอย่างใจคิด ทีเจมาเฉลยให้หายสงสัยในชั่วโมงเรียนภาษาไทยว่า
    “ฉลามที่เราพูดถึงน่ะ คือฉลามยาง ของเล่นที่พ่อให้เป็นของขวัญวันเกิดต่างหาก”
    “อ้าว โดนหลอกอีกแล้ว” เพื่อนหญิงคนหนึ่งว่าอายๆ
    “โธ่! แพรวก็ ใครจะกล้าไปยุ่งกับฉลามตัวเป็นๆเล่า จริงไหม”
    เย็นวันต่อมา ครูตู่บอกเด็กๆไปเตรียมตัวให้พร้อม เพราะนี่เป็นการรวมกลุ่มเที่ยวทะเลครั้งสุดท้าย ปีนี้นักเรียนบางคนต้องออกเรียนร่วม การเที่ยวครั้งนี้จึงเป็นการเลี้ยงส่งว่าที่ศิษย์เก่าของโรงเรียนสายทิพย์ไปด้วยในตัว
    “นักเรียนชายที่กลับบ้านทุกวันศุกร์ ให้ตกลงกับผู้ปกครองให้เรียบร้อย ใครที่ต้องการจะกลับบ้านก็รีบแจ้งครูก่อนถึงวันไปเที่ยวนะคะ”
    เมรินนึกถึงน้าปลาย อยากให้น้าไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เพราะเพื่อนของเธออย่างครีม แนน หรือทีเจก็มี “พ่อ” หรือ “แม่” ตามไปดูแลด้วยทั้งนั้น เมรินพูดเรื่องนี้ในโต๊ะอาหารเย็นให้น้าคมกับน้าปลายฟัง พร้อมตั้งคำถามต่อท้าย
    “พ่อกับแม่ไปเที่ยวด้วยกันไหมคะ น้องเมย์อยากให้พ่อกับแม่ไปอยู่ดูแลเหมือนเพื่อนๆ”
    “แม่ไปไม่ได้หรอกจ้ะ อาทิตย์นี้มีงานแต่งน้าหมวย น้องเมย์สนุกกับเพื่อนๆให้เต็มที่นะจ๊ะ” น้าปลายหมายถึงน้องสาวคนสุดท้องของน้าปลายเอง น้าหมวยเรียนแพทย์ที่กรุงเทพ จบออกมาก็ได้ทำงานที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ บังเอิญพบรักกับแพทย์หนุ่มรุ่นพี่ คบหากันมาร่วมสองปี จึงตกลงใจแต่งงานกันในวันอาทิตย์ที่กำลังจะมาถึง
    “ไม่เป็นไรค่ะ พ่อคมกับแม่ปลายไม่ไป น้องเมย์อยู่กับครูมุกก็ได้ ครูมุกบอกว่าจะพาน้องแก้วไปเที่ยวด้วย จะได้เป็นเพื่อนเล่นกับน้องเมย์ค่ะ”
    “นั่นไงจ๊ะ น้องเมย์อยู่กับคนอื่นโดยไม่มีแม่ได้ แม่ก็ดีใจแล้วนะลูก”
    น้องแก้ว มีชื่อจริงว่า เกวลิน เมอร์ฟี ลูกสาวคนเดียวของครูมุก น้องแก้วเรียนเก่ง อ่านหนังสือได้คล่องแคล่ว ครูประจำชั้นอนุบาลจึงให้น้องแก้วข้ามชั้นขึ้นมาเรียน ป. หนึ่ง ร่วมกับเมริน แพรว ครีม และทีเจ แทนที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นอนุบาลสามเหมือนเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน

