ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) Prince of tennis | 7 days with YOU (Ryoma x Sakuno)

    ลำดับตอนที่ #7 : Saturday

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 64


    Day 6

    Ryoma part

     

    สวัสดีครับ เช้านี้ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟา ข้างๆผมคืออาจารย์ริวซากิที่นั่งดูทีวีอยู่ เช้านี้ไม่มีอะไรให้ทำมากนัก อาจารย์หยุดอยู่บ้าน ยัยเปียก็หายป่วยดีแล้ว เมื่อกี้ยังมาเล่นกับผมอยู่เลย แต่ตอนนี้เจ้าตัวขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองแล้ว 

    หรือจะไปหาเธอดีนะ ไม่รอช้า ผมตัดสินใจกระโดดลงจากโซฟาและเดินขึ้นบันไดไปหาริวซากิทันที ก็แมวมันว่างนี่น่า

     

     

     

    ประตูห้องนอนของเธอไม่ได้ปิดสนิท มันเปิดแง้มไว้นิดหน่อย ผมเลยใช้เท้าผลักมันให้เปิดออก ก็เห็นยัยเปียกำลังนั่งเขียนอะไรไม่รู้อยู่บนโต๊ะหนังสือ

    “เมี้ยว” ทำอะไรน่ะ ผมนั่งมองหน้าเธอ

    “อ๊ะ ฮารุคุง~” เธออุ้มผมขึ้นมากอดเอาไว้ ทำให้ผมเห็นของบนโต๊ะได้อย่างถนัด บนโต๊ะมีอุปกรณ์เครื่องเขียน กระดาษ แล้วก็พวกซองจดหมาย “ฉันกำลังเขียนจดหมายให้เพื่อนอยู่ล่ะ”

    “…” เพื่อน? นอกจากพวกโอซาคาดะกับสามใบเถาเธอยังมีเพื่อนคนอื่นอีกหรอ แล้วทำไมต้องเขียนจดหมายให้ด้วยล่ะ พวกนั้นเดี๋ยวก็เจอกันที่โรงเรียนแล้วหนิ นอกซะจากเพื่อนของเธอคือคนที่อยู่ห่างไกล…อย่าบอกนะว่า!

     

     

     

    เขียนให้ฉันหรอริวซากิ…

     

     

     

    “นี่จ่ะ” เธอเปิดอัลบั้มรูปที่วางอยู่ข้างๆบนโต๊ะให้ผมดู “คนนี้ล่ะ!”

    เพล้ง! เสียงผมหน้าแตกเองฮะ เพราะคนที่เธอเขียนให้มันไม่ใช่ผม แต่เป็นคนในรูปนี่ต่างหาก

     

    นี่เป็นรูปที่เธอใส่ชุดนักเรียนม.ต้นยืนอยู่ข้างๆเด็กผู้ชายผมสีแดง ใส่เสื้อลายเสือ คลุมทับด้วยเสื้อชมรมเทนนิสสีเหลืองเขียวที่ดูคุ้นตา ‘โคชิมาเอะ!’ เสียงของเด็กในรูปลอยเข้ามาในหัวของผม ไอ้เด็กที่ซนเป็นลิง วันๆเจอหน้ากันก็เอาแต่ถามผมว่า ‘โคชิมาเอะ มาแข่งกันไหม! มาแข่งกัน!’ 

    จะเป็นใครได้ล่ะครับ นอกจาก โทยามะ คินทาโร่ อดีตรุกกี้ของชมรมเทนนิสโรงเรียนชิเทนโฮจิจากโอซาก้า 

     

    แต่ที่ผมสงสัยมากกว่านั้นคือริวซากิไปเป็นเพื่อนของหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไร จำได้ว่าทั้งคู่เจอกันแค่ตอนศึกแข่งทั่วประเทศ ที่หมอนั่นมากินข้าวปั้นรูปลูกเทนนิสที่ริวซากิเอามาให้ผม และหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยหนิ 

     

