ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) Prince of tennis | 7 days with YOU (Ryoma x Sakuno)

    ลำดับตอนที่ #8 : Sunday

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 64


    Day 7 

    Last day

    Ryoma part

     

    “ซากุโนะ เอาจดหมายพวกนั้นไปส่งเถอะ ฉันขอ”

    “มะ ไม่เอาโทโมะจัง”

    “ซากุโนะ เธอไม่ต้องกลัว ถ้าท่านเรียวมะไม่ตอบเธออีก เธอก็ตัดใจซะเลยสิ!”

    “โทโมะจัง…”

    วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วครับที่ผมจะอยู่ในร่างแมว ทุกคนดีใจกับผมหน่อยครับ ตลอดทั้งวันของผมก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ ผมอยู่กับริวซากิทั้งวัน เรียกได้ว่าตัวติดเป็นปาท่องโก๋เลย จนช่วงบ่ายโอซาคาดะบุกมาหาริวซากิที่บ้าน และเกิดการทะเลาะกันนิดหน่อย ก็เรื่องจดหมายนั่นแหละ ไม่สิ ทั้งคู่ไม่ได้ทะเลาะกัน เพราะโอซาคาดะแค่บ่นริวซากิเฉยๆ

    “เธอชอบท่านเรียวมะ หยุด! อย่าพึ่งเถียงฉัน เธอชอบเทนนิสของท่านเรียวมะ แต่ที่สำคัญคือเธอชอบท่านเรียวมะ!” 

    “…” ไม่ใช่แค่ริวซากิที่อึ้ง ผมก็อึ้ง ไม่คิดว่าโอซาคาดะจะพูดตรงขนาดนี้

    “เธอจะเก็บความรู้สึกนี้ไปถึงตอนไหนอะซากุโนะ จนเธอ 30 เลยหรอ?” โอซาคาดะกอดอกจ้องหน้าริวซากิ

    “ฉัน…” ริวซากิกำลังกอดกล่องเหล็กเล็กๆอันหนึงอยู่ ให้ผมทาย นั่นคือที่ใส่จดหมายของผมสินะ

    “ซากุโนะ ฉันรู้ว่าเธอชอบท่านเรียวมะมาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่วันที่เธอมองเขาที่สนามเทนนิสผ่านหน้าต่างบนตึกเรียนนั่น ตั้ง-แต่-ปี 1

    “…”

    “และดูสิ่งที่เธอทำกับเขามาตลอด 3 ปีสิ เธอจะคอยตามเก็บรูปเขาต่อไปแบบนี้หรอ คอยตามเขาอยู่ห่างๆแบบนี้หรอ แล้วตัวเธอล่ะ?” โอซาคาดะชี้ไปที่อัลบั้มรูปที่ผมดูกับริวซากิเมื่อวาน 

    “ฉะ ฉันไม่กล้าหรอกโทโมะจัง…” ริวซากิถอนหายใจ “สำหรับฉัน การได้มองเขาแค่ตรงนี้ก็พอแล้วล่ะ”

    “ซากุโนะ” โอซาคาดะเข้ามาลูบหัวริวซากิ “ฉันเข้าใจว่าเธอพอใจกับตรงนี้ของเธอ แต่ไม่คิดบ้างหรอว่าท่านเรียวมะอาจจะรอจดหมายจากเธออยู่”

    “คงไม่หรอก…”

    “ลองดูอีกครั้งไหม ถ้าคราวนี้เขาไม่ตอบเธออีก ฉันจะไม่บ่นไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”

    “โทโมะจัง” ริวซากิเงยหน้ามองโอซาคาดะ “แต่เขาบอกว่ารำคาญฉันหนิ”

    เดี๋ยวก่อน ผมไม่เคยเขียนบอกเลยนะว่ารำคาญ… เรื่องนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ

    “ซากุโนะ ฉันเชื่อมาตลอดว่านั่นไม่ใช่ท่านเรียวมะที่เป็นคนตอบจดหมายของเธอ” โอซาคาดะถอนหายใจ “อย่างน้อยเธอควรลองส่งจดหมายไปอีกครั้ง ส่งไปทั้งหมดนี่เลย ถ้าหากเอจิเซ็น เรียวมะไม่ตอบเธออีก เธอก็ตัดใจเถอะนะ”

    “…” โอซาคาดะเรียกชื่อผมเต็มยศ แอบกลัวแฮะ

    “มันถึงเวลาที่เธอควรถอยออกมาได้แล้ว เธอคอยตามเขาแบบห่างๆมา 3 ปีเลยนะ เธอตามเขาแล้วความสุขของเธอเองล่ะ?”