    ตอนเย็นวันเสาร์ เมรินไปนอนค้างที่บ้านครูมุก เพื่อจะได้ไปขึ้นรถบัสที่โรงเรียนด้วยกันตอนเช้าวันอาทิตย์ น้าปลายจัดเสื้อผ้าสำหรับเล่นน้ำ และซื้อขนมขบเคี้ยวสองสามอย่างไปฝากครูมุกและน้องแก้ว
    ถึงบ้านครูมุกก่อนเวลาสองทุ่มเล็กน้อย เจ้าของบ้านยืนรอรับหน้าประตู น้าปลายดึงตัวเมรินเข้าไปกอดแล้วพูดว่า
    “เที่ยวให้สนุกนะลูก อย่าดื้อครูมุกนะจ๊ะ”
    บ้านครูมุกเป็นบ้านชั้นเดียว หน้าบ้านมีกระถางต้นไม้หลบมุมข้างกำแพง น้องแก้วเดินนำเมรินเข้าห้องรับแขก แล้วพาไปนั่งบนตั่งไม้ใกล้ประตูทางออก ลุงแฟรงค์ พ่อของน้องแก้วปิ้งขนมปังโรยน้ำตาลต้อนรับ เมรินกินจนอิ่ม และคุยกับน้องแก้วไปด้วย ตามประสาเด็กที่มีความคุ้นเคยกัน
    “ตื่นเต้นจัง พรุ่งนี้จะได้ไปทะเลแล้ว... ว่าแต่แพรวไม่ไปด้วยกันเหรอแก้ว” เมรินถามถึงเพื่อนร่วมชั้นอีกคนที่รู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่เรียนเตรียมความพร้อม
    “ไปค่ะ พี่แพรวกลับบ้านที่บัวใหญ่ตั้งแต่วันศุกร์ น่าจะมาถึงโรงเรียนพรุ่งนี้เช้า ได้ยินว่าน้าพิมพ์ แม่ของพี่แพรวจะตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ”
    ฟังน้องแก้วเล่าอย่างนี้ เมรินอดคิดถึงน้าคมกับน้าปลายไม่ได้ อาจจะน้อยใจที่น้าปลายไม่ตามไปเที่ยวด้วย แต่เมรินก็ยังอุ่นใจ เพราะก่อนที่น้าปลายจะลากลับบ้าน น้าปลายฝากเบอร์โทรส่วนตัวไว้กับครูมุก โทรศัพท์เคลื่อนที่ของครูมุกนี่แหละจะช่วยให้เมรินติดต่อกับน้าปลายได้ทุกเวลาที่คิดถึง
    “พี่เมย์คะ พี่เมย์”มือเล็กๆของน้องแก้วแตะที่แขนเมรินเบาๆ ซ้อนไปกับเสียงเรียกหวานใสน่าเอ็นดู
    “เข้าไปที่ห้องแก้วดีกว่า แม่มุกเตรียมที่นอนไว้ให้แล้วค่ะ” เมรินเดินตามน้องแก้วไปที่ห้องเล็ก ซึ่งอยู่ติดกับห้องใหญ่ของครูมุกกับลุงแฟรงค์ ครูมุกจัดให้เมรินกับน้องแก้วนอนบนเตียงข้างๆกัน
    “มากินนมก่อนนอนไหมจ๊ะ”ครูมุกตามเอานมอุ่นๆมาให้ที่ห้อง เมรินกับน้องแก้วดื่มหมดแล้วก็ส่งแก้วคืนให้ถึงมือ ครูมุกลูบหัวเด็กทั้งสอง พร้อมอวยพรให้ฝันดีก่อนออกไปจากห้อง ...
