ตอนที่ 1 : | intro | prisoner #มาเฟียขย้ำแบค
Naked Prisoner
intro
แสงแดดยามเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ผลิไม่แรงเท่าไหร่นัก แต่ถึงแบบนั้นก็ยังสาดส่องลอดผ่านผ้าม่านชั้นดี ตกกระทบสองร่างเปลือยเปล่าบนเตียงใหญ่ แสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านรบกวนการพักผ่อนของร่างเล็ก เจ้าของเปลือกตาสีมุกที่ปิดสนิท แพรขนตาหนาที่ซ้อนทับขยับเคลื่อนไหวเมื่อเจ้าของตัดสินใจลืมตาตื่น
ดวงตาเรียวรีกระพริบปริบเหม่อมองเพดานที่บุด้วยกำมะหยี่ผืนดี เจ้าของร่างขาวนวลขยับผ้าห่มคลุมกายมากขึ้น เมื่อความเย็นของเครื่องปรับอากาศตกกระทบผิวที่เปลือยเปล่า นั่นทำให้ดวงตาเรียวต้องเบิกโตอย่างตกใจกับสภาพของตนเอง
“อะไรกันเนี้ย?”
ยกตัวขึ้นนั่งทันที ทำให้ความเจ็บปวดแล่นริ้วผ่านด้านหลังร้าวไปยังสะโพกกลมให้ได้ร้องโอยเสียงดังและบิดใบหน้าแหยเก
แบคฮยอน ขยับเปิดผ้าห่มผืนหนาที่คลุมตัวออกดูสภาพผิวเนื้อของตัวเองแล้วอาการปวดหัวจี๊ดก็วิ่งเข้าใส่ทันที รอยสีแดงจางประปรายบนผืนอกไล่เรื่อยลงไปท่อนขาด้านในทำให้ใบหน้าหวานซีดเผือก อาการปวดร้าวที่ยืนยันอีกอย่างทำให้แทบไม่ต้องจินตนาการว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
ปลายหางตาเหลือบเห็นใครอีกคนที่นอนหันหลังให้อยู่ ร่างสูงใหญ่นอนตะแคงข้างให้เห็นเพียงแผ่นหลังกว้างแสนแข็งแรง ที่มีรอยสักสิงโตตัวใหญ่ประดับไว้ ภาษาอิตาลีลายสวยถูกพันด้วยเถาวัลย์ดอกไม้เขียนเป็นคำ ‘Cosa nostra’ ที่ถูกเล็บข่วนเป็นทางยาว แทบไม่ต้องเดาว่าเป็นฝีมือใคร
พรูลมหายใจออก แล้วนับเลขในใจอย่างตั้งสติ
เขาเป็นผู้ชาย เรื่องแค่นี้ไม่เสียหายอยู่แล้ว
“บ้าเอ้ย!”
ริมฝีปากบางเอ่ยคำสบถออกมาอย่างนึกหงุดหงิดใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เรียวขายาวขยับพาดลงจากเตียง ยกตัวขึ้นยืนนั่นทำให้ความเจ็บปวดจากบั้นท้ายแล่นริ้วจนต้องทรุดนั่งลงเตียงนุ่มเช่นเดิม ขยับปากสาปแช่งคนที่ยังหันหลังหลับให้อย่างเอาเป็นเอาตาย พลางกลั้นใจลุกขึ้นอีกที
สภาพห้องสวีทสุดหรูที่ปรากฏให้เห็นทำให้เจ้าของแก้มใสต้องขึ้นสีจางด้วยความอับอาย ว่าเมื่อคืนนั้นเกิดสงครามหรืออย่างไร?
น้ำอุ่นไหลผ่านเนื้อเนียนนุ่มที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีกุหลาบประปราย มือเรียวสวยขัดถูร่องรอยที่ว่าด้วยความแรง แต่ถึงแบบนั้นร่องรอยก็ไม่จางหาย มีแต่จะขึ้นสีช้ำให้ได้เห็นชัดกว่าเดิม
แบคฮยอนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พลางยกมือบีบสบู่ใส่ฝ่ามือ ลูบไล้ทำความสะอาดร่างกาย จำได้ว่าเมื่อคืนมีงานเลี้ยงต้อนรับนักธุรกิจรายใหญ่ แน่นอนว่าเลขาอย่างเขาถูกเจ้านายสั่งให้ดูแลรับรองแขกให้ดี ซึ่งก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าไปดูแลขนาดไหนจนจบเอาแบบนี้
นึกแล้วก็ยังหงุดหงิดใจไม่หายกับอาการปวดร้าวที่ทำให้แข้งขาทรงตัวอย่างไม่ปกติ
“ช่างเถอะ..แบคฮยอน”
เอ่ยอย่างปลงตกกับตัวเองในกระจกที่สะท้อนให้เห็นเงา เจ้าของร่างบอบบางรีบซับหยดน้ำทั่วตัวด้วยผ้าขนหนูผืนนุ่มจนเสร็จ แล้วคว้าหยิบเอาเสื้อผ้าชุดเดิมที่กระจัดกระจายอยู่รอบห้อง นึกแล้วก็ยังอับอายไม่หายไม่รู้ว่าเมื่อคืนทำบ้าอะไรลงไปบ้าง
เปิดประตูห้องน้ำออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยเกรงว่าผู้ร่วมห้องที่ร่วมเตียงเดียวกันเมื่อคืนจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน ก้าวเท้าด้วยความอยากลำบากแล้วเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะเล็กข้างเตียงนอนเมื่อเห็นว่ามีมือถือตนเองวางนอนอยู่ ขยับตัวเดินเข้าไปใกล้ พอดีกับร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งสนิทขยับพลิกตัว
