คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4
ที่ฉันเป็นบ้าเป็นบอเพราะว่าเธอคือต้นเหตุของมัน !
แสงอาทิตย์ที่เล็ดลอดผ่านม่านหน้าต่างเนื้อบางกระทบกับเปลือกตาของคนหน้าหวานที่ยังคงนอนหลับฝันดีอยู่บนที่นอนหนานุ่ม แสงแดดที่แยงเข้าดวงตาทำเอาคนที่กำลังอยู่ในห้วงของความฝันต้องค่อยๆ ลืมตางัวเงียต่อสู้กับความน่ารำคาญของเจ้าสุริยันที่ชอบก่อกวนเวลาพักผ่อนอันน่าภิรมย์ มือเล็กยกขยี้ตาใสก่อนเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มือถือเครื่องบางราคาแพงลิ่วมากดปุ่มโฮมเพื่อดูเวลา
“เพิ่งจะเก้าโมงเช้าเอง วันนี้ไม่มีตารางงานด้วย”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ล้มกลิ้งนอนลงบนที่นอนหนานุ่มอีกครั้ง เปลือกตาปิดลงพร้อมที่จะวิ่งโลดเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่เสียงเคาะประตูและเสียงตะโกนเรียกของน้องชายแสนรักก็ดังประสานขึ้นปลุกให้ร่างบางของคนเป็นพี่ต้องลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิหงุดหงิดอีกครั้ง
“พี่จินอู วันนี้เค้ามีเรียนตอนสิบโมงเช้า เค้าเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พี่แล้วนะ อย่านอนเพลินจนลืมมื้อเช้านะพี่จินอู”
“อ่า ... โอเคๆ เดี๋ยวพี่ออกไปกิน จินฮวานไปเรียนเถอะ”
“งั้นเค้าไปนะ ดูแลตัวเองให้ดีล่ะพี่จินอู เค้ารักและเป็นห่วงพี่นะ”
น้ำเสียงแสดงความห่วงใยที่ดังเล็ดลอดเข้ามาภายในตัวห้องลบล้างอาการหงุดหงิดของจินอูได้เป็นอย่างดี นี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จินอูรักจินฮวานมากเหลือเกิน เหลือกันแค่สองคนพี่น้อง ไม่ให้รักจินฮวานมากๆ แล้วจะให้ไปรักใครที่ไหน ?
และบางครั้ง จินอูก็อดคิดไม่ได้ว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง ?
เสียงฝีเท้าเบาๆ ค่อยๆ จางหายไปจนหูไม่รับรู้เสียงอะไรอีกแล้ว ร่างเล็กจึงเลือกที่จะขยับตัวเคลื่อนนั่งทิ้งเท้าทั้งสองข้างลงกับพื้น แต่ไอความเย็นของพื้นทำให้ร่างสั่นสะท้าน จินอูจึงเลือกที่จะโน้นตัวลงก้มมองหาบางสิ่งที่สามารถทำให้เท้าอุ่นพลางเหลือบไปเห็นสลิปเปอร์สีขาว มือบางจึงเลือกที่จะเอื้อมมันมาวางบนพื้นตรงหน้า ยืดตัวขึ้นจนหลังตรงแล้วสอดเท้าเข้าไปหาไออุ่นในสลิปเปอร์คู่นั้น พร้อมลุกขึ้นยืน สาวเท้าให้ร่างเล็กก้าวเดินเนือยๆ เปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก กลิ่นอาหารเช้าแบบฝรั่งเตะที่ปลายจมูกทันที ชักชวนให้เจ้ากวางน้อยเลือกเดินลิ่วเข้าไปในครัวเล็กแทนที่จะเป็นห้องน้ำ
