ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WINNER] Gin & Tonic #YOONWOO

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 58






     

    ไม่ผิดใช่ไหม ? ถ้าอยากจะปิดประตูหัวใจเอาไว้ไม่ให้ใครเข้ามาแทน

     

                “ตายแล้ว ... ไปทำอะไรมาเนี้ย ทำไมเจ้ากวางน้อยถึงได้ขอบตาดำคล้ำแปลงร่างเป็นหมีแพนด้าแบบนี้ล่ะ ?” เสียงแหลมๆ ของซานดาร่า สไตลิสต์และช่างแต่งหน้าสาวคนสวยร้องอุทานด้วยความตกใจพลางเบิกดวงตากลมโตนั้นจนแทบถลนออกมานอกเบ้าเมื่อเห็นว่าจินอู นายแบบตัวเล็กที่มีงานถ่ายปกนิตยสารในวันนี้นั้นขอบตาดำคล้ำราวกับคนอดหลับอดนอนมาแล้วหลายคืน “หรือว่าอยู่กับซึงรีมากไปกันนะ สีผิวบริเวณขอบตาถึงได้ตกมาใส่ลูกกวางแบบนี้เนี้ย ? พี่ดาร่าจะเป็นลม ต้องลงรองพื้นกับคอนซีลเลอร์หมาเท่าไรกันล่ะเนี้ยถึงจะปิดรอยคล้ำใต้ตาได้แนบสนิท”

     

                “นี่เจ๊ดาร่า พูดแบบนี้เขาเรียกว่ากัดกันทางอ้อมหรือเปล่า ?”

     

                “แล้วแต่จะคิดสิ ! แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ใช่หมา”

     

                ดาร่ากดไหล่ของจินอูให้นั่งลงกับเก้าอี้เบาะหนังสีดำ หันไปจิกกัดผู้จัดการส่วนตัวของเจ้ากวางน้อยแห่งวงการแล้วหันคืนกลับมามองจินอูผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ส่วนนายแบบตัวเล็กนั้นได้แต่อมยิ้มเหลือบมองคู่ไม้เบื่อไม้เมาแล้วทำได้เพียงแค่ส่ายหัวน้อยๆ ภาพของชายหญิงคู่นี้ทะเลาะกันแบบนี้นั้นเป็นภาพที่จินอูเห็นจนชินตา เขาเลยรู้สึกไม่แปลกใจหรือกังวลกลัวว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ

     

                เพราะการจิกกัดกันแบบนี้เพื่อความผ่อนคลายและไม่ให้ตัวของทุกคนในที่ทำงานนั้นเคร่งเครียดจนเกินไป

     

                ซึงรีทำเสียงจิ๊จ๊ะชิชะในลำคอแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาหนังสีดำติดผนังด้านหลังจินอู หยิบนิตยสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะกระจกตัวเล็กขึ้นพลิกไปพลิกมาผ่านๆ ตาระหว่างที่รอนายแบบตัวเล็กแต่งหน้าทำผม รวมถึงแต่งตัวให้ตรงกับคอนเซปต์ที่จะถ่ายทำตามใจลูกค้าในวันนี้

     

                “อะไรกันครับเนี้ย ? ทำไมชุดผมมัน ...”

     

                จินอูเลิกคิ้วสงสัยทันทีที่เห็นชุดที่ตนต้องใส่ในวันนี้ นัยน์ตากลมโตเหลือบมองชุดแสนสวยที่ทีมงานถือเข้ามาผ่านกระจกเงาสะท้อนบานใหญ่ตรงหน้า ก็แหงนล่ะสิ ชุดที่เจ้ากวางน้อยต้องสวมใส่ถ่ายทำในวันนี้มันไม่ใช่ชุดที่ผู้ชายมาดแมนต้องใส่เลยนี่นา

     

