ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER + YG] The midnight knight [YOONWOO]

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 แลกกับความรู้สึก

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 58






     

         วิหารหลังใหญ่โตมโหฬารสีขาวบริสุทธิ์ตั้งตระหง่าน ยอดหลังคาสูงประดับด้วยไม้กางเขนสีเดียวกันกับตัวตึกเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้คือโบสถ์ ศูนย์รวมจิตใจของชาวดินแดนเทพแห่งนี้ทุกคน

     

                “พาข้ามาที่นี่ทำไม ?”

     

                ชายหนุ่มผิวเข้มเอ่ยปากถามเทพเด็กน้อยที่เดินยิ้มร่าเริงอยู่ข้างกาย แต่สำหรับมินโฮ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไม่ถูกชะตากับมารอย่างเขาเอาเสียเลย แต่แทฮยอนกลับยิ้มร่าเริงกว่าเดิมแล้วเข้าประชิดตัวของมินโฮ ยกสองมือที่ไร้อาวุธคู่กายเกาะท่อนแขนแกร่ง

     

                “แค่อยากมาเท่านั้นเอง พอออกจากมหาวิหารแล้วค่อยไปเที่ยวที่อื่นต่อก็ได้”

     

                ว่าจบก็ออกแรงลากมินโฮให้ตามตนเข้าไปในมหาวิหาร แม้มินโฮจะขัดขืนแต่ก็สู้เด็กน้อยที่ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหนถึงได้ลากคนตัวหนาอย่างเขาได้

     

                เมื่อเท้าเหยียบเข้าพื้นโบสถ์ก็รู้สึกเหมือนกับอากาศรอบข้างบีบอัดให้รู้สึกปวดหัวตึบๆ เหมือนจะระเบิดขึ้นมาทันที มารหนุ่มในร่างเทพยกมือขึ้นนวดคลึงขมับเบาๆ เผื่อมันจะช่วยบรรเทาอาการปวดนี้ได้ แต่ก็ไม่อยากให้แทฮยอนสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา

     

                กัดฟันกรอดอดทนไม่ให้แสดงความเจ็บปวดออกมา ต่อสู้ได้ก็พยายามฝืนอดทนต่อไป

     

                “นัมแทฮยอน”

     

                “ท่านนักบวชยองเบ ซิสเตอร์มินจี สวัสดีครับ”

     

                แทฮยอนโค้งหัวให้นักบวชทั้งสองอย่างสุภาพ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นมินโฮที่ยืนนิ่งอยู่จึงถือวิสาสะยกมือขึ้นวางบนหัวทุยๆ ของคนที่อยู่ข้างกายแล้วออกแรงกดเพื่อให้มินโฮโค้งหัวให้นักพรตทั้งสองด้วยพอเป็นมารยาท

     

                “สวัสดีๆ พวกเจ้ามาทำอะไรกันหรือ ?”

     

                “ข้าเห็นว่าใกล้ถึงวันที่เหล่ามารจะโจมตีดินแดนของเราตามคำทำนายแล้ว ข้าหวั่นใจเลยอยากจะมาขอพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า”

     

                พูดจบก็เหลือบสายตามองไปที่รูปปั้นที่เป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกหวั่นใจตามที่บอกจริงๆ หวั่นใจจนแววตาของแทฮยอนสั่นไหว

     

                ศึกนั้นใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ ...

     

                เมื่อได้ยินคำพูดของแทฮยอน มินโฮก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขายังไม่ได้ทำอะไรตามแผนลวงที่ตนวางเอาไว้เพื่อทำลายเทพเด็กที่อยู่ข้างตัวเลย ...

     

                นี่เขามัวชักช้าอะไรอยู่ ?

     

                “ตามสบายเลยนะแทฮยอน” นักบวชคนเก่งส่งยิ้มให้ก่อนหันหลังไปฝากฝังข้อความกับซิสเตอร์ที่ยืนเงียบอยู่ข้างหลังเสียงเบา แต่แทฮยอนได้ยินเพียงคำว่า “ดูแดแทฮยอนด้วยนะ”

     

                “ค่ะ ท่านนักบวช”

     

                ยองเบหันมาส่งยิ้มบางๆ ให้แทฮยอนก่อนผละไปทางด้านหลังของพระวิหาร ทิ้งไว้เพียงซิสเตอร์มินจี แทฮยอน และมารหนุ่มในรูปกายเทพมินโฮเท่านั้น

     

                อาการปวดหัวรุนแรงต่อเนื่องเพราะอากาศที่บีบอัดตลอดเวลาถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้ว มินโฮไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เพราะถ้าขืนอยู่ต่อเขาคงทนไม่ไหวเผลอกรีดร้องออกมาให้ทั้งสองชีวิตสงสัยเป็นแน่

     

                “ทะ ทะ แทฮยอน ขะ ข้าขอตัวก่อนนะ”

     

                ไม่รอให้เด็กน้อยได้ทันถามอะไรเซ้าซี้ สองขาก็ออกวิ่งออกมาจากตัวอาคารพระวิหารอย่างรวดเร็ว ได้ยินเพียงเสียงของเด็กน้อยที่ไล่หลังมาเท่านั้น

     

                “มินโฮ มินโฮ !

