คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
อาจเป็นเพราะหัวใจที่อ่อนแรง ทำให้ฉันเผลอไผลไปชั่วเวลาเท่านั้น
“เจ้ากวางน้อยคิมจินอู ?”
คนที่ทำตัวเป็นลิงเป็นค่างหยุดปีนป่ายร่างสูงโปร่งของซึงยูน ปลายเท้าที่เคยเขย่งยกร่างให้สูงขึ้นนั้นลดลงยืนเต็มฝ่าเท้าก่อนสบนัยน์ตากลมโตเข้ากับนัยน์ตาเรียว
“ก็ฉันน่ะสิ นายคิดว่าทั้งวงการนี้จะมีผู้ชายตัวเล็กและดวงตากลมโตเท่าฉันอีกแล้วหรือไง ?”
“เปล่า ฉันก็แค่แปลกใจน่ะ คนดังอย่างนายไม่น่าจะมาสถานที่แบบนี้คนเดียวนะ”
ซึงยูนเลิกคิ้ว มือถือแว่นตากันแดดสีดำสนิทยังคงยกสูงเหนือศีรษะ
“ทำไม ? คิดว่าคนดังอย่างฉันจำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดเดินอ้อมหน้าอ้อมหลังหรือมีผู้จัดการส่วนตัวคอยประกบข้างตลอดเวลาเลยหรือไง ?”
ใบหน้าหวานบูดบึ้งแสดงถึงความไม่พอใจขึ้นมาตะหงิดๆ ทำไมต้องคิดว่าคนดังอย่างพวกนายแบบหรือศิลปินนักแสดงต้องมีคนคอยติดตามคุ้มกันเยอะๆ เป็นโขยงด้วย ?
มันน่าเบื่อจะตายไป ...
แต่จินอูก็เตรียมใจไว้แล้วก่อนที่จะก้าวเท้าเข้ามาโลดแล่นในวงการนี้ แต่ก็เป็นโชคดีของจินอูที่ได้ซึงรีเป็นผู้จัดการส่วนตัว เพราะซึงรีให้อิสระกับจินอูทุกเรื่อง ขออย่างเดียวว่าอย่ามีปัญหาตามมาให้ซึงรีปวดหัวเล่นๆ
และจินอูก็ทำได้ดีเสมอมา
“ก็ใช่ไง ...” ซึงยูนยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม จินอูขยับตัวถอยหนี แต่ยิ่งถอยหนี เจ้าคนหน้าบวมๆ ตรงหน้าก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้จนจินอูรู้สึกอึดอัด “ฉันเห็นนะตอนที่ฉันร้องเพลง นายมีท่าทางสนใจฉัน”
“สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ?” จินอูเถียงคอเป็นเอ็นแทบพ่นน้ำลายใส่ใบหน้าของคนหล่อคมคาย “ฉันไม่ได้สนใจนายสักหน่อย ฉันแค่ชอบน้ำเสียงของนายเท่านั้นเท่านั้นเอง”
“มันคือชอบไหมล่ะ ?”
“ย่าห์ ! คังซึงยูน นายมีอะไรให้ฉันชอบอีกนอกจากน้ำเสียงเวลาที่นายร้องเพลงน่ะ หน้าก็บวม ปากก็ห้อย ตาก็ตีบ ไม่เห็นมีอะไรให้ฉันพิศวาสนายสักนิด ...”
ยังขยับปากด่าไม่จบ จินอูก็ต้องกลืนก้อนคำด่าให้ลงคอไปเพราะไอ้คนที่เพิ่งด่าปาวๆ ว่าตัวเองจะไม่พิศวาสในตัวนั้นได้เอียงตัวฝังปลายจมูกลงบนแก้มเนียนข้างซ้ายไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“มีอะไรที่ฉันไม่น่าพิศวาสอีกไหม ?”
“ไอ้คนฉวยโอกาส !”
คราวนี้ซึงยูนเอียงตัวฝังปลายจมูกลงหอมแก้มขวา จินอูเบิกตาโพลงก่อนผลักร่างของซึงยูนออกด้วยความรังเกียจ ซึงยูนเซถอยหลังไปสองถึงสามก้าวแต่ยังสามารถยกยิ้มมุมปากได้อย่างมีชัย
“ผิวของเจ้ากวางน้อยแห่งวงการนายแบบนี้ จะว่าไปก็นุ่มดีเหมือนกันนะ นุ่มเหมือนผิวเด็กเลย”
“คังซึงยูน !”
