คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 เทพแทฮยอนกับมารมินโฮ
กลิ่นเหม็นสาบของศัตรูที่รบกวนปลายจมูกของเทพเด็กอายุน้อยรบกวนเจ้าตัวจนแทบทนไม่ไหว แทฮยอนขยับตัวออกห่างจากวงสนทนา มือใหญ่ปัดเป่าอากาศไปมาเพื่อขับไล่กลิ่นสาบนั้น แต่ยิ่งพยายามให้กลิ่นนั้นจางหายไป กลับยิ่งรุนแรงจนเทพผู้น้องจนทนไม่ไหว
“แทฮยอน เป็นอะไรไปน่ะ ?”
ความสงสัยก่อตัวขึ้นเมื่อเทพผู้พี่เอ่ยปากถาม ทั้งๆ ที่กลิ่นของมารนั้นมีอนุภาคร้ายแรงจนเทพเทพีทุกองค์ในดินแดนจะต้องได้กลิ่นเพื่อป้องกันตัวเอง
แต่นี้ แทฮยอนกลับได้กลิ่นนั้นแค่เพียงคนเดียว ...
“ไม่มีอะไรหรอกท่านพี่” ตอบพี่ชายร่างเล็กก่อนระบายรอยยิ้มสวยให้บางๆ เพราะไม่อยากทำให้ผู้เป็นพี่รู้สึกไม่ดีหรือสงสัยอะไรไปมากกว่านี้ “ข้าขอไปทางโน้นหน่อยนะ”
ไม่รอคำตอบ แทฮยอนก็ออกวิ่งไปตามกลิ่นสาบที่รบกวนจมูกและจิตใจของเจ้าตัวไป มือกระชับจับคันธนูอาวุธคู่กายให้มั่นคงขึ้น สองเท้าวิ่งไม่หยุด ยิ่งเข้าใกล้กลิ่นนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจนแทบอย่างจะหาอะไรมาปิดจมูกให้รู้แล้วรู้รอด
มาถูกทางแล้ว
กลิ่นนั้นมาจากปากทางเข้าป่าแห่งสำนึกผิดชอบชั่วดี ...
สองเท้าใหญ่หยุดวิ่งทันทีที่พบกับบุคคลที่หันหน้าของตนเข้าป่า กลิ่นนั้นมาจากบุคคลปริศนาคนนี้ไม่มีผิดแน่ เด็กน้อยจึงรีบจัดการเงื้อธนูเตรียมสังหารบุคคลปริศนาตรงหน้าที่ไม่รู้ว่ามาดีหรือมาร้าย
“เจ้าเป็นใคร ?” เด็กน้อยที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวประทับตาอยู่ที่หน้าผากเค้นถามเสียงแข็ง มือใหญ่ของเทพเด็กตัวโตยังคงเงื้อกระชับธนูในมือ “ข้าถามว่าเจ้าเป็นใครเป็นมารใช่หรือไม่ บอกข้ามาตามตรงนะ !”
แทฮยอนตะคอกถาม
แต่บุคคลปริศนากลับไม่คิดจะให้คำตอบ ใบหน้าคมที่หันหลังอยู่นั้นยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
บางครั้ง ... เด็กน้อยนั้นก็ชอบถามอะไรที่มันโง่ๆ เกินกว่าที่เขาจะคาดเดาได้จริงๆ
“...”
บุคคลปริศนาค่อยๆ หันหลังมาสบดวงหน้าหวานของผู้เป็นเทพแต่ก็เหมือนเป็นเพียงเด็กน้อยอยู่ แทฮยอนเองก็เก่งกล้าสามารถพอที่จะสบใบหน้าคมนั้นเพื่อหวังเพียงคำตอบจากบุคคลที่ไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้านั้น มือใหญ่ยังคงไม่ลดธนูที่พร้อมจะสังหารบุคคลตรงหน้าลง กลับเล็งเป้าหมายไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของบุคคลผิวเข้มที่ตอนนี้แสดงใบหน้าเรียบเฉย
เอาล่ะมินโฮ ... ถึงเวลาที่จะต้องทำตามแผนของท่านพี่ซึงฮยอนสักที
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”
“มินโฮ” สีหน้า แววตา หรือน้ำเสียงที่ตอบออกไปไม่ได้ทำให้ผู้ที่รอคำตอบอยู่หวาดกลัวหรือมีท่าทางขยาด “ซงมินโฮ”
“ข้าไม่ได้ต้องการรู้เพียงแค่ชื่อของเจ้า บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นมารใช่หรือไม่ ?”
