ตอนที่ 13 : | 12 | care | 100%
Naked Prisoner
12
แบคฮยอนกำลังนั่งมองนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างฝาผนังฝั่งตรงข้ามกับเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ มือเรียวบีบเข้าหากันแน่น เหม่อมองไปรอบตัวที่ล้วนเป็นสีขาวสะอาดตา กลิ่นฉุนเฉพาะตัวของโรงพยาบาลยังเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยนึกชอบเลยสักครั้ง
ตอนนี้มาเฟียซิซิเลี่ยนเข้าไปในห้องผ่าตัดเกือบสองชั่วโมงแล้ว และความรู้สึกที่ต้องนั่งรอคอยแบบนี้เป็นความรู้สึกที่แบคฮยอนไม่ชอบเอาเสียเลย
“ทำแผลก่อนนะครับคุณแบคฮยอน”
ร่างบอบบางที่นั่งเหม่ออยู่หน้าห้องผ่าตัดสะดุ้งตัว เมื่อบอดี้การ์ดอย่างยูตะร้องเรียก เพราะความดื้อดึงของคุณหนูตัวเล็กทำให้ต้องไปเชิญพยาบาลมาทำแผลที่เจ้าตัวปฏิเสธว่าแค่รอยถลอกเล็กน้อยให้ แน่นอนความดื้อดึงในรอบนี้ใช้กับยูตะไม่ได้ผล
“ขอฉันตรวจดูแผลหน่อยนะคะ”
แบคฮยอนได้แต่ยอมจำใจพยักหน้าเมื่อพยาบาลสาวเอ่ยประโยคภาษาอิตาลีร้องขอ ขยับตัวให้เจ้าของชุดสีขาวสะอาดตานั่งลงด้านข้างและขยับเข็นรถที่มีอุปกรณ์ทำแผลชุดใหญ่เข้ามาใกล้ ใบหน้าน่ารักบิดแหยเก เมื่อโดนสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดถูทำความสะอาดรอยแผลสกปรก
“เจ็บนิดหน่อยนะคะ”
อดทนไม่นานรอยถลอกทั้งหลายก็ถูกแปะด้วยผ้ากอซสีขาวสะอาดจนหมด ดวงตาเรียวหันกลับไปมองบานประตูกระจกทึบที่ด้านบนยังขึ้นไฟสีแดงบ่งบอกว่ายังถูกใช้งานเพราะรักษาใครบางคน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความอึดอัดในหัวใจ อีกทั้งความกังวลมากมายที่รู้สึกนั้นมาจากคนเพียงคนเดียว ปาร์คชานยอลเป็นคนที่ทำให้หัวใจของเขาต้องรู้สึกว้าวุ่น หลอกตัวเองไม่ได้เมื่อความรู้สึกส่วนลึกที่สุดนั้นคือความเป็นห่วงที่ดูชัดเจน
แม้ไม่อยากยอมรับแค่ไหน แต่แบคฮยอนก็รู้จักหัวใจของตนเองดี
“ไคน์ กับดีโอเป็นยังไงบ้าง”
“ทั้งสองคนบาดเจ็บเล็กน้อยครับ ตอนนี้กำลังจัดการทุกอย่างอยู่โกดัง” แบคฮยอนนึกโล่งใจว่าบอดี้การ์ดคนสนิทของมาเฟียซิซิเลี่ยนไม่ได้เป็นอะไรมากนัก
“แล้วหวงจื่อเทาละจัดการได้หรือยัง แล้วมีอะไรเสียหายกับฝ่ายเรามากไหม”
ใบหน้าที่เอ่ยถามอย่างจริงจังของร่างเล็กตรงหน้านั้นทำให้ยูตะนึกแปลกใจ และชื่นชมไปในคราวเดียวกัน ความเข้มแข็งในแววตาอีกทั้งประโยคที่เอ่ยถามให้ความรู้สึกไม่ต่างจากนายหญิงเลดี้ปาร์คที่เขาเคยเห็นตอนสั่งงานแทนบอสคนก่อนเลยสักนิด
“หวงจื่อเทาตอนนี้รอให้บอสไปจัดการครับ ส่วนความเสียหายน้อยมากครับเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย มีการบาดเจ็บของฝ่ายเราเล็กน้อย ทั้งหมดเพราะแผนที่รัดกุมของบอสครับ”