“เหลือแต่ปากบางๆ นี่สินะที่ยังไม่ได้สัมผัส อยากรู้จังว่าจะนุ่ม ...”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค กำปั้นลุ่นๆ ก็ซัดกระแทกเข้าที่มุมปาก ใบหน้าของซึงยูนหันไปตามแรง แม้หมัดของเจ้ากวางน้อยที่มอบให้นั้นไม่สามารถทำให้ผิวหนังของคนร่างสูงโปร่งได้รับความกระทบกระเทือนอะไรมากมายนัก แต่ก็ทำให้มุมปากหนานั้นช้ำเขียวได้เหมือนกัน
“เก็บปากนายไว้สั่งลูกน้องทำงานไม่ดีกว่าหรอ ? ไอ้ลูกหมา !”
“โอเค ตกลงอย่างนั้นก็ได้ ...” แม้ปากจะช้ำไปแล้วแต่ก็ยังไม่วายที่จะต่อปากต่อขานกับเจ้ากวางน้อยตรงหน้า “แต่นาย ... นายต้องเก็บแก้มและริมฝีปากรวมถึงร่างกายของนายให้ฉันคนเดียวนะ โอเคไหม ?”
“ไอ้คนทุเรศ !”
กำปั้นเล็กง้างขึ้นกลางอากาศอีกครั้งก่อนสมองจะสั่งการให้ฝ่าอากาศไปหวังจะกระแทกสั่งสอนเด็กปากหมาตรงหน้านี่เสียอีกสักที แต่ซึงยูนเบี่ยงตัวหลบทันแล้วคว้ามือบางที่กำแน่นนั้นไว้กับมือแล้วออกแรงดึงให้ร่างเล็กนั้นถลาลงมาฝังใบหน้าลงกับแผ่นอก
“ถึงจะทุเรศแต่ก็อาจจะทำให้นายติดใจก็ได้นะ อยากลองดูสักครั้งไหมล่ะ หืม ? เจ้ากวางน้อย”
“หยาบคาย !” ร่างเล็กสะบัดตัวเองออกจากการเกาะกุม เหลียวมองคนตัวสูงกว่าด้วยแววตาเครียดแค้นรังเกียจเกินทน “เสียแรงที่ฉันหลงชอบเสียงนาย ถ้าฉันรู้ว่าเนื้อแท้ของนายหยาบยิ่งกว่ากระดาษทรายแบบนี้นะ ฉันจะไม่หลงเสียงนายให้เสียหูหรอก !”
จิกสายตารังเกียจเกินทนก่อนคว้าแว่นตากันแดดสีดำราคาค่อนข้างสูงในมือของซึงยูนมาถือไว้ อ้าขาแว่นตาให้ง้างออกแล้วเหน็บลงบนคอเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวสบายๆ ที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ ก้าวเท้าฉับๆ เลี่ยงออกมาให้ไกลจากบุคคลที่เคยหลงใหลแค่เพียงไม่นานก็ต้องเกลียดแสนเกลียดจนเข้ากระดูกดำ
ไม่น่าหลวมตัวไปชอบคนปากหมาพูดจาทุเรศแบบนั้นเลย
ทั้งๆ ที่เพลงและน้ำเสียงแหบหนักจะอบอุ่นหัวใจมากจนลืมเรื่องหนักอกหนักใจบางเรื่องไป พอเจอเข้าแบบนี้เป็นใครก็ต้องเกลียดจนแทบอยากจะฆ่าให้ตายสุดๆ เหมือนกัน
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ เจ้ากวางน้อย”
สองเท้าที่ก้าวเดินอยู่หยุดชะงัก หมุนตัวมาเหลือบมองบุคคลปากวอนแตกอีกครั้งด้วยสายตาแข็งกร้าว กลีบปากบางขยับด่าคนตัวสูงโปร่งอีกครั้ง
“ใครมันจะอยากเจอนายอีก ถ้าเป็นไปได้ก็ลืมๆ กันไปซะ คนอย่างนายฉันไม่น่ารู้จักให้เปลืองพื้นที่ความทรงจำในสมองฉันเลย ให้ตายเถอะ !”
