ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : จับฉลากเข้าโรงเรียนใหม่
[น้ำตาล]
ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดสายทิพย์
เจ็ดโมงครึ่งวันศุกร์ในค่ายเตรียมความพร้อม เด็ก ป. หก ทั้งหญิงและชายมารวมกลุ่มกันที่หน้าป้ายชื่อโรงเรียนข้างตึกสำนักงาน วันนี้แล้วที่โรงเรียนต่างๆจะคัดเลือกนักเรียน ม. หนึ่ง ภายหลังเปิดรับสมัครไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า
น้ำตาลกับแพรวรอให้ถึงเวลาแปดโมงแทบไม่ไหว เพราะครูมุกกับครูตู่จะพาไปจับฉลากที่โรงเรียนวินเซนต์ เรายืนรอรถตู้ของลุงหวานด้วยใจลุ้นระทึก น้ำตาลสัมผัสมือกับแพรวไปมา มือเราสองคนเย็นเฉียบทั้งที่ตอนนี้แสงแดดเริ่มส่องมาโดนตัว ไม่ใช่แค่น้ำตาลกับแพรวที่ตื่นเต้น เมริน ทีเจ คลินต์ และน้องแก้วก็เอาใจช่วยเช่นกัน
“แก้วจะไปกับพี่แพรวพี่ตาลด้วย รอฟังผลที่โรงเรียนไม่ไหวหรอก”
“ใช่เลย เราก็จะไปช่วยลุ้นเหมือนกัน ได้ยินครูมุกคุยกับครูตู่ว่า ถ้าตาลกับแพรวจับฉลากได้ทั้งสองคน ครูจะพาไปเที่ยวห้าง และจะพาไปกินไก่เคเอฟซี”
ฟังทีเจเล่าอย่างนั้น น้ำตาลตื่นเต้นดีใจเป็นสองเท่า ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาจนถึงวันนี้ อย่าว่าแต่ได้กินไก่เคเอฟซีเลย แค่จะไปซื้อของเล่นแพงๆที่ห้างสักครั้งก็ลำบากเต็มที “ไม่มีตังค์” เสียงเข้มๆจากแม่ตองที่เอ่ยคำคำนี้ ทำให้น้ำตาลไม่กล้าร้องขอไปเที่ยวห้างอีก ได้แต่อธิษฐานกับดาวศุกร์สว่างบนท้องฟ้า ถึงวันจบ ป. หก ดาวดวงนั้นเริ่มจะตอบคำอธิษฐานของน้ำตาลแล้ว ขอเพียงได้เป็นน้องใหม่ในโรงเรียนวินเซนต์นั่นล่ะ คำอธิษฐานถึงจะสำเร็จไปด้วยดี
“ดีจังเลย เราอยากกินไก่เคเอฟซี ขอให้จับฉลากได้นะ ตาลกับแพรว”
“ส่วนแก้ว พี่ก็เอาใจช่วยให้สอบโควตาร์ร้องเพลงได้ที่หนึ่งนะ เราจะได้เรียนที่รั้วฟ้าแดงด้วยกัน”
“แหม พี่เมย์ แก้วประกวดร้องเพลงชนะมาแล้วนะคะ สอบโควตาร์ครั้งนี้แก้วต้องทำให้ได้ เพลง Dream on จะนำโชคดีมาให้แก้วแน่นอนค่ะ”
ที่โรงเรียนวินเซนต์มีการคัดเลือกนักเรียนใหม่ด้วยโควตาบ้านใกล้ โควตาร้องเพลง และโควตาจับฉลาก เมริน ทีเจ และคลินต์ ได้โควตาบ้านใกล้ไปก่อนแล้ว แก้วรอสอบโควตาร์ร้องเพลง และน้ำตาลกับแพรวจะต้องไปจับฉลาก ทั้งสองโควตาจะคัดเลือกในวันเดียวกัน
“พร้อมหรือยังจ๊ะเด็กๆ” เสียงครูตู่ที่มายืนข้างน้ำตาลเมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง
“พร้อมแล้วค่ะ”
“ตามครูมาเลยจ้ะ ถึงเวลาเดินทางแล้ว”
“เยเยเย” ส่งเสียงแห่งความดีใจพร้อมกันแล้ว เด็กๆก็ตั้งขบวนเดินเกาะกลุ่มกันไป ครูตู่อยู่ข้างหน้า แพรวเกาะข้อศอกครูตู่ น้ำตาลเกาะข้อศอกแพรว ส่วนน้องแก้วกับเมรินเกาะข้อศอกครูมุกเดินตามไปด้วยกัน
เดินทางด้วยรถมินิแวนของครูมุก รถคันนี้เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เบาะนั่งนุ่มสบาย เจ้าของรถเปิดเพลงเพราะๆให้ฟังตลอดทาง
ลุงแฟรงค์พาคณะครูและนักเรียนโรงเรียนสายทิพย์มาถึงโรงเรียนวินเซนต์เวลาแปดโมงครึ่งพอดิบพอดี ครูซามูเอลซึ่งรู้จักกับลุงแฟรงค์รอรับที่จุดจอดรถใกล้กับอาคารหลังใหญ่ แก้วบอกว่านี่คืออาคารเก้าชั้น ที่ที่เธอเคยมาประกวดร้องเพลง Dream on เมื่อตอนเรียนอยู่ ป. ห้า นั่นล่ะ
ครูซามูเอลพาเด็กๆไปลงทะเบียนที่ใต้ถุนอาคารเก้าชั้น จากนั้นพาไปนั่งรอที่จุดคัดเลือก บรรยากาศรอบตัวเวลานี้เซ็งแซ่ด้วยเสียงจากเด็กๆหลายคน และเสียงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นระยะๆ
การจับฉลากเริ่มขึ้นตอนเก้าโมงเช้า เสียงประกาศเรียกเด็กๆตั้งแถวตามหมายเลขบัตรคิวที่ได้รับ น้ำตาลได้คิวที่ 50 ส่วนแพรวต้องไปต่อคิวแถวหลัง
ยืนรออยู่จนเสียงประกาศเรียก “คิวที่ 50 ค่ะ” น้ำตาลกับคนที่ได้หมายเลขเดียวกันในแต่ละแถวเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีกล่องฉลากวางอยู่ น้ำตาลหยิบม้วนกระดาษเล็กๆขึ้นมา ครูซามูเอลรับไปเปิดให้
ขณะรอฟังประกาศผล ความตื่นเต้นเริ่มก่อตัว มือเริ่มสั่น หัวใจเต้นเร็ว จนพี่สตาฟที่ยืนอยู่ข้างๆเอามือมาแตะไหล่
“ใจเย็นๆนะครับ อีกแป๊บเดียวเดี๋ยวรู้ผล”
“ใช่ อีกแป๊บเดียวได้รู้ผล” น้ำตาลคิด ซึ่งผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ยากจะคาดเดา
“ได้” เสียงประกาศดังอยู่ข้างหน้า น้ำตาลฟังไม่ถนัด พี่สตาฟเลยทวนคำพูดของครูซามูเอลอีกครั้ง
“น้องจับฉลากได้ ยินดีด้วยนะครับ”