    “ฉันกับคินจังเจอกันตอนแข่งทั่วประเทศตอนม.ต้น หลังจากนั้นคินจังก็คอยมาถามหาเรียวมะคุงกับฉันตลอดเลย บอกว่าอยากแข่งบ้าง ถามหาข้าวกล่องที่ฉันทำบ้าง บางทีก็มาคุยเรื่องเรียวมะคุงกับฉัน พวกเราก็เลยสนิทกันจ้ะ” 

     

    อ๋อ หมอนั่นมาถามหาผมจากริวซากิ แล้วก็ชวนเธอคุยสินะ และก็เลือกเวลาที่ผมไม่อยู่ใกล้ๆริวซากิซะด้วย ร้ายนักนะเจ้าลิง! ดูก็รู้ว่าเข้ามาจีบ ใช้ข้ออ้างที่เข้าหาคือเรื่องของผมเฉยๆแต่ความจริงจะมาคุยกับยัยเปีย ส่วนเรื่องข้าวกล่องก็นะ ไม่ปฏิเสธหรอกว่ายัยนี่ทำอาหารอร่อย เพราะผมก็ได้กินออกจะบ่อย

    ‘เรียวมะคุง ฉันทำนี่มาให้จ้ะ’ เธอส่งข้าวกล่องสีชมพูหวานมาตรงหน้าผม ในนั้นมีข้าวปั้นอยู่

    ‘หืม?’ ผมหยิบขึ้นมากินอันนึง

    ‘เป็นไงบ้างจ้ะ อร่อยไหม’ หน้ายัยนี่ตอนลุ้นคำตอบผมตลกมากอะ ตาโตเป็นประกายด้วยความหวัง เห็นแล้วน่าแกล้งชะมัด

    ‘ทำข้าวปั้นให้ไม่อร่อยมันยากกว่าไม่ใช่หรอ’ ก็อร่อย แค่อยากแกล้งเธอเฉยๆ แบร่

    ‘อือ…’ ยัยนี่จ๋อยไปทันที สงสัยผมจะแกล้งแรงไป

    และตอนนั้น ก่อนที่ผมจะเลิกแกล้งริวซากิ เจ้าลิงกังก็โผล่มาก่อน และก็เอาข้าวปั้นอีกกล่องที่ริวซากิทำให้ผมไปกินต่อหน้าต่อตาเลย ก็อยากจะโวยวายอยู่หรอก แต่สีหน้าริวซากิดูมีความสุขจนไม่อยากไปขัดจังหวะ แต่พอหันมาเห็นรอยยิ้มกับสายตาเจ้าลิงที่มองริวซากิ มันน่าหงุดหงิด

    ‘ไปกันเถอะริวซากิ’ 

    จนผมต้องพูดชวนให้เธอลุกขึ้นหนีเจ้านั่น และแน่นอนว่ายัยนี่คงไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกตามเคย ริวซากิทันคนซะที่ไหนกันล่ะ

     

     

     

    แล้วอะไรคือการเรียก คินจัง ทีกับผมไม่เห็นเรียก เรียวจัง บ้างล่ะ สนิทกันมากนักหรอ? คิดแล้วก็หงุดหงิดชะมัด ผมเลยเอามือตะปบใส่รูปในอัลบั้มของเธอซะ เหมือนว่าได้ตะปบใส่หน้าหมอนั่น รอก่อน กลับร่างนะจะไปตีลิงถึงโอซาก้าเลย

    “ไม่เอาสิจ๊ะฮารุคุง รูปเสียหมด” 

    ริวซากิยกมือผมออกจากรูป ก่อนจะเปิดหน้าต่อไป พูดจริงนะฮะ รูปต่อไปที่ผมเห็น ทำเอาผมหงุดหงิดกว่ารูปเจ้าลิงนั่นอีก

     

    “นี่เพื่อนอีกคนของฉันจ้ะ ฟรานซ์คุง~” 

     

