คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : The End (1)
“ซากุโนะ! ฮืออออ” เสียงโวยวายของโทโมกะดังขึ้นท่ามกลางเหล่านักเรียนชั้นม.ปลายปี 1 ที่กำลังดูบอร์ดประกาศว่าตนเองอยู่ห้องไหนกันอยู่
“ทะ โทโมะจัง ร้องไห้ทำไมจ๊ะ” ซากุโนะรีบปลีกตัวเข้าไปปลอบโทโมกะ
“เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันน่ะสิ ไม่นะ! ฉันไม่อยากแยกจากซากุโนะ!” โทโมกะโวยวาย ทั้งๆที่เธอก็พยายามเรียนให้เก่งเท่าซากุโนะแล้วนะ แต่ทำไมผลดันออกมาว่าเธอต้องแยกกับซากุโนะด้วยล่ะ พวกเธออยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ป.4 เลยนะ!
“มะ ไม่เป็นไรนะจ๊ะโทโมะจัง” ซากุโนะตบบ่าปลอบโทโมกะเบาๆ ตัวเธอเองก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่ต้องแยกกัน แต่ไม่ได้แยกกันตลอดไปนี่นา พักเที่ยงก็ยังไปมาหาสู่กันได้
“ฮือออ ซากุโนะ เธอห้ามทิ้งฉันนะ” โทโมกะเข้าไปกอดเอวซากุโนะเอาไว้
“ฉันไม่ทิ้งโทโมะจังหรอกนะ ไว้ตอนพักเที่ยงฉันจะเดินไปหาทุกวันเลยดีไหม” ซากุโนะกอดตอบ และชูนิ้วก้อยของตัวเองไปตรงหน้าโทโมกะ เป็นสัญญาว่าเธอจะทำตามคำพูด
“จริงนะซากุโนะ”
“อื้ม! จริงสิจ๊ะ!”
“ฉันรักซากุโนะที่สุดเลย!” โทโมกะเอานิ้วก้อยของตัวเองมาเกี่ยวเข้ากับนิ้วของซากุโนะและกอดซากุโนะแน่น จนทำให้ซากุโนะเซเล็กน้อย
หลังจากรำลากันเรียบร้อย ซากุโนะก็ขอตัวเดินแยกออกมา เธอยังไม่อยากขึ้นไปบนห้องเรียน ต่อให้ขึ้นไปตอนนี้ก็ยังไม่มีใครอยู่ เพราะทั้งเธอและโทโมกะมากันแต่เช้าตรู่ เธอเลยเลือกที่จะไปเดินเล่นแถวๆสวนด้านข้างตึกเรียนก่อน
ที่โรงเรียนเซชุน หรือเซงาคุแผนกมัธยมปลายนั้นอยู่ไม่ห่างจากแผนกมัธยมต้นเท่าไร สวนที่เธอกำลังเดินเล่นอยู่ก็ตกแต่งคล้ายๆกับฝั่งมัธยมต้น แต่แค่มีขนาดที่ใหญ่กว่า รอบๆมีต้นซากุระบานสะพรั่งเต็มไปหมด เหมือนเป็นการต้อนรับวันเปิดเทอม ต้อนรับเหล่านักเรียนตัวน้อยสู่รั้วโรงเรียนแห่งใหม่ที่จะเป็นทั้งที่เสริมสร้างความรู้และความทรงจำไปอีกนานแสนนาน
ซากุโนะเดินไปเรื่อยๆ สายตาพลางมองสำรวจสวนแห่งนี้ และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนไปด้วย ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เธอเคยได้ลองเลี้ยงแมวและตั้งชื่อให้แมวตัวนั้นว่า ‘ฮารุ’ ที่แปลว่าฤดูใบไม้ผลิ เพราะเธอเจอกับเจ้าแมวน้อยตอนที่ฤดูกำลังเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวไปเป็นฤดูใบไม้ผลิ
“ฮารุคุงไปอยู่ต่างประเทศจะสบายดีไหมนะ”
