คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 16 เจ้าชาย
เสียงเพลงในงานเลี้ยงโถงกลางปราสาทหยุดลงแทนที่ด้วยเสียงของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าดังแว่วอยู่บริเวณหน้าปราสาท พร้อมๆ กับเสียงฝีเท้าม้า ฝีเท้าคนเดินอย่างพร้อมเพรียงและสามัคคี รวมถึงเสียงล้อเกวียนใหญ่ลากเลื่อนบดกับพื้นดิน
ภายในโถงไร้ซึ่งเสียงทุกเสียงแล้ว คงจะไปพร้อมเพรียงกันหยุดความบันเทิงทุกอย่างเพื่อต้อนรับการมาเยือนของใครบางคน
จินอูผละออกจากตัวของซึงยูน ความหวานละมุนยังติดอยู่ที่ริมฝีปากของทั้งคู่ อ้อมกอดที่เคยอบอุ่นถูกคลายออกจากกันอย่างน่าเสียดาย
“ข้าว่า เจ้าชายคงมาถึงแล้ว เราไปต้อนรับเจ้าชายกันเถอะ”
จินอูว่าพลางก้มตัวลงเก็บหน้ากากที่เคยไร้ค่านอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นขึ้นมาทั้งสองอัน กระโปรงบานฟูฟ่องสีชมพูน่ารำคาญจนเจ้าตัวนึกอยากจะฉีกทิ้ง แต่พอคิดถึงเจตนารมของคนที่อยากให้ใส่มันก็ต้องถอนหายใจปรงตก แล้วยอมๆ ใส่มันต่อไป
หน้ากากปกปิดใบหน้าของทั้งสองชีวิตแล้ว จินอูจึงเลิกชายกระโปรงยาวลากดินขึ้นด้วยสองมือพร้อมที่จะออกเท้าก้าวเดิน แต่ซึงยูนกลับคว้าตัวเอาไว้ก่อนจับมือบางข้างซ้ายให้มาคล้องกับท่อนแขนข้างขวาของตนราวกับภาพของคู่บ่าวสาว
“แม้ว่าผมจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มีหน้าที่เป็นเพียงแค่อัศวินตามคำทำนาย ไม่ใช่เจ้าชายมียศถาบรรดาศักดิ์อะไร แต่ผมก็อยากให้จินอูรู้ไว้ว่าจินอูเป็นเจ้าหญิงของผม และจะเป็นเสมอตลอดไป”
ดวงตาภายใต้หน้ากากฉายแววสั่นไหวพร้อมๆ กับรอยยิ้มหวานที่ถูกคลี่ออก พยักหน้ารับเบาๆ ด้วยหัวใจที่พองโตกับคำพูดหวานของเด็กหนุ่ม แล้วเท้าทั้งสองคู่เดินออกสวนหลังปราสาทไปทางด้านหน้าเพื่อไปต้อนรับใครบางคนที่มาเยี่ยมเยือน
ท่านพี่ ! นี่หรือปราสาทของท่านเทพจินอูอ่ะ ... สวยงามมากเลย สวยราวกับไข่มุกใต้ท้องทะเลที่รับกับแสงตะวันยามเช้าเลย”
เด็กน้อยกระโดดลงจากเกวียนใหญ่ได้ก็เบิกตาโตกับภาพที่โฟกัสเห็น ปราสาทหลังใหญ่โตสูงตระหง่านสีขาวเหลือบมุกสะท้อนรับกับแสงไฟที่ประดับประดาอยู่โดยรอบ สองขาวิ่งไปวิ่งมารอบๆ ราวกับเด็กอายุห้าขวบ ชักชวนให้คนที่เพิ่งก้าวลงมาจากเกวียนต้องยิ้มและส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความไร้เดียงสาของน้องชาย
“จองชานอู สำรวมหน่อยสิ”
“ท่านพี่อ่า ก็น้องอดตื่นเต้นไม่ได้นี่นา ดูสิปราสาทสีมุกเวลาสะท้อนกับแสงไฟแล้วงดงามมากเลย”
“ข้ารู้ๆ แต่จองชานอู เจ้าเป็นเจ้าชายนะ สำรวมให้สมกับที่เจ้าเป็นเจ้าชายสักหน่อยสิ”
คนเป็นพี่ลูบหัวน้องชายเบาๆ เมื่อเด็กน้อยตัวโตที่มีศักดิ์เป็นน้องชายของเจ้าชายคนเก่งโผเข้ามาเกาะแขนแล้วถูไถหัวทุยๆ ที่ท่อนแขนปกปิดด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวสะอาดและคลุมทับด้วยผ้าคลุมอีกหนึ่งชั้น
จองชานอู น้องชายตัวดีของเขาน่าหมั่นเขี้ยวอย่างนี้เสมอ
“เจ้าชายยุนฮยอง มาแล้วหรือครับ ?”