    นี่เป็นรูปช่วงที่แข่งศึกนานาชาติ ในรูปคือเธอยืนอยู่กับเจ้าชายจากฝรั่งเศส ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะชื่อลูโดวิค เป็นเจ้าชายที่พิลึก ขี่ม้าตีเทนนิสงี้ พิลึกชะมัด หมอนั่นเข้ามาจีบริวซากิ ผมแน่ใจว่าจีบแน่ๆ หมอนั่นชมด้วยว่าริวซากิสวย อันนี้ผมไม่เถียงหรอก แต่มาบอกผมกับเธอไม่สนิทกัน เพราะผมตอบไม่ได้ว่าเธอชอบอะไรนี่มัน… 

    ‘นายรู้รึเปล่าว่าเธอชอบดอกไม้อะไร สีอะไร’

    ‘หึ นายมันก็ไม่ต่างจากเพื่อนทางจดหมายหรอก’

    คำพูดคำจาของเจ้าหมอนั่นมันน่าเจ็บใจชะมัด! แต่ผมก็เถียงไม่ออกเพราะไม่รู้จริงๆ

     

     

     

    แล้วอะไรคือหน้าตาของคนในรูปอะ ริวซากิยิ้มหวานแบบปกตินั่นแหละ แต่ไอ้เจ้าชายนั่นหน้าแดงมาก ปากที่ฉีกยิ้มนั่นจะถึงใบหูอยู่แล้ว ไหนจะมือที่เหมือนจะเกาะไหล่เธอ ผมรู้นะว่าความจริงอยากโอบแต่ไม่กล้าน่ะ! ร้ายนักนะทั้งเจ้าลิงทั้งเจ้าชายพิลึกนี่เลย! 

    รูปอีกใบคือริวซากิถ่ายกับพวกตัวแทนฝรั่งเศส เจ้าชายนั่นอยู่ข้างๆเหมือนเดิม แต่คนอื่นอยู่ข้างหลัง ดูแล้วพวกข้างหลังน่าจะมาแกล้งเจ้าชายมากกว่า ใครๆก็รู้ว่าเจ้าชายปิ๊งริวซากิ ไม่สิ ต้องบอกว่ารู้ทุกคนยกเว้นเจ้าตัวนั่นแหละ ยัยซื่อเอ้ยยยย

     

    “หลังจากแข่งขันจบ ฟรานซ์คุงก็ขอที่อยู่ฉันจนสุดท้ายก็คุยกันมาเรื่อยๆน่ะจ้ะ แปลกใจนิดหน่อยที่ฟรานซ์คุงเขียนภาษาญี่ปุ่นได้ขนาดนี้ เขาบอกว่าไปลงเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อมาคุยกับฉันเลยนะ” ริวซากิยิ้มกว้าง “เขาเก่งมากเลย!”

     

    อ๋อ เหรอ พยายามดีนะ ไปลงเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อยัยนี่เนี่ย สงสัยหวังแต่งแล้วย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นเลยล่ะมั้ง แต่ขอโทษนะ ผมไม่ยกให้หรอก และเรื่องก็ผ่านมาตั้ง 3 ปีแล้วยังคุยกันอยู่อีกหรอ ผมล่ะนับถือความพยายามของเจ้าชายพิลึกนั่นจริงๆ

     

     

     

    แต่คนที่ใช่ไม่ต้องพยายามหรอกนะ

     

     

    และใครเป็นคนที่ใช่? หึ ผมไงล่ะ!