ขอบคุณค่ะ” ขณะกล่าวคำขอบคุณ น้ำตาลตัวเบาเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ “หนูจะได้เป็นน้องใหม่ที่โรงเรียนวินเซนต์แล้ว” น้ำตาลพูดกับครูตู่ขณะเดินไปรวมกลุ่มกับแพรว ทีเจ คลินต์ และเมริน
“ครูดีใจด้วยนะตาล”
ที่ลานซีเมนต์กว้างด้านนอกอาคาร แพรวเดินเข้ามากอดพร้อมกับสะอื้นไห้ “แพรวจับฉลากไม่ได้ แพรวจับฉลากไม่ได้” แพรวเอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ พูดไปแล้วก็ร้องไห้จนครูมุกต้องลูบศีรษะปลอบ
“ไม่เป็นไร วันนี้จับฉลากไม่ได้ อาทิตย์หน้า แพรวยังมีโอกาสสอบคัดเลือกนะจ๊ะ”
“ค่ะ แพรวจะสอบ แพรวจะสอบค่ะครูมุก” แพรวหยุดร้องไห้ตอนที่เมรินเดินมาจับมือ เมรินส่งเสียงพอให้แพรวกับน้ำตาลได้ยินว่า
“เรื่องสอบคัดเลือกไม่ใช่ปัญหา เพื่อนเราที่เคยเรียนประถมด้วยกันจะอาสาติวให้ ถ้าแพรวจะยอมไปบ้านเราหลังปิดค่าย” “ได้เลย เรื่องนี้แพรวว่าแม่พิมพ์น่าจะเห็นด้วย เพราะแม่ปักธงแล้วว่าจะให้แพรวเรียนมัธยมที่โรงเรียนวินเซนต์ ต่อให้ต้องเสียเงินแพงๆแม่ก็จะทำ”
“น่า ไม่ต้องถึงขั้นเสียเงินแพงหรอก” เมรินว่า
“แพรวน่ะสอบได้อยู่แล้ว เรามั่นใจ”
การจับฉลากสิ้นสุดลงเวลาเที่ยง ครูมุกพาไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านหน้าปากซอย ระหว่างทางที่ก้าวเดิน เพื่อนๆส่วนใหญ่หยิบยกเรื่องโรงเรียนวินเซนต์มาสนทนากันอีกครั้ง
โรงเรียนวินเซนต์ โรงเรียนในฝันของเพื่อนหลายๆคน
(รวมถึงน้ำตาลด้วย) เมรินเคยคุยให้ฟังว่าดีต่อใจมากมาย
“โรงเรียนนี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เราเรียนอยู่ที่นี่จนรู้จักทุกซอกทุกมุมของฝั่งประถม ส่วนฝั่งมัธยมเรายังไม่เคยไปสัมผัส เปิดเทอมใหม่ก็ต้องไปหัดเรียนรู้ใหม่นั่นล่ะ”
“จำได้ว่าพี่เจมส์เคยเล่า ที่ฝั่งมัธยมนะ มีเรื่องราวน่าสนุกเยอะแยะ ไว้เข้าไปเรียนก่อน แล้วน้องจะรู้เอง...”
เมรินเล่าไปเรื่อยๆ น้ำตาลเพียงรับฟังเงียบๆ สิ่งเดียวที่ยังกังวลใจ “หากได้เข้าเรียนที่นั่นจริงๆ เราจะเผชิญกับเพื่อนที่ไม่รู้จักเพียงลำพังอย่างไร” เมรินเหมือนจะเดาความคิดน้ำตาลออก เธอเอื้อมมือมาแตะไหล่ เอ่ยคำปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ต้องกังวลหรอกตาล อยู่ๆไปเดี๋ยวเพื่อนก็ช่วยเหลือตาลเองนะ”
“ใช่ๆ ดีไม่ดี หน้าสวยๆ เสียงเพราะๆอย่างเธออาจจะมีหนุ่มตาน้ำข้าวมาดูแลหัวใจก็ได้นา คริคริ”
“บ้า ทีเจพูดอะไรก็ไม่รู้ ใครเขาจะมาสนใจคนเรื่อยๆเฉื่อยๆอย่างเรากันล่ะ”
“ไม่แน่หรอก... คนดูแลหัวใจคนนั้นอาจเป็นเพื่อนห้องเรียนเดียวกันก็ได้ ใครจะไปรู้อนาคตตัวเองล่ะ จริงไหมแก้ว”
ทีเจเอ่ยแซว อย่างจงใจ แก้วได้แต่อมยิ้มขณะเดินเกาะข้อศอกไปกับเจสซี่
“แหม ไปแซวเขาซึ่งๆหน้า ไม่ไหวเลยจริงๆทีเจนี่” น้ำตาลนึกต่อว่าในใจ ไม่อยากจะต่อความกับทีเจอีก เหตุเพราะเป็นคนพูดน้อยก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเถียง
“อย่างน้ำตาลนี่นะจะมีคนมาดูแลหัวใจ ทีเจพูดผิดแล้วล่ะ” ชีวิตน้ำตาลจากเด็กมาจนอายุเท่านี้ก็มีแต่ครอบครัวและกลุ่มเพื่อน เรื่องฟงเรื่องแฟนน้ำตาลยังไม่เคยคิด ไม่เคยรู้จนนิดเดียวว่า ถ้าคบกันแบบคนรักนั้นจะดีต่อใจอย่างไร แต่หากโชคชะตานำพาใครคนนั้นมานั่งในหัวใจจริงๆ ชีวิตน้ำตาลจะพบความสุขสดใสหรือถูกเทจนโซเซไปหาคนซับน้ำตาก็ยังไม่อาจรู้ “คงต้องขอคำแนะนำจากแก้วกับเจสซี่ที่เปิดใจคบกันเป็นคู่แรกซะแล้ว...”
แต่ถึงจะเปิดใจคบกันก็อย่าเสียงดังไป เพราะหากเรื่องรู้ไปถึงเพื่อนกลุ่มใหญ่ละก็ เจสซี่กับแก้วจะโดนแซวชนิดหาคำแก้ต่างไม่ถูกทีเดียวล่ะ
บ่ายวันเดียวกัน ครูมุกพาน้ำตาล แพรว และเมรินไปให้กำลังใจน้องแก้ว ซึ่งกำลังจะสอบโควตาร้องเพลง โควตาร้องเพลงแบ่งเป็นประเภทเพลงไทยลูกทุ่งและประเภทเพลงสากล สำหรับประเภทแรกจะสอบคัดเลือกที่ใต้ถุนอาคารเก้าชั้น ส่วนประเภทที่สองสอบกันที่หอประชุมยี่สิบปี
เมื่อการสอบคัดเลือกเริ่มขึ้น เด็กๆแต่ละคนต่างโชว์เสียงร้องเพลงเต็มที่ ผู้มาสอบคัดเลือกวันนี้เสียงดีชนิดกินกันไม่ลง ถึงคิวน้องแก้ว น้ำตาลยกนิ้วให้พร้อมกับภาวนาในใจ “สู้ๆนะแก้ว เธอติดหนึ่งในสิบคนแน่นอน
“ Dream on, Dream on, dream on, we can find our destiny, be everything we wanna be if we dream on.”
ประโยคสุดท้ายจบลงพร้อมเสียงเปียโนแว่วหวาน เสียงตบมือดังขึ้นขณะใครบางคนพาน้องแก้วลงจากเวที ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่เพื่อนชายคนสุดท้าย คนที่ขึ้นเวทีต่อจากน้องแก้ว
“ I never thought that I could miss, The touch of your hand, or just one kiss, I never meant to say its over.”