                ชุดเมดแม่บ้านสาวสีดำสนิทแขนยาวเพื่อปกปิดท่อนแขนของผู้ที่สวมใส่ กระโปรงบานสั้นระดับหัวเข่ามีผ้ากันเปื้อนแบบผูกคาดเอวสีขาวตัดกับสีชุดตัดเย็บย้อมขอบด้วยสีชมพูเพื่อให้ความรู้สึกอ่อนหวานตัดจากชุดสีดำนั้น แถมยังมีที่คาดผมหูกระต่ายบันนี่สีขาวชมพูน่ารักๆ นั้นอีก

     

                “ก็พอดีทางเราอยากได้คอนเซปต์น่ารักๆ แต่ไม่ต้องการนางแบบน่ะค่ะ ภาระเลยตกมาอยู่ที่คุณคิมจินอู หวังว่าคุณ ...”

     

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้ามันเป็นงานผมก็พร้อมจะทำ”

     

                จินอูกล่าวทับเพื่อไม่ให้ทีมงานเป็นกังวลมากเกินไป พี่สาวคนที่นำชุดเข้ามาถึงกลับยิ้มออก ดวงตาเป็นประกายแสดงความขอบคุณผ่านกระจกบานใหญ่ก่อนสาวเท้าเดินออกจากห้องแต่งตัวของจินอูเนื่องจากต้องมีภาระอย่างอื่นที่ต้องทำ และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนจินอูมากเกินไป

     

                “ถ้าชุดเป็นแบบนี้ แสดงว่าต้องแต่งหน้าทำผมใหม่หมดเลยสินะ” ดาร่าวางหลอดครีมรองพื้นลงกับโต๊ะ เหลือบมองชุดและจินอูสลับกันไปมา พิจารณาการแต่งหน้าทำผมสักครู่ก่อนยิ้มออก เนื่องจากว่าจินอูมีใบหน้าหวานราวกับสาวน้อยอยู่แล้ว การแต่งหน้าให้ดูสวยและน่ารักคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร “เอาล่ะ นายต้องทนกันเส้นผมยาวๆ ที่คลอเคลียกับคอของนายหน่อยก็แล้วกันนะ”

     

     

     

     

                “นายแบบของเรายังไม่ออกมาอีกหรอ ?”

     

                เป็นช่างภาพหนุ่มที่จับประคองกล้องถ่ายรูปตัวโตประกอบเข้ากับเลนส์อันเขื่องเอ่ยปากถามทีมวานที่กำลังสาละวนกับการจัดฉากและตระเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ จนมีหนึ่งในทีมงานต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อตอบคำถามของช่างภาพ แต่สายตาแสนดีก็หันไปเจอหนึ่งบุคคลที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยชุดพ่อบ้านสีดำสนิทหล่อเหลาราวกับเซบาสเตียน ตัวการ์ตูนพ่อบ้านปีศาจของญี่ปุ่นยังไงยังงั้น

     

                “อ่ะ ... คุณยางฮงซอกออกมาแล้วค่ะ”

     

                ช่างภาพมืออาชีพที่กำลังทดลองกล้องถ่ายรูปสาดแสงแฟลชสว่างกระทบกับฉากละการกระทำแล้วเหลือบตามองนายแบบหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างโปร่งซึ่งเข้ากันได้กับชุดพ่อบ้าน รอยยิ้มแสดงความพึงพอใจที่เห็นเจ้าตัวมาตรงเวลา ด้านนายแบบหนุ่มนามฮงซอกยิ้มตอบบางๆ

     

                “คุณฮงซอกมาแล้วหรอครับ ?”

     

                “อ่า ... ครับ” ตอบเคอะเขินก่อนยกมือขวาขึ้นเกาท้ายทอยเพื่อบรรเทาอาการทำอะไรไม่ถูก แม้ไม่ใช่งานแรกของเจ้าตัว แต่ก็เป็นงานแรกที่ได้ถ่ายร่วมกันกับนายแบบด้วยกันเอง ที่ผ่านมาฮงซอกมีงานถ่ายเดี่ยวมาโดยตลอด หรือถ่ายได้ร่วมกันก็คงเป็นนางแบบ พอรู้ว่าวันนี้ถูกจับมาถ่ายคู่กับมนุษย์เพศเดียวกัน ฮงซอกก็มีอาการวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย “ว่าแต่ ... คนที่จะมาถ่ายกับผม ...”

