คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 เป้าหมาย
อาหารนับสิบอย่างที่ถูกจัดวางเรียงรายและหรูหราบนโต๊ะทานอาหารสีอ่อนส่งกลิ่นหอม ควันจางๆ ลอยขึ้นบนอากาศก่อนถูกดูดกลืนให้หายไป ซึงยูนนั่งมองอาหารบนโต๊ะแลบต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบากเพราะเมื่อเทียบกับปริมาณอาหารบนโต๊ะกับคนที่กำลังนั่งทานในเวลานี้แล้ว ... มันช่างไม่สมดุลกันเลยแม้แต่น้อย
อาหารที่เยอะจนสามารถทานได้ทั้งดินแดนแห่งนี้ กับคนนั่งทานที่มีเพียงสามคนเท่านั้น
คือจินอู แทฮยอน และตัวเขา ...
“ว้าวๆ ! วันนี้แม่ครัวของเราทำไก่อบของโปรดของข้าอีกแล้ว ข้าล่ะอยากจะตะโกนขอบใจแม่ครัวของเราจริงๆ เลย”
แทฮยอน เทพที่ซึงยูนเคยรู้จักเวลานี้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด จนทำให้ซึงยูนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าบุคคลที่เขาเคยพบเจอในครั้งแรกนั้นก้าวร้าวมากแค่ไหน ภาพของเทพเด็กผมแสกกลาง คิ้วตกๆ ที่เงื้อธนูจ้องจะสังหารเขาตลอดเวลานั้น ตอนนี้กลับเป็นเพียงเด็กที่ซุกซน ออกแนวตระกะกับอาหารตรงหน้าราวกับไม่ได้ทานอะไรมาแล้วหลายวัน
มือของเด็กน้อยดึงเอาน่องไก่ออกมาจากตัวมาถือไว้ก่อนจะกัดเนื้อน่องนั้นเข้าปากเคี้ยวจนแก้มตุ่ย
“แทฮยอน ค่อยๆ เคี้ยวค่อยๆ ทานก็ได้ ดูปากเจ้าสิ เลอะเทอะไปหมดแล้ว”
จินอูที่นั่งอยู่หัวโต๊ะว่าพร้อมๆ กับหยิบผ้าแนปกิ้นที่แทฮยอนดึงออกจากตักมาวางไว้บนโต๊ะเพราะกลัวจะไม่ถนัดในการลงมือทานอาหารตรงหน้าเช็ดที่มุมปากของน้องชายตัวดี แต่แทฮยอนกลับไม่สนใจ และยังคงกัดเนื้อไก่เข้าปากต่อ
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยพี่จินอู เดี๋ยวค่อยเช็ดล้างทีเดียวตอนทานเสร็จ”
แม้ปากจะตอบ แต่สายตาเรียวของเด็กน้อยกลับจับจ้องอาหารบนโต๊ะไม่วางตา มือข้างขวาที่ถือน่องไก่นั้นค้างกลางอากาศเมื่อเจ้าตัวใช้มือซ้ายคว้าส้อมที่วางอยู่ขึ้นมาจิ้มไส้กรอกก่อนกัดเข้าปากไม่หยุดยั้ง
จินอูหัวเราะขันออกมาเบาๆ เมื่อเห็นน้องชายของตนตระกะทานอาหารเหมือนหมู ก่อนหันมามองอีกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารแต่กลับเงียบราวกับใช้ความคิด ส้อมในมือวนไปวนมาบนจานจนเส้นสปาเกตตี้ม้วนเข้ากับส้อมเป็นก้อนใหญ่ๆ
“อาหารไม่ถูกปากเจ้าหรือ ? ทำไมเจ้าถึงไม่ทาน ?”