เธอคิดถึงเจ้าแมวสีดำที่ท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนอื่นยกเว้นเธอ แม้จะอยู่ด้วยกันแค่ 1 สัปดาห์แต่เธอก็ชอบมันมากๆ เธอรู้สึกถูกชะตาด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตาสีเฮเซลของเจ้าแมวน้อย มันทำให้เธอนึกถึงใครบางคนตลอดเวลา
สำหรับซากุโนะแล้วฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่เธอชอบมากที่สุด เหมือนเป็นฤดูที่ทำให้เราได้เริ่มต้นใหม่ในหลายๆอย่าง ภาคเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ ซื้อชุดเดรสตัวใหม่ หรือแม้แต่ดอกไม้ที่ออกดอกขึ้นมาใหม่ในสวนหน้าบ้าน และที่สำคัญเลยคงเป็นเพราะฤดูนี้ทำให้เธอได้เจอกับเขา เธอถึงชอบฤดูใบไม้ผลิมากที่สุด
“แต่เขาไม่อยู่ตรงนี้แล้วนี่นา”
ซากุโนะหัวเราะให้กับความคิดของตัวเองเล็กน้อย สุดท้ายเธอก็ห้ามไม่ให้ตัวเองหยุดคิดถึงเขาคนนั้นได้สักที
เขา เด็กชายที่ตอนนี้คงกลายเป็นเด็กหนุ่มไปแล้ว เจ้าของผมสีดำอมเขียว นัยน์ตาสีเฮเซล ใบหน้าหล่อเหลาที่มักแสดงออกด้วยท่าทางอวดดีและเย็นชาอยู่ตลอดเวลาจนพาลทำให้ใครหลายคนไม่ชอบ แต่กับซากุโนะแล้ว ต่อให้เธอมองยังไง เธอก็ยังรู้สึกว่ามันเท่อยู่ดี ไหนจะน้ำเสียงของเขาที่นุ่มทุ้มเวลาเอ่ยประโยคที่ทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกเจ็บแสบอย่าง ‘แค่นี้ยังอ่อนหัดอยู่นะ’ ตอนนี้เขาคนนั้นได้กลายเป็นนักเทนนิสชื่อดังระดับโลกไปแล้ว เอจิเซ็น เรียวมะ สาเหตุของการชอบฤดูใบไม้ผลิของเธอ
“ตอนนี้เรียวมะคุงจะทำอะไรอยู่นะ”
ซากุโนะเหม่อมองท้องฟ้าและคิดถึงคนที่อยู่ไกลแสนไกล
เธอเจอกับเขาครั้งแรกบนรถไฟฟ้า เด็กชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับกระเป๋าเทนนิสใบใหญ่ และได้ช่วยเธอไม่ให้ถูกไม้แร็กเก็ตฟาดหน้า แม้ว่าที่เขาทำไปก็เพียงเพราะแค่หนวกหูเท่านั้น และหลังจากนั้นพวกเธอก็ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการตอนเปิดเทอมใหม่ จากเด็กชายแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนร่วมชั้นผู้ควบตำแหน่งตัวจริงชมรมเทนนิสเซงาคุปี 1 เด็กชายที่ตัวเล็ก สูงเท่าเธอแต่ฝีมือในการเล่นเทนนิสของเขาที่ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็อดทึ่งในความสามารถไม่ได้ เขาสามารถจัดการคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่ามากได้ในเวลาไม่กี่นาที โดยใช้แค่ไม้แร็กเก็ตกับลูกบอลเล็กๆสีเหลืองเท่านั้น และเพียงแค่ได้ดูเทนนิสของเด็กคนนั้น ซากุโนะก็รู้สึกเหมือนมีเป้าหมายในชีวิตขึ้นมาทันที นั่นคือการเริ่มเล่นเทนนิสตามเขานั่นเอง