“ดีแล้วละ จัดการส่งให้คนที่บาดเจ็บไปรักษาแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“อืม...แล้วนี่เมื่อไหร่บอสของนายจะออกมาสักทีกันล่ะ”
ประโยคสุดท้ายแบคฮยอนแค่เอ่ยพึมพำกับตัวเอง นึกเป็นห่วงหลายคนที่ต้องมาบาดเจ็บเพราะความดื้อดึงและโง่เง่าของเขา ถ้าเป็นไปได้แบคฮยอนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยสักนิด
ผ่านไปไม่นานประตูบานทึบก็เปิดออก พร้อมร่างสูงของนายแพทย์หนุ่มที่แบคฮยอนจำได้ดีว่าเคยมาดูแลตนเองตอนที่ป่วยเดินตรงออกมา นั่นทำให้ร่างเล็กรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหา รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อเข้มตามแบบตะวันตกทำให้นึกใจชื้น
“คุณชานยอลไม่เป็นอะไรมากหรอกนะครับ แค่เสียเลือดมากเพราะบาดแผลหลายส่วน แต่ไม่ได้โดนอวัยวะสำคัญอะไร ส่วนแผลถูกยิงตรงต้นแขนที่มีกระสุนฝังอยู่ หมอก็จัดการเอาออกเรียบร้อยแล้วนะครับ ไม่มีอะไรน่าห่วงนอกเสียจากอาจต้องหยุดใช้งานแขนข้างนั้นไปสักพัก”
“อ่าครับ แล้วตอนนี้เขา...”
“คุณปาร์คชานยอลสลบอยู่เพราะความอ่อนเพลีย แต่ผมให้น้ำเกลือผสมแร่ธาตุบางส่วนแล้วครับไม่ต้องห่วงนะครับคุณเลดี้”
“ผมไม่ใช่เลดี้ของเขาเสียหน่อยครับ” ดวงตาเรียวเบิกโตพร้อมยกมือปฏิเสธทันที เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของคุณหมอโจเซฟประจำตระกูลซิซิเลี่ยน
“งั้นหรือครับ แต่คุณเป็นชื่อเดียวที่คุณชานยอลเขาพูดถึงก่อนสลบไปเชียวนะครับ”
“ยังไงก็ไม่ใช่หรอกครับ”
เอ่ยปฏิเสธย้ำอีกครั้ง ทั้งที่หัวใจในอกเต้นรัวด้วยความรู้สึกที่แบคฮยอนพยายามมองข้ามไป สุดท้ายคนน่ารักก็เลือกที่จะเบี่ยงประเด็นคุณหมอหนุ่มเพื่อไม่ให้หัวใจตัวเองต้องทำงานหนัก แค่เป็นห่วงคนที่เคยใจร้ายใส่กันแบคฮยอนก็คิดว่ามากเกินพอแล้ว
“คุณชานยอลเกลียดโรงพยาบาลอย่างกับอะไรดี เขาสั่งให้ผมบอกว่าให้พาเป็นอยู่เซฟเฮาส์ที่เมืองเวนิสแทน”
“ได้ยังไงกันครับ แล้วแบบนี้เครื่องมือการรักษา คุณหมออีกละครับ”
“ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ เพราะเซฟเฮ้าส์ที่นี่มีอุปกรณ์ทุกอย่างครบคุณแบคฮยอนไม่ต้องห่วง”
“ผมไม่ได้ห่วงเขาซักหน่อยครับ” กัดปากล่างเถียงพึมพำอย่างเคยชิน เมื่อเห็นแววตาแพรวพราวของคุณหมอหนุ่ม สุดท้ายแบคฮยอนก็ยอมแพ้ ร่างเล็กเลือกที่จะหันไปบอกให้บอดี้การ์ดข้างตัวเตรียมรถโดยสาร ส่วนตนเองนั้นก็เดินตามคุณหมอหนุ่มไปหาใครบางคนที่ทำให้จิตใจดวงเล็กต้องว้าวุ่น