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่กำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง วันนี้ผมพบเจออะไรที่มันประหลาดและน่าอัศจรรย์ราวกับฝันไปหมดจนผมตั้งตัวไม่ค่อยจะทัน เลยยังมึนๆ งงๆ นิดหน่อย”
“เรื่องแค่นี้เอง” จินอูส่งยิ้มบางๆ ให้เด็กหนุ่ม “เดี๋ยวสักพักเจ้าก็จะเข้าใจเอง”
คำพูดเชิงให้กำลังใจของเทพผู้มีรัศมีของความเป็นเทพทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง ซึงยูนมองเทพสองพี่น้องสลับกันไปมาแล้วนึกขำ แม้จะเป็นเทพ แต่อุปนิสัยใจคอกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
แทฮยอน เทพผู้น้อง ฉลาดหลักแหลม แม้การพบกันครั้งแรกจะคิดว่าเด็กคนนี้ก้าวร้าวและแข็งกระด่าง แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นเด็กที่อ่อนโยน ขี้เล่น ร่างเริง และเอิ่ม ... มูมมามไปหน่อย
จินอู เทพผู้พี่อ่อนโยนทั้งภายในและภายนอก สุขุม เรียบร้อยราวสตรีที่ถูกสั่งสอนให้มีลักษณะคล้ายผ้าเรียบที่ถูกพับไว้บ่งบอกว่าถูกสั่งสอนมาเป็นอย่างดี รวมถึงสง่างามเต็มไปด้วยเสน่ห์ และยังเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ซึงยูนรู้สึกประหม่าเวลาอยู่ใกล้ๆ
“จริงด้วยสิ ... ช่วยเล่าเรื่องราวของดินแดนนี้และตำนานอะไรนั้นให้ผมฟังบ้างสิ”
“ใครใช้ให้เจ้าพูดเรื่องซีเรียสบนโต๊ะอาหารกันเล่า”
แทฮยอนปรามลั่นโดยที่อาหารยังเต็มปากจนดูน่าเกลียด ...
ตระกะแบบนี้ขอให้อ้วนเหนียงออก เทพเด็กติ๊งต๊อง !
“ก็คนมันอยากรู้นี่นา” ซึงยูนตวาดเด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา แต่ดูท่าทางคนที่ถูกต่อว่าจะทำเป็นหูทวนลม ยักไหล่ ไม่สนใจซึงยูนแล้วจับขนมปังยัดเข้าปากทั้งๆ ที่กำลังเคี้ยวสลัดอยู่ ซึงยูนจึงเบนความสนใจมาทางจินอูที่เพิ่งส่งเนื้อปลาในช้อนเข้าปากอย่างสุภาพ “นะครับ ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อย”
“ก็ได้ๆ” จินอูรวบช้อนกับส้อมลงบนจานกระเบื้องเนื้อดีสีอ่อน สบดวงตาของเด็กหนุ่มที่ยังคงฉายแววมุ่งมั่น “เริ่มจากดินแดนแห่งนี้แล้วกัน ดินแดนแห่งนี้คือดินแดนแห่งเทพ โดยมีเจ้าชายยูนฮยองเป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ ...”
“เดี๋ยวนะครับ ถ้าเจ้าชายยุนฮยองเป็นผู้ปกครองดินแดนนี้ แล้วทำไมพวกมารถึงไม่ทำลายเจ้าชาย แต่กลับเบนเป้าหมายมาที่ท่านแทนล่ะ ? เทพจินอู”
“เพราะท่านพี่ของข้าคือเทพแห่งความอ่อนโยนที่ต้องคำสาปบ้าๆ ต้องรอให้อัศวินอย่างเจ้ามาปกป้องยังไงล่ะ !”
แทฮยอนที่เพิ่งกลืนอาหารที่บดเคี้ยวแล้วลงคอก่อนโพล่งขึ้นเสียงดัง ถ้าไม่ใช่เทพ ป่านนี้ซึงยูนคงคิดว่าแทฮยอนเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่ค่อยได้รับการอบรมสั่งสอนสักเท่าไร
“ก็เพราะข้าคือเทพแห่งความรักไมตรีและเอื้อเพื้อเผื่อแผ่ เป็นเทพที่เหล่ามารร้ายเกลียดชังมากที่สุด เพราะถ้าเมื่อใดก็ตามที่ข้าถูกทำลายสิ้น เมื่อนั้นเหล่ามารก็สามารถทำร้ายเทพเทพีและดินแดนแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ข้าจึงถูกสาปเอาไว้ว่าทันทีที่ข้าอายุครบยี่สิบห้าปีมนุษย์ และคืนที่จันทราเป็นสีเงิน เมื่อนั้นความสนุกสนานจะแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าโศก แม้จันทราจะเป็นสีเงิน แต่ดวงดาวนับล้านจะแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือดและพญามารจะเข้ามาทำลายดินแดนแห่งนี้” จินอูหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “ในคืนนั้น อัศวินที่มาจากโลกมนุษย์ซึ่งก็อาจจะหมายถึงเจ้าจะทำการต่อสู้อย่างบ้าเลือด เลือดทุกหยดที่ออกมาจากร่างกายของเจ้าจะปกป้องดินแดนแห่งนี้ไว้ ข้าจึงเชื่อใจเจ้ามากนะซึงยูน นัยน์ตาของเจ้ามันแฝงไปด้วยความกล้าหาญที่ยังหลับใหลอยู่”
ซึงยูนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้ยินว่าการต่อสู้นั้นต้องแลกด้วยหยาดเลือดของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่อาจจะหลบหลีกคำทำนานหรือตำนานบ้าๆ นั้นได้เลย
คงต้องก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมของตัวเองต่อไป ... แม้ความจริงแล้วตนเองจะเป็นเพียงเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ ที่วันๆ อยู่กับการเรียนและการอ่านการ์ตูนให้บันเทิงหัวใจเท่านั้น
“แล้วถ้าเกิดผมปกป้องทุกอย่างไว้ไม่ได้ล่ะ ? ทุกคนในดินแดนนี้จะต้องตายหมดใช่ไหม ?”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ !”