“มาร ?” มินโฮทวนคำก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ตอนนี้เจ้าได้กลิ่นมารหรือเปล่าล่ะ ?”
แทฮยอนทำจมูกฟุดฟิดสูดดมกลิ่นที่อยู่รอบข้าง ก่อนจะทำสีหน้าครุ่นคิด ...
ไม่มีกลิ่นสาบนั้นแล้วนี่นา ?
แต่ก็ยังไว้ใจบุคคลตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี
“ยังไงข้าก็ไม่เชื่อเจ้าหรอก”
ความคิดของเด็กน้อยกระเจิดเมื่อแทฮยอนเลือกที่จะเลื่อนเป้าหมายของธนูให้ส่วนปลายแหลมจากลูกธนูนั้นเล็งมาที่ท่อนแขนแกร่งของคู่สนทนาแล้วทำการปล่อยมือข้างขวาที่เงื้อธนูไว้จนสุดสายนั้นให้พุ่งออกไป ลูกธนูปลายแหลมคมวิ่งผ่านอากาศด้วยความรวดเร็ว รวดเร็วจนฝ่ายที่เป็นเป้าไม่ทันตั้งตัว ลูกธนูยาวก็ปักฉึกเข้าที่ท่อนแขนแกร่งกำยำนั้นทันที
ดวงตาของแทฮยอนเบิกกว้างเมื่อของเหลวที่รินไหลออกมาจากร่างของชายหนุ่มนั้น ...
เป็นสีทอง !
“เจ้าเป็นชนเผ่าพันธุ์เดียวกันกับข้านี่ !”
ด้วยความตกใจอย่างรุนแรง เด็กน้อยทิ้งคันธนูลงไปนอนกับพื้นก่อนถลาเข้าไปประคองร่างของชายหนุ่มผิวเข้มรูปร่างกำยำที่เวลานี้มีธนูปลายแหลมคมปักอยู่ที่ท่อนแขนข้างซ้าย เลือดสีทองยังคงไหลออกมาช้าๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
แต่บุคคลที่เพิ่งโดนทำร้ายกลับทำเพียงใบหน้านิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บปวด ไม่เหมือนกับแทฮยอนที่เอาแต่พร่ำบ่นขอโทษขอโพยไม่หยุดหย่อน
มินโฮยกมือข้างขวาขึ้นจับลูกธนูส่วนที่ยื่นออกมาจากกล้ามเนื้อของเขา
“เจ้าจะทำอะไรน่ะ ?”
“ข้าแค่จะดึงธนูออกเท่านั้นเอง ไม่เป็นอะไรหรอก”
“แต่ว่า ... ถ้าเจ้าทำแบบนั้น เจ้าจะเสียเลือดมากกว่าเดิมนะ อย่าดึงออกเลย ข้าขอร้อง”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”
มินโฮตอบก่อนยิ้มให้แทฮยอน ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าหวาน คิ้วตกลงด้วยความกังวล กลัวว่าบุคคลที่มีนามว่ามินโฮจะเป็นอะไรไปเพราะน้ำมือของตนเอง
ทันทีที่ลูกธนูหลุดออกจากเนื้อ มินโฮก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และของเหลวสีทองที่ไหลออกมามากกว่าเดิม แทฮยอนที่ทำอะไรไม่ถูกออกอาการลิงโลดราวกับถูกน้ำร้อนลวก เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดของบุคคลที่อยู่ข้างตัวรีบดึงสติของแทฮยอนให้รีบกลับมา
เด็กน้อยฉีกปลายเสื้อของตัวเองออกพันรอบท่อนแขนแกร่งนั้นพอห้ามเลือดได้
“ข้าขอโทษ”
“ไม่เป็นอะไรหรอก” มินโฮที่เริ่มเหงื่อแตกพลั่กเพราะต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดส่งยิ้มให้กับเทพผู้มีใบหน้าหวาน “จะว่าไปแล้ว วิถีการเล็งธนูของเจ้านี่ก็แม่นยำราวกับจับทิ่มแทงเลยนะ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย” แทฮยอนตอบกลับเป็นจังหวะที่พันผ้าเสร็จพอดี “ข้าพันไว้พอห้ามเลือดของเจ้าเท่านั้นนะ ไปกับข้า ข้าจะพาเจ้าไปรักษาตัว”