กล่าววาจาลั่นคำด่าจบก็หมุนตัววิ่งด้วยขาคู่สั้นแต่นั้นกลับทำให้คนตัวสูงกว่าที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังหัวเราะร่วนออกมากับท่าทางน่ารักๆ ของคนตัวเล็ก
เตี้ยแต่วิ่งเร็วชะมัด ...
นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งสินะที่ใครต่อใครตั้งฉายาให้ว่า เจ้ากวางน้อย
ทันทีที่แผ่นหลังบางหายไปกับความมืดมิดของบรรยากาศยามที่โลกหมุนตัวเองแตะเข้ากับวันใหม่ ซึงยูนก็เลือกที่จะหมุนตัวกลับเข้าไปใน WN Night Club ที่ตนหุ้นเปิดกับคังแดซองพี่ชายของตัวเอง โดยที่ซึงยูนไม่รู้ตัวเลยว่าในร้านมีเพื่อนสนิทของตัวเองนั่งยิ้มแป้นร่าเริงกับสุราและนารีอยู่ที่โซน VIP
“เห้ย ! คังซึงยูน” เสียงทุ้มที่ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่ทางร้านเปิดแก้ขัดเนื่องจากเจ้าคนที่มีคิวร้องเพลงวันนี้ดันวิ่งแจ้นออกนอกร้านทั้งๆ ที่ตัวเองยังต้องร้องเพลงต่อให้ครบชั่วโมง แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ซึงยูนต้องคุยกับลูกค้าระดับ VIP ที่เป็นเพื่อนสนิทเสียก่อน
“หายไปไหนมาวะ ? ปล่อยให้เพื่อนรักของนายนั่งกินเหล้าคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจแบบนี้มันใช่ไม่ได้เลยนะ”
“นายก็ไม่ได้นั่งกินคนเดียวนี่นา มีน้องเขามานั่งด้วย นายยังต้องการอะไรอีก ?”
“ก็อยากให้นายมานั่งกินเหล้าด้วย”
“จะบ้าหรือไง ? นายก็รู้ว่าฉันแพ้แอลกอฮอล์”
คำปฏิเสธที่ซึงยูนต้องกระซิบบอกทุกครั้งที่มินโฮเพื่อรักแสนสนิทชักชวนให้ร่วมวงเครื่องดื่มมึนเมา แม้จะพูดสักกี่ครั้งกี่หน แต่ก็ดูเหมือนมินโฮจะไม่เคยจดจำเลย
“เออ ... ใช่” มินโฮกรอกตาไปมาแต่ก็ไม่วายที่จะหยอกเหย่าเพื่อนรักตัวสูงโปร่งและค่อนข้างผอมบาง ยกมือวาดวงแขนกอดคอซึงยูนแบบที่ชอบทำบ่อยๆ “งั้นมานั่งเป็นเพื่อนหน่อยก็ได้”
“ฉันมีงานต้องทำ” คำพูดบอกปัดเสียงเรียบเหมือนไม่คิดอะไรพลางขยับไหล่ให้แขนที่ทิ้งน้ำหนักนั้นปล่อยออก แต่ก็สามารถทำให้คนร่างหนาราวหมีที่มีน้ำอกน้ำใจกล่าวชักชวนจุกไม่ใช่น้อย มินโฮทำปากยื่นปากยาวหน่อยๆ แล้วดีดดิ้นแสดงความน้อยใจราวกับเด็กน้อยที่ร้องประท้วงจะเอาหุ่นยนต์กัมดั้มในห้างสรรพสินค้าหรูยังไงยังงั้น “เอาน่า ... เดี๋ยวเสร็จงานแล้วถ้านายยังไม่กลับจะมานั่งดื่มโค้กเป็นเพื่อน”