    เรื่องดื่มนมก่อนนอนนี่ ที่บ้านเมรินไม่เคยทำ เพราะน้าปลายห้ามเด็ดขาดไม่ให้กินจุบกินจิบตอนกลางคืน พอถึงเวลาเข้านอน น้าปลายจะมาที่ห้องของเมริน อ่านนิทานสั้นๆให้ฟัง เมื่อเมรินหลับสนิท น้าปลายก็ลูบผมของเธอเบาๆ หากแต่ไม่ได้อวยพรว่า “ฝันดี”เหมือนอย่างที่ครูมุกทำในคืนนี้
    ความเย็นทั้งจากเครื่องปรับอากาศ บวกกับความเย็นที่มาจากลมอ่อนๆยามเช้าพาให้หนาวสั่นสะท้านแทบทนไม่ไหว เมรินรู้สึกตัวตื่นก่อนครูมุกเข้ามาเรียก น้องแก้วก็ตื่นแล้วเช่นกัน
    เด็กๆก้าวลงจากเตียง เดินออกมาจากห้อง อาบน้ำ แต่งตัว เก็บข้าวของ ทำทุกอย่างรอบๆตัวให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้รบกวนลุงแฟรงค์ที่ยังนอนหลับอยู่ แต่พอเดินพ้นรั้วบ้านออกมาได้ เสียงคุยก็ดังขึ้น
    “คอยดูนะ พี่จะเล่นน้ำทะเลให้เต็มที่เลย”เมรินพูดขณะก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะรถตอนหลัง “แก้วว่าวันนี้พวกเราสนุกแน่นอนค่ะ เพราะว่าน้าสร้อยจะพาพี่เจสซี่กับพี่แมทธิวมาเป็นจิตอาสาด้วยล่ะ”
    “ใครเหรอ แมทธิว”
    เมรินแปลกใจ เธอรู้จักน้าสร้อย เพราะน้าสร้อยจะมารับมาส่งจินนี่ที่โรงเรียนสายทิพย์ทุกวัน ส่วนเจสซี่ก็เป็นพี่ชายของจินนี่ แล้วแมทธิวล่ะ เมรินยังไม่เคยได้ยินเสียงของเจ้าตัวมาก่อนเลยสักครั้งเดียว
    “พี่แม็ทเป็นเพื่อนพี่เจสซี่ค่ะ เอาไว้ถึงโรงเรียนแล้ว แก้วจะแนะนำให้รู้จัก ”
    จากบ้านครูมุกมาที่โรงเรียนสายทิพย์ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที พอรถหยุดที่จุดจอด แว่วเสียงพูดคุยจากเด็กๆหลายคน ลอดเข้ามาให้ได้ยิน
    เมื่อก้าวลงจากรถ เมรินได้ยินเสียงต่างๆชัดถนัดขึ้น ทั้งเสียงจากรองเท้าแตะหลายคู่ที่เดินลงมาจากบันไดหรือจะเป็นเสียงที่พ่อหรือแม่พูดคุยกับลูก บ้างก็คอยเช็ดหน้าทาแป้งให้ กลิ่นแป้งเด็กหอมอบอวลไปทั่ว เมรินกับน้องแก้วยกมือไหว้แม่ของแพรวที่เดินเข้ามาทักทาย
    จากนั้นครูตู่ ครูประจำชั้น ป. หนึ่ง ก็มาพาตัวเด็กสองคนไปติดป้ายชื่อที่ตึกสำนักงาน
    เมรินบังเอิญพบกับครีมซึ่งคุณแม่ดูแลอยู่ใกล้ๆ ทักทายกันสองสามคำ ก่อนที่ลุงหวานจะสตาร์ทเครื่องรถบัสคันสีม่วง นั่นเป็นเสียงสวรรค์ชวนให้เด็กๆโห่ร้องดีใจไปตามกัน
    เด็กๆต่างเดินเรียงแถวไปขึ้นรถ เมรินยังไม่ปล่อยมือจากน้องแก้ว เพราะอยากนั่งด้วยกัน พอก้าวขึ้นรถได้ ก็มีน้องจิตอาสาพาไปหาที่นั่ง