แทฮยอนกำลังเอี้ยวตัวหันหลังเพื่อวิ่งกลับไปเก็บธนูที่ตนเพิ่งทิ้งไป แต่ก็ต้องชะงักตกใจจนดวงตาเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่รั้งข้อมือขาวไว้พร้อมแรงดึงเบาๆ จนเจ้าตัวต้องเซถลาพาร่างทั้งร่างกระแทกกับร่างกำยำของของชายหนุ่มผิวเข้ม มือข้างขวาของมินโฮที่กุมข้อมือของแทฮยอนไว้หลวมๆ นั้นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยออกง่ายๆ แก้มเนียนนุ่มของเด็กน้อยแนบกับแผ่นอกกว้างของมินโฮจนหูได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของก้อนเนื้อหัวใจ ความอบอุ่นระคนตกใจฉายชัดเมื่อชายหนุ่มยกมือข้างซ้ายที่บาดเจ็บไม่มากนั้นลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างเบามือ มองข้ามความเจ็บปวดจากบาดแผลที่แทฮยอนเพิ่งสร้างมันไว้กับเขา
มินโฮแอบลอบสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ออกมาจากร่างของแทฮยอนอย่างถือวิสาสะ ในขณะที่เด็กน้อยที่ฝังตัวเองอยู่กับร่างหนาของมินโฮก็เอาแต่อึ้ง สติกระเจิดกระเจิงไปแล้วเนิ่นนาน
“เออ ... ข้าว่าข้าพาเจ้าไปหาบ๊อบบี้ก่อนดีกว่า ก่อนที่เลือดของเจ้าจะหมดตัวไปเสียก่อน”
เด็กน้อยผลักอกของมารที่เวลานี้ปลอมตัวเป็นเทพได้อย่างแนบเนียน วิ่งลุ่นๆ ไปหยิบคันธนูที่พื้นมาถือว่าในกำมือ
“บ๊อบบี้ ?”
“ก็เทพศาสตร์การแพทย์ตัวยุ่งยังไงล่ะ” แทฮยอนยืดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้ววิ่งกลับมาประคองแขนข้างขวาที่ยังใช้การได้อยู่ของมินโฮ “ค่อยๆ เดินนะ เดินเร็วๆ เลือดเจ้าจะยิ่งออกมากขึ้น”
“อืม ...” มินโฮขานรับ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าสั้นๆ ตามที่เด็กน้อยพยุงเขาให้เดินไป “ว่าแต่ เจ้าชื่ออะไรหรือ ?”
“แทฮยอน” เด็กน้อยเริ่มส่งยิ้มบางๆ ให้บุคคลข้างตัวเมื่อหมดสิ้นความสงสัยในตัวของมินโฮเพราะเข้าใจว่ามินโฮเป็นเทพเหมือนกันกับเขา “นัมแทฮยอน”
พอได้ยินชื่อของเด็กน้อยจิตใจเมตตาข้างตัว มินโฮก็แสยะยิ้มอย่างมีชัย
ข้าเจอเจ้าแล้วแหละ เด็กน้อย ...
กระโจมผ้าใบทรงกรวยคว่ำหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ท้ายแผ่นดินฝั่งตะวันออกของดินแดนเทพแลดูน่าอยู่เพราะรายล้อมไปด้วยหมู่แมกไม้เขียวสดชื่นและสบายตา หน้ากระโจมมีร่างล่ำๆ ของเด็กน้อยตาสระอิกำลังนั่งปรุงยาด้วยหม้อใบใหญ่บนกองฟืนก่อไฟที่เด็กน้อยผู้นี้ทำจนเป็นกิจวัตร มือข้างหนึ่งถือไม้พายอันเล็กคอยคนยาในหม้ออย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งก็โอบอุ้มตุ๊กตาหมีท้องกลมที่สวมเพียงเสื้อตัวเล็กสีแดงสดไว้ไม่ห่างตัวเพราะเป็นของรักของห่วง
“บ๊อบบี้ !”
