ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) Prince of tennis | 7 days with YOU (Ryoma x Sakuno)

    ลำดับตอนที่ #2 : Monday

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 64


    Day 1

    Ryoma Part

    สวัสดีครับ ผมเอจิเซ็น เรียวมะ นักกีฬาเทนนิสวัยรุ่นชื่อดังที่ตอนนี้กลายร่างเป็นแมวไปแล้วครับ ใช่ครับ ทุกคนฟังไม่ผิด ผม-กลาย-ร่าง-เป็น-แมว! ถ้าถามว่าได้ไง ก็ขอเล่าย้อนไปตั้งแต่แรก

    ทุกอย่างเริ่มจากผมกลับมาที่ญี่ปุ่นเพื่อมาเรียนต่อม.ปลายที่โรงเรียนเซชุน หรือเซงาคุ ด้วยความที่เบื่ออเมริกา เพราะที่นั่นไม่มีเทนนิสสนุกๆแบบที่ญี่ปุ่น และคิดถึงเพื่อนๆพี่ๆที่ชมรมเทนนิสและเธอ ผมก็เลยตัดสินใจกลับมา แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าพอผมกลับมาแล้ว ผมจะต้องกลายร่างเป็นแมวแบบนี้! 

     

    ‘น่ารักเหมือนแมวจังเลยนะ สนใจอยากเป็นแมวสัก 7 วันไหมล่ะพ่อหนุ่ม’

     

    นั่นคือประโยคที่ลุงแก่ๆคนหนึงพูดกับผมเมื่อวานที่สวนสาธารณะในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปซ้อมที่สนามเทนนิส อยู่ดีๆลุงแก่นั่นก็เข้ามาขวางผม แล้วก็กวนประสาท ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนสติไม่ดี เลยไม่คิดจะยุ่งอะไรด้วย แต่ใครจะรู้ล่ะว่าพอหันหลังจะเดินหนีแล้ว ผมดันรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งร่างจนหมดสติไปเลย

     

    ‘แมวน้อยที่ไหนมานอนอยู่ตรงนี้น่ะ’

     

    และพอผมตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงหวานๆที่คุ้นหู เสียงที่คอยเรียกชื่อผม เป็นเสียงที่ตะโกนเชียร์ผมทุกครั้งที่แข่งเทนนิส ริวซากิ ซากุโนะ ยัยผมเปีย 2 ข้างที่ยาวจนถึงต้นขา ยัยนั่นเข้ามาอุ้มผมขึ้นและจะพากลับบ้านเพราะฝนมันกำลังจะตก ตอนนั้นผมไม่ค่อยมีสติหรอกครับ และพอเดินผ่านร้านอะไรสักอย่าง เงาที่สะท้อนมาจากกระจกของร้านนั่นเป็นริวซากิกำลังอุ้มแมวสีดำตัวหนึ่งอยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ช็อกหมดสติไปอีกรอบ และนั่นคือเรื่องราวทั้งหมดจนถึงตอนนี้ 

    และเมื่อผมตื่นมาอีกทีก็วันใหม่แล้ว กว่าจะทำใจยอมรับได้ก็นานเลยครับ ผมพยายามท่องอยู่ว่าแค่ 7 วันเท่านั้น ครบ 7 วันผมจะไปหวดเทนนิสใส่ไอ้ลุงบ้านั่น 

     

     

    และตอนนี้ข้างหน้าผมคือริวซากิที่กำลังขอคุณย่าของเธอ อาจารย์ริวซากิ ซูมิเระ เพื่อที่จะเลี้ยงแมวดำอย่างผม ผมนอนมองยัยนั่นขออาจารย์มาได้สักพักแล้ว ตอนแรกอาจารย์ปฏิเสธเสียงแข็งเลยว่าไม่ได้ เพราะกลัวจะไม่มีคนคอยดูแลผม แต่ไปๆมาๆอาจารย์ที่เจอลูกอ้อนของยัยริวซากิก็ต้องยอมแพ้ ก็นะ เห็นอาจารย์ดุและเข้มงวดกับพวกผมแบบนั้น แต่กับหลานสาวคนเดียวของแกน่ะ ใจดียิ่งกว่าอะไร ไหนจะเจอหน้าอ้อนๆด้วยตาโตๆเหมือนแมวของยัยริวซากิเข้าไปอีก ไม่ว่าใครเห็นก็ใจอ่อนตั้งแต่แรกแล้ว อ๋อ ยกเว้นผมไว้คนหนึงนะ หึ แค่นี้ยังอ่อนหัดอยู่นะ

     

    “นะคะคุณย่า หนูขอเลี้ยงฮารุคุงได้ไหมคะ” 

    “ฮารุคุง?” 

