คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9 ความรู้สึกที่แปรเปลี่ยน
จินอูที่ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดที่แสนวิเศษของซึงยูนหลับตาพริ้มรับสัมผัสอันแสนอบอุ่น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดีมากแค่ไหน เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้รับจากใครเลยหลังจากยุติความสัมพันธ์ที่แสนลึกซึ้งกับซึงฮุน ความรู้สึกนี้ทั้งรู้สึกดี อบอุ่น และปลอดภัย ...
แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ารู้สึกปลอดภัยเพราะเด็กหนุ่มผู้นี้มีหน้าที่เป็นอัศวินตามคำทำนายหรือที่รู้สึกปลอดภัยเพราะอะไรในใจมันประท้วงกันแน่ ?
แต่ที่รู้แน่ๆ คือไม่อยากถูกปล่อยให้ออกไปจากอ้อมแขนอบอุ่นนี้ ... มันเป็นความอบอุ่นและอ่อนโยนที่สุด และไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว
หลังจากที่ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ที่แสนลึกซึ้งกับซึงฮุน และขอเป็นเพียงเพื่อนที่แสนดีต่อกันเท่านั้น จินอูก็จัดการปิดกั้นหัวใจตัวเอง ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ตัวเองหวั่นไหวกับใครง่ายๆ อีก
แต่กับซึงยูน จินอูรู้สึกวิเศษจนก้อนเนื้อหัวใจต้องเต้นโครมอีกครั้ง ...
เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเผลอไผลยกมือโปร่งของตัวเองขึ้นลูบกลุ่มเรือนผมนุ่มสีน้ำตาลอย่างเบามือ กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาจากตัวของเทพร่างเล็กในอ้อมแขนดึงดูดให้ซึงยูนก้าวข้ามความชั่งใจที่ขีดเส้นกั้นไว้บางๆ ต้องซุกไซร้ฝังปลายจมูกลงสูดดมกลิ่นหอมหวานบนศีรษะเล็กเข้าไปจนเต็มปอด เมื่อสติถูกดึงกลับมา เด็กหนุ่มจึงจำเป็นต้องผละร่างเล็กออกจากตัวเองอย่างเสียดาย
ดวงตากลมโตของจินอูสบเข้าที่ดวงตาเรียวของซึงยูนเป็นประกาย ดวงหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อคิดถึงความอบอุ่นและสัมผัสที่ทำให้หัวใจต้องเต้นอย่างรุนแรง มันนานมากจริงๆ ที่ไม่เคยรู้สึกประหลาดแบบนี้
“เทพจินอู ...”
“ไม่ต้องเรียกแบบนั้นก็ได้ เรียกข้าแค่จินอูเหมือนที่ชาวเมืองผู้อื่นเรียกก็ได้”
“อ่า ... คะ ครับ ทะ เอ่ย ! จินอู”
“ดีมากเลย” ว่าพลางส่งยิ้มกว้างอย่างน่ารักจนดวงตากลมโตปิดลง “ว่าแต่ เมื่อครู่มีอะไรจะพูดกับข้าหรือ ?”
เด็กหนุ่มอึกอักที่จะพูดออกมาเมื่อดวงตาเรียวของตัวเองลอบสำรวจใบหน้าหวานของจินอู รู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัว มือหนาสั่นระริก หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะวายตายอยู่ในอกข้างซ้าย ใบหน้าของจินอูขาวผ่องกระทบกับแสงจันทร์ยิ่งดึงเสน่ห์ของจินอูให้ออกมาสะกดซึงยูนให้หลงใหลยิ่งขึ้นไปอีก ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวของซึงยูนเองในเวลานี้คิดอะไรเกินเลยกับเทพผู้สง่างามในเวลานี้แล้ว
แย่จริง ... แอบลืมคำพูดตัวเองที่จะพูดไปเลย
“เออ ... คือ ...” คำพูดติดอ่างยิ่งทำให้บุคคลที่ยืนรอฟังคำตอบนั้นเอียงคอมองอย่างสงสัย สีหน้าของจินอูแสดงออกถึงความอยากรู้ว่าเจ้าตัวจะพูดอะไรออกมาเต็มที่ “คือ ... ผะ ผม ...”
