ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER + YG] The midnight knight [YOONWOO]

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 13 อัศวินขี่ม้าขาว

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 58





     

                “เห้ย ! ใจเย็นๆ สิเจ้าม้า ใจเย็นๆ” ม้าหนุ่มตัวโตสีขาวสะอาดตาดีดดิ้นทันทีที่ซึงยูนสามารถปีนขึ้นไปนั่งบนหลังได้ ใจหนึ่งคิดอยากจะดีใจที่ขึ้นไปควบคุมม้าหนุ่มได้ แต่เพียงประเดี๋ยวไม่กี่นาทีก็ต้องร่วงลงมาคว่ำหน้าคลุกดินคลุกฝุ่นอยู่ที่พื้นเบื้องล่างเพราะเหมือนเจ้าม้าหนุ่มจะไม่อยากให้ขี่ม้าเท่าไร “โอ้ย ! เจ้าม้าบ้า”

     

                สบถออกมาเบาๆ ก่อนพยายามยันตัวให้ลึกขึ้น แขนทั้งสองข้างค้ำกับพื้นดิน คุกเข่าทั้งสองข้างหวังจะถีบตัวขึ้นเพื่อปีนขึ้นหลังเจ้าม้าสีขาวอีกครั้ง แต่แล้วร่างกายก็ต้องชะงักเมื่อความรู้สึกจุกเสียดก็แปลบขึ้นภายในช่วงท้อง ต้องทรุดตัวลงไปนอนตัวงออยู่บนพื้นอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

                “คังซึงยูน ! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?”

     

                เทพเพี้ยนซึงฮุนรีบวิ่งเข้ามานั่งข้างๆ ดูอาการของเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าแตกตื่น เด็กหนุ่มที่นอนตัวงออยู่เพราะอาการจุกสบถในใจว่าทำไมไม่รอให้เขาตายก่อนแล้วค่อยมาดูมาแลกันล่ะ ?

     

                “จะ จะ จุก”

     

                “ท่านพี่ซึงรี ข้าขอพาซึงยูนไปพักก่อนนะ สภาพเป็นหมาง่อยคลุกฝุ่นแบบนี้คงฝึกต่อไม่ไหวแน่”

     

                ถ้าซึงยูนไม่จุกหนักถึงขั้นลุกขึ้นเองไม่ได้ เขาจะฟาดซึงฮุนให้กระเด็นเลย สาบาน !

     

                “ก็ได้ๆ พาเจ้ามนุษย์นี้ไปพักก่อนเถอะ ข้าก็ไม่อยากใจร้ายให้เจ้าเด็กนี้ตายคาหลังม้าเหมือนกัน”

     

                ปากดีทั้งพี่ทั้งน้อง ชักอยากจะไปหยิบเอาดาบมาเคาะหัวสองพี่น้องสุดเพี้ยนนี่ให้หัวปูดคนละทีจริงๆ

     

                ถ้าไม่ติดว่าจุกจนตัวงอ ...

     

                ซึงฮุนพยุงร่างของอัศวินฝึกหัดมานอนใต้ชายคาบ้าน ปล่อยให้พี่ชายคนเก่งให้อยู่กับม้าตัวโปรดต่อไป

     

                “ซึงยูนอย่านอนตัวงออย่างนี้สิ พยายามนอนให้ตัวตรงๆ หน่อย” ว่าแล้วซึงฮุนก็เอื้อมไปดึงขาของซึงยูนให้เหยียดตรงทั้งสองข้าง ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มองใบหน้าเหยเกของเด็กหนุ่มแสดงถึงความเจ็บปวดในร่างกายเต็มประดา แต่ซึงฮุนคงทำอะไรไม่ได้ และอีกอย่างการจุกแบบนี้คงไม่ต้องพึ่งพายาอะไร นอกจากจะปล่อยให้ร่างกายพักฟื้นและบำบัดความเจ็บปวดด้วยตัวเอง “จะไหวไหมเนี้ย ? นี่ก็ใกล้ถึงวันศึกตามคำทำนายแล้ว”

     

                เมื่อได้ยินคำพูดของซึงฮุน ซึงยูนก็คิดได้ว่าตัวเองไม่ควรอ่อนแอแบบนี้ เพราะเขาคืออัศวิน อัศวินที่จะต้องปกป้องดินแดนแห่งนี้ รวมถึงปกป้องจินอูด้วย ...