    “ใช่ค่ะ ชื่อแมวตัวนี้ไงคะ หนูไปเดินหาเจ้าของมันมาแล้วแต่ไม่เจอเลย แล้วหนูก็ไม่อยากทิ้งฮารุคุงด้วย” เดี๋ยวนะ นั่นชื่อใหม่ผมหรอ นี่ยัยริวซากิ ช่วยตั้งชื่อให้มันเท่ๆหน่อยได้ไหม!

    “เฮ้อ ซากุโนะ ถ้าหลานว่าอย่างนั้นล่ะก็ สัญญานะว่าจะดูแลอย่างดี” 

    “ค่ะ! สัญญาค่ะคุณย่า ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” 

    เห็นมะ ผมบอกแล้วว่ายังไงอาจารย์ก็แพ้ แต่อาจารย์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมอยู่แค่ 7 วันเท่านั้นแหละ ผมนอนมองยัยนั่นที่ยิ้มหวานให้กับอาจารย์ริวซากิ ดีใจใหญ่เลยนะ แค่ได้เลี้ยงผมเนี่ย

    “อ๊ะ ฮารุคุงตื่นแล้วหรอจ๊ะ ดีขึ้นรึยังเอ่ย” ยัยนั่นเดินเข้ามาลูบหัวผม แต่ผมพยายามดิ้นหนีเธอ นี่ริวซากิ อย่ามาลูบหัวฉันนะ!

    “ไม่ยอมให้ลูบซะด้วย หยิ่งจังเลยนะแมวตัวนี้” อาจารย์ริวซากิเดินเข้ามาด้วยอีกคน เธอมองผมเหมือนพิจารณาอะไรสักอย่าง น่ากลัวชะมัด สายตาคุณยายเนี่ย 

    “ไม่หรอกค่ะคุณย่า ฮารุคุงคงยังไม่ชินกับหนู” 

    “แต่แววตาของเจ้านี่มันคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” 

    “เอ๊ะ ใครหรอคะ?” 

    “แววตาอวดดี หยิ่งยโสแบบนั้นมีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ ไงเจ้าเรียวมะ” อาจารย์ริวซากิมาอุ้มตัวผมขึ้น ผมแอบสะดุ้งนิดหน่อยที่อาจารย์เดาถูกเป๊ะเลย ถ้าอาจารย์ไปทำอาชีพหมอดู ผมว่าน่าจะรุ่งเลยนะฮะ 

    “คุณย่าล่ะก็ ถ้าเรียวมะคุงมาได้ยินเข้าจะหงุดหงิดเอานะคะ”

    “ทำไมล่ะซากุโนะ เรายังสนใจเจ้านั่นอยู่อีกหรอ” คุณยายหันไปมองหลานสาวพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

    “กะ-ก็เพื่อนกันนี่คะ หนูไม่คุยกับคุณย่าแล้ว” ยัยริวซากิมาแย่งตัวผมไปจากคุณยาย “หนูพาฮารุคุงไปทัวร์บ้านดีกว่า ไปกันนะจ๊ะฮารุคุง” 

    “งั้นเดี๋ยวย่ามานะซากุโนะ ย่าขอไปหาตาแก่ข้างบ้านก่อน” 

    “ค่ะ ไปดีมาดีนะคะคุณย่า” 

     

     

     

    หลังจากที่อาจารย์ริวซากิออกจากบ้านไปแล้ว ยัยเปียก็พาผมทัวร์บ้านของเธอ บ้านเธอเหมือนเป็นบ้านแบบครอบครัวใหญ่ ใหญ่กว่าบ้านผมอีก และตัวบ้านก็ยังแบ่งออกเป็นห้องเล็กห้องน้อยเต็มไปหมด แต่แปลกแฮะ บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้อยู่กันแค่ 2 คน ย่าหลานเองหรอ 