รอยยิ้มผุดขึ้นเมื่อเห็นอาหารเช้าฝีมือของน้องชายตัวเอง ไข่ดาวไม่ค่อยสุกแบบที่เจ้าตัวชื่นชอบ เบคอนที่อบย่างจนกรอบสลัดไขมันทิ้งจนเกือบเกลี้ยง ไส้กรอกสีสวยสองอันที่วางอยู่ข้างจาน อีกทั้งชามสลัดใบเล็กที่วางเคียงคู่กับขวดน้ำสลัดใสไม่ใกล้ไม่ไกล และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือน้ำแอปเปิ้ลในแก้วใบใส มีน้ำแข็งก้อนเล็กลอยอยู่ด้านบนเพื่อรักษาอุณหภูมิให้เย็นตลอดเวลาจนตอนนี้ก็ละลายตัวเริ่มหมดความหมายแล้ว
“ขอบใจมากนะ จินฮวานน้องรัก”
สองขายาวเดินเอื้อยไปตามพื้นที่ถูกปูลาดด้วยปูซีเมนต์ของย่านการค้าอินชาดอง สองมือของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ชตัวเข้มตัวโคร่ง ท่าเดินเอื้อยๆ แสดงถึงความสบายอกสบายใจอย่างที่สุด อาจเป็นเพราะช่วงเวลาบ่ายโมงกว่าๆ แบบนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เขาต้องรีบร้อนไปที่ไนต์คลับเหมือนเช่นเวลาดึกดื่นห้าทุ่มเที่ยงคืนเพื่อเข้าไปตรวจเช็คความเรียบร้อยของร้าน ฉะนั้นช่วงเวลาบ่ายๆ แบบนี้จึงเป็นเวลาที่ซึงยูนสามารถฉกฉวยเอาความสุขความสบายอุราได้มากที่สุดแล้ว
โดยปกติแล้วซึงยูนมักจะมีความสุขกับการเดินเข้าออกร้านเสื้อผ้า เครื่องประดับ หมวก รองเท้า หรือเครื่องดนตรีเสียส่วนใหญ่ แต่วันนี้ขายาวกลับพาร่างสูงโปร่งให้เดินเข้าร้านขายหนังสือและเจาะจงกวาดสายตามองตามแผงนิตยสารมากกว่าที่จะเป็นหนังสือสายบริหารจัดการร้านหรือหนังสือโน้ตเพลง
แปลกใจตัวเองจนต้องเค้นหัวเราะออกมาเบาๆ
ยอมทั้งตามความต้องการของหัวใจและสมองสั่งการ กวาดสายตามองนิตยสารหลายเล่มที่ระลานตาบนแผงตั้งแต่บนลงล่าง ล่างขึ้นบน ซ้ายขวาหน้าหลังเผื่อจะเห็นใครบางคนเด่นร่าอยู่บนหน้าปก แต่ยิ่งมองก็ยิ่งท้อเพราะนอกจากจะไม่เห็นรูปของนายแบบตัวเล็กนั้นแล้ว กลับยิ่งต้องปวดเมื่อยสายตาจากการเพ่งมองจ้องสีของนิตยสารบนชั้นที่แตกต่างกันแล้วแต่สำนักพิมพ์
แต่แล้วสายตาตัวดีก็กวาดไปเจอนิตยสารเล่มหนึ่งเหน็บอยู่ริมๆ แผงและไวเท่าความคิด ซึงยูนคว้ามือไปจับประคองสิ่งที่เห็นนั้นออกมาประคองไว้ในมือ หลุบตาเรียวมองคนบนหน้าปกก่อนขมวดคิ้วเข้าหากันจนหน้าผากยู่ย่น พลางพินิจพิจารณาคนบนหน้าปกที่คุ้นตาแต่ไม่คุ้นเคย
หนึ่งคนเป็นนายแบบในชุดพ่อบ้าน นั้นไม่ใช่จุดสนใจของหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังย่นใบหน้าขาวยับเห็นริ้วรอย แต่กลับเป็นนางแบบหน้าใสในชุดเมดสีเดียวกันกับนายแบบ ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของหนุ่มร่างสูงแทบจะทำเอาเจ้าตัวยกนิตยาสารเล่มบางนั้นขึ้นมามองจนติดตา ดวงหน้าหวานที่ยิ้มโชว์ฟันขาวสวย ดวงหน้าหวานที่ยิ้มโชว์ฟันขาวสวย ดวงตากลมโตที่แสดงถึงความสดใสรวมถึงแขนเล็กที่โอบรอบต้นคอของนายแบบแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้คนๆ นั้นโอบรอบเอวของตัวเองอย่างไม่หวงตัวแทบทำซึงยูนคลั่ง แม้จะเป็นแค่งาน แต่ซึงยูนก็ไม่ขอสนใจ เลือดในกายร้อนพล่านถึงจุดเดือด หิ้วนิตยสารบางที่ห่อหุ้มถุงพลาสติกใสอย่างดีลิ่วไปที่แคชเชียร์ วางกระแทกสิ่งที่อยู่ในมือลงก่อนล้วงมือเข้ากระเป๋าเสื้อโค้ชหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมจ่ายเงิน