     

                “ไหวสิ ทำไมผมจะไม่ไหว ?” ซึงยูนยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก มืออีกข้างก็กุมที่หน้าท้องของตัวเองเอาไว้ ตอนนี้อาการของซึงยูนคงดีขึ้นแล้ว ไม่งั้นคงไม่เก่งลุกขึ้นมาฮึกเหิมแบบนี้หรอก “ยังไงผมก็ต้องปกป้องจินอูให้ได้ ผมสัญญากับจินอูเอาไว้แล้วนี่นา”

     

                “สัญญา ?” คนเพี้ยนเลิกคิ้วขึ้น “พวกเจ้านี่ไปสัญญาอะไรกันตอนไหน ? ความลับเยอะจริงๆ มีอะไรที่ข้าสมควรรู้อีกไหม ?”

     

                ซึงยูนเลิกใส่ใจคำพูดของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นพยายามยืดตัว แต่เพราะอาการจุกที่ยังไม่หายไปทันทีนั้นทำให้เด็กหนุ่มเดินหลังค่อมๆ เพื่อไปหาซึงรีที่กำลังลูบหัวเจ้าม้าตัวโตสีขาวตัวเดิมอย่างเอ็นดู

     

                “พี่ซึงรี ผมพร้อมแล้ว คราวนี้ผมจะต้องขี่ม้าให้ได้เลย”

     

                ไม่รอให้ซึงรีว่าอะไร เด็กหนุ่มก็ยกเท้าขึ้นเหยียบโกลนแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งบนอานอย่างคล่องแคล่ว เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่ซึงยูนขึ้นมานั่งบนหลังเจ้าม้าหนุ่มที่พร้อมจะพยศตลอดเวลา ทำให้เกิดความชำนาญมากขึ้นกว่าครั้งก่อน

     

                มือข้างขวากำบังเหียนจนแน่น เอนตัวลงราบกับช่วงคอของเจ้าม้า ก่อนกระซิบฝากเนื้อฝากตัวกับสิ่งมีชีวิตสี่ขาแข็งแรง

     

                “ขอร้องนะเจ้าม้า เพื่อทุกคนในดินแดนนี้ ขอแค่แกเชื่อฟังฉันบ้าง ฉันไม่อยากเห็นภาพศึกสงครามที่น่ากลัวโดยที่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้ ฉันทนไม่ได้หรอกนะถ้าทุกคนในดินแดนแห่งนี้ต้องเป็นอันตรายไป ฉันทนไม่ได้หรอกนะถ้าดินแดนนี้ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา และสิ่งที่สำคัญที่สุด ฉันทนไม่ได้หรอกถ้าฉันปกป้องและดูแลจินอูไม่ได้ เรามาร่วมกันปกป้องดินแดนแห่งนี้ไปด้วยกันนะ”

     

                ว่าแล้วซึงยูนก็ตบปับๆ เข้าที่หลังของเจ้าม้าแข็งแรง ยืดตัวตรงเพื่อพร้อมสำหรับการบังคับม้า สะบัดสายบังเหียนและกระทุ้งกดน้ำหนักที่ขาเป็นสัญญาณให้เจ้าม้าเริ่มออกเดิน เจ้าม้าหนุ่มผู้ว่าง่ายก็เริ่มออกเท้าเดินไปรอบๆ ซึงรีที่เห็นว่าศิษย์ของตนทำได้ค่อนข้างดีจึงเอ่ยปากชมอย่างช่วยไม่ได้

     

                “ซึงยูน เจ้าเก่งมาก เจ้าเก่งมากจริงๆ”

     

                ไม่ต่างกับซึงฮุนที่ต้องเบิกตาโตแทบถลนนออกมานอกเบ้า

     

                “ซุงยูน จะ จะ เจ้าทำไมเก่งเยี่ยงนี้ ? เจ้าจะขี่ม้าเป็นเร็วเกินไปไหม ?”

     

                ตะโกนน้ำเสียงไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มมนุษย์ธรรมดาๆ จะสามารถเรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้

     

                ซึงยูนยิ้มที่ตนสามารถขี่ม้าได้เร็ว อาจเป็นเพราะความมุ่งมั่นที่ตนอยากจะปกป้องคนที่ตนเองรักที่สุดก็เป็นได้

     

                ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่ารักจินอูมากมายเพียงไร ...