“This time I'll find the words to say, To make it better, Let's stay together this time”
จากท่อนแรกจนถึงท่อนสุดท้าย น้ำเสียงแจ่มใสติดจะแหบนิดหน่อยของเด็กชายคนนั้นสะกดคนทั้งหอประชุมให้นั่งอยู่กับที่ ไม่มีใครพูดอะไรตลอดเวลาที่เขาร้องเพลง น้ำตาลนั่งฟังอยู่ ความประทับใจเกิดขึ้นตั้งแต่พี่เขากล่าวแนะนำตัว
“ Hello. My name is…” เอ่อ... พี่เขาชื่ออะไร น้ำตาลก็จำไม่ได้เสียแล้ว เอาเถอะ ต่อให้จำชื่อเด็กชายคนนั้นไม่ได้ น้ำตาลก็ตั้งใจฟังเขาร้องเพลงเต็มที่ ทุกประโยค ทุกถ้อยคำแทรกซึมเข้าไปในใจของน้ำตาล เฉพาะประโยคที่ว่า “ Let’s stay together this time” ลอยวนอยู่ในหัว ทั้งๆที่เพลงจบไปพักหนึ่งแล้ว
“ใครเหรอที่ขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้ายน่ะ” น้ำตาลหันไปถามแพรวกับเมรินซึ่งนั่งขนาบข้างทั้งซ้ายขวา
“เขาชื่อ แม็ท แม็ท บาลลินเจอร์” เมรินตอบ
“พี่แม็ท ลูกชายครูซามูเอลนั่นไง” แก้วที่นั่งอยู่ข้างแพรวสำทับ
“คนนี้แพรวก็รู้จัก” เสียงแพรวให้คำตอบบ้าง
“พี่แม็ทย้ายมาอยู่บ้านสวนพฤกษาพร้อมๆกับพี่เจสซี่นั่นแหละ” แก้วขยายเรื่องต่อ
“แพรวจำได้นะ ตอนเรายังเด็ก แม็ทคนนี้แหละเคยไปเที่ยวทะเลด้วยกัน”
“ใช่ๆ แก้วไม่เคยลืม ตอนนั้นพี่โม พี่เลี้ยงพี่แม็ทก็ไปด้วย เราได้เล่นน้ำแล้วก็ฟังนิทานก่อนกลับโรงเรียนด้วย สนุกมากเลย เสียดายที่ตาลไม่ได้ไปวันนั้น” “นั่นสิ ถ้าวันนั้นตาลไปด้วยกันคงสนุกกว่านี้” เมรินกล่าวทิ้งท้าย
น้ำตาลพยักหน้ารับรู้ ยอมรับว่าเสียดายเหมือนกัน วันนั้นแม่ตองไม่ว่างพอดีก็เลยอดไปเที่ยว ส่วนเรื่องพี่แม็ทนั้นหรือ ขอบอกว่า นอกจากเจสซี่ พี่ชายของจินนี่แล้ว น้ำตาลไม่ค่อยรู้จักคนแถบละแวกใกล้โรงเรียนสายทิพย์มากนัก เพราะบ้านอยู่คนละซอยกัน หากว่าใครคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนจะแนะนำเด็กชายที่ชื่อแม็ทให้รู้จัก น้ำตาลก็ยินดี
กลับถึงโรงเรียนสายทิพย์ทันเวลาทานอาหารพอดี วันนี้เจสซี่มาเลี้ยงอาหารเย็นกับพี่เจมส์ และจะอยู่ทานข้าวกับพวกเราอีกด้วยนะ
ที่จริง เจสซี่คุยกับแก้วตั้งแต่เมื่อกลางวัน ภายหลังกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ แก้วเล่าให้ฟังว่า เจสซี่จะกลับโรงเรียนสายทิพย์พร้อมพวกเรา บอกเป็นนัยว่าจะมาแสดงความยินดีกับศิษย์ใหม่ในรั้วการเวก แม้ว่าเพื่อนใหม่บางคนจะต้องสอบคัดเลือกก็ถือว่าโอกาสยังไม่หลุดลอยเสียทีเดียว
ถึงโรงอาหาร พิธีต้อนรับแขกดำเนินไปด้วยดี ตัวแทนนักเรียนกล่าวคำขอบคุณ นักเรียนทุกคนยืนร้องเพลงอวยพรเป็นลำดับถัดไป เสียงร้องสอดประสานเสียงกีตาร์ฟังไพเราะจับใจ ไม่นานเพลงจบ ต่อด้วยบทท่องคำภาวนาอาหาร หลังจากนั้น เวลาแห่งความอร่อยก็มาถึง ทุกคนมีถาดหลุม วางอยู่ต่อหน้า ภายในมีกับข้าวและขนมแยกเป็นส่วนๆ น้ำตาล มองสำรวจแต่ละล็อก เห็นไก่เคเอฟซีอยู่ตรงข้ามล็อกข้าว ลองหยิบมาชิมดู หนังกรอบเนื้อนุ่ม อร่อยอย่างที่เพื่อนบางคนเคยพูดไว้ “ไก่เคเอฟซี ใครได้ลองกินแล้วจะติดใจ”
“ของหวานมีไอศครีมนะคะเด็กๆ” เสียงแม่อ้อยประกาศก้อง น้ำตาลอมยิ้ม ไอสครีมเป็นของหวานสุดโปรดเลยล่ะค่ะ ใครที่สนิทกับน้ำตาลจะเข้าใจดี
“เฮลโหล มีที่ว่างอยู่หรือเปล่า” เสียงทักทายคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ เจสซี่นั่นเอง “อ้าว! มากับเขาด้วยเหรอพี่อ่ะ” จินนี่แกล้งกวน
“เค้ามากินข้าวกับน้องแก้วต่างหาก” เจสซี่ตอบกลับปานกัน
“เชิญเลยค่ะ งานนี้หนูขอมีเอี่ยวด้วยนะ เพราะหนูยังกินไม่เสร็จ ฮิฮิ”
“ตามใจสิ ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย”
เจสซี่ยีผมจินนี่แรงๆ ก่อนทิ้งตัวนั่งข้างๆแก้ว ขณะที่เพื่อนชายอีกคนนั่งบนเก้าอี้ถัดจากน้ำตาลพอดี
“นั่งด้วยคนนะ” เพื่อนคนผมทองเอ่ยขอตามมารยาท โทนเสียงพูดกังวานใสยังไม่แตกหนุ่มแฝงเจือความสุภาพ
“เชิญเลยค่ะ”
เรากินข้าวกันต่อไป ไม่นานก็หมดล็อก น้ำตาลกำลังจะเอาถาดหลุมไปเก็บ หากเพื่อนชายคนเดิมเดินมายืนต่อหน้าแล้วพูดว่า
“เดี๋ยวเอาไปเก็บให้นะ กำลังจะไปล้างล็อกอยู่พอดี” “ขอบคุณมากจ้ะ”
“ฝากด้วยสิ” เจสซี่ไม่พูดเปล่า หยิบถาดของน้องแก้วกับถาดของตัวเองมาวางซ้อนจนอีกฝ่ายไม่มีทางปฏิเสธ
“หือ! ได้ทีใช้เพื่อนเชียวนะคุณเจส...”