เซฟเฮาส์แห่งนี้แม้ไม่ใหญ่เท่าคฤหาสน์ซิซิเลี่ยน แต่แบคฮยอนรู้สึกถึงความเป็นบ้านมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะตัวบ้านที่สร้างด้วยอิฐเปลือยไม่แตกต่างจากละแวกเพื่อนบ้าน หรือเพราะขนาดที่ไม่ได้ใหญ่จนเวิ้งว้าง อีกทั้งน้ำทะเลสีฟ้าใสที่สะท้อนให้เห็นบริเวณหลังบ้าน เป็นเซฟเฮาส์ที่อยู่แล้วรู้สึกถึงความปลอดภัย
มือเรียวจุดเทียนหอมที่มาเรียบอกว่ามีกลิ่นหอมนี้ช่วยให้ร่างกายที่อ่อนล้าได้ผ่อนคลาย แบคฮยอนรู้สึกดีใจที่เจอกับแม่บ้านใหญ่แห่งซิซิเลี่ยนอีกครั้ง เธอยังคงนิ่งเหมือนอย่างเคยแต่แววตาที่ทอดมองด้วยความห่วงใยนั่นแบคฮยอนก็รู้สึกได้
สัญญากับตัวเองว่าต่อไปนี้เขาจะไม่ดื้อดึงให้ใครต้องเดือดร้อนอีกแล้ว
“เมื่อไหร่คุณจะตื่นขึ้นมาซะทีละครับ”
ปากบางยู่เข้าหากันพลางเอ่ยบ่นพึมพำคนที่นอนสลบมาเกินกว่าครึ่งวัน แม้ว่าคุณหมอโจเซฟที่เพิ่งมาตรวจตอนช่วงค่ำจะบอกว่านี่คืออาการปกติของคนที่ได้รับบาดแผลจำนวนมากก็ตามเถอะ แต่แบคฮยอนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
ความจริงเขาไม่ควรรู้สึกแบบนี้ แต่สิ่งที่ปาร์คชานยอลทำให้เขาตอนนี้ แม้จะไม่ได้ลบล้างความผิดทั้งหมดได้ แต่แบคฮยอนก็รู้ดีว่าทำให้เขามองมาเฟียหนุ่มเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
เจ้าของดวงตาคมลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อแสงแดดจ้าทะลุผ่านผ้าม่านสีอ่อน อาการปวดตามรอยแผลโดยเฉพาะต้นแขนด้านซ้ายเป็นสิ่งแรกที่รู้สึก ตามด้วยแรงกดทับที่ฝ่ามืออีกข้าง มองไปยังมือข้างนั้นก็พบกับเจ้าของกลุ่มผมสีน้ำตาลช็อกโกแลต ใบหน้าน่ารักนอนทับฝ่ามือของเขาจนแก้มใสโย้ไปอีกข้าง
และภาพที่เห็นในเช้าวันนี้ ทำให้มาเฟียใหญ่อดไม่ได้ที่จะอารมณ์ดี
ตั้งใจจะลุกขึ้นนั่งโดยไม่ให้ฝ่ามือตัวเองต้องขยับเพราะใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้มแสนสบายของใครบางคน แต่ร่างกายของปาร์คชานยอลก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าใดนัก อาการปวดที่รู้สึกนั่นทำให้ต้องขยับริมฝีปากระบายความเจ็บ
“โอย...”
“ค คุณชานยอล !”
คนตัวเล็กที่เด้งตัวขึ้นตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงร้องโอยของคนตัวโตที่อยู่บนที่นอน มือเรียวรีบเอื้อมไปพยุงร่างแกร่งให้พิงหัวเตียงโดยใช้หมอนรองด้านหลัง สีหน้าที่เป็นกังวลที่เผยออกมาอย่างปิดไม่มิดทำให้มาเฟียหนุ่มต้องยกรอยยิ้มมุมปาก
“เป็นห่วงฉันหรือไง”
“ใครเป็นห่วงคุณกัน”
เถียงกลับทันที พร้อมกับยื่นน้ำให้คนป่วยที่นั่งพิงหัวเตียงตามคำบอกของคุณหมอประจำ
ตระกูลที่กำชับไว้ ใบหน้าน่ารักบึ้งตึงตอบกลับทั้งที่ในใจนั่นตรงกันข้าม เมื่อได้เห็นคนที่เคยนอนซมปากไร้สีเลือด ตอนนี้กลับดูดีกว่าเมื่อวานมาก
“แล้วใครกันละที่นอนเฝ้าจนใช้มือฉันเป็นหมอน”
“คุณชานยอล!...”