    “ความสุขของฉันก็…” 

    “ถึงเธอจะบอกฉันมาตลอดว่าเทนนิสของท่านเรียวมะเป็นความสุขของเธอ แต่ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองจมอยู่กับที่แบบนี้หรอกนะ”

    “…” แรง บอกผมที โอซาคาดะกินไรเข้าไปอะ ผิดปกติมากวันนี้

    “ในขณะที่เขาไปถึงไหนแล้ว แต่เธอยังอยู่กับที่อยู่เลยซากุโนะ”

    “…”

    “ขอล่ะซากุโนะ ส่งมันไปเถอะ ถ้าท่านเรียวมะไม่ตอบอีกจริงๆ เธอก็พอเถอะนะ”

    “…”

    “ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนรักของฉันมานั่งร้องไห้ แต่ปากบอกว่ามันคือความสุขหรอกนะ เธอชอบเทนนิสของเขามาก ฉันรู้ เธอมีความสุขที่ได้ดูเขาแข่ง ฉันก็รู้ แต่ความรู้สึกของเธอที่มีให้เขาล่ะ ถ้ามันทำให้เธอต้องมาร้องไห้เพราะคิดถึงเขาแบบนี้ ก็พอเถอะนะ”

     

     

     

     

     

    ‘ฉันน่ะชอบท่านเรียวมะนะคะ แต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น’

     

     

    ประโยคที่โอซาคาดะเคยพูดกับพวกรุ่นพี่ในอดีตดังเข้ามาในหัว ตอนนั้นรุ่นพี่สงสัยว่าพวกเธอชอบผมกันทั้งคู่ ไม่ต้องถามริวซากิก็มั่นใจได้ 100% แต่กับโอซาคาดะพวกรุ่นพี่สงสัยมากกว่า คงเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่พวกเธอทั้ง 2 คนแตกหักกันนั่นแหละ

     

     

    ‘สำหรับฉันแล้ว ซากุโนะคือคนที่สำคัญที่สุดของฉันค่ะ’

     

     

    ผมไม่แปลกใจในสิ่งที่เธอพูดอีกแล้ว เพราะตอนนี้เธอกำลังแสดงให้ผมเห็นอยู่ไงล่ะ

     

     


     

    “โทโมะจัง…” ริวซากิเสียงแผ่วเพราะอยู่ๆโอซาคาดะร้องไห้…

    “ขอโทษนะซากุโนะที่ฉันพูดแรงแบบนี้” 

    “มะ ไม่เป็นไรจ้ะ” ริวซากิกอดโอซาคาดะแน่น “ฉันจะส่งไปตามที่โทโมะจังบอกนะ”

    “ฮึก…ขอโทษนะซากุโนะ”

    “ไม่ต้องร้องไห้นะโทโมะจัง ถ้าเรียวมะคุงไม่ตอบอีก ฉันจะพอแล้วล่ะ” อย่าพึ่งดิริวซากิ ฉันกลับมาแล้ว! “และตอนนั้นโทโมะจังต้องคอยอยู่ข้างๆฉันนะ”

    “ฉันก็อยู่ข้างเธอมาตลอดนะยัยซื่อ” 

    “งั้นเดี๋ยวเราเอาจดหมายไปส่งกันนะจ๊ะ” ริวซากิหัวเราะเล็กน้อย และกอดปลอบโอซาคาดะไปด้วย

     

     

     

     

     

     

     