     

                คิดถึงเทพร่างเล็กๆ แล้วซึงยูนก็สะบัดสายบังเหียนอีกครั้งเพื่อให้เจ้าม้าสีขาวออกวิ่งไปตามทางของหมู่บ้าน เหล่าเทพเทพีชาวเมืองเมื่อเห็นซึงยูนก็โบกมือหยอยๆ ให้ ซึงยูนทำได้แค่ส่งยิ้มให้พวกเขา ก่อนบังคับเจ้าม้าขาวมุ่งหน้าไปทางปราสาทที่เป็นเพียงที่พักชั่วครั้งชั่วคราวของเขาบนดินแดนประหลาดแห่งนี้

     

                ปราสาทของคนที่เขารักมากที่สุด

     

                รักโดยไม่ต้องคำนึงถึงความต่างอะไรอีกต่อไปแล้ว ...

     

     

     

     

                พืชผักชิ้นเล็กๆ ที่ถูกวางบนมือขาวยื่นเข้าไปใกล้กับเจ้ากวางน้อย สวนหลังปราสาทในช่วงเวลาเย็นๆ แบบนี้เหมาะแก่การมาเดินเล่นและพักผ่อนมากที่สุด แม้จะเล็ก แต่ก็สามารถเทียบกับสวนสาธารณะใหญ่ๆ ได้เพราะพื้นที่สีเขียวที่รายล้อมนั้นทำให้อากาศรอบข้างสดชื่นไม่ต่างกัน

     

                จินอูร่าเริงกับการเลี้ยงดูกวางน้อยของเขา ยิ้ม หัวเราะ ลูบหัวอย่างเอ็นดู ทุกอย่างที่เวลาอยู่กับเหล่าลูกกวางเหล่านี้ จินอูมักจะมีความสุขเสมอ และไม่คิดว่าจะมีอะไรมาทำให้มีความสุขมากไปกว่าสัตว์สี่ขาพวกนี้

     

                แต่ไม่นานมานี้มีใครบางคนมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา ใครบางคนที่สามารถทำให้จินอูมีความสุขได้ไม่ต่างกัน ใครบางคนที่สามารถขโมยหัวใจของจินอูไปได้โดยไม่ทันตั้งตัว

     

                ตอนนี้จินอูก็รู้สึกดีกับซึงยูนไม่น้อยไปกว่ากัน ทั้งๆ ที่สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่หวั่นไหวกับใครอีกหลังจากเลิกรากับซึงฮุน แต่สำหรับเด็กหนุ่มที่มีเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันนั้น จินอูกลับห้ามใจไม่ให้หลงระเริงไปได้ ปล่อยให้ตัวและหัวใจถลำลึกไปกับเด็กหนุ่มที่มีนามว่าซึงยูน

     

                แต่ถ้ามันคือความสุข เพียงแค่เวลาชั่วครู่ชั่วคราว จินอูก็ขอเอื้อมมือไปรับมันไว้

     

                ยิ่งคิดถึงใบหน้าของซึงยูน จินอูก็ต้องยิ้มออกมา

     

                แม้ไม่ได้เห็นใบหน้าในเวลานี้ แต่ถ้าคิดถึงใบหน้าใส คิดถึงเสียงที่ติดจะแหบ และมือที่ติดจะกร้านคู่นั้น แค่นี้ ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายก็ต้องเต้นผิดจังหวะแล้ว

     

                “ฮี๊ ...”

     

                “เสียงนั้น ?”

     

                ยังไม่ทันทักท้วงเรื่องสัตว์สี่ขาที่รุกล้ำเข้ามาในอาญาเขตปราสาทของตน เหล่าลูกกวางน้อยก็วิ่งพล่านหลบไปด้านหลังของป่า จินอูหันหลังไปตามเสียงนั้นก็เห็นสิ่งมีชีวิตสี่ขาตัวโตถูกบังคับควบคุมด้วยอัศวินคนเก่งวิ่งโลดมาใกล้ด้วยความเร็วสูง เมื่อคนที่อยู่บนหลังบังคับให้เจ้าม้าหยุดวิ่ง เจ้าม้าก็หยุดตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

     

                จินอูกรอกตาขึ้นมองผู้บังคับม้าห้าว

     

                “...”