     

                “แทฮยอน” ยังไม่ทันที่แทฮยอนจะออกเท้าวิ่งตามร่างหนาของมินโฮออกไป ร่างทั้งร่างของแทฮยอนก็ต้องชะงักเมื่อซิสเตอร์มินจีคนเก่งเรียกตัวเพื่อดึงเขาเอาไว้ก่อน “ระวังตัวท่านด้วยนะคะ ตอนนี้ความมืดมนหวังจะครอบครองและทำลายท่านอยู่”

     

                คิ้วคู่สวยลู่ตกลงด้วยความสงสัย

     

                “ข้าไม่เข้าใจ ?”

     

                “ตัวข้าเองก็บอกอะไรท่านมากไม่ได้นัก ขอแค่ท่านระวังผู้ที่อยู่ข้างๆ ท่านในเวลานี้ให้มากๆ เพราะผู้นั้นหวังลอบจะทำลายท่านอยู่ตลอดเวลา”

     

                “ครับ”

     

                ตอบออกไปโดยไม่คิดตามด้วยความรีบร้อน ก่อนที่เท้าทั้งสองข้างจะเริ่มออกวิ่งก้าวยาวๆ ตามมินโฮไปเพื่อหวังจะให้ทันชายผิวเข้ม ทิ้งให้ซิสเตอร์ยืนส่ายหัวน้อยๆ มองตามแผ่นหลังของแทฮยอนที่ค่อยๆ ห่างออกไปจนลับตา แทฮยอนไม่รู้จักระแวดระวังตัวเอง ซิสเตอร์คนดีหันหน้าเข้ารูปปั้นของผู้เป็นเจ้าแล้วประสานมือทั้งสองข้างระดับออก ก้มหัวลงเล็กน้อย หลับตาแล้วเริ่มสวดภาวนา

     

                แม้จะรู้ดีว่าใครหวังจะลอบทำลายเทพตัวเล็ก แต่ก็บอกอะไรออกไปมากกว่านี้ไม่ได้ ทำได้แค่เตือนและภาวนา ที่เหลือคงเป็นหน้าที่ของแทฮยอนแล้วแหละที่จะต้องปกป้องตัวเอง

     

     

     

     

                “มินโฮ ! มินโฮ รอข้าเดี๋ยวสิ เจ้าจะรีบไปไหน ?”

     

                แทฮยอนวิ่งตามมินโฮทัน ยกมือขึ้นจับเข้าที่ไหล่หนาก่อนออกแรงกระชากให้ร่างของชายหนุ่มผิวเข้มหันกลับมาเผชิญหน้ากับตน มินโฮหายปวดหัวแล้วหลังจากที่ออกจากพื้นที่หระวิหาร สบตาคมเข้มเข้ากับดวงตาหวานสวยของแทฮยอน สบเข้าลึกในแววตาจนเด็กน้อยต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้หลุบสายตามองพื้นดิน หัวใจของผู้เป็นเทพเต้นขึ้นมาอย่างรุนแรงแทบจะทันที

     

                แปลก ... ทำไมหัวใจชอบเต้นแรงเวลาที่อยู่ข้างๆ มินโฮ หรือแม้แต่สบตากับมินโฮ ?

     

                “แทฮยอน”

     

                “หืม ?”

     

                ร่างหนาขยับเข้ามาประชิดร่าง แขนแกร่งยกขึ้นโอบกอดเด็กน้อยดันร่างของเทพเด็กให้เข้ามาฝังในอ้อมอกแกร่ง เกยคางและวางมือบนหัวทุยๆ อย่างแผ่วเบา ก่อนค่อยๆ ลูบอย่างเบามือ ความรู้สึกดีๆ ถาโถมซัดกระทบเข้าร่างของมินโฮจนเผลอทำก้อนเนื้อหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงขึ้นมาอีกคน แม้จะรู้สึกดี แต่สมองของมารหนุ่มกลับร้องประท้วงว่าต้องทำลายเทพเด็กที่อยู่ในอ้อมอกของเขาแล้วรู้สึกเจ็บจนน้ำลายเฝื่อนคอ

     

                “ทำไมข้าถึงรู้สึกดีกับเจ้านัก ?”