    ตอนนี้พวกเธอทั้งสองคนแต่งตัวและออกจากบ้านไปแล้วครับ โอซาคาดะกำลังพาริวซากิไปที่ไปรษณีย์ สวนกับอาจารย์ริวซากิที่กลับมาจากข้างนอกพอดี ทำให้ทั้งบ้านตอนนี้มีแค่ผมกับอาจารย์เท่านั้น 

     

     

     

    ตอนนี้ก็เกือบ 4 โมงเย็นแล้ว อาจารย์กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว เพราะวันนี้โอซาคาดะจะกลับมาทานข้าวเย็นที่นี่ด้วย ผมก็นอนอยู่บนโซฟาและคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา

     

    จะบอกว่าโชคดีที่ได้กลายเป็นแมวก็พูดได้ไม่เต็มปาก จะบอกว่าโชคร้ายเลยก็ไม่ได้อีกเพราะการเป็นแมวมันทำให้มุมมองและความคิดของผมเปลี่ยนไป

     

     

     

    เริ่มจากบรรดาพวกรุ่นพี่และสามใบเถา ตอนนั้นเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ในเรื่องของการแกล้งผมแหละนะ แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่คือการที่ผมไม่ค่อยใส่ใจพวกเขาเท่าที่ควร ตอนที่ผมอยู่ที่นี่ ผมมองว่านี่คือรุ่นพี่และเพื่อนร่วมห้องเท่านั้น ถามว่าผมนับว่าพวกเขาสนิทกับผมไหม แน่นอนว่าผมนับพวกเขาเป็นหนึ่งในคนที่สนิทกับผม แต่เพราะอะไรหลายๆอย่าง ผมอาจจะแสดงออกไม่เก่งและดูไม่ใส่ใจ จนทำให้พวกเขาคิดว่า ผมอยู่คนละโลกกับพวกเขา นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หลังๆมานี้ ผมถึงไม่ได้จดหมายหรือข่าวคราวจากพวกเขาเลย

     

     

     

    และการที่เป็นแมวก็ทำให้ผมได้รู้ว่า ไม่ว่าจะผ่านไปนานขนาดไหน พวกเขาก็ยังคอยเชียร์ผมอยู่ แม้ว่าผมจะไม่ตอบจดหมาย พวกเขาก็ยังคอยให้กำลังใจผมมาตลอด พูดตรงๆว่าผมรู้สึกผิด ผมคงไม่บอกว่า ‘ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้’ หรอกนะ เพราะในความเป็นจริงคนเราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ แต่เมื่อผมกลับร่างเดิม ผมจะใส่ใจพวกเขาให้มากกว่าเดิมแน่นอน เพราะทุกคนคือคนสำคัญของผม

     

     

     

    โดยเฉพาะริวซากิ กับยัยนี่คงต้องมีหลายเรื่องที่คุยกันเลยล่ะ ตั้งแต่เรื่องจดหมาย ผมนอนคิดนั่งคิดแล้ว ผมมั่นใจว่าผมไม่เคยเขียนว่ารำคาญใส่จดหมายของเธอเลยสักครั้ง ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วย เรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ และที่ต้องคุยอีกเรื่องคือความรู้สึกของผมกับเธอ

     

    ‘นายชอบเธอ แต่ทำไมถึงปล่อยเธอไปทุกรอบเลยล่ะเอจิเซ็น’

     

    รุ่นพี่ฟูจิเคยพูดกับผมก่อนที่ผมจะไปอเมริกา ตอนนั้นผมพยายามปฏิเสธนะว่าผมไม่ได้ชอบเธอ 

     

    ‘นายจะบอกว่าไม่ชอบเธอ แต่เป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปช่วยเธอตลอดเนี่ยนะ ^^’

    ‘ปากบอกไม่ชอบ แต่แค่มีคนมาจีบเขาก็เข้าไปขวางน่ะหรอ ^^’

    ‘ถ้าเป็นฉันที่มาสายไป 30 นาที นายจะรอไหม แน่นอนว่าไม่ แต่กับริวซากิทำไมรอล่ะ? ^^’

     