แต่พนักงานสาวที่ทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์กลับทำซึงยูนโมโหฟึดฟัดมากขึ้นอีก
“คุณจินอูเวลาแต่งหญิงน่ารักมากๆ เลยนะคะ ยิ่งได้ถ่ายขึ้นปกนิตยสารคู่กับคุณฮงซอกด้วยก็ยิ่งน่ารัก คู่นี้ค่อนข้างเหมาะสมกันมากๆ เลยนะคะ คุณก็คงคิดเหมือนกันสินะคะ เป็นแฟนคลับของทั้งคู่ด้วยหรือเปล่า ?”
“เปล่าครับ”
“อ๋อ ... ขอโทษนะคะที่ถามอะไรแปลกๆ ออกไป”
สาวเจ้าโค้งหัวให้ซึงยูนอย่างสำนึกผิด รีบนำนิตยสารใส่ถุงพลาสติกสีขาวยื่นให้ชายหนุ่มแล้วรับเงินตามจำนวนของราคาที่ติดไว้บนปกมาเก็บไว้ ชายหนุ่มร่างโปร่งที่รับถุงสินค้ามาได้ก็วิ่งตัวปลิวออกจากร้านหนังสือทันที
หงุดหงิด ...
ธรรมดาก็หงุดหงิดเรื่องที่จินอูถ่ายขึ้นปกนิตยสารร่วมกับฮงซอกอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอพนักงานสาวที่จุดแคชเชียร์จับจิ้นว่าฮงซอกกับจินอูเหมาะสมกันก็ยิ่งหงุดหงิดในหัวใจขึ้นไปอีก หงุดหงิดจนมือที่ถือถุงสีขาวนั้นกำแน่นขึ้นจนถุงยับยู่ยี่ อารมณ์เดือดพล่านถึงขีดสุดฉุดให้ร่างของชายหนุ่มสูงโปร่งต้องวิ่งโลดราวกับวัวกระทิงที่ถูกล่อด้วยผ้าสีแดง สายตาแข็งกร้าวฉายแววชัดเจนจนผู้คนที่เดินสวนทางกันไปมารู้สึกหวาดหลัวไปด้วย ฟันสวยในปากขบกันแน่นเจ็บปวดไปจนถึงสันกราม เดินกระแทกไหล่คนอื่นจนบุคคลที่โดนกระทำต้องเหลียวหลังมาเหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงจ้ำอ้าวอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
แม้แต่เจ้าตัวคนร่างสูงโปร่งเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกโมโหขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเจ้ากวางน้อยแห่งวงการนายแบบอะไรนั้น แต่ความรู้สึกราวกับว่าขวางหูขวางตาเมื่อเจอจินอูถ่ายขึ้นปกนิตยสารกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ต้องบังเกิดขึ้นปั่นป่วนความรู้สึกของซึงยูนเสมอ
ถ้าให้จินอูถ่ายเดี่ยว เขาจะไม่ทำตัวเป็นหมาบ้าขนาดนี้หรอก !
เสียงโทรศัพท์มือถือของจินอูดังขึ้นเรียกความสนใจของคนตัวเล็กเจ้าของมัน เจ้ากวางน้อยหยุดมือที่กำลังล้างจานชามหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ แสงสีจากป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บนตึกสูงสาดกระทบเข้าหน้าต่างห้องพักหรูก่อนถูกกรองด้วยม่านสีนวลอีกชั้นหนึ่ง จินอูถอดถุงมือยางสีชมพูออกอย่างรีบร้อน ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงไม่นำภาชนะที่ใช้แล้วต่างๆ นาๆ เข้าเครื่องล้างจานเสียให้สิ้นเรื่องคงมีเหตุผลเดียวคือ ...