    น้องคนนี้อายุเท่าเมรินเห็นจะได้ ผิวขาว ผมสีทอง ดวงหน้าคมเข้ม หุ่นผอมเพรียว สวมเสื้อไหมพรมสีฟ้า และมีเสียงพูดแจ่มใสน่าเอ็นดู
    น้องมากับหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เสียงพูดฟังไพเราะคนหนึ่ง ซึ่งตัวเด็กชายเองเรียกเธอว่าพี่โม
    “ให้เพื่อนนั่งแถวที่สองนะคะน้องแม็ท” เสียงพี่โมบอกมาจากบริเวณใกล้ๆ
    “ตรงนั้นล่ะค่ะ น้องเมย์เข้าไปนั่งติดหน้าต่างเลยลูก”
    เมรินทำตามที่พี่โมบอก เปิดทางให้น้องแก้วเข้ามานั่งข้างๆ จากนั้น น้องจิตอาสาที่พี่โมเรียกชื่อ “น้องแม็ท” ก็พาเพื่อนแพรวมานั่งยังเบาะที่ว่าง เมรินดีใจที่ได้อยู่กับแพรวและน้องแก้ว
    ก่อนออกเดินทาง ครูตู่เช็คชื่อนักเรียนจนแน่ใจว่าไม่มีใครตกหล่น รถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากจุดจอด มุ่งหน้าไปเมืองพัทยาตามกำหนด
    ผ่านไปสักพักก็ถึงเวลาพี่จิตอาสาแจกขนม พี่โมกับน้องแม็ทเดินมาที่เมรินพร้อมกับถุงขนมปัง
    “น้องเมย์เอาอะไรดีคะ มีขนมปังเนยสด ขนมปังไส้กรอก แล้วก็พายไก่ ”
    “เอายังไงดี เราอยากกินทั้งไส้กรอกและพายไก่” เมรินหันไปปรึกษาเพื่อนข้างตัวอีกสองคน พี่โมหรือน้องแม็ทคงได้ยิน ใครสักคนเลยหยิบขนมปังทั้งสองชิ้นส่งให้ถึงมือ
    “ขอบคุณค่ะ ”
    เมรินได้ยินครูมุกพูดกับน้องแก้วว่า “ขนมปังถุงใหญ่ที่พี่จิตอาสาเอามาแจกวันนี้ น้าสร้อยกับน้าแหม่มรวมเงินกันซื้อทั้งหมด น้าแหม่มฝากมาบอกว่า ขอให้เด็กๆกินให้อร่อย”
    เมรินอยากจะบอกน้าแหม่มกลับไปเหมือนกัน “ขนมทุกชิ้นเนื้อนุ่มละมุนลิ้น “ถูกปากถูกใจเพื่อนๆทั้งคันรถ ต่างคนต่างขอเพิ่มคนละนิดคนละหน่อยจนหมดเกลี้ยงภายในเช้าเดียว
    พี่โมกับน้องแม็ทเดินผ่านไปแล้ว เมรินจึงหันไปถามน้องแก้ว “คนนี้เหรอที่น้องบอกว่าชื่อแมทธิวน่ะ”
    “ใช่ค่ะ พี่แม็ทเป็นลูกของลุงซามูเอล และลุงซามูเอลก็เป็นเพื่อนกับน้าสตีฟ พ่อพี่เจสซี่ด้วย”
    “ส่วนพี่โม แก้วไม่ค่อยรู้จัก ได้ยินมาว่า ลุงซามูเอลจ้างพี่โมมาเป็นพี่เลี้ยงพี่แม็ทค่ะ”
    “พี่โมใจดีมาก” เมรินคิด
    “พาแมทธิวมาเป็นจิตอาสาตั้งแต่เด็ก น้องเมย์ชื่นชมสุดหัวใจ”
    หลังจากกินขนมกันพออิ่มท้อง ก็ถึงเวลาแสดงความสามารถ เด็กบางคน ออกมาร้องเพลง บางคนก็ออกมาเล่านิทาน สร้างความเพลิดเพลินให้ทุกคนบนรถตลอดทาง
    เมรินเผลอหลับไป รู้สึกตัวตอนที่มาถึงทะเลแล้ว เสียงเครื่องยนตร์ดับลง เมรินกับเพื่อนๆก้าวลงจากรถ ลมทะเลพัดพากลิ่นน้ำเค็มโชยมาต้อนรับ