    และต่อให้ปฏิเสธยังไง หลักฐานมันก็ชัดเจนอยู่ดี หลักฐานก็คือการกระทำของผมไงล่ะ

    ถ้าพูดว่า ‘คนอย่างเอจิเซ็น เรียวมะ’ แล้วล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยเรื่องความเย็นชาของผมต้องถูกเอ่ยขึ้นมาแน่นอน คนส่วนใหญ่มักบอกกับผมว่า ผมมันอวดดี หยิ่งยโส และเย็นชา ถ้าแต่งงานก็คงแต่งกับเทนนิสนั่นแหละ ก็นะเป้าหมายของผมมันคือเทนนิสนี่น่า เรื่องความรักมันจึงดูเหมือนว่ากับ คนอย่างผม คงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

    แต่ถ้าสังเกตดีๆจะรู้ว่าไม่ใช่เลยครับ ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมสนใจริวซากิ อาจจะเป็นตั้งแต่วันนั้นบนรถไฟ หรือไม่ก็วันที่เจอกันที่โรงเรียนก็ได้ รู้ตัวอีกทีก็มีเธออยู่ในสายตาแล้ว ถ้าวันไหนไม่เจอก็คอยมองหาเธอตลอด 

     

    ‘นั่นยัยหลานอาจารย์ริวซากิหนิ จะไปไหนนะ’

    ‘หืม? ริวซากิไม่ใช่หรอ จะเดินไปไหนน่ะ’

    ‘เห~ ยัยเปียมีเพื่อนคนอื่นนอกจากโอซาคาดะด้วยหรอเนี่ย~’

    ‘ยัยเปียคุยกับใครน่ะ เด็กผู้ชายห้อง 3 หรอ!’

    ‘เฮ้อ เลิกแจกจ่ายรอยยิ้มน่ารักแบบนั้นให้พวกรุ่นพี่ได้แล้วริวซากิ’

     

    แต่ผมแสดงออกไม่เก่ง ผมไม่รู้ว่าจะเข้าไปพูดคุยกับเธอยังไง เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนเธออย่างโอซาคาดะที่เข้ามาทักผมก่อน จนพลอยให้ผมได้คุยกับริวซากิไปด้วย ผมเคยพยายามลองทักเธอก่อน แต่ทุกครั้งก็ดูเหมือนผมจะเข้าไปแกล้งเธอมากกว่า 

     

    ‘เข่างอเกินไป’

    ‘ซุ่มซ่ามเกินไป’

    ‘ผมก็ยาวเกินไป’

     

    รู้นะครับว่าการทักของผม มันอาจจะทำให้เธอเสียใจ ทุกครั้งผมก็อยากตบปากตัวเองเหมือนกัน แต่จะให้ทักว่า สวัสดี เป็นไงบ้าง มันก็ไม่ใช่ผมอีก จนสุดท้ายก็เลยดูเหมือนว่าผมตั้งใจแกล้งเธอไปเฉยเลย

     

    จนผมมารู้ใจตัวเองจริงๆน่าจะตอนไปเข้าค่ายที่บ้านพักตากอากาศกับพวกรุ่นพี่ ตอนนั้นเธอกับพวกสามใบเถาติดอยู่กับหมีปลอมในโกดังเก็บของ ในใจผมร้อนรนไปหมดเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย ถึงแม้สุดท้ายผมจะช่วยเธอได้และเธอปลอดภัยดี แต่ในใจผมก็ภาวนาตลอดว่าขออย่าให้เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก หากนี่ไม่ใช่คนปลอมตัวเป็นหมี แต่เป็นหมีจริงๆขึ้นมา เธอจะทำยังไง!

     

    ‘ขออย่าให้มีครั้งหน้าอีกนะริวซากิ’

     

    และนั่นคงเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนช่างสังเกตแบบรุ่นพี่ฟูจิรู้เข้าว่าผมชอบเธอ อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่าจะมีคนรู้ด้วย แต่เพราะเป็นรุ่นพี่ฟูจิก็ไม่ค่อยแปลกใจแล้วล่ะครับ ก็พี่เขาเป็นอัจฉริยะหนิ

     

    ‘รุ่นพี่รู้ได้ยังไงครับ’

    ‘หืม? ^^’