     

                “มาแล้วค่ะ คุณคิมจินอูออกมาแล้ว”

     

                ทุกสายตาทิ้งหน้าที่ของตัวเองก่อนหันไปมองนายแบบตัวเล็กที่เวลานี้สวมชุดเมดแม่บ้านสีเดียวกันกับอีกหนึ่งนายแบบ เรือนผมยาวปลอมสีน้ำตาลแดงขับให้ผิวขาวๆ นั้นสว่างใสขึ้นไปอีก ดวงหน้าสวยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนสีหวาน ท่าเดินเก้ๆ กังๆ ทำเอาทีมงานเกือบหลุดขำเพราะรองเท้าส้นสูงที่เจ้าตัวไม่เคยสวมใส่ทำให้เดินไม่ถนัดนัก แต่จินอูก็สวยจนแทบทำให้ตะลึง เลยไม่มีใครกล้าหัวเราะเจ้ากวางน้อยผู้แสนสดใสได้เลย

     

                “เอ่อ ... มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ ?”

     

                กลีบปากคู่สวยที่ถูกแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนขยับถามด้วยท่าทางสงสัย สองมือยกขึ้นแตะพวงแก้มใสอมชมพูเรื่อจากบลัชออน อาการเขินของเจ้ากวางน้อยในชุดเทดสาวสวยทำเอาทีมงานแทบจะตกหลุมรักนายแบบตัวเล็กคนนี้กันทั้งกอง

     

                ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย

     

                ไม่เว้นแม้แต่ยางฮงซอก

     

                “อ่อ ... เปล่าครับ” เป็นช่างภาพหนุ่มหล่อที่ตื่นจากภวังค์ก่อนใครเพื่อน “เอ่อ ... นี่คือคุณยางฮงซอกครับ นายแบบที่จะร่วมถ่ายกับคุณ คุณฮงซอกครับ นี่คือคะ ...”

     

                “ผมรู้จักเขาดีเลยครับ พี่คิมจินอู เจ้ากวางน้อยแห่งวงการนี้ ใครไม่รู้จักก็บ้าแล้ว” ฮงซอกแทรกตัวขยับร่างของตัวเองเข้ามาใกล้นายแบบในคราบของเมดคนสวย ยกยิ้มเลื่อนมือขวาไปด้านหน้ารอให้คนตัวเล็กเอื้อมมือมาจับกันเชิงทำความรู้จักอย่างเป็นทางการแบบมาตรฐานสากล “ผมชื่นชอบพี่มากเลยครับ ยินดีที่ได้รู้จักและร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ”

     

                เจ้ากวางน้อยหยุบตากลมโตมองมือหนาที่ยื่นมาข้างหน้าก่อนตวัดมองใบหน้าคนที่ทำท่าทีราวกับมีมารยาทแล้วส่งยิ้มให้บางๆ

     

                “ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกันนะ ยางฮงซอก” ร่างเล็กเดินเลี่ยงมาทางฉากที่ถูกจัดไว้เพื่อเตรียมความพร้อม ฮงซอกลดมือที่ค้างกลางอากาศนั้นลงเก้อๆ หันหลังช้าๆ เพื่อมองนายแบบคนสวย (?) ที่รับถาดกลมๆ สีขาวๆ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากมาถือเอาไว้ “เอ้า ! ยังยืนอยู่ที่เดิมอีก รีบๆ มาถ่ายเถอะ จะได้รีบๆ กลับ”

     

                คนสวยตะโกนเรียกนายแบบในคราบพ่อบ้านเซบาสเตียนให้รีบมาเข้าฉาก ฮงซอกวิ่งลุ่นๆ มายืนข้างๆ ก่อนเริ่มต้นถ่ายรูปแบบจริงๆ จังๆ

     

                “คุณฮงซอกครับ ทำไมถึงได้แข็งทื่อเป็นท่อนไม้แบบนั้นล่ะครับ ? โอบคุณจินอูนิดนึงครับ เอาให้ตรงคอนเซ็ปคู่รักพ่อบ้านแม่บ้าน”