“จะเถียงฉันหรือไง”
“…”
ริมฝีปากบางเม้มลงอย่างหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะหาอะไรไปเถียงกับมาเฟียหนุ่มที่ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่ไม่จำเป็นที่เขาต้องนอนเฝ้าเลยสักนิด แต่แบคฮยอนก็รู้ดีว่าตนเองนั้นดื้อดึงคำบอกห้ามของดีโอมากขนาดไหน
ทั้งหมดนี่ก็เพราะคนตรงหน้าที่ตอนนี้ตื่นขึ้นมากวนประสาทกันไม่ใช่หรือไง
“ผมไม่เถียงคุณแล้ว ออกไปตามพี่หมอมาก่อนนะครับ”
เจ้าของมือเรียวที่ตั้งใจจะเดินออกไปนอกห้องกลับถูกคว้าไว้ด้วยมือแกร่งของใครบางคน ออกแรงกระชากเพียงนิดเดียวคนตัวบางก็เซจนนั่งลงบนที่นอนข้างกับมาเฟียหนุ่ม ท่อนแขนแกร่งข้างที่ไม่ได้ถูกยิงเปลี่ยนมารวบเอวบางไว้จนแผ่นหลังบางใกล้กับอกแกร่งทันที
“ปล่อยผมนะครับ”
“สนิทกับหมอโจเซฟแล้วหรือไง ถึงได้เรียกมันว่าพี่”
“ผมจะสนิทหรือไม่สนิทแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยละครับ”
แบคฮยอนหันกลับไปจ้องตากับดวงตาคมที่มองตรงมา ไม่กล้าขยับตัวดิ้นมากเพราะกลัวว่าจะไปโดนบาดแผลของมาเฟียหนุ่มเสียก่อน นั่นเปิดโอกาสให้ปาร์คชานยอลขยับท่อนแขนแกร่งรวบเอวบางเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมจนมือเรียวของคนตัวเล็กต้องคอยดัน แต่ไม่กล้าออกแรงมากนัก จนได้แค่เพียงวางแปะอยู่บนลาดไหล่กว้างเฉยๆ
“แบคฮยอน...”
“อะไรกันละครับ” เอ่ยตอบรับน้ำเสียงทุ้มกดต่ำ แล้วปากบางก็เม้มลงพร้อมดวงตาเรียวเสหลบ
“ฉันก็อายุมากกกว่านายนะ”
แบคฮยอนช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของใบหน้าคมคาย เป็นเพียงประโยคบอกเล่าธรรมดาแต่ก็เข้าใจความหมายที่มาเฟียหนุ่มต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี นั่นหัวใจดวงเล็กเต้นรัว พร้อมแก้มกลมขึ้นสีจางอย่างห้ามไม่ได้
สถานการณ์ที่อันตรายต่อหัวใจดวงน้อยทำให้ร่างเล็กรีบดีดตัวอออกจากท่อนแขนแกร่ง พร้อมลุกขึ้นยืนพร้อมหันหลังแล้วเอ่ยบอกมาเฟียซิซิเลี่ยนว่าตนจะไปตามหมอประจำตระกูลมาให้
ปิดประตูลงพร้อมกับพิงตัวบนประตูไม้เนื้อดี แบคฮยอนจับไปยังหน้าอกด้านซ้ายที่ยังเต้นรัวไม่หาย เพราะดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มที่มองตรงมาในระยะใกล้อีกทั้งประโยคที่ยังวนเวียนไปมาในหัว ยกมือขึ้นบีบแก้มตนเองที่ร้อนจนกลัวว่าจะแดงให้มาเฟียหนุ่มได้ใจ
“ตั้งสติ บยอนแบคฮยอนตั้งสติ” เอ่ยพึมพำกับตัวเองพร้อมเดินตรงไปตามทางเดิน
อายุมากกว่าแล้วยังไงละ เขาไม่ยอมเรียกมาเฟียนั่นว่าพี่หรอกนะ!