ชีวิตของซากุโนะเคยผ่านมาทั้งช่วงสุขใจและแสนเศร้า ตั้งแต่ที่เสียคุณพ่อกับคุณแม่ไป แม้ว่าการได้อยู่กับคุณย่าจะทดแทนส่วนที่ขาดไปได้มาก แต่ชีวิตในแต่ละวันของซากุโนะก็ผ่านไปแบบไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแพชชั่น ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ในทุกวันเธอรู้แค่ว่ามีหน้าที่ต้องทำอะไร เธอก็แค่ทำให้เสร็จๆไปเท่านั้น จนกระทั่งวันที่ได้เห็นเด็กชายคนนั้นเล่นเทนนิส แม้คนรอบตัวของเธอหลายคนจะเล่นเทนนิสแต่ไม่มีใครที่ทำให้ใจเธอเต้นแรงเพราะลีลาการเล่นได้เท่าเด็กคนนั้น
‘อยากทำได้อย่างนั้นบ้างจัง’
นั่นคือความคิดเริ่มแรกของซากุโนะในวัย 12 ปีต่อเทนนิสของเอจิเซ็น เรียวมะ หลังจากวันนั้นเธอก็เริ่มฝึกเล่นเทนนิส แม้ช่วงแรกๆจะเหนื่อยจนท้อเพราะฝึกยังไงก็ไม่เหมือนเด็กคนนั้น ทั่วทั้งตัวมีแต่บาดแผลเต็มไปหมด มือที่เคยเนียนนุ่มก็เริ่มหยาบกระด้าง เธอเคยคิดว่าที่เธอยังทำไม่ได้นั่นเป็นเพราะเธอไม่ใช่เด็กคนนั้น แต่พอได้เห็นเทนนิสของเขาบ่อยเข้า สิ่งที่เธอได้เรียนรู้ในที่สุดคือ ความพยายาม ต่างหาก ก่อนที่เด็กคนนั้นจะเก่งได้อย่างทุกวันนี้ ก็คงต้องผ่านการล้มมานับครั้งไม่ถ้วน มือของเขาที่จับไม้แร็กเก็ตนั่นอาจจะเคยมีแผลมาเยอะกว่าเธอด้วยซ้ำ
เธอจึงหันกลับมาตั้งใจใหม่ แม้จะเล่นไม่เก่งอย่างเขา แต่ถ้าเธอพยายามแล้วล่ะก็สักวันอาจจะตามเขาทันได้บ้าง แม้เล็กน้อยก็พอใจเธอแล้ว และเธอก็เริ่มฝึกใหม่จนพบว่าการเล่นเทนนิสนั้นมันสนุกมากๆ เธอรักการที่ได้วิ่งไปรับลูกในสนาม แม้จะรับได้บ้างไม่ได้บ้าง มีหกล้มบ้าง แต่สิ่งที่เธอสัมผัสได้คือความสนุกของเทนนิส
จนในที่สุด เธอก็ตกหลุมรักทั้งเทนนิสและเด็กคนนั้น
เธอกับเขา ถ้าเรียกว่าสนิทคงพูดได้ไม่เต็มปาก ตัดเรื่องเทนนิสและการเป็นหลานสาวของที่ปรึกษาชมรมออกไป โอกาสในการทำความรู้จักและพูดคุยกันแทบจะไม่มี เพราะรอบตัวของเด็กคนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เข้าหาเพราะความเก่งกาจในกีฬาเทนนิส บ้างก็เพราะรูปร่างหน้าตาที่ดูดีมากๆ หรือทั้งสองอย่าง ทำให้คนอย่างซากุโนะที่ไม่มีอะไรเลย แม้จะพยายามเข้าหาแต่สุดท้ายก็มักจะถูกผลักออกมาอยู่ดี ไม่ได้ถูกผลักจากเด็กชายคนนั้นหรอกนะ แต่เพราะคนที่อยู่รอบตัวของเขาต่างหาก จนสุดท้ายพวกเธอทั้งคู่เลยได้รู้จักกันผ่านทางชมรมเทนนิส ก็นะ นั่นคงเป็นโอกาสเดียวที่ซากุโนะในวัย 12 ปีจะหาได้
“หึ ทำเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเข้าหาเขาได้อย่างนั้นแหละซากุโนะ”
ซากุโนะส่ายหัวให้กับความคิดบ้าๆของเธอเล็กน้อย