    ก่อนจะเริ่มทำกิจกรรมอื่นใด ทุกคนมารวมตัวถ่ายรูปหมู่กันที่ริมฝั่ง เพื่อนำไปเป็นภาพกิจกรรมในหนังสือรวมรุ่นประจำปีของโรงเรียน
    “ใครอยากจะลงน้ำบ้างจ๊ะ “เสียงครูมุกถามในเวลาต่อมา
    “หนูอยากจะลงน้ำค่ะ / ผมอยากจะลงน้ำครับ ”
    เมรินกับเพื่อนๆกลุ่มใหญ่ตอบแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน ถ่ายรูปหมู่เสร็จ ครูมุกพาเมริน แก้ว และแพรวไปรวมกลุ่มกับครีม แมทธิว และเจสซี่
    ถอดรองเท้าและจับมือกันเป็นแพวิ่งไปตามพื้นทรายอุ่น ยินเสียงของน้าสร้อยร้องเรียกมาตามหลัง
    “น้องแม็ท เจสซี่ อย่าพาเพื่อนไปลงน้ำลึกนะลูก เล่นอยู่ใกล้ๆฝั่งนั่นล่ะ ระวังคลื่นแรงด้วย ”
    วิ่งไปไม่กี่อึดใจก็ได้สัมผัสกับน้ำเย็นๆ พร้อมกับคลื่นลูกใหญ่ซัดมาทักทาย
    “ Hello sea” เสียงแมทธิวพูดท่ามกลางเสียงคลื่น เจสซี่กับเมรินว่าตามบ้าง ครีม แพรว และน้องแก้ว ก็ประสานเสียงรับพร้อมๆกัน “ Hello sea”
    “ สวัสดีจ้า หนูขอเล่นน้ำด้วยคนนะ” จินนี่ที่ตามมาทีหลังพูดขึ้น
    รุ่นน้องเสียงหวานคนนี้ เมรินรู้จักดี ตอนอยู่ที่โรงเรียน เมรินมักชวนจินนี่มาฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยกันบ่อยๆ
    เป็นผลต่อเนื่องถึงวันนี้ เมรินเอ่ยประโยคทักทายคลื่นทะเลตามเสียงของแมทธิวได้ชัดถ้อยชัดคำ
    “แพ ”วงใหญ่ถูกแยกเป็นสองกลุ่ม น้องแก้วกับแพรวอยู่กับเจสซี่และจินนี่ ขณะที่เมรินกับครีม ยังไม่ปล่อยมือจากแมทธิว
    เด็กทั้งสองกลุ่มเดินลงน้ำกันต่อไปเรื่อยๆ พอคลื่นซัดมา ก็ตะโกน “ Hello sea” กันสักครั้ง บางคนนึกสนุก วักน้ำเค็มๆสาดใส่กันไปมาจนแสบหน้าแสบตาไปหมด ระหว่างนั้น พี่จิตอาสาคนหนึ่งเข็นห่วงยางผ่านมา
    “มาเข้าห่วงยางด้วยกันไหม” ทีเจเอ่ยชวน
    “พี่บอยกำลังจะพาเราไปที่น้ำลึก”
    ได้ยินว่าน้ำลึก แมทธิวกับเจสซี่รีบตอบตกลงทันทีทันใด เป็นอันว่า มือที่จับกันเป็นแพถูกแยกออกโดยสิ้นเชิง พี่โมเอาห่วงยางใหญ่ๆอีกอันมาวางต่อหน้า
    เมรินกับครีมรีบคว้าไว้ แล้วแทรกตัวเข้าไปในห่วงยาง ส่วนน้องแก้วชวนแพรวกับจินนี่ขึ้นไปก่อกองทรายกับครูมุกบนชายหาด
    พี่โมช่วยเข็นห่วงยางไปยังน้ำลึกที่เท้าหยั่งไม่ถึง ตามมาทันพี่บอย เมรินต่อว่าคนในห่วงยางแรกทันที
    “ใครทำลายแพเรา เราจะสาดน้ำใส่คนนั้น... นี่แน่...”
