คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ยินดีต้อนรับ
แสงสุริยันเล็ดลอดผ่านหมู่แมกไม้ทอดลงมายังพื้นหญ้าสีเขียวท่ามกลางป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์และยังคงเขียวขจีท่ามกลางฤดูร้อนที่ไม่สามารถทำให้ผืนป่านี้ดูแห้งแล้งลงไปเลย เสียงนกสามัคคีกันขับขานเสียงเพลงอันไพเราะแห่งเช้าวันใหม่ประสานกับเสียงสายลมที่พัดกระทบกับใบไม้ไหวกระทบเป็นเสียงเพลงอันไพเราะราวกับวงดนตรีคลาสสิกท่ามกลางป่าใหญ่
คังซึงยูนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเมื่อเปลือกตาได้รับความอุ่นจางๆ จากดวงตะวัน กระพริบตาปริบๆ เพื่อให้ดวงตาของตัวเองปรับสภาพกับแสงสีทองของสุริยัน
ที่นี่ที่ไหน ?
คำถามแรกที่สมองสั่งการให้คิดทันทีที่ดวงตาเรียวจับภาพของสถานที่ที่ไม่คุ้นตา ใบไม้ที่ไหวไปตามสายลมด้านบนแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาเข้มเมื่อตัดกระทบกับแสงของดวงตะวันที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสูงจากระดับพื้นดิน
“เสียงม้านี่ ?”
ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะยันกายลุกขึ้นนั่ง เสียงฝีเท้าม้านับสิบตัวก็ดังแว่วเข้ามากระทบโสตประสาท ซึงยูนจึงจำเป็นต้องกลิ้งตัวหลบซ่อนหลังพุ่มไม้ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ เพียงแค่หวังว่าจะรอดจากภัยอันตรายนาๆ ในสถานที่ที่ไม่คุ้นตาแบบนี้
“หามันให้เจอ !”
เสียงคำสั่งดุดันราวกับเสียงของพลทหารกล้าที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ความกลัวแล่นเข้าสู่หัวใจของเด็กหนุ่มจนต้องพ่นบนสวดออกมา ร่างทั้งร่างสั่นเทา
“ข้าว่าแถวนี้ไม่มีมนุษย์เหมือนที่เจ้าว่าหรอก หูตาเจ้าคงเสื่อมสภาพแล้วแหละ”
“แต่ข้าว่าข้าได้กลิ่นมนุษย์จริงๆ นะ จมูกข้าไม่เคยมีเพี้ยน” เสียงฝีเท้าม้าขยับไปมาราวกับสำรวจไปทั่วบริเวณ “งั้นไปตามหาฝั่งทางโน้นแล้วกัน”
เสียงฝีเท้าม้าที่ถูกควบดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ เงียบไปตามระยะทางที่ถอยห่าง เป็นสัญญาณว่าสิ่งที่เขาหลบซ่อนนั้นได้จากไปแล้ว เด็กหนุ่มจึงเริ่มออกมาจากที่หลบซ่อนก่อนจะต้องรีบหลบหนีออกจากป่าไม้นี่
“ที่นี่ที่ไหนกันแน่ ?”
คำถามหลุดจากปากของเด็กหนุ่มอีกครั้งเมื่อเริ่มออกเท้าก้าวเดิน ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโล่งใจเมื่อทางเดินในป่ากว้างไม่ได้เดินลำบากแม้แต่น้อย และดูเหมือนจะไม่มีศัตรู สัตว์ป่า หรือสิ่งเลวร้ายที่จะเข้ามาทำร้ายเขาได้เลย
แต่ซึงยูนคิดผิด ...
เด็กหนุ่มชะงักเท้าที่ก้าวเดินให้หยุดลง ดวงตาเรียวเบิกโพลงแทบจะถลนออกมานอกเบ้าเมื่อมีบุคคลปริศนากระโดดออกมาเผชิญหน้ากับเขาพร้อมๆ กับเงื้อมือที่ดึงธนูเอาไว้ ถ้ามือข้างขวาของบุคคลผมแสกกลางสีน้ำตาลนั้นปล่อยจากการเงื้อ ลูกธนูอันยาวคงจะสังหารเขาได้ทันที
เพราะเป้าหมายที่ส่วนแหลมคมนั้นตรงมาคือกลางหน้าผากของเขา !