    ‘ว่าผม…ชอบริวซากิ’

    ‘ก็นะ ^^’

    ‘…’

    ‘แค่ดูดีๆก็รู้แล้วไม่ใช่หรอ ^^’

    ‘…’

    ‘สายตาหลอกกันไม่ได้หรอกนะเอจิเซ็น ^^’

     

    พอมาคิดๆดูแล้วก็คงเป็นแบบที่รุ่นพี่บอกนั่นแหละ ผมชอบริวซากิ ตอนนี้ผมคงแค่รอเวลาให้กลับร่างเดิมและรีบไปจัดการเรื่องราวพวกนี้ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รอผมแล้ว

     

     

     

    แต่ว่า…ลุงแก่นั่นไม่ได้บอกผมว่าผมจะกลับร่างเดิมได้ยังไงนี่หว่า ถ้าอยู่ๆผมหายไป ริวซากิต้องร้องไห้แน่นอน ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอ อยากให้ใบหน้าสวยหวานนั่นมีแต่รอยยิ้มสดใสของเจ้าตัวเท่านั้น

     

     

     

     

     

     

     

    ตี๊ด ตี๊ด

    “ใครมากันนะ” เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น อาจารย์ริวซากิเลยออกไปดู คงเป็นคนส่งของล่ะมั้ง

    “ค่ะ สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรหรอคะ” 

    “สวัสดีครับ เผอิญผมมาตามหาแมวของผมครับ” ฮะ? แมว? ผมลุกขึ้นไปดู ก็เห็นเป็นชายหนุ่มวัย 30 กว่าปี ท่าทางดูสะอาดสะอ้าน แต่งตัวดีกำลังพูดกับอาจารย์ที่หน้าประตูบ้าน

    “เอ๊ะ?”

    “คือผมได้ยินมาว่า มีเด็กสาวตามหาเจ้าของแมวตัวสีดำอยู่ และแมวผมก็สีดำพึ่งหายออกจากบ้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับ ผมเลยอยากมาขอดูให้แน่ใจว่าใช่แมวของผมรึเปล่า”

    “คือว่า ตอนนี้เจ้าของแมวกำลังออกไปข้างนอกพอดี ไว้วันหลังได้ไหมคะ” อาจารย์ริวซากิต่อรอง เพราะการตัดสินใจนี้ต้องเป็นของยัยเปียนี่

    “คือแมวตัวที่ผมกำลังหานั้นเป็นของลูกสาวผมครับ และพวกเรากำลังจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกัน ลูกสาวของผมเธอห่วงว่าถ้าเธอไปแล้ว แมวอาจจะกลับมาบ้านละไม่เจอใครครับ ขอผมดูเถอะนะครับ ถ้าไม่ใช่ผมก็จะไม่ตื้อแล้วครับ”

    “คะ คือว่า…”

     

     

     

    “มีอะไรกันหรอคะคุณย่า” ริวซากิกลับมาบ้านพอดี มาพร้อมกับโอซาคาดะนั่นแหละ ในมือก็ถือของเต็มไปหมด

    “ผู้ชายคนนี้มาตามหาแมวสีดำ และจะขอดูเจ้าฮารุน่ะ พวกเขากำลังจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกัน ถ้าไม่ใช่เจ้าฮารุ เขาก็จะไป เอาไงดีล่ะซากุโนะ” อาจารย์ริวซากิถามความเห็นจากหลานสาว หากใช่ขึ้นมา หลานสาวของเธอต้องเสียใจแน่ๆ

    “งั้นหรอคะ ซากุโนะเอาฮารุคุงให้เขาดูก็ได้นะ จะได้เข้าบ้านกัน นี่ก็เย็นมากแล้ว” โอซาคาดะเห็นด้วยกับผู้ชายคนนั้น

    “งะ งั้นรอแป๊ปหนึงนะคะ” ริวซากิเดินเข้ามาเก็บของในบ้าน และอุ้มผมขึ้น หน้าของเธอกังวลเล็กน้อย คงไม่อยากจากกับผมสินะ ฉันก็ไม่อยากจากกับเธอเหมือนกันริวซากิ “ขอให้ไม่ใช่ฮารุคุงนะจ๊ะ ฉันอยากอยู่กับฮารุคุงไปนานๆ”