“อ้าว! ช่วยเพื่อนบ้างซีว้า เราจะออกไปเอาไอสครีมมาเผื่อ พี่เจมส์รอแจกอยู่หน้าโรงอาหารนั่นไง”
“เดี๋ยวเค้าไปเอาไอศกรีมเอง พี่เจสไปล้างล็อกกับพี่แม็ทเถอะ”
จินนี่ไม่รอให้พี่ชายปฏิเสธ เธอยื่นข้อศอกให้แก้วเกาะแล้วเดินไปด้วยกัน น้ำตาลกับเมรินยังนั่งอยู่กับที่ น้ำตาลถามถึงเด็กชายผมทองคนนั้น ด้วยว่าจำเสียงเขาได้ หากก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่คนเดียวกับที่ร้องเพลงสุดท้ายบนเวทีไหม
เมรินยืนยันว่าใช่ น้ำตาลยิ้มดีใจ ไม่คิดไม่ฝัน วันนี้จะได้นั่งกินข้าวกับคนที่แอบประทับใจ แน่ล่ะ แม็ทคว้าที่หนึ่งของโควตานักร้องเพลงสากลมาได้โดยไม่มีใครคัดค้าน แถมเมย์ยังยืนยันหนักแน่นว่าเพื่อนคนนี้เคยช่วยเหลือเมย์เมื่อตอนเรียนประถม น้ำตาลก็ยิ่งปลื้ม คนนิสัยดีแบบนี้ล่ะที่น้ำตาลอยากเข้าหา
ที่ซิงค์ล้างล็อกหลังโรงอาหาร เจสซี่และแมทธิวส่งภาษาอังกฤษคุยกันเป็นการเป็นงาน ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีเด็กตาบอดกลุ่มหนึ่งยืนฟังแล้วแอบยิ้ม
“แม็ท ฉันมีเรื่องจะเล่าว่ะ”
“ว่า” “จำเรื่องที่เราคุยกับแก้วที่ร้านก๋วยเตี๋ยวได้มั้ย”
“เรื่องที่เพื่อนของเมย์จับฉลากไม่ได้น่ะเหรอ”
“นั่นแหละ อย่างที่น้องแก้วเล่าให้ฟัง เมย์บอกว่าจะให้เพื่อนที่เคยเรียนประถมด้วยกันช่วยติวข้อสอบให้แพรว และฉันรู้ว่า คนที่เมย์หมายถึงคือนาย”
“ฉันงั้นเหรอ”
“ใช่ นายนั่นแหละ” เจสซี่ยืนยัน
“เพื่อนของเมย์ไม่ต้องสอบคัดเลือกยกเว้นแพรว ก็อย่างที่ฉันและนายรู้ ข้อสอบคัดเลือกนักเรียนใหม่เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษทั้งหมด และฉันก็มองไม่เห็นใครที่จะใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องเท่านาย ช่วยเพื่อนหน่อยนะ ถือว่าติวข้อสอบให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”
“แล้วทำไมถึงสอบคัดเลือกแทนที่จะสมัครโควตาร้องเพลงล่ะ” แมทธิวถามขณะวางถาดหลุมที่เช็ดน้ำจนแห้งไว้บนชั้นที่มีถาดใบอื่นซ้อนกันเป็นระเบียบ
“ก็ฉันสมัครไม่ทันนี่นา จับฉลากก็ไม่กล้าเสี่ยง โควตาบ้านใกล้ก็เกรดเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์ ฉันเลยเอาทางเลือกสุดท้าย สอบเป็นทางเดียวที่โอกาสของฉันจะไม่หลุดไป”
“โอเค ฉันจะช่วยก็ได้ แต่เรื่องที่ยังคาใจต้องเคลียกับเมย์ให้รู้ชัด”
[น้ำตาล]
ผ่านไปสักพัก จินนี่กับแก้วกลับมาพร้อมกับไอศกรีมกะทิรสหอมหวาน เจสซี่กับแม็ทตามมาสมทบในอีกไม่กี่นาทีต่อมา พวกเรากินกันไป พูดคุยกันไป น้ำตาลถือโอกาสทำความรู้จักกับแมทธิวเสียเลย
“แม็ทเขาเรียนห้องเดียวกับเรานะน้ำตาล” น้ำเสียงเมรินฟังดูมีความสุขเมื่อพูดถึงเพื่อนสนิทของเธอ
“จริงเหรอ” น้ำตาลตอบรับ รู้สึกเป็นสุขในใจอย่างไรบอกไม่ถูก
“ที่จริง เราต้องเรียน ม. สอง ก่อนเมย์กับเจสซี่นะ พอดีย้ายมาจากนิวยอร์กแล้วพ่อให้เรียนอนุบาลซ้ำอีกปี เทอมนี้เลยได้ขึ้น ม. หนึ่ง พร้อมกัน”
“ก็คงจะเหมือนกับน้องแก้วนะคะ” น้ำตาลเริ่มเล่าเท้าความหลัง
“น้องแก้วอ่านหนังสือคล่องแคล่วจนไม่ยอมเรียนอนุบาลสาม ต้องพาสชั้นมาเรียนกับรุ่นพี่อย่างน้ำตาลนี่แหละค่ะ”
น้ำตาล แพรวแล้วก็เมย์เป็น “รุ่นพี่” เพราะงั้น หนูถึงได้เรียกเธอว่า “น้องแก้ว”อย่างที่พี่แม็ทได้ยินนั่นล่ะค่ะ”
ไอศกรีมหมดถ้วยแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นหอไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนเจสซี่กับแม็ทจะลากลับไป ทั้งสองคนสัญญาจะช่วยติวข้อสอบให้แพรวหลังปิดค่ายสอนเสริม แพรวดีใจจนน้ำตาไหล น้ำตาลเองก็ดีใจกับเพื่อนเช่นกัน มั่นใจเต็มร้อยว่าแพรวจะได้เป็นนักเรียนใหม่ในโรงเรียนวินเซนต์แน่นอน
พอก้าวเข้าสู่พื้นกระเบื้องลื่นเรียบในห้องพัก ครูประจำหอเดินมาส่งโทรศัพท์ไร้สายให้
“แม่น้องตาลโทรมาจ้ะ บอกว่ามีธุระด่วนจะคุยด้วย”
น้ำตาลรับเครื่องโทรศัพท์มาจากครูประจำหอทันที ด้วยว่าคิดถึงแม่ตองจับใจ เพราะไม่ค่อยได้โทรหาตลอดเวลาที่อยู่ในค่าย
“เลิกเรียนยังจ๊ะน้องตาล” น้ำตาลยังไม่ทันส่งเสียงตอบ แม่ตองก็พูดต่อว่า
“พอดีพ่อเราได้งานใหม่ เราต้องไปกรุงเทพพรุ่งนี้เช้า แม่จะไปรับน้องตาลกลับบ้านคืนนี้ เตรียมเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยนะลูก”
น้ำตาลใจหายวาบ นี่จะต้องย้ายไปกรุงเทพอย่างนั้นใช่ไหม หมดกัน ความฝันที่จะได้เรียนต่อที่โรงเรียนวินเซนต์เป็นอันจบเห่ จบเห่ชนิดไม่มีทางเลือกอย่างอื่นแล้วจริงๆ...
ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดสายทิพย์
เจ็ดโมงครึ่งวันศุกร์ในค่ายเตรียมความพร้อม เด็ก ป. หก ทั้งหญิงและชายมารวมกลุ่มกันที่หน้าป้ายชื่อโรงเรียนข้างตึกสำนักงาน วันนี้แล้วที่โรงเรียนต่างๆจะคัดเลือกนักเรียน ม. หนึ่ง ภายหลังเปิดรับสมัครไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า
น้ำตาลกับแพรวรอให้ถึงเวลาแปดโมงแทบไม่ไหว เพราะครูมุกกับครูตู่จะพาไปจับฉลากที่โรงเรียนวินเซนต์ เรายืนรอรถตู้ของลุงหวานด้วยใจลุ้นระทึก น้ำตาลสัมผัสมือกับแพรวไปมา มือเราสองคนเย็นเฉียบทั้งที่ตอนนี้แสงแดดเริ่มส่องมาโดนตัว ไม่ใช่แค่น้ำตาลกับแพรวที่ตื่นเต้น เมริน ทีเจ คลินต์ และน้องแก้วก็เอาใจช่วยเช่นกัน
“แก้วจะไปกับพี่แพรวพี่ตาลด้วย รอฟังผลที่โรงเรียนไม่ไหวหรอก”
“ใช่เลย เราก็จะไปช่วยลุ้นเหมือนกัน ได้ยินครูมุกคุยกับครูตู่ว่า ถ้าตาลกับแพรวจับฉลากได้ทั้งสองคน ครูจะพาไปเที่ยวห้าง และจะพาไปกินไก่เคเอฟซี”
ฟังทีเจเล่าอย่างนั้น น้ำตาลตื่นเต้นดีใจเป็นสองเท่า ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาจนถึงวันนี้ อย่าว่าแต่ได้กินไก่เคเอฟซีเลย แค่จะไปซื้อของเล่นแพงๆที่ห้างสักครั้งก็ลำบากเต็มที “ไม่มีตังค์” เสียงเข้มๆจากแม่ตองที่เอ่ยคำคำนี้ ทำให้น้ำตาลไม่กล้าร้องขอไปเที่ยวห้างอีก ได้แต่อธิษฐานกับดาวศุกร์สว่างบนท้องฟ้า ถึงวันจบ ป. หก ดาวดวงนั้นเริ่มจะตอบคำอธิษฐานของน้ำตาลแล้ว ขอเพียงได้เป็นน้องใหม่ในโรงเรียนวินเซนต์นั่นล่ะ คำอธิษฐานถึงจะสำเร็จไปด้วยดี
“ดีจังเลย เราอยากกินไก่เคเอฟซี ขอให้จับฉลากได้นะ ตาลกับแพรว”
“ส่วนแก้ว พี่ก็เอาใจช่วยให้สอบโควตาร์ร้องเพลงได้ที่หนึ่งนะ เราจะได้เรียนที่รั้วฟ้าแดงด้วยกัน”
“แหม พี่เมย์ แก้วประกวดร้องเพลงชนะมาแล้วนะคะ สอบโควตาร์ครั้งนี้แก้วต้องทำให้ได้ เพลง Dream on จะนำโชคดีมาให้แก้วแน่นอนค่ะ”
ที่โรงเรียนวินเซนต์มีการคัดเลือกนักเรียนใหม่ด้วยโควตาบ้านใกล้ โควตาร้องเพลง และโควตาจับฉลาก เมริน ทีเจ และคลินต์ ได้โควตาบ้านใกล้ไปก่อนแล้ว แก้วรอสอบโควตาร์ร้องเพลง และน้ำตาลกับแพรวจะต้องไปจับฉลาก ทั้งสองโควตาจะคัดเลือกในวันเดียวกัน
“พร้อมหรือยังจ๊ะเด็กๆ” เสียงครูตู่ที่มายืนข้างน้ำตาลเมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง
“พร้อมแล้วค่ะ”
“ตามครูมาเลยจ้ะ ถึงเวลาเดินทางแล้ว”
“เยเยเย” ส่งเสียงแห่งความดีใจพร้อมกันแล้ว เด็กๆก็ตั้งขบวนเดินเกาะกลุ่มกันไป ครูตู่อยู่ข้างหน้า แพรวเกาะข้อศอกครูตู่ น้ำตาลเกาะข้อศอกแพรว ส่วนน้องแก้วกับเมรินเกาะข้อศอกครูมุกเดินตามไปด้วยกัน
เดินทางด้วยรถมินิแวนของครูมุก รถคันนี้เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เบาะนั่งนุ่มสบาย เจ้าของรถเปิดเพลงเพราะๆให้ฟังตลอดทาง
ลุงแฟรงค์พาคณะครูและนักเรียนโรงเรียนสายทิพย์มาถึงโรงเรียนวินเซนต์เวลาแปดโมงครึ่งพอดิบพอดี ครูซามูเอลซึ่งรู้จักกับลุงแฟรงค์รอรับที่จุดจอดรถใกล้กับอาคารหลังใหญ่ แก้วบอกว่านี่คืออาคารเก้าชั้น ที่ที่เธอเคยมาประกวดร้องเพลง Dream on เมื่อตอนเรียนอยู่ ป. ห้า นั่นล่ะ
ครูซามูเอลพาเด็กๆไปลงทะเบียนที่ใต้ถุนอาคารเก้าชั้น จากนั้นพาไปนั่งรอที่จุดคัดเลือก บรรยากาศรอบตัวเวลานี้เซ็งแซ่ด้วยเสียงจากเด็กๆหลายคน และเสียงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นระยะๆ
การจับฉลากเริ่มขึ้นตอนเก้าโมงเช้า เสียงประกาศเรียกเด็กๆตั้งแถวตามหมายเลขบัตรคิวที่ได้รับ น้ำตาลได้คิวที่ 50 ส่วนแพรวต้องไปต่อคิวแถวหลัง
ยืนรออยู่จนเสียงประกาศเรียก “คิวที่ 50 ค่ะ” น้ำตาลกับคนที่ได้หมายเลขเดียวกันในแต่ละแถวเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีกล่องฉลากวางอยู่ น้ำตาลหยิบม้วนกระดาษเล็กๆขึ้นมา ครูซามูเอลรับไปเปิดให้
ขณะรอฟังประกาศผล ความตื่นเต้นเริ่มก่อตัว มือเริ่มสั่น หัวใจเต้นเร็ว จนพี่สตาฟที่ยืนอยู่ข้างๆเอามือมาแตะไหล่
“ใจเย็นๆนะครับ อีกแป๊บเดียวเดี๋ยวรู้ผล”
“ใช่ อีกแป๊บเดียวได้รู้ผล” น้ำตาลคิด ซึ่งผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ยากจะคาดเดา
“ได้” เสียงประกาศดังอยู่ข้างหน้า น้ำตาลฟังไม่ถนัด พี่สตาฟเลยทวนคำพูดของครูซามูเอลอีกครั้ง
“น้องจับฉลากได้ ยินดีด้วยนะครับ”
ขอบคุณค่ะ” ขณะกล่าวคำขอบคุณ น้ำตาลตัวเบาเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ “หนูจะได้เป็นน้องใหม่ที่โรงเรียนวินเซนต์แล้ว” น้ำตาลพูดกับครูตู่ขณะเดินไปรวมกลุ่มกับแพรว ทีเจ คลินต์ และเมริน