“นัมแทฮยอน !” ผู้เป็นพี่ดุน้องชายตัวเองด้วยสายตาดุ เป็นสายตาที่เด็กน้อยไม่ค่อยเห็นจากพี่ชายเท่าไรนัก แทฮยอนจึงทำได้เพียงแค่เบะหน้าบึ้งตึงก่อนหยิบอาหารตรงหน้าเข้าปากอย่างไม่คิดสนใจ “เจ้าอย่าพูดอะไรที่เป็นลางร้ายอย่างนั้นเลย ข้าเชื่อว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม”
“นั้นสินะ”
ซึงยูนก้มหน้าครุ่นคิด ความคิดในสมองของเด็กหนุ่มตีกันสับสนวุ่นวายจนปวดหนึบ
“จริงสิ เมื่อครู่ข้าอธิบายถึงดินแดนแห่งเทพยังไม่จบใช่ไหม ?” จินอูดีดนิ้วเปาะ ก่อนเริ่มยิ้มบางๆ อีกครั้งแล้วอธิบายต่อ “ดินแดนแห่งเทพนี้ประกอบไปด้วยสามเมืองหลัก คือดินแดนเหนือ ดินแดนตะวันออก และดินแดนทางใต้ ...”
“แล้วทางตะวันตกล่ะ ?”
“ทางทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ของป่าแห่งสำนึกผิดชอบชั่วดี ป่าที่กั้นเขตแดนระหว่างดินแดนแห่งเทพและมารออกจากการ แต่ช่างโชคร้ายที่ฝ่ายมารโลภมาก ในทุกๆ วัน มารจะค่อยๆ กินอาญาบริเวณของป่าเข้ามาทีละนิดเพื่อหวังจะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง”
“และป่าแห่งสำนึกผิดชอบชั่วดีก็คือป่าที่ข้าและท่านนักบวชไปเจอเจ้านั้นแหละ”
“พูดถึงป่านั้น ... ผมได้ยินเสียงฝีเท้าม้านับสิบด้วยล่ะตอนที่ผมตื่นขึ้นมาเมื่อเช้า”
เส้นสปาเกตตี้แทบพุ่งออกมาจากปากอวบของเด็กหนุ่มเมื่อเทพสองพี่น้องที่นิสัยต่างกันสุดขั้วตะโกนออกมาพร้อมกัน
“อะไรนะ เสียงฝีเท้าม้า !”
“ทะ ทะ ทำไมหรอ ? ทำไมต้องตกอกตกใจกันขนาดนั้น ?”
มือของเด็กหนุ่มคว้าแก้วน้ำใสขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ก่อนส่งสายตาเรียวที่ฉายแววไม่เข้าใจชัดสลับกันไปมาระหว่างสองพี่น้อง
“เจ้ารู้ไหมว่าเสียงม้าที่เจ้าได้ยินนั้นไม่ใช่ม้าธรรมดา แต่นั้นคือเซนทอร์ ทหารม้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพญามารซึงฮยอน !”
เมื่อได้ยินชื่อประหลาดๆ ของสิ่งที่ไม่เคยได้ยินเด็กหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบชน วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะก่อนถามถึงสิ่งประหลาด
“เซนทอร์” เด็กหนุ่มทวนคำ “เซนทอร์คือตัวอะไร ?”
“เซนทอร์คือสัตว์ที่รูปร่างครึ่งบนเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำ แต่ครึ่งล่างเป็นม้าที่แข็งแรงยังไงกันเล่า !”