“ไม่สบายหรือเปล่าซึงยูน ? ไม่สบายใช่ไหม ?” ร่างเล็กเขย่งปลายเท้าขึ้นให้ความสูงอยู่ในระดับเดียวกันกับเด็กหนุ่ม ก่อนยกมือขึ้นวางลงบนหน้าผากที่ถูกปกปิดด้วยกลุ่มผมหน้าม้าสีดำสนิทเพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกายคนตัวสูง แต่เมื่อไม่รู้สึกถึงไอร้อน จินอูจึงย่อตัวลงมายืนเต็มฝ่าเท้าเหมือนเดิม “ก็ไม่มีไข้นี่นา”
ซึงยูนเบิกตากว้างกับสัมผัสนุ่มนวลขากตัวของจินอู ก่อนหลบสายตาไม่ให้มองร่างเล็กที่ตอนนี้ทอดนัยน์ตาสงสัยมาที่เขาอีกครั้ง ...
ชักอยากจะป่วยเป็นไข้ขึ้นมาจริงๆ ...
“มะ มะ ไม่มีอะไรหรอกครับ ... เรารีบกลับกันเถอะ นี่ก็มืดมากแล้ว”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบคำถามตน ซึงยูนก็คว้ามือของตัวเองไปจับมือนิ่มของร่างเล็กแล้วจูงให้เดินตามเขามา ผู้เป็นเทพร่างเล็กมองแผ่นหลังกว้างของเด็กหนุ่มอย่างไม่เข้าใจก่อนหลุบสายตากลมโตมองมือของซึงยูนที่ตอนนี้จับมือของตัวเองเบาๆ นั้นแล้วเผลออมยิ้ม
สำหรับซึงยูน ถ้าไม่คิดอะไร ตัวของจินอูก็ต้องเข้าใจ แต่ตอนนี้ขอแค่มีซึงยูนอยู่ข้างๆ แบบนี้ จินอูมั่นใจว่าจะปลอดภัยเสมอ ...
ทั้งปลอดภัย ทั้งอบอุ่น ...
“ซึงยูนอา ...”
น้ำเสียงหวานของผู้เป็นเทพเรียกเสียงแผ่วให้ซึงยูนหยุดก้าวเท้าเดินก่อนหันมาเผชิญหน้ากัน แม้จะหันมาแล้ว แต่เด็กหนุ่มกลับไม่คิดจะปล่อยมือนิ่มที่ตนจับไว้นั้นออกให้เป็นอิสระ ซึงยูนสบตาร่างเล็กอย่างไม่เข้าใจ
“ครับ ?”
“ซึงยูนช่วยปกป้องจินอูตลอดไปได้ไหม ? ไม่ว่าจะเป็นในฐานะอัศวินหรือฐานะใดก็ตาม”
จินอูเขินในคำพูดของตัวเองจนใบหน้าร้อนฉ่า ร้อนไปจนถึงใบหูเล็กของตัวเองจนต้องก้มหน้าหลบซ่อนใบหน้าของตัวเองที่เจ้าตัวรู้ดีว่ากำลังแดงจัดไม่ให้คู่สนทนาเห็น แม้บรรยากาศรอบข้างจะมืดครึ้ม แต่ถ้ากระทบกับแสงจันทร์ ซึงยูนคงเห็นดวงหน้าแดงจัดเป็นมะเขือเทศแน่ๆ
“ได้สิครับ ... ผมยินดีที่จะปกป้องจินอูมากกว่าฐานะอัศวินนั้นอยู่แล้ว ผมพร้อมที่จะปกป้องจินอูไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ...” ซึงยูนตอบเสียงหวานจนหัวใจของคนฟังเต้นแรงโครมแทบกระตุก “เพราะผมคงทนไม่ได้ถ้าจินอูเป็นอะไรไป”