เสียงตะโกนเรียกตนมาแต่ไกลทำให้เด็กน้อยร่างล่ำเด้งตัวขึ้นจากการนั่งปรุงยาที่แสนเบื่อหน่ายนั้นเพื่อเพ่งมองร่างของบุคคลที่ตะโกนเรียกตน
แม้การได้ยินเสียงที่ว่าดีแล้ว แต่การได้เห็นใบหน้าหวานๆ นั้นด้วยย่อมดีกว่า
“แทฮยอน” ดีใจจนเกินที่เด็กน้อยร่างหนาฟันกระต่ายตาปิดนั้นจะควบคุมร่างกายตัวเองได้ รีบโยนไม้พายสำหรับปรุงยานั้นไปข้างหลัง และบรรจงวางตุ๊กตาตัวโปรดลงกับท่อนไม้ที่ตนตัดจนเป็นเก้าอี้ตัวเตี้ยๆ แล้ววิ่งลุ่นๆ ไปหาผู้มาเยือนทันที แต่แทนที่เด็กน้อยฟันกระต่ายจะสนใจใครบางคนที่บาดเจ็บมา กลับสนใจเด็กน้อยใบหน้าที่ประคองร่างคนเจ็บมากกว่า “แทฮยอน เมื่อวานไปไหนมา ? ไปหาที่ปราสาทก็ไม่เจอเลย”
“อย่าเพิ่งถามอะไรอย่างอื่นเลย บ๊อบบี้ ... รีบทำแผลให้ชายผู้นี้ก่อนเถอะเลือดจะหมดตัวอยู่แล้ว”
แทฮยอนว่าพร้อมๆ กับโยนร่างหมีของมินโฮที่เวลานี้ดูเหนื่อยและใบหน้าซีดเพราะเสียเลือดมาก เพราะกว่าจะมาถึงสุดดินแดนฝั่งตะวันออกก็หลายกิโลเมตรอยู่ แม้รูปร่างของมินโฮกับบ๊อบบี้จะใกล้เคียงกัน แต่เรื่องความสูง บ๊อบบี้คงไม่ขอสู้ บ๊อบบี้แทบเซหงายหลังไปเลยทีเดียว
“เหวอ ... อย่าโยนเจ้าร่างหมีแบบนี้มาสุ่มๆ สิ ข้าตั้งรับไม่ทันนะแทฮยอน”
บ๊อบบี้แขวะคนหน้าหวานก่อนพยุงร่างหนาของมินโฮให้นั่งลงหน้าเตาปรุงยาก่อนหายตัวเข้าไปในกระโจมใหญ่ ร่างล่ำของบ๊อบบี้เดินกลับออกมาพร้อมหีบยาใบใหญ่ที่เจ้าตัวเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดี
เพราะยาคือของหายากในดินแดนนี้
มือหนาของเทพผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของศาสตร์การแพทย์เปิดหีบออก ควานหายาใส่แผลที่พอจะบรรเทาแผลของชายร่างหนาที่นั่งอยู่ตรงหน้าตน บ๊อบบี้ค่อยๆ บรรจงแกะผ้าที่แปดเปื้อนด้วยของเหลวสีทองนั้นออกอย่างเบามือ แล้วป้ายยาที่แผลบนท่อนแขนแกร่งของมินโฮอย่างภาคภูมิเพราะยาชั้นดีพวกนี้ปรุงด้วยหมอบ๊อบบี้เชียวนะ
แม้เหล่าเทพจะมีอำนาจในการสมานแผลหรือโรคภัยของตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถรักษาตัวเองให้หายได้ ‘หมอ’ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่ต่างกัน
จำเป็นพอๆ กับศาตราอาวุธ
“บ๊อบบี้ ยังไงข้าก็ฝากชายผู้นี้ให้อยู่ในการดูแลของเจ้าด้วยแล้วกันนะ ข้าไม่สามารถนำชายผู้นี้ไปที่ปราสาทของข้าได้ ช่วงนี้ปราสาทของข้าก็มีอัศวินที่ข้ากับท่านพี่ดูแลก็เกินพอแล้ว”