แบคฮยอนยกถาดซุปตุ๋นไก่โสมที่มาเรียบอกว่าได้สูตรมาจากคุณเลดี้ปาร์ค หรือคุณแม่ของทายาทคนโตแห่งซิซิเลี่ยน ระหว่างทางเดินพบกับไคน์ที่เดินสวนออกมาจากห้องนอนของปาร์คชานยอล รอยยิ้มของบอดี้การ์ดผิวแทนยังคงมีให้เสมอ แม้ว่าจะมีผ้าก๊อซติดอยู่บริเวณหัวคิ้วก็ตาม
“ช่วยไหมครับคุณแบคฮยอน”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วคุยงานกันเสร็จแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้บอสบ่นหิวน่าดู”
แบคฮยอนเพียงพยักหน้ารับรู้ นึกออกเชียวแหละว่านายท่านของไคน์นั่นเอาแต่ใจมากขนาดไหน เท้าเล็กรีบก้าวเดินอย่างระมัดระวัง พร้อมบอดี้การ์ดที่อยู่หน้าห้องเปิดประตูให้ร่างบอบบางเดินเข้าไปด้านใน
“ทำไมถอดเสื้อละครับ”
เอ่ยเสียงดุพลางรีบวางถาดซุปลงบนโต๊ะเล็ก แบคฮยอนเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนที่อยู่บนที่นอนแล้วได้แต่ถอนหายใจ รีบเดินไปปิดเครื่องปรับอากาศที่ทำให้อุณหภูมิห้องต่ำเกินไป พร้อมเดินไปยังหน้าต่างเพื่อเปิดรับอากาศที่ดีของเมืองติดท่าอย่างเวนิส
“ใส่เสื้อแล้วอึดอัดจะตายไป หมอโจเซฟมาทำแผลให้จะถอดจะใส่ก็ลำบาก”
“…” แบคฮยอนเลือกที่จะไม่เถียงแล้วเดินหันมาจัดถาดอาหารบนโต๊ะตัวเล็กที่อยู่มุมห้องแทน แล้วรีบเดินไปช่วยพยุงตัวคนที่ตัวโตกว่าครึ่งที่กำลังลุกขึ้นยืนจากที่นอน
“เดินไหวไหมครับ”
มาเฟียหนุ่มไม่ตอบแต่เลือกที่จะทิ้งน้ำหนักทั้งหมดใส่คนตัวเล็กทันทีที่แขนแกร่งพาดบนไหล่เล็ก แบคฮยอนตัวเอียงจนต้องหยุดยืนนิ่งก่อนก้าวเดินต่อไป การก้าวเดินทั้งสองคนเป็นไปอย่างเชื่องช้าเพราะร่างสูงที่ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงเหมือนกลั่นแกล้งร่างเล็ก
ดวงตาเรียวเหลือบไปมองท่อนขายาวใต้กางเกงผ้าเนื้อดีทำให้นึกขึ้นได้ว่าปาร์คชานยอลนั้นไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนตรงขาเลยสักนิดนอกจากรอยแผลถลอกเล็กน้อย ทำให้แบคฮยอนได้รู้ตัวว่าถูกหลอกจนได้
ตั้งใจจะหันไปต่อว่ามาเฟียหนุ่ม แต่เพราะใบหน้าของคนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ใกล้ใบหน้าน่ารักมากเกินไป ทำให้จมูกโด่งกดลงหอมบนแก้มนิ่มของคนที่หันกลับมาพอดี
“ค คุณ !...”
เอ่ยเสียงดังใส่คนที่ยืดตัวเต็มความสูงทันทีที่รังแกร่างเล็กสำเร็จ คนตัวสูงเดินไปนั่งบนโซฟานุ่มตัวยาวที่เบื้องหน้ามีชุดสำรับอาหารอยู่ มองตามร่างเล็กที่ยกมือเรียวปิดแก้มใส่ขึ้นสีแดงจาง พร้อมทั้งปากเล็กที่บ่นพึมพำบ่นด่าทอมาเฟียหนุ่มอีกตามเคย
“ผมไม่น่าหลงกลคุณเลย”
“หึ...” แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กอีกตัวพร้อมทั้งหันมองค้อนคนตัวโตที่ยังคนส่งเสียงหัวเราะถูกใจในลำคอ ใบหน้าน่ารักบูดบึ้งผิดกับอีกคนที่กดรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีกว่าปกติ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ปาร์คชานยอลก็ยังคงร้ายกาจเสมอ !