     

     

     

    ผมกระโดดจากอ้อมกอดยัยริวซากิไปนอนทับรูปเจ้าชายนั่น เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาจนอยากจะข่วนรูปนั่นซะ แต่ไม่อยากให้ริวซากิโกรธผม อยากให้ริวซากิมองผมเป็นแมวที่แสนน่ารักแบบนี้ตลอดไป

    “ฮารุคุงจ๊ะ ไม่นอนทับสิ เดี๋ยวอัลบั้มพังหมดนะ” ริวซากิพยายามอุ้มผมออกจากอัลบั้มรูป 

    “เมี้ยว” แต่ผมไม่ลุกหรอกนะ แบร่

    “ฮารุคุงไม่ดื้อสิจ๊ะ” ริวซากิพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง …เออ ลุกก็ได้ เชอะ

    ผมลุกออกจากอัลบั้มนั่นและริวซากิก็รีบเก็บมันทันที สงสัยกลัวผมจะป่วนอีกละมั้ง ผมหันมามองของบนโต๊ะเธออีกครั้ง นี่คงพึ่งจัดของใหม่สินะ เพราะเมื่อวันก่อนเธอเล่นรื้อของทั้งห้องเลยหนิ 

     

     

     

     

    “…”

    สายตาผมเหลือบไปเห็นอัลบั้มหนึงเข้า อัลบั้มนี้ด้านนอกเป็นสีดำ หนาพอสมควร หน้าปกเขียนว่า ‘Dear friend’ น่าสงสัยแฮะ มันดึงดูดผมอย่างน่าประหลาด 

    “เมี้ยว” ผมร้องเรียกริวซากิ ส่วนมือของผมก็แตะๆที่อัลบั้มนี่ไปด้วย

    “ฮารุคุงอยากดูหรอ” ริวซากิหยิบอัลบั้มออกมาเปิดและอุ้มผมมานั่งบนตักของเธอ “นี่เป็นความลับของฉันเลยนะ ดังนั้นฮารุคุงห้ามบอกใครนะจ๊ะ” 

    “…” ฉันจะบอกใครได้ในสภาพนี้อะริวซากิ

     

     

     

     

    “!!!”

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก 

    ทันทีที่ริวซากิเปิดอัลบั้ม หัวใจของผมก็เต้นเร็วขึ้นทันที เพราะในอัลบั้มนั่นคือรูปของผม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน

     

     

     

    “เด็กคนนี้คือเรียวมะคุงจ้ะ”

     

    ริวซากิเริ่มอธิบายแต่ละรูปให้ผมฟัง เริ่มตั้งแต่รูปที่ผมใส่เสื้อสีแดงกางเกงสีดำ นั่นคือช่วงที่ผมเข้าคัดตัวเป็นตัวจริงของชมรมเทนนิสเซย์งาคุ ในรูปคือผมที่กำลังมองคู่แข่งของผมอยู่ในคอร์ดเทนนิส ถ้าให้ผมเดาน่าจะเป็นตอนแข่งกับรุ่นพี่ไคโด 

     

     

     

    “เขาเก่งมากๆเลยนะ ปี 1 ก็ได้เป็นตัวจริงแล้ว”

     

    ถัดมาคือรูปผมกำลังตีโต้กับกำแพงแถวๆสนามเทนนิส ในรูปผมยังใส่เสื้อสีแดงอยู่ นั่นคงเป็นช่วงคัดตัวเหมือนกัน แต่คงรอบที่แข่งกับรุ่นพี่อินูอิ ตอนนั้นริวซากิก็มายืนดูผมอยู่ 

    ‘ว้าว~ สุดยอด ตีโดนจุดเดียวตลอดเลย’

    ‘มีอะไร?’

    ‘ปะ เปล่าจ้ะ ขอโทษที่รบกวนนะจ๊ะ’

    ‘ก็ไม่ได้รบกวนเท่าไรหรอกนะ’

    ‘อะ เอ่อ… พยายามเข้านะจ๊ะ’

    ‘…’ 

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    นั่นเป็นครั้งแรกที่ยัยนี่ให้กำลังใจผม วันนั้นมีแต่คนมาพูดว่า ‘ผมจะเอาชนะพวกตัวจริงไม่ได้’ ‘แม้จะเอาชนะรุ่นพี่ไคโดได้แต่กับรุ่นพี่อินูอิคงไม่ได้’ คงเพราะเป็นเด็กปี 1 ส่วนสูงหรือพละกำลังยังสู้พวกรุ่นพี่ไม่ได้ เลยทำให้ไม่มีคนเชื่อในตัวผมเลยสักคน มีแต่เธอคนเดียวที่ให้กำลังใจก่อนแข่ง ตอนนั้นใจผมเต้นผิดจังหวะไปแป๊ปหนึงเลย