จานชามแค่สองสามใบ จะเอาเข้าเครื่องล้างจานทำไมให้เปลืองไฟ ?
เสียงโทรศัพท์มือถือยังคงดังต่อเนื่องเรียกร้องให้เจ้าของเครื่องมารับสายเร็วๆ จินอูซอยเท้าวิ่งร่ามาหยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นพกพาเอาไว้ นัยน์ตาสวยมองชื่อของบุคคลที่โทรเข้ามาแล้วยิ้มกว้าง มีเพียงไม่กี่คนหรอกนะที่ทำให้จินอูยิ้มได้แบบสดใสที่สุดในโลกได้ถึงขนาดนี้
“พี่ซึงรี ...”
[จินอู ไปกินเหล้ากัน]
รอยยิ้มที่เคยสดใสพลันมลายหายไปกับน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยดีของพี่ผู้จัดการส่วนตัวคนสนิท ทำไมน้ำเสียงที่เคยสดใสนั้นของพี่ชายเวลานี้ถึงได้อ่อนแอเหลือเกิน
“พี่ซึงรี เป็นอะไรไปน่ะ ?”
“อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลยจินอู ฮึก ... เตรียมตัวเอาไว้นะ อีกครึ่งชั่วโมงจะรับที่ห้องพัก”
แล้วปลายสายก็ตัดไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัยของจินอูเท่านั้น
ตั้งแต่รู้จักและร่วมงานกันมา ซึงรีทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวของจินอูได้ดีเสมอมาและไม่ขาดตกบกพร่อง ดีจนจินอูนับถือเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ซึงรีไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวอะไรมาระบายให้จินอูฟังเลย มีแต่จินอูเท่านั้นแหละมั้งที่ชอบจะเอาปัญหาของตัวเองมาระบายให้ซึงรีรับฟัง โดยเฉพาะเรื่องของฮันบินที่มักจะถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อสนทนานอกจากเรื่องงาน แต่วันนี้ วันที่จินอูได้ยินน้ำเสียงที่แสนหดหู่ของพี่ชายตัวเองแล้วรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย อยากจะรู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้คนที่น่ารักและแสนดีของตัวเองต้องเศร้าขนาดนี้ ?
มือบางวางโทรศัพท์มือถือลงที่เดิม ถอนหายใจออกมาสั้นๆ อย่างปลงตกแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปครัว ตรงไปที่อ่างล้างจานเพื่อจัดการกับจานชามที่แม้จะมีแค่ไม่กี่ใบแต่ก็ยังคงนอนแอ้งแม้งรอให้ใครมาจัดการล้างมันต่อ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา จินอูก็ได้เนรมิตตัวเองให้อยู่ในชุดเสื้อคอเต่าสีครีมนวลทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตัวใหม่แกะกล่อง กางเกงยีนส์ขายาวสีเข้มแต่ขาดเป็นริ้วๆ แบบที่เจ้าตัวชอบใส่ประจำสบายๆ และที่ลืมไม่ได้เลยคือแว่นตากันแดดสีดำสนิทราคาค่อนข้างแพงนั้น
เสียงกริ่งประตูดังขึ้นดึงความสนใจของคนตัวเล็กที่กำลังหมุนตัวเองไปๆ มาๆ อยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่เพื่อเช็คความเรียบร้อยก่อนวิ่งตัวปลิวเพื่อไปเปิดประตูให้กับคนที่มาเยือน ทันทีที่ประตูไม้ลงสลักสวยงามเปิดออกร่างของคนที่โทรมาหาเขาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วก็ปรากฏแก่สายตา โดยที่ข้างๆ ตัวของพี่ชายก็มีร่างเล็กที่สะพายกระเป๋าเรียน ในมือของคนทั้งสองคนถือปึกเอกสารและหนังสือกองใหญ่หนาอยู่ในอ้อมแขน
“อ้าว ... จินฮวานกลับมาแล้วหรอ ? แล้วทำไมถึงมาพร้อมกันได้ล่ะ ?”