“ป้อนสิ”
“แขนข้างขวาคุณก็ยังใช้ได้ดีนี่ครับ จะให้ผมป้อนทำไม”
“ฉันถนัดซ้ายไม่รู้หรือไง” โกหก...ใช่แบคฮยอนรู้ดี แต่จะคนตัวเล็กจะไปขัดใจอะไรมาเฟียหนุ่มแสนเอาแต่ใจได้ นอกเสียจากได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงตามประสาคนแสนดื้อ แต่ถึงแบบนั้นก็ยอมขยับตัวไปตักชามซุปบนโต๊ะเล็กอยู่ดี
“…”
เป่าเพียงเล็กน้อยแล้วยื่นช้อนซุปกลิ่นหอมให้มาเฟียหนุ่มได้ซด แบคฮยอนแอบลุ้นนิดหน่อยว่าปาร์คชานยอลนั้นจะทำหน้าอย่างไร เพราะน้ำซุปโสมที่ว่านั้นเกือบครึ่งเป็นฝีมือของเขา แต่สีหน้าพึ่งพอใจที่เห็นนั่นทำให้ร่างเล็กใจชื้น
“อร่อย แต่เป่าอีกสิยังร้อนอยู่เลย”
“เรื่องมาก” เอ่ยเสียงเบาแล้วเบะปากใส่มาเฟียหนุ่มตามประสาคนแสนดื้อ จนคนตัวโตรู้สึกอยากลงโทษไม่ใช่น้อย ดวงตาคมมองการกระทำร่างเล็ก ตั้งแต่มือเรียวที่เอื้อมไปตักน้ำซุปพร้อมทั้งริมฝีปากนุ่มนิ่มสีเชอรี่ที่ยู่ลงเพราะเป่าซุปร้อนตรงหน้า
และเพราะแบบนั้นทำให้มาเฟียหนุ่มทนไม่ไหว
ริมฝีปากร้อนแนบสนิทลงบนริมฝีปากนิ่มทันที บดจูบเอาแต่ใจจนดวงตาเรียวได้แต่เบิกโตเพราะสัมผัสหวานที่ไม่ทันตั้งตัว ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากล่างของคนตัวเล็ก ดูดดึงร้องขอ จนเจ้าของริมฝีปากนิ่มเผยอออกปล่อยให้ลิ้นร้อนรุกราน
มือเรียวที่ถือช้อนเล็กถูกมือใหญ่ของคนที่รังแกให้หัวใจเต้นรัว หยิบช้อนซุปในมือวางในชามเช่นเดิม ดวงตาเรียวหลับพริ้มพร้อมกับแผ่นหลังบางถูกดันให้แนบไปบนโซฟาตัวนุ่ม
60 %
#มาเฟียขย้ำแบค
ศีรษะกลมวางพาดบนไหล่เปลือยแสนแข็งแรงของคนที่ไม่ยอมหยุดเอาเปรียบกันโดยง่าย ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่แบคฮยอนถูกยกตัวขึ้นมานั่งบนตักของร่างสูงด้วยท่าทางน่าอาย น้ำซุปในตอนแรกเคยมีควันลอยฉุย ตอนนี้กลับเย็นชืดเพราะถูกปล่อยทิ้งเอาไว้
“พ พอเถอะครับ”
ริมฝีปากบางเอ่ยบอกพลางขืนใบหน้าเพราะมือใหญ่ที่กำลังจับเชยคาง แบคฮยอนเขกหัวถุยไปบนไหล่กว้างตามประสาคนพยศที่จะไม่ยอมถูกรังแกซ้ำอีกเป็นครั้งที่สิบ เพราะในครั้งแรกที่พลาดตอบรับจูบแสนอ่อนหวานนั่น ทำให้โดนรังแกเสียจนปากช้ำ หน้าแดงหูแดงไปซะหมด
ต่อให้มีมือเหลือใช้งานได้ข้างเดียวมาเฟียหนุ่มก็ยังรังแกจนเสื้อผ้าของคนตัวบางหลุดลุ่ย ทำให้มือเรียวของคนที่พิงหัวกลมไว้บนอกแกร่งต้องติดกระดุมที่หลุดจากรังดุมเพราะความมือไวของใครบางคน ริมฝีปากบางที่บวมแดงเพราะโดนบดจูบหลายต่อหลายครั้งบ่นพึมพำใส่ตามประสา
“ทานอาหารไปเองเลยนะครับ ผมไม่ป้อนแล้ว”
บิดปากกลมบูดบึ้งแล้วพูดบอกให้เจ้าของไหล่แกร่งที่พิงศีรษะอยู่ได้รู้สึก แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะที่แสนน่าหมั่นไส้ขึ้นมาแทน แถมด้วยประโยคที่ทำให้แบคฮยอนต้องเงยหน้ามามองด้วยดวงตาเรียวที่เบิกโต
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะตอนนี้ฉันกินนายอิ่มแล้ว”
และนั่นทำให้รู้ว่ามาเฟียซิซิเลี่ยนร้ายกาจมากแค่ไหน
“คุณนี่มัน...!”