โอกาสที่ทำให้เธอกับเขาได้ทำความรู้จักกันมักจะมาในรูปแบบของความซวย ไม่ใช่ความซวยของใคร ของซากุโนะนั่นแหละ เพราะทุกครั้งที่เธอเจอปัญหา ถูกคนเข้ามาล้อมเอาไว้ หรือถูกใครรังแก เพราะเธอสู้คนไม่เป็น ก็มักจะเป็นเด็กชายผมสีดำอมเขียววิ่งเข้ามาช่วยเอาไว้ด้วยเทนนิสของเขาทุกที และยิ่งถ้าเธอมีบาดแผลเกิดขึ้นล่ะก็…จะถูกสายตาที่แสนดุของเขาจ้องมองมาเสมอ แม้จะไม่ได้เอ่ยคำพูดต่อว่า แต่แค่สายตาที่ส่งมาก็รับรู้ได้แล้วว่ากำลังถูกดุอยู่ ซากุโนะสามารถสาบานได้ว่าทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เกิดจากเพราะเธอทำตัวของเธอเองด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับที่ฝึกเทนนิสจนได้แผลนั่นก็นะ
‘ขอโทษนะจ๊ะเรียวมะคุง ทำให้เรียวมะคุงเดือดร้อนอีกแล้ว’
‘ช่างเถอะ เธอไม่ได้ตั้งใจหนิ ทีหลังมีอะไรก็เรียกให้ฉันช่วย’
‘แต่ว่า…’
‘ไม่มีแต่ทั้งนั้นริวซากิ ทีหลังจะเรียกให้ฉันมาด้วยก็ได้ ถ้าเป็นเธอฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ’
‘…’
‘ไปกันเถอะริวซากิ ไปทำแผลกัน’
แม้ท่าทางและการแสดงออกของเขามันจะเย็นชาขนาดไหน แต่สิ่งที่ซากุโนะรับรู้ได้ตลอดคือความใจดีของเขา ในขณะที่สายตาของเขากำลังดุเธอแทนการพูด มือของเขาก็มักจะทำหน้าที่ปฐมพยาบาลให้เธอเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นทั้งฝ่ามือ ข้อศอก หัวเข่า หรือข้อเท้า ก็เคยถูกเขาทายาและทำแผลให้มาแล้วทั้งนั้น เธอไม่รู้หรอกว่าเพราะเธอเป็นหลานสาวโค้ชหรือเพื่อนร่วมชั้น เขาถึงได้ใจดีด้วย แต่จากการที่เธอสังเกตเขามาตลอด หากเพื่อนของเขาคนไหนมีปัญหา หรือมีคนมาแกล้ง เขาก็พร้อมที่จะช่วยเสมอ นั่นคือความใจดีของเรียวมะคุงล่ะนะ
แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความสุขก็ผ่านไป นั่นคือตอนที่ซากุโนะรู้ข่าวว่าเขาต้องไปแข่งที่อเมริกา แม้ภายในใจจะพยายามบอกกับตัวเองว่าเขาไปแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็กลับ แต่ก็รู้ความจริงดีว่าถ้าเขาเลือกที่จะไปแล้ว เขาอาจจะไม่กลับมาอีก ก็นะ อเมริกาจะทำให้เส้นทางนักเทนนิสของเขาไปได้ไกลมากกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่ แถมการแข่งที่เขาได้เข้าร่วมนั่นก็ไม่ใช่จะหาโอกาสกันได้ง่ายๆ แม้ใจของซากุโนะจะอยากให้เขาอยู่ต่อแค่ไหน แต่เธอก็อยากให้เขาไปแข่งเช่นกัน และสุดท้ายเธอก็เลือกอนาคตของเขามากกว่าความรู้สึกของเธอเอง เพราะในตอนนั้นต่อให้เธอบอกเขาออกไปว่า เธอชอบเขา ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอยู่ดี เพราะเขาไม่ได้ชอบเธอ