เป็นแดซองที่ออกไปรับเจ้าชายที่มัวแต่เอ็นดูน้องชายที่โตทันตัว ผู้เป็นเจ้าชายหยุดการกระทำน่ารักๆ แล้วเหลือบมองใบหน้าที่ปกปิดด้วยหน้ากากสีขาวแล้วส่งยิ้มให้บางๆ
“อืม ... ข้ามาแล้ว งานเลี้ยงสนุกดีใช่หรือไม่ ? แล้วเทพจินอูผู้เป็นเจ้าของวันเกิดอยู่ที่ไหนซะล่ะ ?”
“อยู่นี่เพคะ”
เสียงหวานดังแว่วทางด้านข้างจนผู้เป็นเจ้าชายต้องหันไปตามเสียงเพรียก ดวงตากลมของเจ้าชายสองพี่น้องเบิกกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวงามในชุดสีชมพูทรงสุ่มฟูฟ่องเดินคล้องแขนมากับเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง
ปกปิดด้วยหน้ากากทั้งสองคน
“ท่านพี่ๆ ทำไมท่านต้องโกหกข้าด้วยว่าจินอูเป็นผู้ชาย ทั้งๆ ที่เห็นกันอยู่ว่าเป็นผู้หญิง แถมยังรูปงามอ้อนแอ้นอรชรด้วย”
ชานอูกระทุ้งแขนพร้อมกระซิบถามน้ำเสียงทะเล้นจนยุนฮยองชักอยากจะตีน้องชายตัวเองนักเมื่อล้อเล่นกับผู้เป็นเทพแบบนี้
“ชานอู ข้าไม่ได้โกหกเจ้านะ เทพจินอูเป็นผู้ชายจริงๆ เรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ก็เรื่องตลกแน่ๆ”
อย่าว่าแต่เจ้าชายสองพี่น้องเลย ผู้คนที่มาต้อนรับเจ้าชายก็ต้องตกตะลึงเหมือนกันที่เทพจินอูที่ตนรู้จักกลายร่างจากชายหนุ่มทรงเสน่ห์มาอยู่ในร่างของสาวงามอรชรแบบนี้
“ห๊า ! นั้นพี่ชายข้าหรือ ?”
เสียงตะโกนแหลมสูงดังขึ้นไม่ไกลไม่ไกลจากเด็กน้อยร่างยักษ์ผมแสกกลางสีน้ำตาลอ่อนสวมชุดสูทสีเรียบ ถ้าไม่มีหน้ากากปกปิดใบหน้าคงจะเห็นได้ชัดว่าคิ้วของเจ้าตัวลู่ตกลงแสดงความสงสัยเต็มประดา ข้างกายด้านหนึ่งมีมารหนุ่มในร่างของเทพสวมสูทสีดำสนิทปกปิดใบหน้าคมด้วยหน้ากากสีเดียวกับกับสูท ส่วนข้างกายอีกด้านหนึ่งมีร่างของเด็กหนุ่มที่โชว์ฟันกระต่ายทรงเสน่ห์สวมชุดสูทสีเดียวกันกับมินโฮแต่ปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากสีเทา
ยืนประกบข้างราวกับเป็นบอดี้การ์ดของแทฮยอน
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เจ้าของวันเกิดเป็นสายตาเดียวกัน ...