“ครูดีใจด้วยนะตาล”
ที่ลานซีเมนต์กว้างด้านนอกอาคาร แพรวเดินเข้ามากอดพร้อมกับสะอื้นไห้ “แพรวจับฉลากไม่ได้ แพรวจับฉลากไม่ได้” แพรวเอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ พูดไปแล้วก็ร้องไห้จนครูมุกต้องลูบศีรษะปลอบ
“ไม่เป็นไร วันนี้จับฉลากไม่ได้ อาทิตย์หน้า แพรวยังมีโอกาสสอบคัดเลือกนะจ๊ะ”
“ค่ะ แพรวจะสอบ แพรวจะสอบค่ะครูมุก” แพรวหยุดร้องไห้ตอนที่เมรินเดินมาจับมือ เมรินส่งเสียงพอให้แพรวกับน้ำตาลได้ยินว่า
“เรื่องสอบคัดเลือกไม่ใช่ปัญหา เพื่อนเราที่เคยเรียนประถมด้วยกันจะอาสาติวให้ ถ้าแพรวจะยอมไปบ้านเราหลังปิดค่าย” “ได้เลย เรื่องนี้แพรวว่าแม่พิมพ์น่าจะเห็นด้วย เพราะแม่ปักธงแล้วว่าจะให้แพรวเรียนมัธยมที่โรงเรียนวินเซนต์ ต่อให้ต้องเสียเงินแพงๆแม่ก็จะทำ”
“น่า ไม่ต้องถึงขั้นเสียเงินแพงหรอก” เมรินว่า
“แพรวน่ะสอบได้อยู่แล้ว เรามั่นใจ”
การจับฉลากสิ้นสุดลงเวลาเที่ยง ครูมุกพาไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านหน้าปากซอย ระหว่างทางที่ก้าวเดิน เพื่อนๆส่วนใหญ่หยิบยกเรื่องโรงเรียนวินเซนต์มาสนทนากันอีกครั้ง
โรงเรียนวินเซนต์ โรงเรียนในฝันของเพื่อนหลายๆคน
(รวมถึงน้ำตาลด้วย) เมรินเคยคุยให้ฟังว่าดีต่อใจมากมาย
“โรงเรียนนี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เราเรียนอยู่ที่นี่จนรู้จักทุกซอกทุกมุมของฝั่งประถม ส่วนฝั่งมัธยมเรายังไม่เคยไปสัมผัส เปิดเทอมใหม่ก็ต้องไปหัดเรียนรู้ใหม่นั่นล่ะ”
“จำได้ว่าพี่เจมส์เคยเล่า ที่ฝั่งมัธยมนะ มีเรื่องราวน่าสนุกเยอะแยะ ไว้เข้าไปเรียนก่อน แล้วน้องจะรู้เอง...”
เมรินเล่าไปเรื่อยๆ น้ำตาลเพียงรับฟังเงียบๆ สิ่งเดียวที่ยังกังวลใจ “หากได้เข้าเรียนที่นั่นจริงๆ เราจะเผชิญกับเพื่อนที่ไม่รู้จักเพียงลำพังอย่างไร” เมรินเหมือนจะเดาความคิดน้ำตาลออก เธอเอื้อมมือมาแตะไหล่ เอ่ยคำปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ต้องกังวลหรอกตาล อยู่ๆไปเดี๋ยวเพื่อนก็ช่วยเหลือตาลเองนะ”
“ใช่ๆ ดีไม่ดี หน้าสวยๆ เสียงเพราะๆอย่างเธออาจจะมีหนุ่มตาน้ำข้าวมาดูแลหัวใจก็ได้นา คริคริ”
“บ้า ทีเจพูดอะไรก็ไม่รู้ ใครเขาจะมาสนใจคนเรื่อยๆเฉื่อยๆอย่างเรากันล่ะ”
“ไม่แน่หรอก... คนดูแลหัวใจคนนั้นอาจเป็นเพื่อนห้องเรียนเดียวกันก็ได้ ใครจะไปรู้อนาคตตัวเองล่ะ จริงไหมแก้ว”
ทีเจเอ่ยแซว อย่างจงใจ แก้วได้แต่อมยิ้มขณะเดินเกาะข้อศอกไปกับเจสซี่
“แหม ไปแซวเขาซึ่งๆหน้า ไม่ไหวเลยจริงๆทีเจนี่” น้ำตาลนึกต่อว่าในใจ ไม่อยากจะต่อความกับทีเจอีก เหตุเพราะเป็นคนพูดน้อยก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเถียง
“อย่างน้ำตาลนี่นะจะมีคนมาดูแลหัวใจ ทีเจพูดผิดแล้วล่ะ” ชีวิตน้ำตาลจากเด็กมาจนอายุเท่านี้ก็มีแต่ครอบครัวและกลุ่มเพื่อน เรื่องฟงเรื่องแฟนน้ำตาลยังไม่เคยคิด ไม่เคยรู้จนนิดเดียวว่า ถ้าคบกันแบบคนรักนั้นจะดีต่อใจอย่างไร แต่หากโชคชะตานำพาใครคนนั้นมานั่งในหัวใจจริงๆ ชีวิตน้ำตาลจะพบความสุขสดใสหรือถูกเทจนโซเซไปหาคนซับน้ำตาก็ยังไม่อาจรู้ “คงต้องขอคำแนะนำจากแก้วกับเจสซี่ที่เปิดใจคบกันเป็นคู่แรกซะแล้ว...”
แต่ถึงจะเปิดใจคบกันก็อย่าเสียงดังไป เพราะหากเรื่องรู้ไปถึงเพื่อนกลุ่มใหญ่ละก็ เจสซี่กับแก้วจะโดนแซวชนิดหาคำแก้ต่างไม่ถูกทีเดียวล่ะ
บ่ายวันเดียวกัน ครูมุกพาน้ำตาล แพรว และเมรินไปให้กำลังใจน้องแก้ว ซึ่งกำลังจะสอบโควตาร้องเพลง โควตาร้องเพลงแบ่งเป็นประเภทเพลงไทยลูกทุ่งและประเภทเพลงสากล สำหรับประเภทแรกจะสอบคัดเลือกที่ใต้ถุนอาคารเก้าชั้น ส่วนประเภทที่สองสอบกันที่หอประชุมยี่สิบปี
เมื่อการสอบคัดเลือกเริ่มขึ้น เด็กๆแต่ละคนต่างโชว์เสียงร้องเพลงเต็มที่ ผู้มาสอบคัดเลือกวันนี้เสียงดีชนิดกินกันไม่ลง ถึงคิวน้องแก้ว น้ำตาลยกนิ้วให้พร้อมกับภาวนาในใจ “สู้ๆนะแก้ว เธอติดหนึ่งในสิบคนแน่นอน
“ Dream on, Dream on, dream on, we can find our destiny, be everything we wanna be if we dream on.”
ประโยคสุดท้ายจบลงพร้อมเสียงเปียโนแว่วหวาน เสียงตบมือดังขึ้นขณะใครบางคนพาน้องแก้วลงจากเวที ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่เพื่อนชายคนสุดท้าย คนที่ขึ้นเวทีต่อจากน้องแก้ว
“ I never thought that I could miss, The touch of your hand, or just one kiss, I never meant to say its over.”