‘ซากุโนะ จะไม่บอกท่านเรียวมะไปหรอว่าเธอชอบเขา’
‘ไม่หรอกจ้ะโทโมะจัง’
‘…’
‘ให้มันจบแค่ตรงนี้เถอะนะจ๊ะ’
ซากุโนะคิดถึงตอนที่ไปส่งเรียวมะที่สนามบินครั้งสุดท้าย คงเป็นช่วงหลังการแข่ง Under17 World cup จบลง เธอไม่ได้กล้าหาญแบบโทโมกะ หรือฉลาดมากๆอย่างรุ่นพี่ฟูจิ เธอไม่มีอะไรเลยมากกว่า มีแต่ความซุ่มซ่ามนี่เท่านั้นแหละ จะให้ไปบอกชอบคนที่เป็นเหมือนพระอาทิตย์แบบนั้นเธอทำไม่ได้หรอก เธอทำได้แค่มองแผนหลังของเขาเดินจากไป และคิดว่า ถ้าเวลาผ่านไปก็คงลืมเรื่องของเขาไปได้เอง แต่เปล่าเลย ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขากลับอยู่ในหัวไม่เคยไปไหน ทุกความทรงจำเหล่านั้นไม่เคยไปจากเธอ จนสุดท้ายเพราะทนคิดถึงเขาไม่ไหว เธอจึงเริ่มที่จะเขียนจดหมายส่งไปให้เขา แรกๆก็ผ่านไปได้ด้วยดี เขาตอบจดหมายของเธอทุกฉบับ แต่ในวันนั้น ในเดือนเมษายนเมื่อ 2 ปีก่อน นั่นคือครั้งแรกที่เขาหายไป และเขาได้ส่งจดหมายกลับมาหาเธอว่า
‘รำคาญ เลิกยุ่งกับฉันสักที’
ตอนนั้นซากุโนะในวัย 12 ปีไม่รู้จะทำยังไงกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันทั้งเจ็บ และจุกไปหมด เธอเคยคิดเหมือนกันว่า เขาอาจจะรำคาญเธออยู่ก็ได้ แต่เพราะเกรงใจคุณย่าของเธอถึงยังคอยตอบจดหมาย และเธอก็เคยคิดว่าเธอคงโอเคถ้าเขาพูดมาว่าไม่อยากจะคุยกับเธอแล้ว แต่พอเห็นเขาตอบกลับมาตามสิ่งที่เธอเคยคิด มันกลับทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าที่จะโอเค วันนั้นเธอร้องไห้อย่างหนักและหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เช้าวันใหม่แล้ว วินาทีแรกที่ตื่นขึ้น เธอตัดสินใจทันทีว่าจะตัดใจจากเขาให้ได้
แต่เธอคงดูถูกความรู้สึกของตัวเองมากเกินไป เพราะจนแล้วจนรอดเธอก็ยังชอบเขาอยู่ เธอยังคงจมอยู่กับความคิดถึงที่มีให้กับเขา เธอเลยเริ่มเขียนจดหมายถึงเขาอีกครั้ง แต่ไม่คิดที่จะส่งพวกมันไปให้เขาอีก เธอพอใจกับการที่เขียนจดหมายให้เขาแบบปลอมๆโดยที่มีแค่โทโมกะเท่านั้นที่รับรู้เรื่องเรื่องนี้ จดหมายพวกนี้เป็นเหมือนไดอารี่ของเธอไปในตัว เธอเขียนเล่าเรื่องราวที่มีความสุขใส่ลงไปในนั้นเผื่อในวันที่เธอรู้สึกเหนื่อย เธอจะได้กลับมาอ่านพวกมันอีกครั้ง และใช้พวกมันแทนตัวของเขาไปด้วยนั่นแหละ
