คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11 ฝึกฝน
เสียงดาบสีเงินเงาวับฝ่าฟันฟาดกับอากาศเสียงดังขวับพร้อมๆ กับปลายดาบที่ผ่าลงฟ่อนฟางที่ถูกมัดเป็นหุ่นขาดเป็นสองท่อน ตาเรียวของเด็กหนุ่มมนุษย์มองผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเองด้วยความเหนื่อยหอบ ก็ซึงฮุนครูฝึกสุดเพี้ยนของเขาน่ะสิเล่นให้ฟันหุ่นฟางที่ถูกตั้งเรียงรายเป็นแถวหน้ากระดานนับสามสิบตัวในเวลาที่จำกัดเพียงแค่ไม่กี่วินาที ถ้าทำไม่ได้ก็จะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีการหยุดพัก นี่ก็ล่อมาสิบกว่ารอบแล้วสำหรับการฝึกแสนโหด หมดหุ่นฟางไปก็หลายร้อยกว่าตัวแล้ว ซึงยูนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซึงฮุนไปเตรียมหุ่นฟางพวกนี้มาจากไหนและตอนไหน ถึงได้มีเยอะแยะมากมายให้ซึงยูนฟันเล่นขนาดนี้
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือแปะๆ ของครูฝึกดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างสูงของครูฝึกที่เดินออกมาจากใต้ชายคาบ้าน และร่างเล็กๆ วิ่งดุ๊กดิ๊กๆ ของอี๊ฮี ซึงยูนทรุดตัวลงคุกเข่าลงกับพื้นดินสีฝุ่นทันทีที่ได้ยินสัญญาณบ่งบอกความพึงพอใจ ปลายดาบทิ่มลงกับพื้นไม่สนใจว่าคมดาบจะทื่อไป เด็กหนุ่มยกข้อมือขึ้นซับเหงื่อที่เริ่มไหลย้อยจากไรผมลงบนใบหน้าขาว
“เจ้าเก่งมากเลย ในที่สุดเจ้าก็ทำได้” ซึงยูนยันตัวให้ยืนขึ้นตัวตรงแม้ความเหนื่อยหอบจะไม่จางหายไป ใบหน้าแดงจัดเพราะอากาศร้อนอบอ้าว มือยังคงถือดาบสีเงินวาบเอาไว้ไม่ปล่อย “จริงสิ เจ้ากับจินอูคบหากันแล้วหรืออย่างไร ? ถึงได้จับมือกันเดินนุ้งนิ้งหวานใส่กันไม่เกรงใจฟ้าดินเยี่ยงนี้”
“เห้ย ! คบเคิบอะไรกัน ไม่มี๊ ไม่ได้คบ” เด็กหนุ่มปฏิเสธเสียงสูง มือข้างที่ว่างอยู่โบกขึ้นน้อยๆ ให้เป็นคำตอบ แต่ครูฝึกสุดเพี้ยนกับตีสีหน้าเย้าแหย่ใส่ “ผมกับเทพจินอูไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันเลยนะ ผมรู้ดีว่าผมอยู่ในฐานะอะไร ผมเป็นใครมาจากไหน ผมรู้ตัวดี”
คำตอบเสียงเรียบแต่สามารถทำให้เด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พอคิดถึงฐานะหรือความต่างระหว่างตนกับจินอู ซึงยูนก็รู้สึกหน้าชา มือที่ถือดาบอยู่ชาวาบไร้ความรู้สึกจนเผลอทำดาบในมือตกลงพื้น ดีนะที่อี๊ฮีลูกสุนัขตัวโปรดของซึงฮุนไม่อยู่ในรัศมีของของคมดาบ ไม่อย่างนั้นคงเป็นอันตรายจนซึงฮุนต้องเล่นงานเขาแน่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นซึงฮุนก็ไม่หยุดเอ่ยปากแซว เพราะอาการที่ซึงยูนเป็นอยู่ในเวลานี้ เขาก็เคยเป็นมาก่อน ...