“This time I'll find the words to say, To make it better, Let's stay together this time”
จากท่อนแรกจนถึงท่อนสุดท้าย น้ำเสียงแจ่มใสติดจะแหบนิดหน่อยของเด็กชายคนนั้นสะกดคนทั้งหอประชุมให้นั่งอยู่กับที่ ไม่มีใครพูดอะไรตลอดเวลาที่เขาร้องเพลง น้ำตาลนั่งฟังอยู่ ความประทับใจเกิดขึ้นตั้งแต่พี่เขากล่าวแนะนำตัว
“ Hello. My name is…” เอ่อ... พี่เขาชื่ออะไร น้ำตาลก็จำไม่ได้เสียแล้ว เอาเถอะ ต่อให้จำชื่อเด็กชายคนนั้นไม่ได้ น้ำตาลก็ตั้งใจฟังเขาร้องเพลงเต็มที่ ทุกประโยค ทุกถ้อยคำแทรกซึมเข้าไปในใจของน้ำตาล เฉพาะประโยคที่ว่า “ Let’s stay together this time” ลอยวนอยู่ในหัว ทั้งๆที่เพลงจบไปพักหนึ่งแล้ว
“ใครเหรอที่ขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้ายน่ะ” น้ำตาลหันไปถามแพรวกับเมรินซึ่งนั่งขนาบข้างทั้งซ้ายขวา
“เขาชื่อ แม็ท แม็ท บาลลินเจอร์” เมรินตอบ
“พี่แม็ท ลูกชายครูซามูเอลนั่นไง” แก้วที่นั่งอยู่ข้างแพรวสำทับ
“คนนี้แพรวก็รู้จัก” เสียงแพรวให้คำตอบบ้าง
“พี่แม็ทย้ายมาอยู่บ้านสวนพฤกษาพร้อมๆกับพี่เจสซี่นั่นแหละ” แก้วขยายเรื่องต่อ
“แพรวจำได้นะ ตอนเรายังเด็ก แม็ทคนนี้แหละเคยไปเที่ยวทะเลด้วยกัน”
“ใช่ๆ แก้วไม่เคยลืม ตอนนั้นพี่โม พี่เลี้ยงพี่แม็ทก็ไปด้วย เราได้เล่นน้ำแล้วก็ฟังนิทานก่อนกลับโรงเรียนด้วย สนุกมากเลย เสียดายที่ตาลไม่ได้ไปวันนั้น” “นั่นสิ ถ้าวันนั้นตาลไปด้วยกันคงสนุกกว่านี้” เมรินกล่าวทิ้งท้าย
น้ำตาลพยักหน้ารับรู้ ยอมรับว่าเสียดายเหมือนกัน วันนั้นแม่ตองไม่ว่างพอดีก็เลยอดไปเที่ยว ส่วนเรื่องพี่แม็ทนั้นหรือ ขอบอกว่า นอกจากเจสซี่ พี่ชายของจินนี่แล้ว น้ำตาลไม่ค่อยรู้จักคนแถบละแวกใกล้โรงเรียนสายทิพย์มากนัก เพราะบ้านอยู่คนละซอยกัน หากว่าใครคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนจะแนะนำเด็กชายที่ชื่อแม็ทให้รู้จัก น้ำตาลก็ยินดี
กลับถึงโรงเรียนสายทิพย์ทันเวลาทานอาหารพอดี วันนี้เจสซี่มาเลี้ยงอาหารเย็นกับพี่เจมส์ และจะอยู่ทานข้าวกับพวกเราอีกด้วยนะ
ที่จริง เจสซี่คุยกับแก้วตั้งแต่เมื่อกลางวัน ภายหลังกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ แก้วเล่าให้ฟังว่า เจสซี่จะกลับโรงเรียนสายทิพย์พร้อมพวกเรา บอกเป็นนัยว่าจะมาแสดงความยินดีกับศิษย์ใหม่ในรั้วการเวก แม้ว่าเพื่อนใหม่บางคนจะต้องสอบคัดเลือกก็ถือว่าโอกาสยังไม่หลุดลอยเสียทีเดียว
ถึงโรงอาหาร พิธีต้อนรับแขกดำเนินไปด้วยดี ตัวแทนนักเรียนกล่าวคำขอบคุณ นักเรียนทุกคนยืนร้องเพลงอวยพรเป็นลำดับถัดไป เสียงร้องสอดประสานเสียงกีตาร์ฟังไพเราะจับใจ ไม่นานเพลงจบ ต่อด้วยบทท่องคำภาวนาอาหาร หลังจากนั้น เวลาแห่งความอร่อยก็มาถึง ทุกคนมีถาดหลุม วางอยู่ต่อหน้า ภายในมีกับข้าวและขนมแยกเป็นส่วนๆ น้ำตาล มองสำรวจแต่ละล็อก เห็นไก่เคเอฟซีอยู่ตรงข้ามล็อกข้าว ลองหยิบมาชิมดู หนังกรอบเนื้อนุ่ม อร่อยอย่างที่เพื่อนบางคนเคยพูดไว้ “ไก่เคเอฟซี ใครได้ลองกินแล้วจะติดใจ”
“ของหวานมีไอศครีมนะคะเด็กๆ” เสียงแม่อ้อยประกาศก้อง น้ำตาลอมยิ้ม ไอสครีมเป็นของหวานสุดโปรดเลยล่ะค่ะ ใครที่สนิทกับน้ำตาลจะเข้าใจดี
“เฮลโหล มีที่ว่างอยู่หรือเปล่า” เสียงทักทายคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ เจสซี่นั่นเอง “อ้าว! มากับเขาด้วยเหรอพี่อ่ะ” จินนี่แกล้งกวน
“เค้ามากินข้าวกับน้องแก้วต่างหาก” เจสซี่ตอบกลับปานกัน
“เชิญเลยค่ะ งานนี้หนูขอมีเอี่ยวด้วยนะ เพราะหนูยังกินไม่เสร็จ ฮิฮิ”
“ตามใจสิ ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย”
เจสซี่ยีผมจินนี่แรงๆ ก่อนทิ้งตัวนั่งข้างๆแก้ว ขณะที่เพื่อนชายอีกคนนั่งบนเก้าอี้ถัดจากน้ำตาลพอดี
“นั่งด้วยคนนะ” เพื่อนคนผมทองเอ่ยขอตามมารยาท โทนเสียงพูดกังวานใสยังไม่แตกหนุ่มแฝงเจือความสุภาพ
“เชิญเลยค่ะ”
เรากินข้าวกันต่อไป ไม่นานก็หมดล็อก น้ำตาลกำลังจะเอาถาดหลุมไปเก็บ หากเพื่อนชายคนเดิมเดินมายืนต่อหน้าแล้วพูดว่า
“เดี๋ยวเอาไปเก็บให้นะ กำลังจะไปล้างล็อกอยู่พอดี” “ขอบคุณมากจ้ะ”
“ฝากด้วยสิ” เจสซี่ไม่พูดเปล่า หยิบถาดของน้องแก้วกับถาดของตัวเองมาวางซ้อนจนอีกฝ่ายไม่มีทางปฏิเสธ
“หือ! ได้ทีใช้เพื่อนเชียวนะคุณเจส...”