     

                “คะ คะ คังซึงยูน”

     

                “อย่าเพิ่งตกใจไปครับ” ซึงยูนยื่นมือลงมาตรงหน้าร่างเล็กที่มัวแต่ยืนอึ้งเบิกตากลมโตมองเขาด้วยแววตาตกใจอยู่ไม่น้อย “ขึ้นมาเถอะครับ จินอู ... ไปเที่ยวกัน”

     

                ริมฝีปากหนาระบายรอยยิ้มให้ ร่างเล็กยิ้มตอบก่อนจะยื่นมือขึ้นไปจับกับมือกร้านของเด็กหนุ่มอัศวิน ซึงยูนดึงร่างเล็กๆ นั้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย กว่าจะรู้ตัวอีกที ...

     

                จินอูก็มานั่งอยู่ด้านหน้าของซึงยูนแล้ว

     

                “คังซึงยูน ...”

     

                “ไว้ใจผมนะครับ วันนี้ผมอาจจะเป็นแค่เด็กที่เพิ่งเรียนขี่ม้า แต่วันข้างหน้าผมจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวปกป้องจินอูให้ได้”

     

                ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงเรื่อ พยักหน้าให้น้อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่หันกลับไปสบตาของอีกคน ซึงยูนโอบรอบเอวของร่างเล็กไปข้างหน้าเพื่อจับกระชับบังเหียนให้แน่นหนาและมั่นคง สะบัดและกระทุ้งเบาๆ เจ้าม้าขาวก็วิ่งโลดไปตามที่ซึงยูนบังคับ

     

     

     

     

                ยามเย็นแบบนี้ ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสดใสก็แปรเปลี่ยนเป็นสีส้มแก่เหลือบดำพร้อมที่จะเปลี่ยนกาลเวลาเป็นช่วงเวลากลางคืนแล้ว ม้าหนุ่มสีขาวยังคงวิ่งรวดเร็วจนสายลมที่ปะทะหน้าอาจทำให้หน้าชาได้ แต่นั้นก็ไม่สามารถโค่นหัวใจที่กำลังพองโตของซึงยูนและจินอูได้เลย

     

                จินอูยิ้มให้กับทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า แม่น้ำ ดอกไม้ หรือแม้แต่ภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่ไกลๆ ปกคลุมด้วยหมอกควันทำให้ภูเขานั้นเลือนรางอย่างมีความสุข

     

                ไม่ต่างกับซึงยูน ที่มีความความสุขจนปากหนานั้นต้องยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยท้าสายลม แขนทั้งสองข้างยังคงโอบรอบเอวบางของเทพร่างเล็กที่อยู่ด้านหน้าตน ร่างที่แนบชิดกันกระตุกให้หัวใจเต้นโครม

     

                ซึงยูนวางคางบนไหล่แคบของจินอู กระซิบเสียงหวานแข่งกับเสียงสายลมที่พัดสวน ...

     

                “คังซังยูนรักคิมจินอูนะครับ”

     

    XXXXX

     

    คำเตือน : หลังจากลีดเดอร์อ่านตอนนี้จบแล้ว อย่าลืมหายากำจัดมดแมลงมาฉีดพ่นมดด้วยนะคะ

    หวานเกินไปแล้ว ><

    ลุ้นกันล่ะสิคะว่าเมื่อไรซึงยูนจะบอกรักจินอู เขาบอกรักแล้วนะคะ ^^

    หวานแบบไม่ต้องไปหาซื้อน้ำตาลให้ยุ่งยากเลยเนาะ คิคิ

    อะไรที่อยู่ข้างตัว กัดเลยค่ะ เจ๊ตีบไม่ว่า คิคิ

     

    มึน วันนี้อัพฟิคสองตอนเลย เร่งมากจริงๆ ค่ะช่วงนี้

    ต้องเร่งปิดเรื่องแล้ว เนื้อเรื่องเลยอาจจะอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องบ้างเจ๊ตีบก็ขออภัยด้วยนะคะ TT

     

    ขอบคุณมากจริงๆ นะคะสำหรับการติดตาม (^/l\^) ซารางเฮ

    #ฟิคอัศวินเที่ยงคืน

     


    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×