    ถ้าถามว่าผมเคยมาบ้านของเธอไหม บอกเลยว่า ไม่ เพราะตอนอยู่ม.ต้น นอกจากไปเที่ยวกับพวกรุ่นพี่ สามใบเถาแล้ว ก็อยู่แต่บ้านเล่นเทนนิสในวัดกับพ่อบ้า มากสุดเลยก็แค่เคยเดินผ่านหน้าบ้านริวซากิเท่านั้น เพราะมาส่งยัยเปีย ก็บ้านของเธอมันใกล้ๆกับบ้านของผมอะ เพราะไม่ได้ตั้งใจมาส่งหรอกนะ

     

     

    “นี่เป็นห้องของคุณย่านะจ๊ะฮารุคุง” 

    เธอเปิดประตูเข้าไปในห้องแรกที่อยู่ชั้น 2 ห้องของอาจารย์ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนสีไม้เรียบๆตามวัย นี่ผมไม่ได้บอกว่าอาจารย์แก่นะฮะ แต่มันเป็นไม้ทั้งห้องเลยจริงๆ ห้องจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีหนังสือมาวางกองเกะกะให้รกหูรกตา ส่วนใหญ่หนังสือในห้องจะเป็นเกี่ยวกับเทนนิส นั่นก็นิตยาสารเทนนิส นั่นก็หนังสือวิธีการเล่นเทนนิส แต่ดูแล้วหนังสือพวกนั้นน่าจะมีอายุเยอะเพราะมันเริ่มเก่าแล้วล่ะ อีกด้านของห้องมีกรอบรูปมากมายตั้งอยู่ จากที่ผมมองเหมือนจะมีทั้งรูปของอาจารย์เอง รูปครอบครัวอาจารย์ มีรูปพวกตัวจริงแต่ละรุ่นที่ชมรมด้วย อยู่นั่นไงรูปรุ่นของพ่อบ้า และข้างๆกันก็รูปของพวกผมตอนชนะการแข่งขันระดับประเทศ ก็เหมาะกับอาจารย์ดีล่ะนะ แต่ที่จะเยอะหน่อยน่าจะเป็นรูปคู่ของคุณยายกับริวซากิ ไม่ว่าจะเป็นยัยเปียตอน 3 ขวบที่ถูกอุ้มโดยคุณยาย หรือจะเป็นรูปที่ยัยเปียกินไอศกรีมที่สวนสัตว์ข้างๆคือคุณยายที่ยืนอยู่ ยังมีรูปที่ยัยเปียกับคุณยายแต่งชุดยูคาตะในวันเทศกาลอีก นี่มันคนหลงหลานชัดๆ

     

     

     

    “ตรงข้ามห้องจะเป็นห้องของคุณพ่อคุณแม่นะจ๊ะฮารุคุง” ยัยนี้อุ้มผมเดินไปอีกห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของห้องอาจารย์ริวซากิ 

    เดี๋ยวนะ คุณพ่อคุณแม่หรอ จะว่าไปแล้วตั้งแต่รู้จักยัยเปียนี่มาก็ไม่เคยเห็นเธอพูดเรื่องพ่อแม่เลยแฮะ ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจเธอนะ ผมฟังเรื่องที่เธอพูดตลอด แต่เธอไม่เคยพูดถึงพ่อแม่ของเธอเลยจริงๆ ขนาดตอนอาจารย์ริวซากิเข้าโรงพยาบาลตอนที่พวกผมไปค่ายกัน เพราะต้องดูแลพวกผมหนักมาตลอด ร่างกายเลยเกิดประท้วงขึ้นมา ก็เห็นจะมีแต่ยัยเปียคนเดียวที่ไปเฝ้าไข้อาจารย์ได้ทุกวัน แต่พวกผมก็ขอไปช่วยนะโดยเฉพาะรุ่นพี่โออิชิที่ใจดีโคตรๆแคร์คนรอบตัวขนาดนั้น แต่ทั้งอาจารย์และยัยเปียก็

     

     

    ‘ริวซากิจัง จะเฝ้าไข้อาจารย์คนเดียวได้แน่นะ’ รุ่นพี่โออิชิถามริวซากิด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

    ‘ได้ค่ะรุ่นพี่ หนูดูแลคุณย่าได้แน่นอน รุ่นพี่กลับไปตั้งใจฝึกซ้อมนะคะ หนูจะคอยเอาใจช่วยค่ะ’ 

    ‘จะดีหรอริวซากิจัง ^^’ 

    ‘แน่นอนค่ะรุ่นพี่ฟูจิ หนูไหวแน่นอน!’