แบคฮยอนจ้องตาตอบดวงตาคมที่เห็นความขบขันอยู่ในนั้น ตอนนี้คนตัวเล็กรู้สึกโมโหปนหมั่นไส้คนที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลอย่างกับอะไรดี รู้สึกอยากเอาชนะคนที่ทำให้หัวใจเขาต้องเต้นรัว แถมแก้มยังร้อนอย่างควบคุมไม่ได้
“ฉันทำไมอย่างนั้นเหรอ”
ริมฝีปากบางยกยิ้มหวาน เมื่อคิดวิธีเอาคืนออก มือเรียววางแปะลงบนลอนกล้ามทองแสนแข็งแรงของคนที่อยู่ด้านใต้ ลูบไล้แผ่วเบา ปลุกอารมณ์จนเจ้าของใบหน้าคมยกรอยยิ้มกดลึกอย่างถูกใจ ใบหน้าน่ารักขยับเข้าไปใกล้กับซอกคอ พร้อมกับมือไล้ลงต่ำ
แล้วแบคฮยอนก็กัดลงไปเต็มๆบนซอกคอคนตัวสูง แถมมือเรียวยังกดรอยแผล เอาคืนมาเฟียหนุ่มเสียจนร้องลั่นให้บอดี้การ์ดทั้งหลายต้องเปิดประตูเข้ามาทันที
“นายท่านครับ !?”
ภาพที่บอดี้การ์ดเคนและยูตะเห็นคือ คนตัวเล็กยืนกอดออกพร้อมรอยยิ้มสะใจอยู่ออกห่างออกมาจากนายท่านของตนที่ตอนนี้ใช้มือกุมตรงลำคอพร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก
“อ้อ นายสองคนเข้ามาพอดี อย่าลืมไปตักซุปถ้วยใหม่มาป้อนนายท่านของนายด้วยนะ ดูเหมือนตอนนี้จะหิวน่าดู” เจ้าของใบหน้าน่ารักยกรอยยิ้มหวาน เอ่ยสั่งเสร็จก็เดินตัวปลิวออกไปด้านนอกห้องทันทีจนบอดี้การ์ดร่างสูงทั้งสองได้แต่เกาศีรษะอย่างมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ตัวแสบ!!”
ปาร์คชานยอลกดเสียงต่ำพลางมองแผ่นหลังบางของคนที่เดินออกนอกห้องไป ปล่อยโอกาสให้คนแสนดื้อหนีออกไปได้อย่างลอยนวล มองรอยแผลของตัวเองที่เลือดไหลซึมแล้วได้แต่บอกให้ลูกน้องทั้งสองไปตามหมอประจำตระกูลมาเปลี่ยนผ้าพันแผลผืนใหม่
แบคฮยอนผิวปากอย่างอารมณ์ดี พลางเดินก้าวลงบันไดไปหนีจากมาเฟียหนุ่มที่เป็นอันตรายต่อทั้งตัวและหัวใจเขา จนบันไดขั้นสุดท้ายก็พบกับใครบางคนที่ส่งรอยยิ้มบางมาให้ จางอี้ชิงนั่งรออยู่ตรงหน้าบริเวณห้องรับแขกโดยมีบอดี้การ์ดหลายคนยืนล้อมรอบ
“คุณอี้ชิง ?”