“เจ้าเป็นใคร ?” คนใบหน้าสวยผมแสกกลางตะคอกถามซึงยูนเสียงดัง กระชับคันศรที่มือข้างซ้ายเบาๆ สายตาที่มองมาที่ซึงยูนแข็งกร้าว “ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร !”
“คะ คะ คังซึงยูน” เด็กหนุ่มตอบน้ำเสียงสั่นคลอเพราะความหวาดกลัวที่เริ่มกัดกินหัวใจอีกครั้ง “ชื่อของผมคือคังซึงยูนและผมก็ไม่รู้ด้วยว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า !” มือของคนหน้าสวยออกแรงดึงให้มากขึ้นจนได้ยินเสียงสายธนูที่ดังเพราะแรงเงื้อ “บอกมาว่าเจ้าคือสายสืบของมารหรือไม่ !”
“มาร ?” ทวนคำพูดพร้อมคิ้วที่ขมวดกันเป็นปม อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงแต่เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของคนตรงหน้า ซึงยูนจึงจำเป็นต้องกลั้นความขบขันเอาไว้ “มีเทพ มีมาร มีอะไรที่มันน่าพิศวงอะไรแบบนั้นบนโลกใบนี้ด้วยหรอ ?”
“เจ้านี่มัน ...”
“นัมแทฮยอน ...” ชายรูปร่างกำยำในชุดสีขาวสะอาดตาปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กับส่งเสียงดุเด็กน้อยที่ยังคงเงื้อธนูในมือพร้อมที่จะสังหารซึงยูนทันทีที่ปล่อยมือข้างขวา “ส่งเสียงอะไรจนลั่นป่าเขา ?”
“ท่านนักบวชยองเบ” เด็กน้อยใบหน้าหวานแต่ไม่กลัวภัยอันตรายใดๆ นามแทฮยอนรีบลดมือที่จับธนูและศรลงอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับวิ่งไปหาผู้ที่เป็นนักบวชซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เด็กผมแสกกลางสีน้ำตาลแดงยืนอยู่ก่อนมากนัก “ก็ชายผู้นั้นเป็นใครมาจากไหนข้าก็ไม่ทราบ ถามอะไรออกไปก็อ้ำอึ้งตอบแลดูมีพิรุธ แถมยังกล้าเล่นลิ้นกับข้าอีก ข้าชักจะหมดความอดทน ...”
“ใจเย็นๆ นัมแทฮยอน” นักบวชผู้แสนใจเย็นยกมือห้ามปรามเด็กน้อยจนเด็กที่อายุน้อยหยุดพูดพร้อมชักสีหน้าบึ้งตึง ผู้ที่เป็นนักบวชหันมาส่งยิ้มบางๆ ให้กับเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่นาน “ว่ายังไง ? เจ้าคือผู้ใดกัน ?”
“ผมชื่อซึงยูนฮะ คังซึงยูน ...” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่ตอบนักบวชทำให้แทฮยอนจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ แต่การกระทำของแทฮยอนทำให้ซึงยูนแอบอมยิ้มขันกับท่าทางของเด็กน้อยใบหน้าหวาน “ผมก็ไม่รู้ว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? ผมจำได้ว่าผมนอนอ่านการ์ตูนอยู่ที่ห้องอยู่ดีๆ แล้วเหมือนกับทะลุมาอยู่ที่นี่ เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงของเข็มนาฬิกาที่เดิน น่าจะเวลาเที่ยงคืนตรงมั้งฮะ ?”