“อ้าว! ช่วยเพื่อนบ้างซีว้า เราจะออกไปเอาไอสครีมมาเผื่อ พี่เจมส์รอแจกอยู่หน้าโรงอาหารนั่นไง”
“เดี๋ยวเค้าไปเอาไอศกรีมเอง พี่เจสไปล้างล็อกกับพี่แม็ทเถอะ”
จินนี่ไม่รอให้พี่ชายปฏิเสธ เธอยื่นข้อศอกให้แก้วเกาะแล้วเดินไปด้วยกัน น้ำตาลกับเมรินยังนั่งอยู่กับที่ น้ำตาลถามถึงเด็กชายผมทองคนนั้น ด้วยว่าจำเสียงเขาได้ หากก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่คนเดียวกับที่ร้องเพลงสุดท้ายบนเวทีไหม
เมรินยืนยันว่าใช่ น้ำตาลยิ้มดีใจ ไม่คิดไม่ฝัน วันนี้จะได้นั่งกินข้าวกับคนที่แอบประทับใจ แน่ล่ะ แม็ทคว้าที่หนึ่งของโควตานักร้องเพลงสากลมาได้โดยไม่มีใครคัดค้าน แถมเมย์ยังยืนยันหนักแน่นว่าเพื่อนคนนี้เคยช่วยเหลือเมย์เมื่อตอนเรียนประถม น้ำตาลก็ยิ่งปลื้ม คนนิสัยดีแบบนี้ล่ะที่น้ำตาลอยากเข้าหา
ที่ซิงค์ล้างล็อกหลังโรงอาหาร เจสซี่และแมทธิวส่งภาษาอังกฤษคุยกันเป็นการเป็นงาน ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีเด็กตาบอดกลุ่มหนึ่งยืนฟังแล้วแอบยิ้ม
“แม็ท ฉันมีเรื่องจะเล่าว่ะ”
“ว่า” “จำเรื่องที่เราคุยกับแก้วที่ร้านก๋วยเตี๋ยวได้มั้ย”
“เรื่องที่เพื่อนของเมย์จับฉลากไม่ได้น่ะเหรอ”
“นั่นแหละ อย่างที่น้องแก้วเล่าให้ฟัง เมย์บอกว่าจะให้เพื่อนที่เคยเรียนประถมด้วยกันช่วยติวข้อสอบให้แพรว และฉันรู้ว่า คนที่เมย์หมายถึงคือนาย”
“ฉันงั้นเหรอ”
“ใช่ นายนั่นแหละ” เจสซี่ยืนยัน
“เพื่อนของเมย์ไม่ต้องสอบคัดเลือกยกเว้นแพรว ก็อย่างที่ฉันและนายรู้ ข้อสอบคัดเลือกนักเรียนใหม่เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษทั้งหมด และฉันก็มองไม่เห็นใครที่จะใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องเท่านาย ช่วยเพื่อนหน่อยนะ ถือว่าติวข้อสอบให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”
“แล้วทำไมถึงสอบคัดเลือกแทนที่จะสมัครโควตาร้องเพลงล่ะ” แมทธิวถามขณะวางถาดหลุมที่เช็ดน้ำจนแห้งไว้บนชั้นที่มีถาดใบอื่นซ้อนกันเป็นระเบียบ
“ก็ฉันสมัครไม่ทันนี่นา จับฉลากก็ไม่กล้าเสี่ยง โควตาบ้านใกล้ก็เกรดเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์ ฉันเลยเอาทางเลือกสุดท้าย สอบเป็นทางเดียวที่โอกาสของฉันจะไม่หลุดไป”
“โอเค ฉันจะช่วยก็ได้ แต่เรื่องที่ยังคาใจต้องเคลียกับเมย์ให้รู้ชัด”
[น้ำตาล]
ผ่านไปสักพัก จินนี่กับแก้วกลับมาพร้อมกับไอศกรีมกะทิรสหอมหวาน เจสซี่กับแม็ทตามมาสมทบในอีกไม่กี่นาทีต่อมา พวกเรากินกันไป พูดคุยกันไป น้ำตาลถือโอกาสทำความรู้จักกับแมทธิวเสียเลย
“แม็ทเขาเรียนห้องเดียวกับเรานะน้ำตาล” น้ำเสียงเมรินฟังดูมีความสุขเมื่อพูดถึงเพื่อนสนิทของเธอ
“จริงเหรอ” น้ำตาลตอบรับ รู้สึกเป็นสุขในใจอย่างไรบอกไม่ถูก
“ที่จริง เราต้องเรียน ม. สอง ก่อนเมย์กับเจสซี่นะ พอดีย้ายมาจากนิวยอร์กแล้วพ่อให้เรียนอนุบาลซ้ำอีกปี เทอมนี้เลยได้ขึ้น ม. หนึ่ง พร้อมกัน”
“ก็คงจะเหมือนกับน้องแก้วนะคะ” น้ำตาลเริ่มเล่าเท้าความหลัง
“น้องแก้วอ่านหนังสือคล่องแคล่วจนไม่ยอมเรียนอนุบาลสาม ต้องพาสชั้นมาเรียนกับรุ่นพี่อย่างน้ำตาลนี่แหละค่ะ”
น้ำตาล แพรวแล้วก็เมย์เป็น “รุ่นพี่” เพราะงั้น หนูถึงได้เรียกเธอว่า “น้องแก้ว”อย่างที่พี่แม็ทได้ยินนั่นล่ะค่ะ”
ไอศกรีมหมดถ้วยแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นหอไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนเจสซี่กับแม็ทจะลากลับไป ทั้งสองคนสัญญาจะช่วยติวข้อสอบให้แพรวหลังปิดค่ายสอนเสริม แพรวดีใจจนน้ำตาไหล น้ำตาลเองก็ดีใจกับเพื่อนเช่นกัน มั่นใจเต็มร้อยว่าแพรวจะได้เป็นนักเรียนใหม่ในโรงเรียนวินเซนต์แน่นอน
พอก้าวเข้าสู่พื้นกระเบื้องลื่นเรียบในห้องพัก ครูประจำหอเดินมาส่งโทรศัพท์ไร้สายให้
“แม่น้องตาลโทรมาจ้ะ บอกว่ามีธุระด่วนจะคุยด้วย”
น้ำตาลรับเครื่องโทรศัพท์มาจากครูประจำหอทันที ด้วยว่าคิดถึงแม่ตองจับใจ เพราะไม่ค่อยได้โทรหาตลอดเวลาที่อยู่ในค่าย
“เลิกเรียนยังจ๊ะน้องตาล” น้ำตาลยังไม่ทันส่งเสียงตอบ แม่ตองก็พูดต่อว่า
“พอดีพ่อเราได้งานใหม่ เราต้องไปกรุงเทพพรุ่งนี้เช้า แม่จะไปรับน้องตาลกลับบ้านคืนนี้ เตรียมเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยนะลูก”
น้ำตาลใจหายวาบ นี่จะต้องย้ายไปกรุงเทพอย่างนั้นใช่ไหม หมดกัน ความฝันที่จะได้เรียนต่อที่โรงเรียนวินเซนต์เป็นอันจบเห่ จบเห่ชนิดไม่มีทางเลือกอย่างอื่นแล้วจริงๆ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น