“มีเวลาคุยกับผมสักนิดไหมครับ”
“อ่า...ได้สิครับ”
แบคฮยอนพยักหน้าตอบรับ พลางขมวดคิ้วลงด้วยความสงสัยว่าเลดี้จางมีอะไรจะต้องคุยกันกับเขา นึกแอบกังวลเพราะคำสั่งสูงสุดที่เคยสั่งให้เขาได้กลับบ้าน
แต่ตอนนี้แบคฮยอนกับยืนอยู่ตรงนี้ ในพื้นที่ของซิซิเลี่ยน
แม้รู้สึกกังวลใจแต่ถึงแบบนั้นร่างเล็กที่ยืนอยู่บนบันไดก็ก้าวท่อนขาเรียวเดินลงจากบันไดขั้นสุดท้าย แล้วเดินตามรถเข็นที่นำอยู่ด้านหน้าพร้อมเหล่าบอดี้การ์ดชุดสูทที่คอยคุ้มกัน
สองร่างบอบบางพากันมาจนถึงบริเวณหลังเซฟเฮาส์ที่ติดกับท่าน้ำสายหลักของเมืองเวนิส แสงแดดอ่อนที่ตกกระทบกับผืนน้ำสีฟ้าใสสะท้อนให้เห็นเป็นแสงวิบวับน่ามอง นั่นทำให้คนที่ไม่เคยเห็นความสวยงามของแกรนด์คาแนลต้องเบิกตาเรียวตื่นตะลึงในความสวยงามของผืนน้ำธรรมชาติตรงหน้า
“คุณแบคฮยอนคงยังไม่เคยล่องเรือกอนโดล่าสินะครับ”
“ยังเลยครับ”
จบประโยคตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เรือกอนโดล่าที่สลักลายสวยกว่าเรือลำไหนก็เทียบท่าเข้ามาใกล้กับท่าเรือของเซฟเฮาส์ กอนโดเลียร์คนพายที่อยู่ท้ายเรือเอ่ยทักทายด้วยสำเนียงอิตาลีแท้ใส่หนุ่มตัวบางทั้งสองคน
มือหยาบของกอนโดเลียร์ยื่นให้แบคฮยอนจับก่อนก้าวข้ามมายังกอนโดล่าลำยักษ์ที่โคลงเคลงเล็กน้อยเพราะคลื่นที่สาดกระทบฝั่ง ตามด้วยบอดี้การ์ดร่างสูงที่อุ้มเลดี้จางจากรถเข็นแล้ววางให้นั่งลงเบาะนุ่มข้างแบคฮยอน
ตามด้วยบอดี้การ์ดฝีมือดีที่คอยติดตามเพื่อคอยคุ้มกันคนสำคัญทั้งสองแห่งซิซิเลี่ยน เพราะคำสั่งของใครบางคนที่มองลงมาจากชั้นบนของตัวบ้าน ขณะที่ไม้พายลำยาวที่เรียกว่าฟอคอล่าดันริมฝั่งให้กอนโดล่าลำใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่กลางแกรนด์คาแนลเพื่อล่องไปตามลำน้ำ
“คุณแบคฮยอน...”
“ครับ?”
“อยากรู้เรื่องราวของผมกับชานยอลไหม”
ดวงตาเรียวเหม่อมองสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยก่อนเบนมาสบดวงตาใสของใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนลึกในใจนั้นก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แววตาที่เคยสะท้อนตัดพ้อของเลดี้จางต่อมาเฟียหนุ่มนั่นคืออะไร
แต่หรือบางที บยอนแบคฮยอนไม่ควรรับรู้มันกันแน่
100 %
#มาเฟียขย้ำแบค
ใครที่ขอฉากคัทไม่ล้องนะเด็กดี
คุณมาเฟียมีแผลเต็มตัว ถ้าจะรังแกน้องมากกว่านี้ก็คงได้ช้ำในตายก่อนแน่ๆ
ตอนหน้านั้นคุณเลดี้กับว่าที่เลดี้จะคุยอะไรกันก็ต้องคอยลุ้น :)
ทุกอย่างกำลังจะเฉลยแล้ว
ถ้าเป็นเด็กดีเม้นเยอะแท๊ก #มาเฟียขย้ำแบค เยอะ
ก็อัพบ่อยแบบนี้นั่นแหละ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่บี๋เอาคืนได้แสบกว่า ต้องยังงี้ดิ! อิอิ ×0×