    เมื่อพวกผมโดนปฏิเสธด้วยรอยยิ้มหวานๆกับสายตาเด็ดเดี่ยวของยัยนั่นก็เล่นทำเอาพวกผมไปกันไม่ถูก เลยกลายเป็นว่าจากไปช่วยเฝ้าไข้ เปลี่ยนเป็นขอออกจากค่ายไปเยี่ยมเป็นครั้งคราวเท่านั้น

    ‘ว่าแต่พ่อแม่ของซากุโนะจังไปไหนล่ะครับรุ่นพี่’

    ‘นั่นสิครับ หรือว่าไม่ว่างเลยไม่ได้กลับมาเยี่ยมคุณยายกัน ชู่ว’

    ‘เอ่อคือว่าเรื่องนั้น…’

    ‘คุณทากะ’ รุ่นพี่หันไปพูดเสียงเข้มใส่รุ่นพี่คาวามูระ ก่อนจะหันมาหาพวกรุ่นพี่โมโมะกับรุ่นพี่ไคโด‘คุณยายสั่งไว้ให้สนใจแค่เรื่องซ้อมไม่ใช่หรอ ^^’

    ‘ฟูจิ แต่จะให้เด็กตัวเล็กๆแบบริวซากิจังดูแลคุณยายคนเดียวมันก็หนักอยู่นะเนี้ยว~ หรือว่าพวกเราควรแบ่งกันมาช่วยดีล่ะ เริ่มจากเจ้าเปี๊ยกหวานใจริวซากิจังดีไหมน้า’ รุ่นพี่คิคุมารุวิ่งเข้ามากระโดดกอดผม

    ‘พูดอะไรของรุ่นพี่น่ะครับ’ ผมหันไปปัดรุ่นพี่ออกจากตัว 

    ‘เอาไงดีล่ะอินูอิ ^^’ รุ่นพี่ฟูจิคงเห็นว่าพวกผมไม่ค่อยมีสาระเลยหันไปปรึกษากับมันสมองของเซงาคุแทน

    ‘เดี๋ยวฉันกับโออิชิจัดการเอง’ รุ่นพี่อินูอิดันแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ ‘เริ่มจากถ้าวันไหนคนไหนว่าง หรือไม่มีซ้อมแข่ง ก็ให้มาช่วยริวซากิแล้วกัน’

    ‘ตกลงตามนั้นก็แล้วกัน อย่าลืมสิ อาจารย์สั่งไว้ไม่ใช่หรอว่าให้สนใจกับการฝึกซ้อม อย่าลืมเป้าหมายหลักของพวกเราสิ!’ รุ่นพี่โออิชิในหมวดเอาจริงเอาจังพูด

    ตอนนั้นผมก็นึกว่าพ่อแม่เธอไม่ว่าง และอีกอย่างอาจารย์ริวซากิบอกให้พวกเราสนใจกับค่ายมากกว่าตัวอาจารย์ พวกผมเลยต้องโฟกัสกับค่ายเพื่อทำให้อาจารย์ไม่ผิดหวังในตัวพวกผม

     

     

    ริวซากิเปิดประตูเข้าไปในห้อง ห้องนี้ไม่แตกต่างจากห้องอาจารย์ริวซากิเท่าไร จะต่างกันก็คงไม่มีหนังสือเทนนิสเยอะแยะแบบห้องอาจารย์ แต่มีพวกหนังสือกฎหมายมากมายแทน ในห้องมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดเหมือนมีคนมาทำความสะอาดอยู่ตลอด แต่รู้สึกมันจะโล่งๆไปหน่อยแฮะ เหมือนไม่มีคนอยู่มานานแล้ว

    “ฮารุคุงดูนี่สิจ๊ะ นี่คุณพ่อคุณแม่ของฉันล่ะ” ยัยริวซากิที่อุ้มผมอยู่หยิบเอากรอบรูปหนึงขึ้นมาให้ผมดู “คุณพ่อคุณแม่เป็นทนายความนะจ๊ะ เก่งใช่ไหมล่ะ!”