     

     

     

    “เรียวมะคุงตอนใส่แจ็คเก็ตตัวจริงน่ะ เท่มากๆเลยนะฮารุคุง” 

     

    ถัดมาคือรูปผมที่ใส่เสื้อตัวจริงเซย์งาคุแล้ว แต่ถูกถ่ายจากด้านหลัง สถานที่ในภาพคือหน้าร้านขายอุปกรณ์กีฬาที่เด็กเซย์งาคุเป็นขาประจำ คงเป็นเธอนั่นแหละที่ถ่าย

    ‘เรียวมะคุงใส่เสื้อนั่นให้ดูหน่อยสิจ๊ะ’

    ‘ทำไมล่ะ ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องใส่อยู่แล้วหนิ’

    ‘น่ะ นั่นสินะ’

    เพราะทนเห็นสายตาเศร้าๆของเธอไม่ไหว ผมเลยถอดกักคุรันออกและเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวจริงเซย์งาคุให้เธอดู ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไปทำไม เพราะผมเคยแคร์ใครซะที่ไหน ถ้าเป็นเจ้าโฮริโอะมาบอกให้ผมใส่ให้ดู ผมคงเดินหนีแน่ๆ แต่พอริวซากิเป็นคนบอกให้เปลี่ยน ใจมันก็ทำตามตลอด

    ‘เรียวมะคุงยินดีกับตำแหน่งตัวจริงด้วยนะจ๊ะ’

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    และคำตอบของทั้งหมดน่าจะเพราะอยากเห็นสีหน้าสดใสของเธอตอนที่เห็นผมใส่เสื้อนี่ล่ะมั้ง ก็นะ สายตาและรอยยิ้มนั่นมันเหมาะกับริวซากิมากกว่าหนิ

     

     

     

    “นี่เป็นศึกแรกของเรียวมะคุงในฐานะตัวจริงล่ะ”

     

    ริวซากิเปิดหน้าถัดไปให้ผมดู เป็นรูปที่ผมยืนเรียงหน้ากระดานอยู่กับเหล่ารุ่นพี่ ตรงข้ามคือพวกโรงเรียนฟุโดมิเนะ และรูปต่อไปก็เป็นรูปตอนที่ผมแข่งกับอิบุ ตาของผมข้างหนึงมีพลาสเตอร์ปิดไว้เพราะเกิดจากแร็กเก็ตไปกระแทกกับเสาจนหัก เศษของมันกระเด็นเข้าหน้าผม บาดตรงตาซ้ายนิดหน่อย

    ‘เรียวมะคุงไม่ใช่นักกีฬาแต่เป็นคนเจ็บต่างหากล่ะ’

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    นั่นเป็นครั้งแรกที่ริวซากิดุผม น่ากลัวชะมัด แต่ก็ตกใจเหมือนกันนะที่ยัยนี่กล้าวิ่งเข้ามาในสนาม ไม่สนสายตาของคนที่มองอยู่เลย และหัวใจของผมก็เต้นเร็วขึ้นทันทีที่เธอเข้ามาจับมือผม เพื่อจะพาผมออกจากสนาม

     

    “เพราะเห็นเรียวมะคุงบาดเจ็บฉันเลยรีบวิ่งเข้าไปในคอร์ด หลังจากนั้นฉันก็โดนคุณย่าดุเลย ฮาฮ่า”

     