ยกมือตบไหล่หนาของเพื่อนรักร่างหมีดังปุบๆ ก่อนเดินผละไปทางหลังร้าน ในสมองกลับคิดถึงแต่นายแบบตัวเล็กหน้าใสที่เจ้าตัวจับเข้ามาอยู่ในหัวใจโดยที่ไม่รู้ตัวพลางสะบัดหัวไล่ความคิดประหลาดๆ แต่ก็ทำได้แค่แปลกใจตัวเองว่าทำไมต้องแอบอมยิ้มด้วยเวลาที่คิดถึงเจ้ากวางน้อยคนนั้น
“นายไปไหนมา ? รู้ไหมว่าลูกค้าหลายคนไม่พอใจที่นายทิ้งงานจนกลับไปหลายคนแล้วนะ”
คังแดซองพี่ชายสุดที่รักของคังซึงยูนขยับปากบ่นใส่หน้าน้องชายตัวดีที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่รู้จักคิด แต่น้องชายหน้ามึนกลับทำเพียงแค่ยักไหล่ ดวงตาเรียวจดจ้องใบหน้าของพี่ชายด้วยสายตาที่ชักชวนให้แดซองอยากจะยกเท้าขึ้นถีบเข้าหน้าท้องแบนราบที่ปกปิดด้วยเสื้อเชิ้ตสีเทาหม่นให้ตัวผอมๆ ปลิวออกหลังร้านเสียจริงๆ
ถ้ารู้ว่าน้องชายของเขาจะหน้ามึน สอนไม่จำด่าไม่เข็ดแบบนี้ แดซองคงจะเอากิมจิหัวไชเท้ายัดปากให้ตายๆ ไปตั้งแต่เกิดแล้ว
“โถ ... พี่แดซองอ่า ... แค่ไปเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ กินมาร์ชเมลโล่นิ่มๆ ข้างนอกเท่านั้นเอง”
“คนบ้าอะไรจะไปเดินเล่นรับลมเย็นกินมาร์ชเมลโล่ตอนตีหนึ่งตีสอง นายบ้าไปแล้วจริงๆ หรือไง ?”
“สงสัยจะบ้าจริงๆ แหละ” คังผู้น้องตอบพลางยกยิ้มกว้างจนโหนกแก้มกลมๆ ยกขึ้นเป็นลูกทั้งสองข้าง “ถึงจะบ้า แต่คังซึงยูนคนนี้ก็หล่อตลอดกาลนานนะครับ”
กดเสียงแหบให้ทุ้มต่ำเชิงล้อเลียนแล้วพูดใส่พี่ชายตาตีบ แดซองชักจะหมั่นไส้ขึ้นมาจริงๆ แล้ว อยากยกเท้าขึ้นวาดเป็นวงท่าจระเข้ฟาดหางใส่คนที่กวนประสาทตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ
“มั่นเนาะ ไปๆ ไปทำงาน”
“ไม่มีอารมณ์ทำแล้วอ่า ไปนั่งจิบโค้กเย็นๆ ดีกว่า”
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะพูดว่าไปหานั่งจิบไวน์หรือกินเหล้าแน่ๆ แต่สำหรับคังซึงยูน มนุษย์เพศชายผู้เป็นถึงระดับเจ้าของ WN Night Club ชื่อดังกลับไม่สามารถพูดประโยคทำร้ายตัวเองแบบนั้นออกมาได้เลย
เพราะอะไรน่ะหรอ ?
ก็อย่างที่เจ้าตัวบอก ... คังซึงยูนแพ้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดน่ะสิ
ไม่ใช่แพ้ธรรมดานะ แต่แพ้ถึงระดับสิบ ...