จนเมื่อเธอขึ้นชั้นปี 2 เธอคิดว่าความรู้สึกที่เคยชอบเขาตอน 12 คงใกล้หมดแล้ว ซากุโนะเลยเริ่มที่จะทำกิจกรรมในโรงเรียนอย่างอื่นนอกจากชมรมเทนนิส เช่นไปฝึกทำขนมกับชมรมคหกรรม ลองเป็นหัวหน้าห้อง หรือไปเป็นคณะกรรมการนักเรียน แม้มันจะยากสำหรับคนที่ทั้งขี้อายและขี้ขลาดอย่างเธอ แต่เธอคิดว่า ถ้าทำตัวให้ยุ่งๆเดี๋ยวก็คงลืมเรื่องของเขาไปได้เองแหละเพราะในตอนนั้นคนรอบตัวของเธอ หรือคนที่เคยรุมล้อมเขาก็ไม่มีใครพูดถึงเรียวมะกันสักคน เหมือนทุกคนลืมเรื่องของเขาไปหมดแล้ว
แต่ซากุโนะในชั้นปี 2 ก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด เธอดูถูกความรู้สึกตัวเองเกินไป เพราะเมื่อกลับมาบ้าน เธอยังติดนิสัยเขียนจดหมายถึงเด็กคนนั้นอยู่ดี แม้จะพยายามบอกตัวเองว่า
‘พอได้แล้ว คนที่เธอชอบคือเรียวมะคุงตอน 12 ปี และเขาก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เขาอยู่คนละโลกกับเธอไปแล้วนะ’
แต่สุดท้ายเธอก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี และยังคอยเชียร์เขาทุกการแข่งขันที่เขาลง จนเป็นที่รู้กันกับคุณย่าของเธอว่าถ้าเรียวมะมีแข่งเมื่อไร ซากุโนะจะมานั่งดูโทรทัศน์ด้วยเมื่อนั้น
ทำไงได้ล่ะ ก็เธอชอบทั้งเขาและเทนนิสของเขาหนิ
จนเธอขึ้นม.ต้นปี 3 เธอตั้งใจว่าปีนี้จะลองทำกิจกรรมให้มากขึ้นเพื่อเป็นการเก็บประสบการณ์ และทำตัวให้ยุ่งๆอีกครั้ง เธอไปเป็นทั้งคณะกรรมการโรงเรียน ไปเป็นดรัมเมเยอร์ ไปลองแข่งเทนนิสจนเอาชนะระดับเขตมาได้ ไปลองแข่งตอบปัญหาหรือแข่งทางด้านวิชาการดู แม้แต่ไปลองทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขนมแถวบ้านที่เจ้าของร้านเป็นคนรู้จักของคุณย่าก็แล้ว แต่สุดท้ายริวซากิ ซากุโนะก็ยังคิดถึงเอจิเซ็น เรียวมะอยู่
“ฉันพยายามแล้วนะจ๊ะเรียวมะคุง”
ซากุโนะคิด เธอลองทำทุกอย่างที่พอจะทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนพวกนั้นไม่ช่วยอะไรนอกจากให้ประสบการณ์กับเธอเท่านั้น แต่ก็สนุกดีนะที่ได้ลองทำหลายๆอย่างที่เธอไม่คิดจะทำได้
เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านมาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนั้น โทโมกะบอกให้เธอส่งจดหมายที่เธอแอบเขียนทั้งหมดไปให้เขา ตอนแรกเธอก็ปฏิเสธแต่สุดท้ายก็คล้อยตามโทโมกะจนได้ เธอตัดสินใจส่งไปทั้งๆที่รู้ว่า คงไม่มีการตอบกลับมา และใช่ สิ่งที่เธอคิดมันถูกต้อง นี่ก็ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่มีการตอบกลับมาจากเขา แม้จะเป็นอย่างที่คิดไว้ แต่ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดี
“ฉันนี่ยังอ่อนหัดจริงๆเลยนะ”
สุดท้ายซากุโนะก็หวังแค่ว่าฤดูใบไม้ผลินี้เธอจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้สักทีละนะ
“ระวัง!!!”