    ตอนนั้นอาจารย์ริวซากิเข้ามาดุยัยเปีย เพราะเข้ามาในคอร์ดโดยพลการ และบอกให้ยัยนี่ออกไป ผมมองตามเธอที่เดินคอตกออกไปจากคอร์ด หน้ายัยนี่จะร้องไห้อยู่แล้ว แต่ฮึบไว้เพราะกลัวคุณย่าจะดุเธอซ้ำ เข้าใจที่เธอห่วงผมนะ แต่ผมไม่เป็นไรจริงๆ และสุดท้ายผมก็เอาชนะการแข่งนั่นในเวลาแค่ 10 นาที

    แต่พอผมออกมาจากสนามก็ไม่เห็นยัยนี่ยืนอยู่ จะถามพวกรุ่นพี่ก็คงไม่ได้คำตอบอะไรนอกจากแซวผม เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่พวกรุ่นพี่เริ่มจับคู่ผมกับริวซากิล่ะ

    ‘มองหาริวซากิจังหรอเอจิเซ็น เดินไปทางด้านโน้นแล้วล่ะ รีบตามไปสิ ^^’

    ผมมองหาเธอตั้งนานแต่ไม่เจอ รุ่นพี่ฟูจิเลยบอกแม้ว่าผมจะไม่ได้ถามเลยก็เถอะ ผมเดินออกไปหาเธอตามทางที่รุ่นพี่ฟูจิบอก ก็เจอเธอนั่งอยู่ที่ม้านั่งคนเดียว

    ‘ทีหลังอย่าเข้าไปในคอร์ดแบบนี้อีก มันอันตราย’ ผมอดที่จะบ่นไม่ได้ ก็เคยบอกไปแล้วหนิ

    ‘ระ เรียวมะคุง…’ ยัยเปียไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ท่าทางเหมือนเด็กจะร้องไห้อยู่แล้ว

    ‘นี่ ดื่มซะ’ ผมยื่นปอนตะรสเชอร์รี่ให้เธอ เพราะเห็นว่าห่วงผมมากหรอกนะเลยซื้อให้ อีกอย่างไม่อยากเห็นเด็กร้องไห้ด้วย

    ‘อือ… ขอบใจนะ ยินดีด้วยนะจ๊ะที่ชนะ เรียวมะคุงเก่งมากๆเลยล่ะ’ ยัยเปียรับปอนตะและเงยหน้ามาพูดกับผม

    ‘ขอบใจ’

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่ผมใจเต้นให้กับรอยยิ้มและแววตาของเธอ

     

     

     

    “ส่วนรูปนี้เป็นครั้งแรกที่ไปกินเลี้ยงกับเรียวมะคุงจ้ะ ความจริงฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยแต่ไปในฐานะหลานสาวคุณย่า รูปนี้คุณชิบะให้มา” 

     

    ต่อไปคือรูปคู่ผมกับเธอที่ร้านซูชิของรุ่นพี่คาวามูระ เหตุการณ์วันนั้นคือคุณนักข่าวจะขอถ่ายรูปกับผม แต่รุ่นพี่โมโมะดันหงายหลังมาจากไหนไม่รู้ พลอยทำให้ริวซากิที่นั่งอยู่ข้างๆพุ่งเข้ามาถ่ายกับผมแทน ตอนนั้นเป็นผมที่รับเธอไว้ หัวเธอซบกับอกของผมเล็กน้อย และจังหวะนั้นชัตเตอร์ก็ถูกกดถ่ายพอดี 

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    แม้จะตกใจแต่ริวซากิก็รีบผละออกและขอโทษขอโพยผมยกใหญ่ ผมก็ไม่ตอบอะไรเธอแค่ก้มหน้ากินซูชิต่อ

     

     

     

    “นี่เป็นรูปตอนที่คุณย่าขอให้เรียวมะคุงพาฉันไปขึ้นเอ็นแร็กเก็ตล่ะ รุ่นพี่โมโมะเป็นคนเอามาให้จ้ะ”

     

    หน้าต่อมาคือรูปผมกับยัยนี่เดินคู่กันไปร้านขึ้นเอ็นแร็กเก็ต เพราะถ้าให้ไปเองยัยเปียคงหลงทางแน่นอน ก็นะ บางอย่างมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนี่น่า วันนั้นคุณลุงที่ร้านชมยัยนี่ว่าน่ารักด้วยล่ะ 