“ใช่ๆ เสียงฝีเท้าพวกนั้นข้ามั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นเลยว่าเป็นเสียงของเซนทอร์ ทหารม้าที่ซื่อสัตย์ของพญามารซึงฮยอน”
“ผมได้ยินพวกมันพูดถึงกลิ่นของมนุษย์ด้วย ... พวกนี้จมูกดีเป็นบ้าเลย”
ซึงยูนพูดก่อนยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบอีกครั้ง แทฮยอนเงยหน้าจากอาหาร มือที่ถือกระดูกไก่อยู่ราวกับชาไปชั่วขณะ ปล่อยให้กระดูกชิ้นเขื่องตกลงจานกระเบื้องเนื้อดีเสียงดัง ไม่ต่างจากจินอูที่เบิกตาโตอ้าปากค้าง
“ขอบคุณพระเจ้าที่เจ้าสามารถหลบพ้นพวกมันมาได้”
“หืม ? ทำไมครับ”
“เพราะพวกมันคือบริวาลของซึงฮยอน มันจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายข้าและดินแดนแห่งเทพนี้” จินอูอธิบาย “ตราบใดที่ข้าคือเป้าหมายของพวกมัน เจ้าก็คือเป้าหมายของพวกมันด้วย อย่าลืมนะซึงยูน พวกเราคือเป้าหมายของพวกมัน ฉะนั้นแล้ว เจ้าต้องระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด”
หลังจากมื้ออาหารค่ำสุดหรูหราที่เด็กหนุ่มไม่สามารถแตะต้องมันได้อีกหลังจากรับรู้ความจริงว่าจะต้องพบเจอกับภัยอันตรายมากมายที่รุมล้อมรอบด้าน จินอูจึงพาซึงยูนขึ้นมาชั้นบนของปราสาท บานประตูไม้นับสิบบานเรียงรายจนแทบลายตา ทั้งสองเดินมาจนถึงห้องที่อยู่สุดทางเดิน
“ฝั่งทางนี้คือห้องของข้า ห้องของแทฮยอนอยู่ข้างห้องของข้า ส่วนห้องของเจ้าอยู่ตรงข้ามห้องของข้านะ ข้าให้แม่บ้านมาจัดห้องให้แล้ว คืนนี้พักผ่อนตามสบายเถิด”
รอยยิ้มพิมพ์ใจของเทพรูปงามปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะหมุนตัวหันหน้าเข้าหาประตูห้องของตัวเอง แต่ก็ต้องชะงักหันหน้ากลับเมื่อมืออุ่นๆ ของเด็กหนุ่มคว้าเข้าที่ข้อมือของผู้เป็นเทพตัวเล็กอย่างถือวิสาสะ
“...”
“...”
เด็กหนุ่มราวกับต้องมนต์สะกดอีกครั้งเมื่อสบตาของตนเข้ากับดวงตากลมโตของผู้เป็นเทพรูปงามตรงหน้า ยิ่งจ้องเข้าไปในดวงตาใสของเทพตัวเล็กก็ยิ่งตกอยู่ในภวังค์ ดวงหน้าหวานของจินอูทำให้ซึงยูนถึงกับหัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
“เออ ... มีอะไรอีกหรือเปล่า ?”
“อ่อๆ เออ ... ไม่มีอะไร ...” ซึงยูนค่อยๆ ปล่อยมือของตนออกจากข้อมือเล็กของเทพหน้าสวย “ฝันดีนะครับ เทพจินอู ...”
XXXXX
สเต๊ปที่ 1 ของอาการแอบรักคือจ้องหน้า
สเต๊ปที่ 2 ของอาการแอบรักคือสกินชิป
อาคังของเจ๊ทำไมซึนได้ขนาดนี้คะ ? 5555555
อย่าเพิ่งโวยวายกันนะคะ อาคังเขายังไม่กล้าอะไรมากมายกับจินอูค่ะ
ตอนต่อๆ ไปเขาอาจจะมากมายกว่านี้ ตามสเต๊ปรุงรังบอย 5555555
ส่วนน้องนัม =____= หนูออกมากินมูมมามให้ชาวบ้านเห็นทำไมคะลูก ?
ตอนต่อๆ ไปอาจจะไม่ค่อยมียูนอูนะคะ เพราะเจ๊พยายามให้ปมมันเข้ามาเยอะๆ
แล้วก็มาค่อยๆ คลี่คลายกันไป แต่ไม่นานยูนอูเขาจะกลับมาแน่นอนค่ะ
ชิปเปอร์อย่าเพิ่งโวยวายนะคะ นะ นะ J
พีเอส : อยากตอบคอมเมนท์ทุกคอมเมนท์เลย แต่เจ๊ไม่สามารถ แฮ่ๆ
แต่ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจนะคะ แม้จะมีน้อยนิด แต่ทุกกำลังใจทำให้ฟิคเรื่องนี้เดินต่อได้
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ *โค้งแปดทิศ*
ความคิดเห็น