    รูปที่ริวซากิเอาให้ผมดู คือรูปพ่อแม่ลูกที่ถ่ายที่สวนสนุก  โดยผู้ชายตัวสูงหน้าตาหล่อเหลา แววตาคล้ายๆอาจารย์ริวซากิ ผมสีน้ำตาล ยืนอยู่ข้างๆกับผู้หญิงผมสีน้ำตาลแดงหน้าตาสวยหวาน ให้ความรู้สึกเหมือนยัยริวซากิตอนโตชัดๆ โดยที่มือของผู้ชายคนนั้น มือหนึ่งของเขาโอบเอวผู้หญิงไว้ ส่วนอีกข้างก็กำลังอุ้มเด็กผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลแดงถักเปีย 2 ข้าง หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา รอยยิ้มของเด็กคนนี้สดใสมาก เด็กนี่คงเป็นริวซากิตอนเด็กสินะ เห~ น่ารักดีหนิ และสีหน้าหรือบรรยากาศของคนในรูปนั้นมองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามีความสุขกันมากแค่ไหน 

    “คุณพ่อคุณแม่ฉันก็เหมือนคุณพ่อคุณแม่ของฮารุคุงนะจ๊ะ” พูดจบยัยริวซากิก็หันหน้ามายิ้มหวานให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ผมเห็นมาตั้งแต่ตอนม.ต้น แต่เดี๋ยวนะ ยัยนี่จะให้ผมเรียกพวกเขาว่าพ่อแม่หรอ เห~แบบนี้ผมก็เป็นลูกเขยน่ะสิ

    “เมี้ยว” พึ่งไปเดทกันมาครั้งเดียวเองนะ! รีบหรอยัยเปีย! 

    “ตกลงแล้วนะฮารุคุง~” ยัยนี่ไม่ฟังที่ผมปฏิเสธเลยซักนิด 

     

     

     

    หลังออกมาจากห้องพ่อแม่ของริวซากิ เธอก็พาผมมาที่ห้องของเธอ

    “อันนี้ห้องของฉันนะจ๊ะ และก็จะเป็นห้องของฮารุคุงด้วย” 

    ห้องของยัยนี่ก็เหมือนห้อง 2 ห้องก่อนหน้านั่นแหละ เป็นระเบียบเรียบร้อยไปหมด สะอาดมากๆ มีกลิ่นหอมๆที่เหมือนกลิ่นของริวซากิอยู่ เตียงนอนของเธอถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีชมพู ข้างๆกันนั้นมีโต๊ะเขียนหนังสือของเธอตั้งอยู่ ถัดไปคือตู้เสื้อผ้าและตู้หนังสือ หนังสือที่ยัยนี่อ่านมีแต่หนังสือเทนนิสทั้งนั้น ไม่เลวนี่ จริงจังน่าดูเลยนะ อีกด้านของโต๊ะมีพวกกรอบรูปตั้งอยู่ มีรูปพ่อแม่ รูปเธอกับอาจารย์ และนั่นมีรูปที่เธอถ่ายคู่กับผมตอนการแข่งระดับประเทศวางไว้ด้วย 

    ข้าวของในห้องส่วนใหญ่จะมีแต่สีชมพู เธอชอบสีชมพูสินะริวซากิ ผมต้องจำไว้บ้างแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกนะเพราะยัยนี่เคยมีเจ้าชายจากฝรั่งเศสมาจีบน่ะสิ เจ้าชายบ้านั่นถามผมว่า ‘เธอชอบสีอะไร’ แต่ผมตอบไม่ได้ ไอ้เจ้าชายบ้านั่นเลยบอกว่าผมกับเธอน่ะ ‘เป็นแค่เพื่อนทางจดหมายกันเท่านั้น’ บ้าหรอ พวกผมไม่ได้ไกลกันขนาดนั้น พอนึกถึงหน้ามันละหงุดหงิดชะมัด

     

    “คืนนี้และต่อๆไปฮารุคุงต้องนอนบนเตียงนี้นะจ๊ะ” เธอปล่อยผมลงที่เตียงของเธอ เตียงเธอนุ่มมากๆ มีกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มด้วย รวมๆแล้วน่านอนมากเลยล่ะ แต่เมื่อกี้เธอบอกว่าผมต้องนอนเตียงนี้หรอ งั้นก็แปลว่าต้องนอนกับเธอน่ะสิ!