เด็กหนุ่มลูบปลายคางตัวเองอย่างครุ่นคิดสักครู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าทั้งนักบวชผู้แสนดีและเด็กน้อยที่มีอาวุธคู่กายเป็นธนูคนเก่งกำลังตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อได้ยินคำว่าเที่ยงคืน
“อะไรนะ ? เจ้าบอกว่าเวลาเที่ยงคืนอย่างนั้นหรอ ?”
“ใช่ ... มีอะไรหรอเด็กน้อย ?”
“เจ้าคือผู้ที่มาตามคำทำนายของท่านยางฮยอนซอก ...” กลับเป็นท่านนักบวชที่ให้คำตอบของคำถามเด็กหนุ่ม แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนเองได้ยิน ท่านยางฮยอนซอกคือผู้ใดอะไรยังไง ? แล้วทำไมเขาต้องมาที่นี่ตามคำทำนายบ้าบอนั้นด้วย ? “เมื่อสามร้อยปีก่อน ท่านยางฮยอนซอกเคยทำนายเอาไว้ว่าในปีนี้หมู่มารจะเข้ามาทำลายเมืองแห่งเทพ ดินแดนที่อุดมไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร เพื่อหวังจะครอบครองดินแดนแห่งเทพนี้ให้เป็นดินแดนแห่งมาร เมื่อใดก็ตามที่มารสามารถทำลายดินแดนแห่งเทพนี้ได้ ดินแดนนี้จะต้องแห้งแล้ง ไร้ซึ่งความสุขเหมือนอย่างทุกวันนี้ ผู้คนจะล้มตายถ้าไม่ยอมเป็นบริวาลของพญามารร้าย และเป้าหมายสูงสุดที่พญามารจะทำลายคือเทพจินอู เทพแห่งความรักไมตรี และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่”
“ซึ่งเทพจินอูก็คือพี่ชายของข้าเอง ...” แทฮยอนปริปากพูดอีกครั้ง แต่ยิ่งฟังซึงยูนก็ยิ่งไม่เข้าใจ ดวงตาของแทฮยอนสั่นไหวเพราะน้ำตาที่เรื่อขึ้นบนดวงตาหวาน “ข้าคือเทพแห่งความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว จิตใจของข้าต้องทุกข์ทรมานทุกครั้งเมื่อต้องคิดถึงคำทำนายนั้น ข้าจะไม่ยอมให้พี่ชายของข้าเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
มือบางข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นซับน้ำตาลวกๆ เพื่อกลั้นเอาไว้ไม่ให้ตนแสดงความอ่อนแอมากไปกว่านี้ เพราะแทฮยอนคือเทพแห่งความกล้าหาญ คำว่าอ่อนแอจึงไม่เหมาะที่เทพแห่งความอ่อนแออย่างเขาต้องแสดงออกมา
“เพราะคำทำนายบอกเอาไว้ว่าอัศวินที่มาปกป้องดินแดนแห่งเทพและเทพจินอูจะมาในรูปกายมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังฤทธิ์อำนาจใดๆ แต่อัศวินนั้นจะมีสิ่งหนึ่งที่เหนือกว่ามนุษย์คนอื่นทั่วไปคือความพยายาม ความกล้าหาญ ความทะเยอทะยาน และความรัก ...” ผู้เป็นนักบวชสบตากับซึงยูนนิ่ง “และอีกสิ่งหนึ่งที่คำทำนายบอกคือ อัศวินผู้นั้นจะมาในช่วงเวลาเที่ยงคืน ซึ่งแน่นอนว่ามันหมายถึงเจ้า”
“ผม ?” ซึงยูนชี้นิ้วเข้าใบหน้าตัวเองงุนงง เรื่องราวเหนือธรรมชาตินี้ไม่สามารถทำให้ความเข้าใจในสมองสั่งการอะไรออกมาได้อีกเลยเมื่ออยู่ดีๆ ซึงยูนก็รู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้เหมือนกับจะอาเจียนออกมากับความไม่เข้าใจที่ก่อตัวขึ้นมาช้าๆ และไม่มีที่ท่าว่าความเข้าใจจะกระจ่างในสมองของเขา “ผมจะเป็นอัศวินอะไรนั้นได้ยังไง ? ในเมื่อผมต่อสู้ไม่เป็น ?”