“เปล่าหรอกพี่จินอู พอดีฉันกับพี่ซึงรีเจอกันที่หน้าคอนโดอ่ะ พี่ซึงรีเลยอาสาช่วยฉันหอบหิ้วโปรเจคพวกนี้ขึ้นมาบนห้องนี่แหละ” จินฮวานตอบคำถามเสียงใสแต่แฝงไปด้วยความกังวล เพราะในน้ำเสียงร่าเริงนั้นมีความกังวลซ่อนอยู่ เป็นห่วงคนที่อาสาถือเอกสารกองโตช่วยเขาขึ้นมา วันนี้ซึงรี ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ชายตนไม่ได้ร่าเริงเหมือนที่ผ่านมาเลย แต่จินฮวานก็พยายามสลัดความสงสัยทิ้งไปแล้วเดินเข้าไปในห้อง วางปึกเอกสารในอ้อมแขนของตนลงบนโต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์แล้วหันกลับมารับเอกสารที่ซึงรีอาสาช่วยถือมาไว้เอง “ขอบคุณมากนะครับพี่ซึงรี”
“พี่ ... ยินดี” ซึงรีพยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มให้คิมคนน้อง พลางคว้าข้อมือของคิมคนพี่ให้ก้าวออกมาจากห้องพักหรู “ไปกันเถอะจินอู”
“อ่ะ ... จะไปไหนกันหรอครับ ? แล้วจะกลับกี่โมงกัน ?”
“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันจินฮวาน ยังไงก็ล็อกห้องให้ดีนะ”
จินอูหันมาตะโกนตอบน้องชายที่โผล่หน้าพ้นประตูออกมามองร่างของคนเป็นพี่ทั้งสองตาใส เวลานี้ใครหน้าไหนก็หยุดแรงฉุดลากของซึงรีไม่ได้ จนจินอูชักจะกลัวพี่ผู้จัดการคนเก่งของตัวเองขึ้นมาตงิดๆ ซะแล้วสิ ไม่เคยเห็นด้านมืดและน่ากลัวของซึงรีแบบนี้มาก่อนเลย
ซึงรีฉุดลากจินอูมาจนถึงชั้นล่างของคอนโดที่เป็นพื้นที่ของลานจอดรถกลางแจ้ง มืออีกข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงผ้าสีดำสนิทหยิบเอากุญแจรถพวงเล็กออกมากดรีโมทเพื่อให้ระบบล็อกเปิดออกก่อนเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ยัดร่างเล็กของจินอูให้เข้าไปนั่งที่เบาะนุ่มพลางปิดประตูเบาๆ ไม่พูดไม่จาอะไรจนจินอูชักจะสงสัยในความเศร้าที่ส่งผลกับพี่ชายขอบตาคล้ำให้เปลี่ยนนิสัยราวกับหน้ามือเป็นหลังมือในใจภาวนาว่าขอให้พี่ชายที่แสนดีของตนนั้นกลับมาร่าเริงเร็วๆ
จินอูไม่ชินจริงๆ กับด้านมืดของซึงรี
“พี่ซึงรี ไหวหรือเปล่า ? ให้จินอูขับให้ไหม ?”
ความเป็นห่วงเป็นใยก่อตัวขึ้นในหัวใจของคนที่เด็กกว่าทันที โพล่งถามออกไปเสียงใสเมื่อคนที่เป็นฝ่ายชักชวนให้ออกไปข้างนอกเข้ามานั่งที่เบาะฝั่งคนขับแล้ว จินอูลอบเห็นดวงตาของซึงรีที่แดงก่ำและเรื่อด้วยน้ำตาใสที่เอ่อชื้นบริเวณขอบตา จนจินอูชักอยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เหลือเกิน
เข้าใจแล้วว่าการปลอบโยนคนที่กำลังเศร้ามันเป็นอย่างไร ? พี่ซึงรีคงจะรู้สึกแบบนี้สินะเวลาที่เขาหอบหิ้วเอาความทุกข์ใจมาระบายให้ฟังบ่อยๆ ...