นอกจากซงมินโฮ คังแดซองหรือบุคคลอื่นๆ ที่สนิทกับซึงยูนเท่านั้นรู้ว่าเมื่อไรก็ตามที่แอลกอฮอล์เข้าปากของซึงยูน เมื่อนั้นผิวที่เคยขาวใสสะอาดสะอ้านของเจ้าตัวคนสูงโปร่งจะต้องแดงเถือกขึ้นมาทั้งตัว ผื่นขึ้น หรือถ้าหนักหน่อยอาจจะหงายหลังคอพับคออ่อนสลบสไลไปเลยแม้ได้รับในปริมาณเพียงน้อยนิด
แล้วเจ้าคนที่เป็นน้องชายตัวแสบก็สาวเท้าเดินเลี่ยงไปทางเคาน์เตอร์บาร์เรืองแสงสารพัดสี ซึงยูนจำได้แม่นยำเลยว่าเก้าอี้สูงตัวไหนที่คนตัวเล็กเพิ่งลุกออกไป ซึงยูนกวาดตามองเมื่อเห็นว่าไม่มีใครนั่งที่เก้าอี้ตัวสูงนั้น ร่างสูงโปร่งจึงเดินตัวปลิวรีบไปนั่งทับรอยที่เจ้ากวางน้อยนั้นเพิ่งลุกเดินออกไปอทบจะทันที
จากตอนแรกที่มีลูกค้าเต็มร้าน ตอนนี้เริ่มเบาบางลงแล้ว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความผิดของซึงยูนเองที่ไล่ลูกค้าทางอ้อม เพราะไม่มีใครกล้าที่จะเดินลงจากเวทีทั้งๆ ที่กำลังร้องเพลงอยู่ แต่ด้วยซึงยูนถือสิทธิ์เจ้าของร้านและไม่มีใครจะสามารถไล่เขาได้นอกจากพี่ชายที่ร่วมหุ้น การทำอะไรตามใจตัวเองเสมอมาจึงเป็นสิ่งที่ซึงยูนมักจะทำบ่อยๆ
“จุนฮเวๆ คนตัวเล็กๆ ที่เขาใส่แว่นตาสีดำเขาสั่งอะไรหรอ ?”
“อ๋อ ... คนประหลาดๆ นั้นน่ะหรอ ? เขาสั่งจินแอนด์โทนิกอ่ะ กินอะไรที่มันง่ายๆ แบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ ไม่ต้องวุ่นวาย ว่าแต่ พี่ถามทำไม ?”
“เปล่าหรอก” จุนฮเวที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดเรียงอุปกรณ์บนเคาน์เตอร์บาร์ที่ประจำช้อนตามองบุคคลที่เป็นถึงระดับเจ้านายของตัวเองด้วยความไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก ใบหน้าติดโหดฉายแววว่าสงสัยในความพิลึกพิกลของเจ้านายหนุ่มเสียจริง “เอาโค้กมากินหน่อยสิ”
“กินโค้กตอนนี้จะนอนหลับลงหรอพี่ ?”
“เอามาเถอะน๊า ... ก่อนขึ้นเวทีเมื่อกี้ฉันก็จัดกาแฟมาแล้ว จะนอนหลับไม่หลับค่อยว่ากันอีกที”
XXXXX
“นายต้องเก็บแก้มและริมฝีปากรวมถึงร่างกายของนายให้ฉันคนเดียวนะ”
เหยด ... ช่วยเจ๊ตีบด้วย เจ๊ตีบกรีดร้องเป็นภาษามองโกเลียได้แล้วค่ะรีดเดอร์
ออกตัวแรงไปไหมคะ คุณคัง >< ชอบคุณคิมหรอถึงได้เพ้อเจ้อและหวงเข้าตัวได้ถึงขนาดนี้ แอร๊ย
แล้วอะไร ? มีหอมแก้มซ้ายขวาคุณคิม เหยด ... ตาย !
ต้องติดตามต่อไปนะคะว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
เจ๊ตีบสัญญาค่ะว่าจะพยายามทำให้ฟิคเรื่องนี้สนุกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ^^
#ฟิคจินแอนด์โทนิก
ปล.1 เห็นรีดเดอร์หลายคนบอกว่าชอบ เจ๊ตีบก็ปลื้มอกปลื้มใจมากค่ะ เพราะเรื่องนี้เจ๊ตีบจะพยายามทำให้มันแตกต่างจากฟิคอัศวินเที่ยงคืนเนาะ
ปล.2 ขอบคุณมากๆ นะคะที่ชอบฟิคจินแอนด์โทนิค ยังไงก็อยู่ให้กำลังใจเจ๊ตีบและฟิคจินแอนด์โทนิกต่อไปเรื่อยๆ นะคะ เรื่องนี้แต่งยากกว่าฟิคอัศวินเที่ยงคืนเยอะมาก เพราะมันเป็นฟิคที่ไม่ได้พึ่งพาจินตนาการเหมือนฟิคแนวแฟนตาซีเหมือนที่ผ่านมา
ปล.3 ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาด เช่น คำผิด เป็นต้น ไปสะกิดบอกเจ๊ตีบในทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ ^^
ปล.4 ขอบคุณนะคะ รักนะคะ ซารางเฮโย >3<
@SQWEEZ
ความคิดเห็น