“เอ่อ ... ข้าเองที่เป็นคนจับจินอูแต่งตัวแบบนั้น” ซานดาร่าเลิกชุดของตัวเองขึ้นก่อนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ จินอูอีกคน ก่อนเอื้อมมือของตัวเองไปถอดหน้ากากบนใบหน้าของจินอูออก เผยให้เห็นใบหน้าของเจ้าตัวที่เวลานี้ยังคงหวานสวยไม่สร่าง “นี่คือจินอูจริงๆ ขอโทษทุกท่านด้วยนะที่ทำให้ตกใจ พอดีข้าเห็นว่าน้องชายของข้ามีใบหน้าหวานสวยราวกับเทพีเลยอยากจะลองจับแต่งตัวและทำผมแต่งหน้าแบบนี้ดูสักครั้ง”
ซานดาร่าเดินอ้อมมากระซิบถามอัศวินคนเก่งที่ยังคงยืนนิ่งให้จินอูคล้องแขนเล็กกับตัวอยู่
“เป็นไง ... จินอูสวยใช่ไหมล่ะ ?”
แล้วย่อตัวลงยิ้มหวานให้ ทำเอาคนถูกถามต้องใบหน้าแดงกร่ำพยักหน้าหงึกหงักตอบ เด็กหนุ่มอยากจะขอบคุณหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าเขาเหลือเกินที่ช่วยปิดความเขินของตัวเองเอาไว้
“เอาล่ะ ... ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราเข้าไปสนุก ...”
แต่ยังไม่ทันที่เจ้าชายคนเก่งจะประกาศความสนุกสนานต่อ แผ่นดินทั่วทั้งราชก็สั่นไหวราวกับแผ่นดินจะแตกแยก ชาวเมืองเทพต่างตกอยู่ในภาวะตกใจซ้ำซ้อน ต่างวิ่งวุ่นวายกรีดร้องระงมหาที่หลบซ่อนให้พ้นภัยกันอย่างอลหม่าน
ทุกอย่างตกอยู่ในภาวะที่ยากจะตั้งตัว
แทฮยอนและบ๊อบบี้โผเข้าไปเกาะกับรูปปั้นสไตล์โรมันเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำเบื้องบน เห็นเพียงดวงดาวสีแดงและจันทราสีเงินที่เริ่มอ่อนแสงลง
ศึกแห่งคำทำนายมาถึงแล้ว ...
“คังซึงยูน เจ้าต้องดูแลท่านพี่จินอูของข้าให้ดีนะ คืนนี้เป็นคืนแห่งศึกตามคำนาย ระวังตัวเองด้วยนะ !”
เด็กหนุ่มเบิกตาเมื่อได้ยินคำทักท้วงของแทฮยอน แผ่นดินยังคงสั่นไหวจนเริ่มยืนต้านไม่ไหว ซึงยูนยกมือขึ้นถอดหน้ากากของตัวเองทิ้งก่อนคว้าเอวบางของร่างเล็กที่อยู่ในสภาวะตกใจกลัวเข้ามากอดไว้ จินอูเองเมื่อเข้ามาอยู่ในอ้อมอกที่รู้สึกปลอดภัยกำเสื้อสูทสีเขียวเข้มของเด็กหนุ่มอัศวินจนยับยู่
“ท่านพี่ ! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ?”
เสียงของเจ้าชายน้อยชานอูตะโกนถามผู้เป็นพี่ชายแข่งกับเสียงแผ่นดินสั่นไหวจนพื้นดินที่ตนยืนอยู่แตกหักเป็นรอยร้าว
“ชานอู เจ้าอย่าเพิ่งถามอะไรพี่เลย รีบไปหาที่ปลอดภัยอยู่ก่อน เร็วเข้า !”