“ไม่เป็นไร พี่ขับได้”
ซึงรีสตาร์ทรถคันหรูก่อนใส่เกียร์และเหยียบคันเร่งเพื่อบังคับให้รถมุ่งตรงไปข้างหน้า แม้เชื่องช้าแต่จินอูกลับนั่งเกร็งแทบไม่กระดิก มือเล็กทั้งสองข้างกำแน่นเข้าที่สายเข็มขัดนิรภัยพาดตัวอย่างหวาดหวั่น
“พี่ซึงรี ...” ดวงหน้าเหลียวมองผู้จัดการส่วนตัวช้าๆ แต่คนข้างๆกลับไม่ขานรับเอาแต่ฝืนกลืนน้ำตาและจับจ้องมองถนนยามหัวค่ำที่เต็มไปด้วยรถราเปิดไฟหน้ารถชวนให้แสบตา “พี่ซึงรีเป็นอะไรไป ? ทำไมดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย”
“ถึงที่ก่อนแล้วพี่จะเล่าให้ฟังทุกอย่างเอง”
ประโยคคำตอบของซึงรีเรียกได้ว่าแทบจะสกัดขวางความสงสัยของจินอูแทบจะทันที พอเจอคำพูดขัดความอยากรู้อยากเห็นนั้นเข้าไปเต็มสองรูหู คนช่างสงสัยก็จุกขึ้นมาอย่างห้าม สู้นั่งรูดซิปปากอยู่เงียบๆ ตลอดทางไม่ดีกว่าหรอ ?
แสงสีระรานตาเริ่มสาดเข้ามาในตัวรถหรู จินอูละสายตาที่เพ่งมองพี่ชายนามซึงรีมาตลอดทางกลับมามองตรงไปข้างหน้า กวาดมองย่านสถานบันเทิงที่คุ้นตาแล้วหวั่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ภาวนาขออย่าให้ผู้จัดการคนสนิทที่นั่งหมุนพวงมาลัยนำรถเข้าไปจอดในพื้นที่ของไนต์คลับที่เจ้าตัวเพิ่งจะมีเรื่องกับเจ้าของไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว
แต่ความคิดของจินอูต้องต้องแตกซ่านพลางดับวูบเข้าสู่ห้วงของความมืดมิด เพราะซึงรีนั้นได้เลี้ยวรถเข้าจอดในพื้นที่ที่เจ้าตัวไม่อยากเข้าไปเหยียบแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“พี่ซึงรี ทำไมถึงเป็นที่นี่ล่ะ ?”
“ก็เพราะ WN Night Club เป็นของเพื่อนพี่ยังไงล่ะ ...”
XXXXX
ตอนนี้ไม่มีอะไรอีกแล้ว 5555555555
ความสัมพันธ์ของตัวละครเริ่มมีออกมาให้เห็นชัดขึ้นมาแล้วเนาะ ^^
ซึงยูนหวงจินอูแม้จะเพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว
ส่วนจินอูก็เหมือนจะเกลียดซึงยูนซะแล้วสิ
แล้วเพราะอะไรกันที่ทำให้ซึงรีคนเก่งของเราต้องเศร้าเสียใจจนต้องวิ่งแจ้นเข้าไนต์คลับ
ตอนหน้ามาเฉลยแน่นอนค่ะ ^^
ขอบคุณที่เดินทางกับเจ๊ตีบและฟิคที่ไม่มีพล็อตเรื่องนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่า !!
#ฟิคจินแอนด์โทนิก
ปล. สุขสันต์วันปีใหม่ไทยนะคะรีดเดอร์ที่น่ารักของเจ๊ตีบ
ใครที่ออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ก็ขอให้เล่นอย่างสนุกสนานและปลอดภัยน๊า ><
ส่วนใครที่ไม่ได้ออกไปไหน ก็พักผ่อนกันให้เต็มที่เนาะ วันหยุดทั้งที ^^ และเปิดฟิคเรื่องนี้มาอ่านเนาะ
55555555
@SQWEEZ
ความคิดเห็น