คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 หลุมพรางของมาร
“โอ้ย ! เบื่อๆ ข้าล่ะเบื่อจริงๆ เลย หลายวันมานี่ไม่มีอะไรให้ข้ารื่นรมย์หัวใจได้เลย เซนทอร์งี่เง่าพวกนั้นก็บอกข้าว่าได้กลิ่นมนุษย์แต่ก็ไม่สามารถจับมันมาให้หักแขนหักขาเล่นได้เลย เบื่อ !”
ร่างเล็กของมารหน้าสวยบ่นกระปอดกระแปดกระแทกเท้าเดินเข้ามาในโถงใหญ่ของปราสาทมืด ปากบางพร่ำบ่นไม่หยุดแม้จะทิ้งตัวลงบนโซฟาบุกำมะหยี่สีแดงสดที่มีร่างหนาของผู้เป็นพญามารนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่อย่างเงียบๆ
แต่เพราะเสียงบ่นแหลมๆ ของคนอายุน้อยกว่าเรียกความสนใจของซึงฮยอนให้ต้องทิ้งหนังสือเล่มหนาลงข้างตัวก่อนยกมือขึ้นโอบไหล่มนของมารตัวเล็กเสียงแหลมสูงที่บัดนี้นั่งหน้าหงิกหน้างอ กอดอก ไขว่ห้างแสดงอการเบื่อหน่ายอย่างเต็มที่
“ควอนจียง เหตุใดเจ้าถึงได้เบื่อได้ถึงเพียงนี้ ?” สายตาคมเหลียวมองหน้าของคนตัวเล็ก “เดิมทีเจ้าก็อยู่กับเครื่องประทินผิวกาย เครื่องหอม และเสื้อผ้าหน้าแพรของเจ้าดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ?”
“แต่ข้าก็ยังเบื่ออยู่นี่หนา ท่านพี่ชเวซึงฮยอน” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลตวัดขึ้นมองสบกับเจ้าของดวงตาสีนิลของพญามาร ดวงหน้าหวานเบะเบะเมื่อคิดถึงข้าวของที่คนรักหามาให้แก้เบื่อ แต่กลับยิ่งทำให้เจ้าตัวเบื่อมากขึ้นกว่าเดิมอีก “ข้าอยากไปแกล้งเหล่าเทพบ้างนี่นา ...”
“ควอนจียง !” เสียงต่อว่าดังขึ้นจากจากปากของผู้เป็นพญามาร เสียงเกรี้ยวกราดบ่งบอกว่าค่อนข้างโกรธ มือหนาปล่อยออกจากไหล่มนก่อนลุกขึ้นพรวด เดินวนไปเวียนมาอยู่บริเวณโถงกว้าง “เจ้าต้องรู้จักคำว่ารอให้เป็นนะ ชายา เจ้าควรอยู่รอคืนที่จันทราเป็นสีเงิน เมื่อนั้นเราจะมีอำนาจมากพอที่จะทำให้เรามีพลังอำนาจมากพอที่จะโจมตีและครอบครองดินแดนทั้งหมดได้”
“ตามคำทำนายของท่านยางฮยอนซอก ?”
“ใช่แล้ว ...”
“นี่ข้าต้องทนเบื่อไปอีกนานแน่เลยใช่ไหมเนี้ย ?”
“คงไม่นานนักหรอก ...”
บทสนทนาของผู้ที่เป็นพญามารและชายาสิ้นสุดลงเมื่อร่างหนาของใครบางคนเดินเข้ามาภายในโถงกว้าง
“ท่านพี่ซึงฮยอน ท่านพี่จียง”
เสียงทุ้มของมารหนุ่มใบหน้าคม สีผิวเข้มออกไปทางคล้ำ คิ้วหนาสวย จมูกโด่งได้รูป รูปร่างสูงใหญ่และหนากล่าวทักทายผู้เป็นเหมือนพี่ชายทั้งสอง ซึงฮยอนยกยิ้มมุมปากก่อนถลาเข้าไปหาผู้มาใหม่ก่อนยกมือโอบไหล่น้องชายคนสนิทร่าเริง
“ซงมินโฮ ...” เปิดบทสนทนากับมารผิวเข้ม มือที่โอบบนไหล่หนาตบเบาๆ จนคนที่ถูกเรียกชื่อหลุบตามองมือของผู้เป็นพี่อย่างนึกสงสัย “เซนทอร์ บริวาลที่ซื่อสัตย์ของเราบอกข้าว่าเวลานี้มีมนุษย์เข้ามาในดินแดนของเทพแล้ว มนุษย์ผู้นั้นอาจจะเป็นอัศวินของเทพจินอูก็ได้นะ มันคงถึงเวลาแล้วสินะที่ข้าต้องส่งให้เจ้าไปขุดหลุมพรางเสียที”
“หลุมพราง ?” มินโฮทวนคำ คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่งอย่างนึกสงสัย “หลุมพรางอะไรกัน ท่านพี่ซึงฮยอน ?”