“ไม่ต้องปฏิเสธเลยนะเจ้ามนุษย์” ซึงฮุนเข้าไปโอบไหล่ของเด็กหนุ่ม ตบสองสามทีแล้วดันร่างของอัศวินฝึกหัดตามคำทำนายให้เดินไปตามตนช้าๆ “ข้ารู้ดีว่าตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรกับจินอู เพราะข้าก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันนานมากจริงๆ ที่ข้าไม่เคยเป็นแบบนี้”
“อย่ามาตลกนะ”
“ข้าไม่ได้ตลก เจ้ามนุษย์ปากแข็ง” ซึงฮุนว่าพลางกดร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มให้นั่งลงบนพื้นดินใต้ร่มไม้ใหญ่ ยามบ่ายอากาศก็ร้อนขึ้นตามไปด้วย เด็กหนุ่มยอมนั่งลงตามแรงกดก่อนสะบัดแขนที่วางบนไหล่หนักๆ ตนให้หลุดออก “ฟังนะซึงยูน อาการปากแข็งไม่ได้ทำให้เจ้ามีความสุขหรือสมหวังในความต้องการของตัวเองหรอกนะ ถ้าเจ้าอยากพบความสุขสมหวังในความต้องการของตัวเอง เจ้าก็ต้องเปิดใจและยอมรับให้ลืมเรื่องฐานะและความต่าง สลัดทิ้งไปได้เลยก็ยิ่งดี เพราะถ้าตราบใดเจ้าไม่ก้าวข้ามความต่าง เจ้าก็ไปไม่ถึงความสุขที่เจ้าปรารถนาจริงๆ”
“ยิ่งฟังยิ่งงงเถอะ เป็นนักประพันธ์เก่าหรือไง ?”
คำพูดแขวะของซึงยูนทำเอาซึงฮุนต้องยกมือหนาขึ้นมาตบหน้าผากที่ปกปิดด้วยผมหน้าม้าสีดำสนิทเบาๆ แต่นั้นก็ทำเอาซึงยูนร้องลั่นลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ
“นักประพันธ์อะไรกัน หัดคิดตามบ้างสิ” ครูเพี้ยนเริ่มหนักใจกับอัศวินฝึกหัดที่ยังทำเป็นเล่นกับความรู้สึกของตัวเอง “ซึงยูน เจ้ายอมรับเถอะว่าเจ้าชอบจินอูแล้วจริงๆ อย่าโกหกตัวเองเลย เรื่องนี้โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกนะ ภาพของเจ้ากับจินอูที่ยิ้มหัวเราะพูดคุยกันเมื่อเช้ามันบอกข้าทุกอย่างแล้ว ข้าดูออก แล้วเจ้าจะยังคงโกหกตัวเองไปเพื่ออะไร ?”
พอได้ยินคำพูดจี้ใจของครูสุดเพี้ยน ซึงยูนก็ถึงกับสะอึกพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่คนที่อยู่ข้างกายเข้านั้นพูดต้องทุกอย่าง ซึงยูนชอบจินอูจริงๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบเพราะอะไร เขารู้เพียงแค่ว่าครั้งแรกที่พบกับเทพร่างเล็กนั้นก็โดนเสน่ห์ของเจ้าตัวดึงตกลงในห้วงของความรู้สึกประหลาดเข้าเต็มเปา
มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่จะต้องยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจของตัวเองเวลานี้ ...