     

                น้ำเสียงเรียบเปล่งออกมาจากปากของมารหนุ่มในร่างเทพ อยากจะยกยิ้มที่เริ่มแผนการทำลายเด็กน้อยได้แล้ว แต่กลับยิ้มไม่ออก เพราะเขารู้ดีว่าความรู้สึกดีๆ นี้เขาต้องเอามันมาแว้งกลับไปทำลายแทฮยอน

     

                โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่ามันก็จะแว้งกลับมาทำลายตัวเขาด้วย ...

     

                เขาไม่น่าใช้แผนที่เล่นกับความรู้สึกของกันและกันแบบนี้เลย

     

                ไม่คิดว่านอกจากแทฮยอนจะเจ็บแล้ว ตัวของเขาก็เจ็บไม่ต่างกัน

     

                “ข้าเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าข้าก็รู้สึกดีกับเจ้าไม่น้อยไปกว่ากัน”

     

                มินโฮยกยิ้มเมื่อรู้สึกได้ถึงท่อนแขนของเด็กน้อยยกขึ้นโอบกอดรอบเอวของเขา มินโฮฝังปลายจมูกลงหอมกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลแล้วใช้มือหนาลูบบริเวณที่ตนเพิ่งหอมไป หัวใจเต้นรุนแรงมากกว่าเดิมจนเด็กน้อยในอ้อมกอดได้ยินจังหวะการเต้นของหัวใจที่เปลี่ยนไป แทฮยอนยิ้มเมื่อเห็นว่าความรู้สึกของคนที่กำลังโอบกอดตนนั้นเดินทางไปพร้อมๆ กับความรู้สึกของตน ความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นอย่างพร้อมใจทั้งสองฝ่าย ไม่เพียงการแอบรักเพียงแค่ข้างเดียว

     

                ความรู้สึกของแทฮยอนราวกับอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ โอบล้อมด้วยเหล่าผีเสื้อนับสิบตัวที่โบยบินอยู่รอบข้าง เปรียบกับความรักที่สวยงามที่มาพร้อมกับความสุขและหอมหวาน

     

                ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของมินโฮ เวลานี้เหมือนสองเท้าเปลือยเปล่าของเขาเหยียบย่ำบนขวางหนามของต้นกุหลาบ แม้ดอกกุหลาบจะสวยงาม แม้ดอกกุหลาบจะมีกลิ่นหอมให้ชวนหลงใหล แต่กุหลาบมักจะมีหนามคมคอยทิ่มแทงให้รู้สึกเจ็บปวดตลอดเวลาที่กล้าหาญชาญชัยเอื้อมหยิบดอกกุหลาบโดยที่ไม่ระมัดระวัง

     

                แต่ไม่ว่าจะเจ็บปวดตอนนี้หรือเจ็บปวดในภายหลัง ยังไงผลลัพธ์ของมันก็คือความเจ็บปวด !

     

                มินโฮรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยังไงมารก็ไม่อาจคู่ควรกับเทพ เพราะนอกจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันแล้ว มารกับเทพก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นศัตรูกัน เป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจมาบรรจบกัน แต่ขอแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ขอแค่มินโฮตักตวงความสุขที่เกิดขึ้นกับเด็กน้อยคนนี้ก่อนสักพัก แล้วเมื่อวันที่ทั้งสองดินแดนต้องออกศึก สู้รบปรบมือกันจริงๆ เมื่อนั้นมินโฮคงจะต้องฝืนและหักห้ามใจตัวเองให้ต้องเลิกหวั่นไหวกับคนที่ตัวเองรักหมดหัวใจ

     

                แต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ...

     

    XXXXX

     

    ตอนนี้อัดคู่นัมซงเต็มๆ ไปเลยค่า ><

    เขารักกันแล้ว เขารักกันแล้ว ป่าวประกาศให้ดังก้องโลก 5555555

    แต่แผนของมินโฮทำไมทำให้เจ็บทั้งสองฝ่ายด้วยค่ะเนี้ย ?

    หน่วงจัง ขนาดเจ๊ตีบแต่งเองเจ๊ตีบยังหน่วง ยังเจ็บจี๊ดๆ เลย TT

    เอาเป็นว่าตอนหน้าจะมาลบดราม่าด้วยคู่ยูนอูแล้วกันนะคะ ^^

     

    ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนนะคะที่เข้ามาแวะเวียนอ่านและให้กำลังใจเจ๊ตีบ ^^

    รวมถึง ฟลว. ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะที่เมนชั่นมาให้กำลังใจเจ๊ตีบตลอดเลย น่ารักมากๆ

    ขอบคุณจากหัวใจเลยค่า ^^ ซารางเฮ ...

     

    #ฟิคอัศวินเที่ยงคืน


    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×