มินโฮนอนหนุนแขนตัวเองเหม่อมองท้องฟ้ายามราตรีสีดำสนิทที่ประดับประดาไปด้วยแสงดาวพราวระยับและแสงจันทร์สีนวลที่ส่องสว่างแล้วคิดถึงดินแดนมารที่ตนจากมาเสียจริงๆ เพราะทันทีที่มินโฮก้าวเข้ามาในดินแดนเทพ ความสุขรอบข้างก็ถาโถมเข้ามาจนมินโฮรับไม่ทัน เขาจำได้แม่นยำว่าตอนที่แทฮยอนพยุงเขาเดินไปตามถนนที่ปูลาดไปด้วยอิฐเนื้อดีไร้รอยแตกหักและสองข้างทางที่เป็นบ้านเรือนหลังเล็กของชาวเมือง ต้นไม้สีเขียวสดชื่นชวนให้สบายตา ภาพของผู้คนรอบข้างที่ยิ้ม หัวเราะ พูดคุย หรือแม้แต่ฮัมเพลงกันอย่างสนุกสนาน ต่างจากดินแดนมารที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถนนหนทางที่รกรุงรังเพราะไม่มีใครคิดที่จะสนใจ ต้นไม้ที่มีเพียงลำต้นแห้งๆ รอวันล้มตาย ผู้คนที่อยู่โดยไร้เสียงหัวเราะ อยู่ได้ด้วยความเห็นแก่ตัว ความชั่วร้ายที่ครอบงำ และไร้ซึ่งสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
ไม่ต่างกับมินโฮในเวลานี้ที่โดนพี่ชายของตัวเองหลอกใช้เป็นเครื่องมือ
“อ่ะ ... ดื่มยานี่ซะ แล้วแผลที่แขนเจ้าจะดีขึ้น”
บ๊อบบี้ทิ้งตัวลงนั่งข้างมินโฮก่อนยื่นแก้วใบเล็กที่มีน้ำสีดำๆ บรรจุอยู่ประมาณครึ่งแก้วให้มินโฮ มินโฮจึงเลื่อนแขนข้างขวาที่ตนหนุนแทนหมอนอยู่ยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วเอื้อมมือหนาไปรับยาแก้วนั้นมาถือเอาไว้ หลุบตามองยาน้ำสีดำในแก้วทันทีที่มาอยู่ในมือก่อนที่จมูกจะรับกลิ่นเหม็นเขียวของยาที่ไม่น่าทานสักเท่าไร มินโฮจึงเลือกที่หันมามองหน้าครึ่งหน้าของบ๊อบบี้ที่ตอนนี้สนใจกับการปรุงยาในหม้อหน้าตาประหลาดอยู่
“ขอบใจนะ” บ๊อบบี้ที่ได้ยินคำขอบอกขอบใจของชายแปลกหน้าจึงหันมาส่งยิ้มโชว์ฟันกระต่ายจนดวงตาเล็กปิดเป็นเส้นตรง แล้วหันไปเปิดตาสนใจกับการคนยาในหม้อต่อ มินโฮจึงซดยาในแก้วเข้าไปเต็มที่ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กับกลิ่นและรสชาติของยาจนต้องสำรักออกมา “แค่กๆ”
“อะไรกัน ยาของข้ามันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ ?”
“ก็มันแน่ล่ะสิ ยาอะไรขมยันกระเพาะข้าเลยเนี้ย”
สีหน้าของมินโฮเหยเกอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าๆ หวานเป็นลมขมเป็นยานะ เคยได้ยินไหม ? อย่าบ่นมากนักเลย”
บ๊อบบี้ว่าพลางกระทุ้งข้อศอกเข้าที่แขนข้างซ้ายของมินโฮเบาๆ เพื่อไม่ให้สะเทือนถึงบาดแผล
“จริงสิ ขอถามอะไรเกี่ยวกับนัมแทฮยอนหน่อยได้ไหม ?”
“จะมาอยากรู้อะไรเรื่องของนัมแทฮยอนของข้าเนี้ย ? รู้ไหมว่าคนนี้น่ะ คิมจีวอนตีตราจองไว้แล้วนะ !”