เจ้าชายน้อยพยักหน้ารับก่อนวิ่งทุลักทุเลเพราะแผ่นดินสั่นไหวเป็นอุปสรรคที่สำคัญพลอยทำให้ทุกอย่างดูลำบากไปหมด
บ๊อบบี้ที่เกาะอยู่กับรูปปั้นตัวเดียวกันกับแทฮยอนกวาดสายตามองหาใครบางคนหลังจากที่แผ่นดินสั่นไหวก็หายตัวไปด้วย ...
“นัมแทฮยอน ! ซงมินโฮหายไปไหน ?”
แผ่นดินไหวยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ ปลุกให้นักบวชคนเก่งและซิสเตอร์คนสวยที่สวดมนต์อยู่ต้องหยุดชะงัก วิ่งลุ่นๆ อย่างยากลำบากวิ่งออกมาจากตัวอาคารพระวิหารแล้วเงยหน้าขึ้นมาท้องฟ้าสีดำที่พราวระยับด้วยดวงดาวสีแดง
ทุกอย่างเป็นไปตามคำนาย !
“ท่านยองเบค่ะ เราจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ ?”
“ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้หรอกมินจี ...”
นักบวชคนเก่งตอบพร้อมๆ กับกระโดดหลบต้นไม้ที่คงรับกับแผ่นดินสั่นไหวไม่ไหวได้โค่นล้มลงมาเอง แต่ถึงอย่างนั้นท่อนแขนกำยำก็ต้องโดนกับกิ่งก้านของมันจนรู้สึกเจ็บปวดไปหมด
“ท่านยองเบ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ?”
“ไม่เป็นไรหรอก มินจี” ท่านนักบวชตะโกนตอบซิสเตอร์สาวที่อยู่ตรงกันข้ามกัน มีต้นไม้ใหญ่กั้นอยู่ “ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแค่สวดภาวนาเท่านั้นแหละ ที่เหลือคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของซึงยูนที่จะต้องต่อสู้กับเหล่ามารนั้นเอง”
พูดถึงต่อสู้ นักบวชยองเบจึงวิ่งเข้าไปในอาคารวิหารทิ้งไว้เพียงซิสเตอร์คนสวย ก่อนจะออกมาอีกครั้งพร้อมย่ามที่สะพายไว้ข้างตัว
“ท่านจะไปไหนหรือคะ ?”
“ไปหาซึงยูน ...” ท่านนักบวชกระชับยามที่สะพายให้เกาะกับไหล่ของตัวเองแน่น “ฝากดูแลทางนี้ด้วยนะมินจี ระวังและรักษาตัวเองให้ดีด้วยนะ”
XXXXX
เจ้าชาย >< เจ้าชายยุนฮยองที่รักของเจ๊ตีบออกมาแล้ว *วิ่งหลบรองเท้ารีดเดอร์*
แทบกรีดร้องเป็นภาษาอารบิก !
เอาล่ะคะ ตอนนี้เริ่มต้นศึกแล้วนะคะ เรามาลุ้นกันดีกว่าค่ะว่าซึงยูนจะปกป้องจินอูได้ไหม ?
เจ๊ตีบอยากจะขอบคุณสำหรับทุกการติดตามจริงๆ นะคะ
วันที่เปิดเรื่อง ยังคิดอยู่ค่ะว่าจะมีคนชอบอ่านฟิคแนวแฟนตาซีหรือเปล่า ?
เปิดแล้วจะมีคนอ่านไหม ? รีดเดอร์จะชอบหรือเปล่า ? ฟิคที่เจ๊แต่งจะถูกใจรีดเดอร์ไหม ?
แต่วันนี้มีรีดเดอร์และ ฟลว. ในทวิตเตอร์ให้กำลังใจตลอดเลย
ชื่นใจสุดๆ มีกำลังใจขึ้นเป็นกองเลย ><
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจมากจริงๆ นะคะ (*/l\*) รักมากๆ อยากจะจุ๊บรีดเดอร์เรียงคนจริงๆ ค่ะ
#ฟิคอัศวินเที่ยงคืน
ความคิดเห็น