     

     

     

    “อ่ะ! มาแล้ว”

    “นี่ค่ะ ฉันเจอฮารุคุงที่สวนสาธารณะใกล้ๆนี้” ริวซากิส่งผมให้กับชายแปลกหน้า ชายคนนี้มองสำรวจผมเล็กน้อย แววตาของเขามันคุ้นจังครับ เหมือนเคยเห็นที่ไหน

    “ใช่จริงๆด้วย เรียวจัง! กลับบ้านกับปะป๊ากันนะลูก” 

    ‘ไงพ่อหนุ่ม คิดถึงฉันไหม’ อยู่ๆชายแปลกหน้าก็เรียกผมว่า เรียวจัง เฉยเลยครับ ไหนจะเสียงแปลกๆที่ดังในหัวผมอีก 

    “เมี้ยว” ผมเอามือไปดันหน้าลุงนี่ที่พยายามเอาหน้าเข้ามาถูไถกับหัวของผม

     

     

     

    ‘ออกไปนะ!’

    ‘ไม่อยากกลับเป็นคนแล้วหรอพ่อหนุ่ม ติดใจอาหารแมวรึไง’

    ‘เอ๊ะ!!?’ มีเสียงดังในหัวและสายตาของลุงนี่ก็…ไม่จริงน่า!

    ‘ไม่เจอกัน 7 วันอ้วนขึ้นนะ กินๆนอนๆเลยล่ะสิ’

    ‘อย่าบอกนะว่า…’ 

    ‘ถ้ารู้แล้วก็ทำตัวให้สมเป็นแมวของปะป๋าหน่อยนะครับ ฮึฮึ’

     

     

     

    “คะ คือฮารุคุง…” ริวซากิทำท่าทางลังเลเล็กน้อย “เป็นแมวของคุณลุงจริงๆหรอคะ…”

    “ใช่ค่ะคุณหนูคนสวย นี่เป็นแมวของลูกสาวของลุงค่ะ” ลุงบ้านี่ยิ้มอ่อนโยนให้ริวซากิ “หนูคงดูแลอย่างดีเลยใช่ไหมคะ ดูสิ เรียวจังอ้วนขึ้นเยอะเลย”

    “เมี้ยว” ใครอ้วนไม่ทราบ

    “งะ งั้นแปลว่า” เสียงของริวซากิเริ่มแผ่ว มีน้ำตาคลอเบ้าตาเล็กน้อย โอซาคาดะเลยรีบมาโอบริวซากิไว้ กลัวว่าเพื่อนตัวเองจะล้มลงไปก่อน

    “ลุงขอบคุณนะคะที่ดูแลเรียวจังของเรา และลุงก็ขอโทษที่พึ่งมาหาเรียวจังเอาตอนนี้”

    “คุณมั่นใจหรอคะว่านั่นคือแมวของคุณ” อาจารย์ริวซากิถามเสียงเข้ม 

    “ครับ เรียวจังมีปานตรงฝ่าเท้า นี่ไงครับ” ลุงนี่ยกฝ่าเท้าของผมให้พวกริวซากิดู แต่เดี๋ยวก่อนนะ ผมไม่มีปานนะ

    “อ๊ะ! มีจริงๆด้วย” โอซาคาดะชี้มาที่เท้าผม ลุงนี่ทำไรกับผมอีกเนี่ย!

    “เพราะพวกผมยุ่งกับการย้ายบ้านเลยพึ่งมาตามหาเรียวจัง ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ คุณหนูคนสวยลุงขอโทษนะคะ” ลุงนี่ค้อมหัวให้อาจารย์ริวซากิ และย่อตัวเล็กน้อยเพื่อพูดกับยัยเปีย “ขอบคุณนะคะที่ดูแลเรียวจังของลุงอย่างดี ลูกสาวลุงต้องดีใจแน่นอนที่เรียวจังเจอคนดีๆแบบหนูช่วยเอาไว้”

    “มะ ไม่เป็นไรค่ะ…” ริวซากิส่ายหน้าเล็กน้อย พยายามที่จะฮึบไว้เพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา 

    “ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ นี่ก็ใกล้เวลาที่เครื่องจะออกแล้ว เรียวจังคงอยากกลับแล้วใช่ไหมล่ะ?