     

                ช่างภาพหนุ่มลดกล้องที่เตรียมจะกดชัตเตอร์ลง มือหนายกขึ้นโบกสะบัดเป็นสัญญาณให้คุณพ่อบ้านขยับเข้าไปใกล้เจ้ากวางน้อยมากขึ้น ฮงซอกทำตามอย่างว่าง่าย พยักหน้ารับก่อนเริ่มขยับร่างของตัวเองให้เข้าใกล้จินอูเรียกได้ว่าในระยะประชิด แถมมือซุกซนยังเลื้อยขึ้นมาโอบเอวคนน่ารัก พร้อมทั้งสายตาเจ้าชู้ที่หลุบตามองร่างเล็กในอ้อมแขนตนอีก ทำเอาจินอูต้องจิ๊ปากเหลือบตามองคนตัวสูงกว่าด้วยความรำคาญหัวใจ

     

                “โทษผมไม่ได้นะครับพี่จินอู พอดีช่างภาพเขาอยากได้แบบนี้”

     

                ถ้าไม่ใช่เพราะงาน จินอูจะไม่ยอมและอาจจะไม่ยั่งคิดจับถาดพลาสติกสีขาวที่เป็นอุปกรณ์ประกอบการถ่ายทำในมือฟาดเจ้ารุ่นน้องที่หวังสูงคิดจะปีนเกลียวนี่สักที

     

                แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือลอบถอนหายใจแล้วหันไปฉีกยิ้มประกอบกับโพสท่าทางไปตามที่ใจของช่างภาพหนุ่มกำกับ

     

     

     

     

                ร่างสูงโปร่งก้าวเท้าเข้ามาในแกลอรี่ที่แสนคุ้นเคย แกลอรี่ที่ทาด้วยสีขาวสะอาดทั่วทั้งผนังปกปิดพื้นผิวสีเทาหม่นของปูนซีเมนต์ รูปภาพที่ถูกโชว์อยู่รอบๆ นั้นเป็นภาพวาดเสียส่วนใหญ่ ภาพวาดที่ถูกแต่งแต้มด้วยสารพัดเทคนิคสีเกินความเข้าใจของซึงยูน อาจเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ได้มีหัวศิลปะมากมายนักเท่ากับเจ้าของแกลอรี่แห่งนี้ เลยทำให้ไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลยว่าจิตกรเจ้าของผลงานต่างๆ นาๆ นี้ต้องการจะสื่อถึงอะไรกัน ...

     

                “ลมอะไรหอบนายมา ?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหลังเรียกให้ซึงยูนที่กำลังสนใจภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบใหญ่ให้หันกลับไปสนใจเจ้าของเสียงเรียกเขานั้นแทน “อย่าบอกนะว่าลมคิดถึงกันน่ะ มันใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอกนะ คังซึงยูน”

     

                “จุ๊ๆ ไม่ใช่ลมคิดถึงหรอกที่พัดฉันให้มาหานายน่ะ แต่เป็นเพราะฉันอยากจะกระทืบใครบางคนต่างหากเลยต้องมาที่นี่”

     

                ซึงยูนพุ่งตัวเข้าไปหาคนที่เพิ่งกวนเข้าไปหวังจะกระแทกเข่าเข้ากับหน้าท้องแกร่งของบุคคลร่างหมี แต่ก็หมดสนุกเมื่อคนที่เพิ่งก่อกวนด้วยความยียวนเบรคด้วยการยกมือขึ้นบดบังจุดหมายบนร่างกายเพื่อป้องกันตัวเองสุดฤทธิ์

     

                “เห้ย ! ใจเย็นๆ สิเว้ยซึงยูน ฉันแค่หยอกล้อนายเล่นเท่านั้นเอง ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย นิสัยไม่ดีเลยวะ” บุคคลร่างหมีทำท่าลูบวนหน้าท้องของตัวเองอย่างโล่งอกโล่งใจที่ยังไม่ทันโดนเพื่อนรักร่างสูงโปร่งและค่อนข้างบอบบางนี่ทำอันตรายอะไรกับร่างกายที่ตนห่วงแหน “ว่าแต่นายมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า ?”