    น้ำทะเลกระเด็นเข้าตาพี่จิตอาสาอย่างจัง แมทธิวนั่งมองแล้วแอบยิ้ม
    “ฮ่าฮ่าฮ่า โดนหน้าพี่โมเข้าเต็มๆ”
    พี่โมยิ้มขำ ขณะพวกเด็กๆส่งเสียงหัวเราะให้กันเป็นที่สนุกสนาน
    เวลาผ่านไปนานพอควร ครูมุกเรียกเด็กๆมารวมกันบนฝั่ง ซึ่งคราวนี้ปูเสื่อผืนใหญ่ไว้เรียบร้อย
    ลุงหวาน คนขับรถประจำโรงเรียน ยกถุงข้าวกล่องกับน้ำขวดออกมาแจกจ่ายให้ทั่วถึง ทุกคนกินข้าวกลางวัน พลางส่งเสียงพูดคุยเบาๆท่ามกลางสายลมโชยพัดมาโดนตัว
    ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เด็กบางคนก็ลงไปเล่นน้ำกันต่อ
    เมรินเลือกที่จะอยู่บนชายหาด ซึ่งพี่ๆจิตอาสาบางส่วนนั่งอยู่พร้อมกับเด็กๆอีกหลายคน
    ฟังพี่โมเล่านิทานจบก็ได้เวลากินของว่างยามบ่าย ซึ่งมีผลไม้จำพวกแอปเปิ้ล สาลี่ ฝรั่ง แล้วแต่ใครจะเลือกตามใจชอบ ปิดท้ายที่ครูมุกเรียกทุกคนมาถ่ายรูปรวมกันอีกครั้ง จากนั้นก็ถึงเวลากลับโรงเรียน
    เมรินนึกเสียดาย แต่ก็ไม่ได้อิดเอื้อน ยอมเดินตามพี่จิตอาสาไปขึ้นรถที่ยังจอดสนิทอยู่ไม่ไกลจากชายหาด
    พี่จิตอาสาพาเด็กๆไปหาที่นั่งอย่างเรียบร้อย น้องแก้วเปลี่ยนไปนั่งแถวหน้าข้างเจสซี่ ส่วนแพรวก็ไม่ยอมห่างจากน้าพิมพ์ เป็นอันว่า เบาะริมหน้าต่างที่เมรินจับจองเมื่อเช้าจึงว่างลง
    “น้องเมย์ ให้เพื่อนนั่งด้วยนะคะ” เสียงสวยๆของพี่โมทำให้เมรินยิ้มออกมาได้
    เด็กคนนั้นทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เมริน สัมผัสกลิ่นแป้งหอมเย็นจากตัวเขา
    “แมทธิวใช่ไหมจ๊ะ” เมรินเอ่ยทัก ขณะรถเริ่มส่งเสียงสตาร์ทเครื่อง
    “ใช่ เรียกเราว่าแม็ทแล้วกันนะ”
    “โอเค แม็ท เรียกเราว่าเมย์ได้เลยจ้ะ”
    ขณะรถแล่นออกไปพ้นหาดทรายขาว เมรินทำตาละห้อย อาลัยทะเลแสนสวย ที่แม้ตัวเธอและเพื่อนร่วมทริปไม่อาจ มองเห็นความงามของมันได้ แต่ทุกคนก็สัมผัสถึงความสนุกเมื่อได้ลงเล่นน้ำ
    อาลัยพี่จิตอาสาผู้ใจดีที่ช่วยดูแลตัวเธอและเพื่อนๆตลอดการเที่ยวครั้งนี้
    สุดท้าย อาลัยสถานที่แสนสะดวกสบายที่มอบความสุขให้กับครูและเด็กๆอย่างเต็มเปี่ยม แมทธิวถามเมรินตอนกลับถึงโรงเรียนสายทิพย์ว่า “รู้สึกอย่างไรกับทะเลแสนสวย” เมรินตอบอย่างมั่นใจ
    “เราชอบทะเลนะ ถึงแม้เราจะไม่เคยเห็นความงามของผืนทราย ไม่เคยเห็นสีสันของน้ำเค็ม
    “แต่ทะเลก็พร้อมอ้าแขนรับเมื่อเราไปเยือนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจากเรา เหมือนอย่างตัวเธอ เจสซี่ พี่โม ครูมุก ครูตู่ หรือว่าพี่บอยที่ดูแลเรากับเพื่อนๆด้วยดีตลอด ทริปนั่นแหละ”
    เมรินบอกทิ้งท้าย แล้วเด็กๆก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ทิ้งภาพความทรงจำอันน่าประทับใจไว้เบื้องหลัง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×