    “เมี้ยวๆๆๆ” ไม่เอา ฉันจะไปนอนที่โซฟา เรื่องอะไรผมจะนอนกับเธอล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย 

    “เอ๋~ ฮารุคุงไม่อยากนอนกับฉันหรอจ๊ะ” ยัยริวซากิทำหน้าเศร้าใส่ผม คิดหรอว่าแบบนี้จะทำให้ผมยอมเธอน่ะ “ฉันคิดว่าปกติแล้วเจ้าของกับแมวนอนด้วยกันซะอีก” 

    “…” เอาจริงผมกับคาลปิ้นแมวของผมก็นอนด้วยกันนะ แต่นี่มันผู้ชายกับผู้หญิงอะ แม้ว่าผู้ชายจะอยู่ในร่างแมวก็เถอะ

    “ฉันพึ่งเคยมีสัตว์เลี้ยงครั้งแรกเลยไม่รู้น่ะ แต่ถ้าฮารุคุงไม่อยากนอนด้วยกันก็ไม่เป็นไรนะจ๊ะ” เธอยิ้มให้ผมแบบหน้าเศร้าๆ ดูสายตาที่เหมือนจะร้องไห้ของเธอสิ บ้าเอ้ย!

    “…” ผมเดินไปล้มตัวนอนฝั่งข้างในสุดของเตียง นี่ผมไม่ได้แพ้ยัยเปียหรอกนะ ไอ้หน้ายิ้มๆแบบเศร้าๆ ไหนจะสายตาอ้อนวอนที่ทำใส่อาจารย์ริวซากินั่นก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมก็แค่ง่วงเท่านั้นแหละ ใครใช้ให้เตียงของยัยนี่นุ่มน่านอนขนาดนี้เล่า!

     

    ก็บอกแล้วว่าท่าทางของริวซากิที่อ้อนอาจารย์หรือทำหน้าเศร้าๆใส่ผมน่ะ มันทำอะไรผมไม่ได้หรอก!

     

     

     

     

     

     

    Talk :

    มีบ้านใครมีญาติผู้ใหญ่อยู่ด้วยกันบ้างไหมคะ ที่บ้านไรท์เป็นครอบครัวใหญ่ ดังนั้นในบ้านมักจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มๆ เตียงแบบไม้สัก ตู้โชว์ก็ไม้ บันไดก็ไม้ ทุกอย่างเป็นไม้ไปหมด! แม้แต่ในห้องนอนไรท์ที่เลือกเฟอร์ฯเองยังต้องมีชั้นวางของเป็นไม้สีเข้มๆที่ตัดกับโทนในห้องมากๆเพราะญาติอยากให้มีเลยค่ะฮือออ ลองจินตนาการว่าห้องนอนอาจารย์ริวซากิน่าจะแบบนั้นเอานะคะ555 

    ยัยหนูซากุโนะตอนนี้รับบทพาทัวร์บ้านนะคะ แอบแง้มปมไว้เล็กๆ แต่ไรท์รับรองว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่า ย้ำ ไม่ดราม่าแน่นอนค่ะ! และส่วนเรียวมะที่ตอนนี้ล้มตัวนอนในห้องยัยหนูนี่ไม่ได้แพ้น้องนะคะ แค่ง่วงเท่านั้นเอ๊ง เชื่อเรียวมะกันใช่ไหมคะ555 จากที่ไรท์ดูในอนิเมะ ไรท์รู้สึกว่าเรียวมะเป็นคนที่ยอมยัยหนูซากุโนะเกือบทุกเรื่องเลยล่ะค่ะ เห็นชัดๆก็ตอนโฮริโอะจะต้องแข่งเทนนิสเพราะสวมรอยเป็นเรียวมะ ตอนนั้นโฮริโอะก็ต่อรองกับเรียวมะสุดๆแต่เรียวมะก็ไม่เอา จะหันหลังเดินกลับแล้วด้วย แต่พอน้องซากุโนะบอกให้ช่วยเท่านั้นแหละ วางกระเป๋าเทนนิสมาช่วยโฮริโอะเลยค่ะ! ไรท์ไม่ได้ชิปเลยจริงๆนะ จริงจริ๊งงงงงง

    และช่วงนี้รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะโควิดไม่ดีขึ้นเลยฮือ ไรท์ก็หวังฟิคเรื่องนี้ของไรท์จะช่วยฮีลใจใครได้นะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×