     

                “ก็แค่อยากให้นายวาดรูปนี่ให้หน่อย”

     

                    ซึงยูนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีเข้มของตนก่อนดึงกระเป๋าสตางค์หนังสดำสนิทออกมา เปิดให้กระเป๋าใบเล็กกางออกแล้วบรรจงหยิบรูปใบเล็กที่ซึงยูนค้นหาในอินเตอร์เน็ตแล้วพิมพ์ใส่กระดาษโฟโต้เนื้อดียื่นให้เพื่อรักร่างหนา คู่สนทนารับภาพนั้นมาถือไว้ก่อนยกขึ้นมาดูในระดับสายตา

     

                “นี่มันคิมจินอูนี่หว่า ... โอ้โห ลงทุนพิมพ์ใส่กระดาษเนื้อมันวาวขนาดนี้นี่ เพื่อนรักของซงมินโฮต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ เลยหว่ะ ปกติไม่ค่อยสนใจคนในวงการนี้สักเท่าไร แล้วทำไมวันนี้ถึงเอารูปเจ้ากวางน้อยมาให้วาดหว่ะเนี้ย ? ชอบแล้วหรอ ? เป็นแฟนคลับจินอูไปแล้วหรือไง ?”

     

                “ถามมากเกินไปแล้วนะมินโฮ จะวาดให้หรือเปล่า ?”

     

                “วาดให้สิๆ อะไรกันแค่นี้ก็ทำเป็นน้อยใจเป็นผู้หญิงไปได้” มินโฮว่าพลางขยับตัวประชิดร่างสูงโปร่งของเพื่อนรัก ยกแขนขึ้นโอบไหล่ มือก็ตบปุบๆ ที่ไหล่ของซึงยูนสองถึงสามที “ว่าแต่ ... ฉันจะได้อะไรตอบแทนหรอเพื่อนรัก ? หืม ?”

     

                “ยังจะหวังผลอีกนะ” ดวงตาเล็กหรี่ลงกรอกมองคนข้างตัวด้วยท่าทางเบื่อหน่าย เก็บกระเป๋าสตางค์ลงที่ที่เคยชักมันออกมา “เลี้ยงเหล้าแล้วกัน”

     

                YES !

     

     

     

     

                “เอาล่ะ งานวันนี้เสร็จแล้วครับ ขอบคุณทุกคนมากๆ นะครับที่ทำงานหนัก”

     

                ช่างภาพหนุ่มมืออาชีพตะโกนเสียงดังขึ้นมาหลังจากรัวชัตเตอร์มาแล้วหลายชั่วโมง แสงแฟลชที่สาดกระทบทำเอาดวงตาของนายแบบและทีมงานพร่ามัวและล้าไปหมด จินอูรีบถีบตัวเองออกจากการเกาะกุมในอ้อมแขนของฮงซอกแล้วโค้งหัวรัวๆ ให้ทีมงานทุกคนอย่างนอบน้อม

     

                “ขอบคุณที่ทำงานกันอย่างหนักครับ”

     

                ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยืดตัวตรงบรรจงถอดที่คาดผมหูกระต่ายสีขาวชมพูและวิกผมปลอมออก เวลานี้จึงเหลือเพียงกลุ่มเรือนผมนุ่มที่เกิดจากหนังศีรษะที่แท้จริงสั้นเท่านั้น

     

                คงลืมไปว่ายังใส่กระโปรงและดวงหน้าหวานที่โบกด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ

     

                “พี่จินอู ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ ?”