“กับดักที่จะทำให้เหล่าเทพผู้โง่เขลาตกอยู่ในอำนาจน้ำมือของเราได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นยังไงกันล่ะ น้องรักของข้า” ซึงฮยอนภูมิใจในแผนการของตัวเองโดยใช้น้องชายเป็นเครื่องมือ “ข้าจะส่งเจ้าเข้าไปในดินแดนแห่งเทพ ส่วนเจ้า จะใช้วิธีใดก็ได้เพื่อกำจัดเทพแทฮยอน น้องชายของเทพจินอู ผู้ที่เป็นเทพแห่งความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวนั้น”
มินโฮเมื่อได้ยินคำสั่งก็ก้มหน้า หลุบตา ลูบคางครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้าสบเข้าที่ดวงหน้าคมของผู้เป็นพี่ชายของตน
“ทำไมไม่ให้ข้าทำลายเทพจินอูไปเลยล่ะ ท่านพี่ ... แลดูง่ายดายกว่าตั้งแยอะ เรื่องราวจะได้ไม่ต้องคาราคาซังแบบนี้”
“ความคิดของเจ้าช่างโง่เขลานัก มินโฮ !” ซึงฮยอนตวาดมินโฮเสียงดัง มือที่โอบไหล่หนาของน้องชายปล่อยออก กัดฟันกรอดด้วยแรงแห่งแห่งความเกรี้ยวกราดพอตัว “เพราะช่วงนี้พวกเรายังทำอะไรไม่ได้ อัศวินก็เพิ่งปรากฏตัวตามคำทำนายเมื่อสามร้อยปีก่อน ช่วงเวลานี้เหล่าเทพจะมีพลังอำนาจมากมาย แต่ถ้าเรารอคืนที่จันทราเป็นสีเงิน คืนนั้นเหล่าเทพพวกนั้นจะสนุกสนานกันจนประมาท ค่ำคืนนั้น ข้านี่แหละจะกำจัดเทพจินอูด้วยน้ำมือของข้าเอง”
“ท่านพี่ซึงฮยอน ข้าอยากจำกัดอัศวินของเทพจินอู ให้ข้ากำจัดอัศวินมนุษย์ไร้ค่าคนนั้นได้หรือไม่ ?”
จียงที่หลุดจากวงสนทนามานานลุกพรวดจากโซฟาสีแดงสดมาเกาะแกะท่อนแขนแกร่งของคนรักที่ปกคลุมด้วยเสื้อเนื้อดีสีดำสนิท อ้อนวอนร้องขอในสิ่งที่ตนเองต้องการด้วยน้ำเสียงหวาน
“ข้าว่าเจ้าคงไม่ต้องออกแรงกำจัดให้เปลืองเรี่ยวแรงไปหรอก” ซึงฮยอนโอบบ่าไหล่ของจียงอีกครั้ง “อัศวินตามคำทำนายของท่านยางฮยอนซอกเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไร้พลังอำนาจใดๆ เพียงแค่ข้าดีดหน้าผากของเจ้ามนุษย์นั้นเปาะเดียว เจ้าอัศวินตัวเล็กนั้นคงจะกระเด็นกระดอนกลับโลกมนุษย์เสียไม่ทัน”
พูดจบผู้ที่เป็นพญามารและชายาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่เกรียงไกรในฤทธิ์อำนาจของตัวเองที่ไม่อาจมีใครเทียบเทียมได้
การยกตนข่มท่านคือเรื่องที่ถนัดนักของเหล่ามารร้าย
“วาจาของท่านพี่ช่างขำขันยิ่งนัก”
“แน่นอน ...” ยังไม่วายที่จะยกยอตัวเอง แต่พอเสมองไปทางน้องชายของตนที่ยืนนิ่งอยู่ก็ต้องวางมาดขรึมอีกครั้ง “มินโฮ เจ้าจงปลอมตัวเป็นเทพแล้วไปกำจัดเทพแทฮยอนเถิด ข้าไม่จำกัดว่าเจ้าจะใช้วิธีใด ขอแค่ให้เทพแทฮยอนนั้นสิ้นฤทธิ์ ไม่ให้ออกมาอวดเก่งได้ก็พอแล้ว”
“ครับ ...”