    ‘ช่างเป็นคุณหนูที่น่ารักจริงๆเลยนะ’ 

    หึ! ลุงครับ ผมรู้ก่อนอีก รู้ตั้งแต่วันแรกที่เจอบนรถไฟแล้ว 

    และพวกรุ่นพี่โมโมะที่เข้าใจผิดว่าผมไปเดทกับเธอเลยแอบถ่ายรูปมาให้สินะ ผมก็ได้นะรูปตอนนั้นอะ แต่ผมได้เป็นรูปที่ผมซื้อปอนตะไปขอโทษเธอที่สะพานแทน

    ‘เอจิเซ็น~ ฉันมีอะไรจะให้ด้วยล่ะ’ รุ่นพี่โมโมะเข้ามากอดคอผม

    ‘อะไรอีกล่ะครับ’

    ‘นี่ไงๆๆ ขอบคุณพี่ชายแสนดีคนนี้สิ’ รุ่นพี่โชว์รูปคู่ที่แอบถ่ายผมกับริวซากิให้ดู

    ‘รุ่นพี่เป็นสตอกเกอร์หรอครับ น่ากลัว’ 

    ‘ไอ้นี่! จะเอาไม่เอา?’ รุ่นพี่โมโมะโบกรูปไปมาตรงหน้าผม ‘ถ้าไม่เอาฉันจะได้เอาไปให้ริวซากิจังแทน’

    ‘…’ ผมรำคาญเลยรีบคว้ารูปมา ‘วุ่นวายจริงๆเลยนะ’

    สุดท้ายผมก็เก็บรูปนั้นไว้ใต้หมอน ทุกวันนี้ก็ยังอยู่นะผมไม่เคยทิ้งอะไรที่เธอให้หรือเกี่ยวกับเธอเลย แต่ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าพวกรุ่นพี่จะมีรูปอื่นอีก สตอกเกอร์ชัดๆ

     

     

     

    “ต่อไปก็รูปตอนเรียวมะคุงแข่งเทนนิสจ้ะ ส่วนใหญ่ฉันได้มาจากคุณชิบะทั้งนั้นเลย รู้ตัวอีกที อัลบั้มนี่ก็เกิดขึ้นมาแล้ว ฮาฮ่า”

     

    ริวซากิเปิดอัลบั้มไปเรื่อยๆ มีรูปที่ผมแข่งเทนนิสตั้งแต่ระดับเขต ไปจนถึงศึกทั่วประเทศ ยัยนี่เก็บรูปผมไว้ทุกช่วงเลย มีรูปตอนไปเก็บตัวที่บ้านพักตากอากาศด้วย แต่ส่วนใหญ่รูปพวกนั้น มักจะเป็นผมยืนอยู่กับพวกรุ่นพี่

     

     

     

    “รูปที่ฉันถ่ายเองน่ะ มีแต่รูปที่ถ่ายจากข้างหลังเรียวมะคุงเท่านั้น เพราะฉันไม่กล้าที่จะเข้าไปขอถ่ายรูปกับเขาหรอกนะ” ริวซากิลูบหัวผมเล็กน้อย “ก็เขาเหมือนพระอาทิตย์นี่ มีแต่คนอยากเข้าใกล้เขา ฉันน่ะมองเขาแค่ในมุมนี้ก็พอแล้วจ้ะ”

     

    ริวซากิเปิดหน้าถัดไป รูปส่วนใหญ่คือรูปที่ถ่ายจากข้างหลังผม นั่นรูปผมตอนที่กำลังจะเดินเข้าเกทเพราะจะไปแข่งเทนนิสที่อเมริกา นั่นก็รูปที่ถ่ายผมจากข้างหลังตอนศึกทั่วประเทศ ตอนนั้นเป็นตอนแข่งเทนนิสจบแล้ว และผมชนะ รูปถูกถ่ายจากระยะไกล ในรูปพวกรุ่นพี่เข้ามารุมล้อมผมเต็มไปหมด ดูไม่มีช่องว่างให้เธอแทรกเข้าไปได้เลย