“เรื่องอย่างนั้นมันฝึกฝนกันได้ พ่อหนุ่ม ...” นักบวชส่งยิ้มบางๆ ให้อีกพร้อมจ้องเพ่งเข้าไปในดวงตาของผู้ที่ถูกทำนายว่าต้องรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ “เพราะข้าเชื่อมั่นในความพยายามฝึกฝนของเจ้า ข้าเชื่อมั่นในความกล้าหาญที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในหัวใจของเจ้า ข้าเชื่อมั่นในความทะเยอทะยานที่จะทำในสิ่งที่ดีของเจ้า และข้าเชื่อมั่นในความรักที่บริสุทธิ์ที่จะมอบให้เหล่าเทพโดยเฉพาะเทพจินอูของเจ้า”
ชักอยากจะเห็นเทพจินอูแล้วสิว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ?
“เออ ...” ซึงยูนยังคงอ้ำอึ้งให้คำตอบอะไรไม่ได้ “แม้ว่าผมจะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ยังไงผมก็จะลองดูแล้วกันนะครับ”
ทั้งนักบวชยองเบและนัมแทฮยอนระบายรอยยิ้มกว้างออกมาพร้อมกัน ก่อนที่แทฮยอนจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจและเข้ามาเกาะแขนของซึงยูนราวกับเด็กน้อย
“มันต้องอย่างนี้สิ อัศวินที่เป็นความหวังของเหล่าเทพ” แทฮยอนยังส่งยิ้มกว้างให้กับซึงยูน ต่างจากครั้งแรกที่พบกัน “ข้าอยากให้พี่จินอู พี่ชายของข้าพบเจ้าเร็วๆ จัง ท่านนักบวช พาซึงยูนกลับไปที่เมืองของเรากันเถอะ”
“ใจเย็นๆ เด็กน้อย” นักบวชยังคงห้ามปรามเด็กน้อยที่เป็นถึงเทพ แต่เทพเด็กยังไงก็คือเด็กที่ต้องสั่งสอนและเอาใจใส่ด้วยคำสอนต่างๆ “ข้าขอบใจเจ้ามากนะ อัศวินเที่ยงคืน”
“อะไรนะครับ ? อัศวินเที่ยงคืน ?”
“ใช่ ... เพราะเจ้าคืออัศวินที่มายังดินแดนแห่งนี้ในเวลาเที่ยงคืน และจะจากไปในช่วงเวลาเที่ยงคืนเช่นเดียวกัน ฉะนั้นแล้ว ตามคำทำนายของท่านยางฮยอนซอก ท่านจึงเรียกอัศวินผู้นั้นว่าอัศวินเที่ยงคืน” นักบวชร่ายยาวแม้ซึงยูนไม่เข้าใจ “ไม่ว่ายังไง ข้าก็ขอต้อนรับเจ้าเข้าสู่ดินแดนแห่งเทพอย่างเป็นทางการนะ อัศวินเที่ยงคืน ข้าขอต้อนรับเจ้าด้วยความยินดี”
XXXXX
ตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไรเลยเนาะ 55555555
แต่ที่แน่ ๆ ซึงยูนเจอกับแทฮยอนแล้วจ้า ><
พ่อตะวันเป็นนักบวช แอร๊ยยยยยย ... คนดีของเจ๊ตีบ
ตอนหน้านายเอกของเราจะออกมาแล้วนะ
พระเอกจะเจอนายเอกแล้ว ตื่นเต้นไหม ?
ยังไงก็อย่าลืมคอมเมนท์ให้กำลังใจเจ๊ตีบนะ แต่งแนวแฟนตาซียากมากจริง ๆ
แต่เจ๊ก็จะสู้นะ ไฟท์ ๆ
อย่าลืมนะ 1 คอมเมนท์ 1 กำลังใจค่ะ
#ฟิคอัศวินเที่ยงคืน
ความคิดเห็น