อยู่ๆก็มีมือมาคว้าเอวของเธอเอาไว้ มือนั่นทั้งใหญ่และแข็งแรง แรงของเขาทำให้ตัวซากุโนะเซไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาทันที
“!!!” ซากุโนะตกใจ รู้ตัวอีกที วิวที่เห็นตรงหน้าจากวิวสวนก็กลายเป็นแผงอกของใครบางคนที่สวมเสื้อกัคคุรันแทนแล้ว ตัวของเธอกำลังถูกโอบกอดเอาไว้
“เธอนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”
“…” สะ เสียงแบบนี้ เหมือนจัง เหมือนเขาคนนั้น คนที่เธอคิดถึงมาตลอด…
“ซุ่มซ่ามเกินไป”
“…” มะ ไม่จริงน่า เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง!
“ผมเธอก็ยาวเกินไป”
“ระ ระ เรียวมะคุง…” เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ เพราะกลัวว่าถ้าเงยขึ้นไปแล้วจะไม่ใช่คนที่เธอคิด เธอไม่อยากผิดหวังอีกแล้ว
“ไงริวซากิ”
เด็กชายคนนั้น ไม่สิ ตอนนี้เป็นเด็กหนุ่มแล้ว คนที่เธอคิดถึงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เจ้าของเส้นผมสีดำอมเขียว นัยน์ตาสีเฮเซล หน้าตาหล่อเหลาที่ติดเย็นชา และที่สำคัญ แววตาคู่นั้น แววตาที่เคยใช้มองเธอเมื่อ 2 ปีก่อน กลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว คนที่เธอไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกกลับมายืนอยู่ตรงหน้า ตัวของเขาสูงขึ้นมากจนตอนนี้ศีรษะของเธออยู่แค่ใต้คางของเขาเท่านั้น และสุดท้ายคือเสียงนุ้มทุ้มแบบเดิมของเขา เสียงที่เธอชอบที่สุดเวลาได้ยินใครเรียกชื่อของเธอ
“ฉันกลับมาหาเธอแล้วนะริวซากิ :)”
Talk :
ลูกสาวลูกชายได้พบกันสักทีค่า มี๊ล่ะภูมิใจในตัวหนูๆฮือออออออออ ตอนนี้ยาวมากเลยขอทำการตัดฉับๆ แบ่งเป็น (1) (2) แทนฮะ
ไรท์เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีใครที่เคยแอบชอบใช่ไหมคะ บางคนอาจจะเวลาแค่สั้นๆ แต่บางคนอาจจะยาวนานเป็นปี ไม่ว่ามันจะจบแบบไหนก็คือความทรงจำหนึ่งล่ะเนาะ ที่มีทั้งสุขและก็เศร้าปะปนกันไป
ตอนนี้ไรท์แต่งต่อจากตอนที่แล้วเลยค่ะ คิดได้ช่วง 5 ทุ่ม กว่าจะเสร็จก็ปาไปตี 3 จังหวะที่แต่งเสร็จแล้วขยับตัว กระดูกดังกร๊อบบบ แต่เพราะมันเป็นจังหวะที่ไรท์รู้สึกอินมากๆจนหยุดแต่งไม่ได้เลยฝืนแต่งต่อ อินเนอร์มันกำลังมาก็งี้55555 ตอนแต่งก็คิดนะคะว่า ทำไมฉันไม่มาแต่งพรุ่งนี้นะ แต่ก็คิดได้ว่า ถ้ามาพรุ่งนี้น่าจะต้องใช้เวลาบิ้วอารมณ์นานแน่ๆค่ะ เลยแต่งต่อจนจบไปอีก 1 ตอน!
หวังว่าจะสนุกกันนะคะ ไรท์ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ติดตาม กดหัวใจ และคอมเมนต์ให้กันตลอดมานะคะ รวมทั้งเหล่านักอ่านเงาด้วยน้า ไรท์ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ ช่วงนี้ก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ โควิดน่ากลัวขึ้นทุกวันเลย ;-;
เจอกันตอนหน้านะคะ จบแน่ จบจริงๆแล้ว! เอ็นจอยรีดดิ้งฮะ!
สุดท้ายพรุ่งนี้บังทันคัมแบคแล้วค่ะ ไรท์ตื่นเต้นมากกกก พี่จินคะ ซารังเฮโย!
ความคิดเห็น