     

    “แต่ฉันไม่เคยน้อยใจเลยนะ เพราะขอแค่ได้ดูเรียวมะคุงเล่นเทนนิสก็พอแล้ว ก็เทนนิสของเรียวมะคุงน่ะ คือสิ่งฉันชอบที่สุดเลยนี่”

     

    เหมือนตอนนั้นไม่มีผิด…

    “ฉันก็เลยชอบเทนนิสของเรียวมะคุงมากๆเลยล่ะจ้ะ”

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    เสียงของเธอที่บอกกับผมในตอนที่กำลังเดินกลับไปสนามตอนแข่งกับสาธิตริคไคดังเข้ามาในหัว

    ตอนนั้นเพราะเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ผมความจำเสื่อม แต่แปลกนะที่ผมกลับจำเธอได้เป็นคนแรกทันทีที่เห็นหน้า โดยที่เธอไม่ต้องไปเป็นคู่ซ้อมให้ผมก่อนแข่งเลยด้วยซ้ำ

    และนั่นคือตอนที่ผมรู้ตัวว่าไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อนแล้ว แต่เพราะผมไม่กล้าพอที่จะบอกไป ผมยังมีสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จคือการชนะเทนนิสของพ่อ และขึ้นเป็นที่ 1 ของโลกนี้ นั่นคือเป้าหมายหลักของผม 

    ดังนั้นเรื่องของเธอ ความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอเลยต้องเก็บเอาไว้ก่อน

     

     

     

     

     

    พอมองทุกอย่างที่เธอทำให้กับผม จดหมายที่ถูกส่งมาตลอดแม้หลังๆจะไม่ได้รับ อัลบั้มรูปที่รวมทุกอย่างเอาไว้ หรือเซียมซีที่เธอไปเสี่ยงจนกว่าจะได้อันที่โชคดีนั่นอีก อดแปลกใจกับการกระทำของริวซากิไม่ได้ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงรอผมได้นานขนาดนี้นะ บางคนเข้ามาก็ผ่านไปแล้ว แต่กับริวซากิไม่เหมือนกัน เธอคอยเชียร์ผมในมุมของเธอ ไม่เคยเรียกร้องอะไรสักอย่างทั้งๆที่ถ้าเธอบอก ผมก็จะทำให้เธอทันที

     

     

     

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    “…” เธอนี่นะ…สุดยอดเลยริวซากิ 

     

    จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว ผมขึ้นเป็นที่ 1 ของโลกและชนะพ่อของตัวเองแล้ว ผมว่าถึงเวลาแล้วนะ

    “…” รอฉันก่อนนะริวซากิ อีกแค่วันเดียวเท่านั้น!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk : 

    ไรท์เริ่มชอบยัยหนูก็ตอนที่ไปเสี่ยงเซียมซีให้เรียวมะนั่นแหละ เสี่ยงจนเซียมซีเต็มกระเป๋าเพื่อจะหาใบที่เขียนว่า โชคดี ให้กับเรียวมะ แม้ว่าถ้าหากเรียวมะไม่ได้ถูกไล่ออกจากค่าย น้องก็อาจจะไม่ได้เจอและไม่ได้ให้ไปก็เถอะ เหมือนปิดทองหลังพระเลย ตอนนั้นจากที่เอ็นดูอยู่แล้วก็หลงรักยัยหนูทันทีเลยค่ะ เด็กอะไรทุ่มเทขนาดนี้! มัมหมีรักหนู! น่ารักเท่าจักรวาลเลยฮะ

    เจอกันตอนหน้านะคะ ใกล้แล้วค่ะใกล้จบแล้ววว เย้! 

    เอ็นจอยรี้ดดิ้งค้าบ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×