“เจ้าพูดเหมือนกับเจ้าจะกลับแล้วอย่างนั้นแหละ” บ๊อบบี้เบะหน้างอใส่ “อยู่คุยกับข้าก่อนไม่ได้เลยหรือ ? เจ้ารู้ไหมว่าข้าคิดถึงเจ้ามากเลยนะ”
“ข้าทิ้งท่านพี่กับอัศวินมานานแล้ว ข้าคงต้องขอตัว” แทฮยอนกระชับคันธนูในมือมั่น กำลังจะออกเท้าวิ่ง แต่ก็คิดอะไรได้จึงหันกลับมา เหลียวสายตาไปที่มินโฮอย่างนึกเป็นห่วง “มินโฮ เจ้าอยู่กับบ๊อบบี้ไปก่อนนะ ข้าขอโทษที่ไม่สามารถพาเจ้ากลับไปที่ปราสาทของข้าได้ แล้วข้าจะมาหาท่านใหม่”
แทฮยอนออกเท้าวิ่ง มินโฮทำได้แค่พยักหน้ารับแล้วมองตามร่างสูงของเด็กน้อยหายลับไปกับตา แม้วันนี้เขาจะไม่ทันได้ทำตามแผนหลุมพรางอะไรนั้นของท่านพี่ซึงฮยอน แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกตามแผนที่ตนสร้างมันขึ้นมาซ้อนทับแผนของผู้เป็นพี่ เพราะหวังจะให้แผนการทำลายแทฮยอนนั้นสำเร็จเร็วๆ เสียที
“ย่าห์ ! นัมแทฮยอน ทำไมเจ้าถึงกล้าฝากบุคคลแปลกหน้านี่ไว้กับข้าได้ล่ะ ไม่ห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของข้าเลยหรือ ?”
แต่บางที ... เหล่าเทพนี่ก็บันเทิงกันเกินไปนะ
มินโฮส่ายหัวพร้อมนึกขำในท่าทางลิงโลดของบ๊อบบี้ เทพผู้เป็นถึงแพทย์ของเหล่าเทพเทพีทั้งดินแดน
ไม่แปลกที่เหล่าเทพจะมีความสุขตลอดเวลา ไม่เหมือนกับเหล่ามารที่คอยแต่จะช่วงชิงเอาในสิ่งที่เกินตัวจนหาความสุขให้ตัวเองไม่ได้
เหมือนที่มินโฮเป็นอยู่ในตอนนี้ ...
XXXXX
เขาเจอกันแล้ว มินโฮกับแทฮยอนเขาเจอกันแล้ว ...
ทำไมเขาเจอกันแล้วเขาต้องหวั่นไหวใส่กันด้วย เจ๊ตีบไม่เข้าใจ 555555555
เอาใจนัมซงชิปเปอร์นิดนึงนะคะ ยูนอูชิปเปอร์อย่าเพิ่งน้อยใจค่ะ
เดี๋ยวเจ๊จะมาจัดยูนอูให้หวานมดกัดเรียงคนเลย
ตอนนี้มีบ๊อบบี้ด้วย แต่บทบ๊อบบี้ทำไมขัดกับตัวจริงจัง ?
เจ๊ตีบก็คิดได้เนาะ ให้บ๊อบบี้เป็นหมอเนี้ย 555555555
เจ๊ตีบยังยืนยันคำเดิมนะคะว่าตัวละครจะทยอยออกมา และตัวละครที่ยังไม่มาจะมาเร็วๆ นี้ค่ะ
แม้จะออกมากันคนละไม่นาน แต่ทุกตัวละครมีบทบาทและมีความนัยแฝงอยู่ทุกตัวค่ะ
ขอบคุณและรักรีดเดอร์มากๆ น๊า
ขอบคุณและรักรีดเดอร์เพราะรีดเดอร์อยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเจ๊ตีบตลอดเลย
แค่นี้เจ๊ตีบก็มีแรงเดินหน้าฟิคเรื่องนี้แล้ว ^^
#ฟิคอัศวินเที่ยงคืน
ความคิดเห็น