คังซึงยูนชอบคิมจินอูแล้วจริงๆ
หรือไม่ก็เป็นความรู้สึกที่มากกว่าคำว่าชอบ เพราะถ้าใช้คำว่า ‘รัก’ เลยก็คงไม่หนักหนาหรือเหลือบ่ากว่าแรงอะไร
มันเกินความชอบไปเป็นคำว่ารักแล้วจริงๆ
เด็กหนุ่มครุ่นคิดได้เพียงชั่วคราวก็ได้ยินเสียงฝีม้าพร้อมๆ กับเสียงม้าร้องเข้ามาใกล้บริเวณลานกว้างหน้าบ้านซึงฮุน จนหน้าของทั้งครูฝึกสุดเพี้ยนกับอัศวินฝึกหัดต้องหันไปตามเสียงนั้น พบร่างของชายแปลกน้าที่อยู่บนหลังม้าควบคุมบังคับม้าห้เดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะกระโดดลงมาจากหลังม้าด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ทันทีที่เท้าของชายผู้นั้นสัมผัสกับพื้นดิน ซึงฮุนก็รีบร้อนลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหา
“ท่านพี่ซึงรี”
“สวัสดีซึงฮุน ไหนล่ะอัศวินเที่ยงคืนตามคำทำนายของท่านยางฮยอนซอกที่เจ้าเล่าให้ข้าฟังน่ะ ข้าล่ะอยากเจอใจแทบขาดรอนๆ อยู่ตรงนี้แล้ว”
ซึงยูนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเข้าไปใกล้ประชิดร่างซึงฮุนทันทีที่ได้ยินบุคคลที่สามพูดถึงตนในฐานะของผู้กล้าเป็นอัศวินนั้น ซึงฮุนยกมือโอบไหล่เด็กหนุ่มก่อนแนะนำตัวให้ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการ
“นี่ไงล่ะท่านพี่ มนุษย์ผู้นี้แหละผู้เป็นอัศวินนั้น มีนามว่าคังซึงยูน” คนแนะนำยิ้มร่างเริงก่อนแนะนำต่อ “ซึงยูน นี่พี่ซึงรีนะ เป็นพี่ชายของข้าเอง”
“เออ ... สวัสดี ...”
“นี่น่ะหรือ อัศวินที่มาตามคำทำนาย นี่น่ะหรือ อัศวินที่จะมาปกป้องดินแดนเทพ นี่น่ะหรือ อัศวินที่จะมาปกป้องจินอู ?”
คำพูดราวกับสบประมาทของซึงรีแทบจะทำเอาซึงยูนพุ่งไปคว้าดาบมาโชว์ความแข็งแกร่งของตัวเองเสียเพื่อลบล้างกลบเกลื่อน
เกลียดคำสบประมาทนี่ชะมัด
คอยดูเถอะว่าคนอย่างคังซึงยูนจะปกป้องคิมจินอูได้หรือไม่ !
“นี่แหละคือสาเหตุที่ข้าตามท่านมา ขอร้องแหละท่านพี่ สอนอัศวินฝึกหัดนี่ขี่ม้าหน่อยนะ ข้าสอนฟันดาบพอใช้ได้แล้ว เหลือขี่ม้ากับอาวุธอีกนิดหน่อยก็คงเป็นอัศวินที่ดีได้”
“นี่คือเหตุผลที่เจ้าให้ข้าเอาม้ามาด้วยล่ะสิ”
“ใช่แล้ว”
“เดี๋ยวนะ จะให้ผมขี่ม้า ?”
เด็กหนุ่มหันขวับไปถามซึงฮุนเพื่อความแน่ใจ คนร่างสูงพยักหน้าให้แทนคำตอบ เลื่อนมือที่วางอยู่บนไหล่ลงแล้วดันหลังบางของเด็กหนุ่มให้เดินไปหน้าของซึงรี เด็กหนุ่มลอบกัดฟันกรอด
“เอาล่ะ อย่าคิดว่าขี่ม้าเป็นเรื่องง่ายนะซึงยูน มาเริ่มเรียนกันเถอะ”
ชเวซึงฮยอนย่างสามขุมก้าวอาดๆ เข้ามายังพื้นที่ของโถงใหญ่ สายตาคมทอดมองร่างของผู้เป็นชายาและผู้เป็นเหมือนน้องชายของตนอีกคนที่ตอนนี้นอนเกลื่อนกันคนละทิศละทางแล้วรู้สึกเอือมระอาใจ คนที่เป็นที่รักของตนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาบุกำมะหยี่สีแดงสด ส่วนคนที่เป็นเหมือนน้องชายนอนเกลื่อนไม่หวงเนื้อหวงตัวอยู่บนพื้นใกล้ๆ กับเท้าของคนที่อยู่บนโซฟา
“ควอนจียง ! คิมฮันบิน !”