    “…” อยากกลับก็อยากแหละแต่ริวซากิล่ะ…

    “ฮารุคุงจ๊ะ ขอบคุณที่เข้ามาเป็นเพื่อนของฉันตั้ง 1 สัปดาห์นะ ฉันมีความสุขมากๆเลย” ริวซากิเอื้อมมือมาลูบหัวของผม “ไว้เจอกันนะจ๊ะฮารุคุง”

    “ผมขอตัวก่อน ลาก่อนครับ” ลุงแก่โค้งลาพวกริวซากิและเดินออกมา แต่ผมยังมองริวซากิที่อยู่ข้างหลัง และเธอก็มองผมอยู่ ระยะห่างของเราไกลขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายผมก็มองไม่เห็นเธอแล้ว

    “รอก่อนนะริวซากิ”

     

    End Ryoma part

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ถึงเวลาที่เด็กดีต้องนอนแล้วนะ”

    “…”

    “พรุ่งนี้เช้าจะเป็นวันที่ดีของเธอล่ะพ่อหนุ่ม”

    “…”

    “งั้นไว้เจอกันอีกนะเรียวจัง”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฮัลโหลพ่อ”

    ‘ว่าไงเจ้าลูกชาย หายหัวไปเลยนะตั้งแต่กลับจากอเมริกาเนี่ย นึกว่ามัวแต่ไปตามจีบสาวซะอีก’

    “ตั้งช่วงเมษาเมื่อปีที่แล้ว นอกจากพ่อมีใครรับจดหมายแทนผมอีกไหม”

    ‘เมษาหรอ อืม…’

    “ว่าไงพ่อ มีหรือไม่มี?”

    ‘ใจเย็นสิ ให้เวลาคนแก่คิดหน่อย นึกออกแล้ว โซเฟียจังไง’

    “ใคร?”

    ‘เจ้าเรียวมะ! แกลืมเด็กสาวคนสวยอย่างโซเฟียจังได้ไง’

    “ก็ผมไม่สนใจหนิ”

    ‘ก็แกสนใจแต่หลานสาวยัยแก่หนังเหี่ยวไงล่ะ’

    “…”

    ‘แล้วทำไม ถามทำไม’

    “พ่อ ถ้ามีจดหมายส่งถึงผม ที่มาจากริวซากิ ซากุโนะ ไม่ว่าจะฉบับไหนก็ตาม พ่อส่งกลับมาให้ที่ญี่ปุ่นด้วยล่ะ ขอเร็วที่สุด แค่นี้นะ”

    ‘เฮ้ยเดี๋ยว! เจ้าเรียวมะ!! ติ๊ด!’

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk : 

    สายตามันหลอกกันไม่ด๊ายยยยย กลับร่างรึยังนะแบบนี้ กลับรึไม่กลับน้าาา มีคนคอมเมนต์เพิ่มขึ้น ไรท์น่ะใจฟูมากเลยค้าบบบ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้กันนะคะ ใกล้จบแล้วจริงๆ อีกไม่เกิน 3-4 ตอนเอ๊ง! นี่ว่าคลายปมของเนื้อเรื่องหมดแล้ว ไม่เหลือปมอะไรแล้วมั้งงงงงง 

    เห็นข่าวช่วงนี้แล้วรู้สึกปวดหัวเลยค่ะ ไหนจะโควิดที่ไม่ดีขึ้นเลย ไหนจะระเบิดเมื่อวานอีก ระวังตัวและรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไรท์เป็นห่วงทุกคนเลย ;-; ขอให้ผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดีนะคะ และไรท์ก็หวังนะคะว่าฟิคของไรท์อาจจะช่วยให้ใครรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง สู้ๆนะคะ!!!

    เจอกันตอนหน้าค้าบ เอ็นจอยรีดดิ้งฮะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×