แม้จะไม่ค่อยอยากจะทำตามแผนการบ้าบอของผู้เป็นพี่สักเท่าไร แต่มีหรือที่ผู้น้องจะขัดคำผู้พี่ มินโฮตบปากรับคำก่อนเดินเลี่ยงออกมาจากโถงใหญ่ ปราสาทมืดสลัวด้วยแสงของคบเพลิง ปราสาทที่เขาอยู่ตั้งแต่จำความได้นั้นมืดสลัวและเย็นยะเยือกสมคำเรียกขานจริงๆ
ดินแดนของมารก็มืดมนไม่ต่างกัน ท้องฟ้าของดินแดนนี้ไม่เคยรู้จักกับคำว่าแสงสว่าง ต้นไม้ที่มีเพียงลำต้นไร้ซึ่งดอกใบยิ่งทำให้ดินแดนแห่งนี้น่ากลัวมากขึ้นไปอีก ทางเดินที่ปูลาดไปด้วยก้อนกรวดและซากกระดูกของสิ่งไร้ชีวิต ภาพของความเศร้าโศกที่มินโฮเห็นจนชินตา แต่กลับเป็นความสุขของเหล่ามารทั้งดินแดน
แต่ถ้ามนุษย์เห็นคงจะสยดสยอง และหวาดกลัวจนขนลุกเกรียว ...
มินโฮถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีที่สองเท้าของตนมาหยุดอยู่ที่หน้าทางเข้าป่าแห่งสำนึกผิดชอบชั่วดี ถ้าข้ามป่านี้ไปก็เป็นดินแดนแห่งเทพที่มินโฮอยากเข้าไปมาตลอด
แม้จะอยากไป แต่ก็อยากไปแบบตัวเปล่าไม่ต้องแบกภารกิจที่แสนหนักอึ้งอยู่บนหลัง
แต่ในเมื่อท่านพี่ไว้ใจให้เขาเป็นผู้ขุดหลุมพรางวางกับดักอะไรนั้นแล้ว มินโฮก็คงต้องก้มหน้าทำตามคำสั่งของผู้เป็นพี่ต่อไป
ซึงยูนทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนหนานุ่มที่มีหัวเตียงเป็นไม้รูปทรงโบราณราวกับอยู่ในเทพนิยาย ขาแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มกางออกอย่างสบายบนผ้าห่มผืนหนาที่คลุมเตียงไว้อย่างสวยงามสีขาวสะอาดตา
ในสมองของเด็กหนุ่มวนเวียนเต็มไปด้วยรูปหน้าหวานๆ ของเทพตัวเล็กที่เขาเพิ่งทำตัวไม่เหมาะสมด้วยการถึงเนื้อถึงตัวมากเกินไป
จินอู ...
คิดแล้วหัวใจเจ้ากรรมก็ทำงานหนักขึ้นมาดื้อๆ แรงสูบฉีดเลือดจากที่เคยเป็นจังหวะปกติกลับเต้นแรงราวกับจะระเบิดคาอก ยิ่งคิดถึงน้ำเสียงหวานใสและสุภาพก็ยิ่งรู้สึกหน้าร้อนวูบ ร้อนจนเด็กหนุ่มต้องยันกายขึ้นยืนก่อนก้าวเท้าฉับๆ ผ่านผืนผ้าม่านใหญ่ออกมารับลมที่ระเบียงห้องของปราสาทสูง หวังเพียงให้สายลมเย็นๆ ช่วยกลบความร้อนรุ่มในอก
เรื่องเหลือเชื่อที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องกวาดสายตามองดินแดนที่มีผังเมืองประหลาด ปราสาทสี่หลังใหญ่ตั้งตามมุมต่างๆ ของเมือง มีปราสาทของจินอูกับแทฮยอนตั้งอยู่ตรงกลาง ปราสาทอีกสามหลังคงเป็นปราสาทของเจ้าชายยุนฮยองตามที่จินอูเล่าให้ฟังเมื่อตอนทานมื้อค่ำอยู่ทางทิศเหนือ และปราสาทอีกสองหลังทางทิศตะวันออกและทิศใต้ที่เด็กหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าเป็นที่อยู่ของใคร
ถ้าไม่มาสังเกตจากมุมสูงก็คงเห็นปราสาทหลังใหญ่อีกสามหลัง มันน่าประหลาดเกินไป ...