     

                จินอูเหลือบมองนายแบบรุ่นน้องด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ฝืนยิ้มเสแสร้งว่าใจดีด้วยก่อนริมฝีปากสวยจะขยับตอบ

     

                “ไม่เป็นไร ฉันมากับพี่ซึงรี อยากจะกลับบ้านแล้ว”

     

                รู้สึกรำคาญขั้นสุด จินอูยกวิกผมยาวสลวยสีน้ำตาลแดงในมือขึ้นสะบัดจนสิ่งที่อยู่ในมือพันกันยุ่งเยิงไปหมด สาวเท้าเดินกลับเข้าห้องแต่งตัว แต่มีหรอที่ฮงซอกจะยอมถอย รีบก้าวเท้ายาวตามนายแบบรุ่นพี่แต่ตัวเล็กกว่ามากแล้วคว้าข้อมือบางพร้อมออกแรงดึงให้เจ้ากวางน้อยหันมาเผชิญหน้าตน

     

                “งั้นค่ำๆ ออกมาดื่มกันไหมล่ะครับ ?”

     

                คนหน้าสวยถอนหายใจออกมายาวๆ แสดงความเหนื่อยหน่ายและรำคาญเต็มประดา หลุบตาลงต่ำมองข้อมือของตัวเองที่โดนนายแบบรุ่นน้องคิดตีตนเสมอรุ่นกุมไว้หลวมๆ แล้วกรอกตาขึ้นมองเพดานของสตูดิโอ

     

                “ฮงซอก ปล่อย ...”

     

                “ไม่ปล่อยครับ จนกว่าพี่จะให้คำตอบว่าจะไปดื่มกับผมหรือเปล่า ?”

     

                จินอูแกะมือแน่นเหนียวราวตีนตุ๊กแกออก นัยน์ตากลมโตสบกับดวงตาเรียวคมของฮงซอกฉายแววรำคาญขั้นที่สุด

     

                “งั้นฟังให้ดีนะฮงซอก” จินอูถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันจะไม่ไปไปไหนกับนายทั้งนั้น ขอร้องอย่ายุ่งกับฉันไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม เราสองคนจะยุ่งเกี่ยวกันแค่เรื่องงานเท่านั้น หวังว่านายจะทำได้นะ ยางฮงซอก”

     

                ว่าแล้วคนตัวเล็กก็หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องแต่งตัวของตัวเอง ทิ้งไว้เพียงร่างของนายแบบรุ่นน้องให้ยืนกำมือแน่นจนนิ้วทั้งห้าสองข้างปวดหนึบ เส้นเลือดสีคล้ำปูดขึ้นตามน้ำหนัก กัดฟันกรอดมองตามนายแบบรุ่นพี่หายไปจากสายตาด้วยความคับแค้นในหัวใจ ...

     

    XXXXX

     

    เจ๊ตีบเป็นอะไรมากกับคุณคิมแต่งหญิงมากหรือเปล่าคะ ? 5555555555

    ส่วน ... ยางฮงซอกจะมาเป็นศัตรูหัวใจของคังซึงยูนอีกคนหรอเนี้ย ?

    เจ๊ตีบทำไมชอบทำร้ายตัวละครขนาดนี้ ? 5555555

    ไม่รู้แหละ ชอบสร้างปมไว้เยอะๆ สนุกดี :p

    ตอนนี้เน้นเรื่องราวของคุณคิมเหลือเกินค่ะ คุณคังแทบไม่มีบทบาท ว่าไหมคะ ?

    อีกไม่นาน คังคิมเขาจะโคจรมาเจอกันค่ะ อย่าเพิ่งบ่นใส่เจ๊ตีบน๊า ‘ 3 ‘

    พอมาแต่งฟิคที่ไม่มีพล็อตเรื่องมันยากลำบากยังไงก็ไม่รู้ แหะ แหะ

    ยังไงถ้าชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมคอมเมนท์บอกได้เลยนะคะ ^^

     

    #ฟิคจินแอนด์โทนิก

     

    ปล. Gin&Tonic ที่จริงอ่านว่า “ยินแอนด์โทนิก” นะคะ

    แต่ที่เจ๊ตีบเรียก “จินแอนด์โทนิก” เพราะมีเหตุผลค่ะ เหตุผลเดี๋ยวค่อยมาเฉลยในตอนต่อๆ ไปนะคะ ^^


    @SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×