เสียงตะคอกลั่นพร้อมๆ กับเท้าที่เข้าสะกิดตัวของฮันบินและมือหนาที่ตบสะกิดเข้าที่ใบหน้าหวานของจียงจนทั้งสองร่างค่อยๆ สะลึมสะลือลืมตาตื่น
“ท่านพี่ !”
พอสายตาของทั้งสองคนโฟกัสได้ว่าใครเป็นผู้มาปลุกก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจแล้วเด้งตัวนั่งข้างกันบนโซฟาเพื่อรอรับฟังคำบ่นจากผู้ที่อายุมากกว่าในเวลานี้แสดงสีหน้าโกรธจัดเป็นฟืนเป็นไฟอย่างเห็นได้ชัด
“ที่ข้าอนุญาตให้เจ้าทั้งสองคนไปเที่ยวดื่มกินสุราเมรัยก็ไม่ได้หมายความให้เจ้าทั้งสองเมามายกลับมาเยี่ยงหมูเยี่ยงหมาแบบนี้ !” ซึงฮยอนชี้นิ้วก่นด่ามารทั้งสองที่ตอนนี้หน้าจ๋อยลงรับฟังคำด่า “ใกล้ถึงวันคืนที่จันทราจะเป็นสีเงินแล้ว พวกเจ้าควรเตรียมตัวให้พร้อมโจมตีดินแดนเทพให้มากกว่าใส่ใจเรื่องการดื่มกินจนเมามายหัวราน้ำมากกว่านี้นะ เข้าใจไหม ?”
“ขะ ขะ เข้าใจครับ ท่านพี่ ...”
มารตัวเล็กทั้งสองตอบเสียงเอื่อยก้มหน้าก้มตาและคิดตามอย่างสำนึกผิด
“เอาล่ะ ... เตรียมจู่โจมดินแดนเทพให้สนุกสนานกันเถอะ”
ว่าแล้วชเวซึงฮยอนก็ยกยิ้มมุมปากอย่างมีชัย ในสมองคิดถึงเรื่องการต่อสู้ที่ใกล้เข้ามาแล้วรู้สึกกระหายเหลือเกิน
XXXXX
มาเฉลยแล้วนะคะว่าใครเป็นคนชวนท่านจียงไปเที่ยว 5555555
คิมฮันบินนั้นเอง >< ตัวละครเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ ค่า
ตอนนี้มีซึงรีด้วย ซึงรีจะมาสอนขี่ม้าให้ซึงยูนหรอ ?
หว่ายๆ แพนด้าขี่ม้า อะไรกันเนี้ย ? รีดเดอร์คงด่าเจ๊ตีบกันเกรียวกราวแล้วมั้ง
ว่าวางตัวละครไม่สมบทบาท 5555555555
มึนจริงๆ ค่ะ มึนมากๆ เพราะเจ๊ตีบต้องเร่งให้ฟิคเรื่องนี้จบก่อน 15 มีนาคมนี้ค่ะ
เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว บวกกับตอนนี้ที่บ้านมีธุระเยอะแยะไม่เว้นแต่ละวัน
ให้กำลังใจเจ๊ด้วยนะ ^^ เหนื่อยมากค่ะ ทั้งงานราชงานหลวงและงานฟิคที่ต้องเร่งแต่ง
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนด้วยนะคะที่ยังอยู่ให้กำลังใจเจ๊เสมอ
และก็ขอบคุณ ฟลว. ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะที่เมนชั่นมาคุยกับเจ๊ตีบและให้กำลังใจเสมอเลย
ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ (^/l\^)
#ฟิคอัศวินเที่ยงคืน
ความคิดเห็น