เป็นเพราะหนังสือการ์ตูนเล่มนั้น ...
การ์ตูนที่ยังแต่งไม่จบ ...
ใช่แล้ว ... อาจเป็นเพราะการ์ตูนเล่มนั้นยังแต่งไม่จบรอให้ซึงยูนมาแต่งต่อ
เด็กหนุ่มทึ้งหัวตัวเองก่อนเงยหน้ารับสายลมยามค่ำคืน ดวงดาวนับล้านที่เปล่งประกายบนฟ้าถ้ามองจากมุมนี้สวยเด่น เพราะท้องฟ้าสีดำสนิทไร้ซึ่งแสงจันทร์ที่แย่งพื้นที่ส่องสว่างของดวงดาว
ซึงยูนเหม่อมองท้องฟ้าจนรู้สึกได้ถึงความเย็นที่สัมผัสผิวเนื้อจนหนาวเหน็บ ยกมือขึ้นประสานที่อกก่อนที่มือทั้งสองข้างจะลูบต้นแขนที่แลดูเล็กแต่กลับแข็งแรงอย่างน่าประหลาด ความอดทนกับอากาศเย็นหมดลง เด็กหนุ่มจึงเลี่ยงการปะทะกับหยาดน้ำค้างเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงใหญ่ สายตาทอดมองไปที่ประตูไม้บานเขื่องที่กั้นระหว่างห้องของเขากับทางเดิน
และประตูห้องที่อยู่ตรงกันข้ามกับห้องของเขานั้นคือห้องของเทพจินอู เทพผู้รูปหน้าและรูปกายงามจนทำให้ซึงยูนรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่คิดถึงหรืออยู่ใกล้ๆ
“เป็นบ้าอะไร ? คังซึงยูน !” เด็กหนุ่มสบถกับตัวเองเบาๆ ยกมือข้างขวาขึ้นมากุมที่หน้าอกข้างซ้าย พื้นที่ของก้อนเนื้อที่ยังคงทำงานหนัก “ทำไมเวลาคิดถึงเทพหน้าสวยนั้นเราต้องมีอาการแบบนี้ทุกครั้งด้วยนะ”
ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนหนาก่อนพยายามข่มตาให้นอนหลับเพื่อพักผ่อน
มันยากเกินไปสำหรับเด็กหนุ่มที่จะต้องมาปรับตัวจากเด็กหนุ่มธรรมดาให้เป็นอัศวินบ้าบอ คิดแล้วก็อยากจะเป็นบ้าจริงๆ เลย
แต่ถ้าการ์ตูนเรื่องนี้ที่ยังแต่งไม่จบ เขาก็จะพยายามแต่งให้จบด้วยน้ำมือของเขาเอง !
XXXXX
เอาล่ะคะ ตอนนี้มีเรื่องที่ต้องลุ้น 3 เรื่องนะคะ
เรื่องแรก .. . มาลุ้นกันค่ะว่ามินโฮจะใช้แผนอะไรกำจัดแทฮยอน ?
เรื่องที่สอง .. . มาลุ้นกันค่ะว่าซึงยูน อัศวินคนเก่งของเราจะจัดการกับหัวใจตัวเองอย่างไร ?
และเรื่องที่สาม .. . ซึงยูนจะเขียนการ์ตูนเรื่องนี้จบหรือไม่ ?
แต่ที่ต้องลุ้นอย่างที่สุดคือเจ๊ตีบจะแต่งฟิคเรื่องนี้จบหรือไม่ ? T^T
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจเลยนะคะที่ให้กับเจ๊ตีบเสมอมา
แม้เจ๊จะไม่ได้ตอบคอมเมนท์ แต่ทุกๆ คอมเมนท์คือแรงผลักดันให้เจ๊แต่งฟิคเรื่องนี้นะคะ
แม้คอมเมนท์จะเริ่มน้อยลงทุกวันๆ แต่เจ๊ก็จะมาแบ่งปันจินตนาการให้รีดเดอร์ทุกคนต่อไปเนาะ
ปลาลิง : รักนะคะ จุ๊บๆ ^3^
ความคิดเห็น