บ๊อบบี้ตีสีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกชายแปลกหน้าถามหาคนที่อยู่ในใจตลอดเวลา แยกเขี้ยวใส่ ท่าทางหมั่นไส้นึกอยากจะหยิกท่อนแขนของคนที่บาดเจ็บให้เนื้อบิดเนื้อเต้นสักทีที่พูดถึงเด็กน้อยนามแทฮยอน บุคคลที่อยู่ในใจของบ๊อบบี้ตลอดเวลา
แต่มินโฮกลับไม่สนใจท่าทีของบ๊อบบี้แล้วมุ่งถามประเด็นถัดไป
“แทฮยอนนี่เข้มแข็งและแข็งแรงมากเลยใช่ไหม ?”
“ที่สุดเลย” บ๊อบบี้ปล่อยไม้พายสำหรับคนยาให้แนบพิงกับปากหม้อหน้าตาประหลาดก่อนหมุนตัวทั้งๆ ที่นั่งอยู่มาเผชิญหน้ากับบุคคลแปลกหน้าที่ใครบางคนมาฝากให้อาศัยราวกับเด็กที่ถูกนำมาฝากเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงเด็ก “เห็นหน้าสวยหวานแบบนั้นแต่แรงเยอะมากเลยนะ อย่าไปกระตุกหนวดแมวเข้าล่ะ เดี๋ยวแมวข่วน เอ๊ะ ! อย่าบอกนะว่าเจ้าไปล้ออะไรแทฮยอนเข้าแล้ว ถึงได้เป็นแผลมาให้ข้ารักษาเนี้ย ?”
“ก็แค่อยากเกาคางแมวเหมียว แต่แมวคงไม่ชอบ เลยโดนข่วนเข้าอย่างจัง” มินโฮตอบพลางยักไหล่เชิงเย้าแหย่ แต่พอคิดถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ และตัวนุ่มนิ่มของเด็กน้อยตัวสูงพอๆ กับเขาก็เผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าง่วงแล้วแหละ ไปนอนก่อนนะ ฝันดี”
ว่าแล้วคนที่บาดเจ็บก็ทำท่าหาวปากกว้างก่อนมุดตัวเข้ากระโจมผ้าใบหลังใหญ่โดยไม่ขออนุญาตเจ้าของ บ๊อบบี้กำลังจะอ้าปากต่อว่าคนไวกว่าแต่ก็ไม่ทัน ทำได้แค่อ้าปากค้างเมื่อมินโฮปิดกระโจมลงอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยฟันกระต่ายกลืนก้อนคำด่าลงลำคอแล้วฟึดฟัดหันมาต้มยาในหม้อประหลาดต่อ ...
XXXXX
ยิ่งแต่งยิ่งออกทะเล (รึเปล่า ?) 55555555555
ฟินกันต่อเนื่องกับคังคิมค่า หวานกันได้นี่หวานกันดีจัง ><
อิจฉาตาร้อนต้องหาน้ำดับไฟ 55555555555
“ก็แค่อยากเกาคางแมวเหมียว แต่แมวคงไม่ชอบ เลยโดนข่วนเข้าอย่างจัง”
นั้นๆ คุณหมีอยากเกาคางแมวตอนเจ้าแมวอารมณ์ไม่ดี เลยโดนดีต้องลำบากบ๊อบบี้เลย
คิคิ
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณจากหัวใจจริงๆ นะคะ
ลำบากไหมกับการตามอ่านทุกวัน ? 55555555
เจ๊ตีบต้องเร่งปิดเรื่องแล้ว TT มึนมากเลยช่วงนี้ ถ้าไม่สนุกก็ขออภัยนะคะ รีดเดอร์ที่น่ารักของเจ๊ตีบ
Ps. ร.เรือ ไม้หันอากาศ ก.ไก่ ค่ะ ^^
#ฟิคอัศวินเที่ยงคืน
ความคิดเห็น