แบคฮยอนแทบกลั้นลมหายใจ แล้วหยุดชะงักมือบางที่จะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์
เจ้าของเสี้ยวหน้าคมเข้มแสนดูดี จมูกโด่งเป็นสันที่รับเข้ากับเครื่องหน้าหล่อเหลา ใบหน้าสมบูรณ์แบบที่ปรากฏให้เห็นในสายตาทำให้แบคฮยอนแทบอยากระเหิดหายไปในอากาศเสียเดี๋ยวนี้
ในเมื่อนี่คือ คุณชานยอล นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งจากอิตาลีที่เจ้านายของเขาสั่งให้รับรอง
ท่อนขาเรียวสลับเดินด้วยความเร่งรีบแม้จะติดขัดไปเสียหน่อย เพราะอาการปวดที่แล่นร้าวให้รู้สึก เลขาคนเก่งแห่งบริษัทส่งออกรายใหญ่ของเกาหลีรีบเดินให้ทันกดลิฟต์โดยสารตรงหน้าที่กำลังจะปิดลง
“ขอบคุณครับ”
เอ่ยขอบคุณคนใจดีที่ช่วยกดลิฟต์รอ แล้วรีบก้าวเท้าเข้ามาด้านใน โดยไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าในห้องโดยสารสี่เหลี่ยมนั้นมีใครบางคนที่เลี่ยงไม่อยากเจอที่สุดอยู่ในตอนนี้
“เมื่อคืนคุณคงหลับสบายดี”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่กระซิบอยู่ด้านหลังทำให้เจ้าของร่างเล็กพลิกตัวหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ปรากฏอยู่ในสายตา เท้าเล็กก็ขยับถอยหลังหนีไปทันที ดวงเรียวมองสบกับดวงตาคมที่มองมาอย่างเรียบนิ่ง แววตาที่วางอำนาจแสนเย็นชาทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องถอยจนแผ่นหลังเล็กชิดติดประตูโลหะ
“คุณ...”
ในใจแบคฮยอนได้นึกแต่สงสัยว่าในเมื่อเจรจาธุรกิจกันไปแล้วเรียบร้อยแล้ว ทำไมนักธุรกิจหนุ่มคนนี้ถึงยังปรากฏตัวมาที่บริษัทอีก ทั้งที่บอกไว้ว่าจะรีบเดินทางกลับอิตาลีทันทีในเช้าวันนี้ และได้แต่ภาวนาให้คนตรงหน้าอย่าได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต่ออีกเลย
ไม่มีบทสนทนาต่อขึ้นหลังจากนั้น มีเพียงเจ้าของใบหน้าคมคายยกยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ท่าทางที่เหมือนถูกใจอะไรบางอย่างทำให้แบคฮยอนได้แต่รู้สึกสงสัยและอึดอัด โดยเฉพาะดวงตาสีหม่นที่จ้องมองมา แถมด้วยชายบอดี้การ์ดชุดสูทที่ยืนเบียดล้อม
เสียงสัญญาณลิฟต์โดยสารที่ดังได้ยินว่าถึงชั้นที่ต้องการ ทำให้แบคฮยอนพรูลมหายใจออกด้วยความรู้สึกโล่งอกที่ไม่ต้องตกอยู่ในบรรยากาศแสนอึดอัดอีกต่อไป รีบพลิกตัวหันหลังเดินออกไปทันทีโดยไม่เหลียวหันกลับมามองคนที่เดินตามออกมา ร่างเล็กรีบสาวเท้าเดินให้ไวขึ้นกว่าเดิมแม้จังหวะจะผิดแปลกไป เพื่อรีบเดินให้ถึงห้องทำงานเนื่องจากเวลาตอนนี้ใกล้เคียงคำว่าสาย
“สวัสดีครับบอส”
เอ่ยทักทายเจ้าของบริษัทพลางก้มหัวเคารพอย่างนอบน้อม นั่นทำให้ได้รับรอยยิ้มใจดีจากชายสูงวัยตรงหน้า คิมซึงโฮ เป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบ บริษัทส่งออกที่ขยายอำนาจเกือบครอบคลุมทั่วเกาหลี แต่เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาลงทำให้ฐานอำนาจธุรกิจต้องติดขัดและสั่นคลอน จึงต้องรับมือด้วยการจับมือธุรกิจร่วมกับต่างชาติ
นักธุรกิจหนุ่มต่างชาติ ลูกครึ่งเกาหลี-อิตาลี ที่เดินตามหลังไล่เลี่ยกับเลขาคนเก่ง ยกรอยยิ้มทักทาย แม้ซึงโฮจะแปลกใจกับการปรากฏตัวของคนที่บอกจะเดินทางกลับอิตาลีตั้งแต่เช้าแต่ถึงแบบนั้นก็ยังเอ่ยทักทายต้อนรับ หุ้นส่วนรายใหญ่ พลางเชื้อเชิญเข้าไปนั่งด้านในห้องรับรองด้วยความยินดี
“ผมคิดว่าคุณปาร์คจะเดินทางกลับอิตาลีแล้วซะอีก”
“ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้น...”
แววตาคมกริบมองเลยผ่านนักธุรกิจใหญ่ตรงหน้า ไปสบกับดวงตาเรียวสดใสของใครบางคนที่ยืนชงกาแฟอยู่ตรงเคาเตอร์เล็กด้านในเพื่อยกมาเสิร์ฟรับรอง
“แต่ดันถูกใจบางอย่างไปซะก่อน เลยคิดว่าคงกลับไม่ได้”
“อะไรกับละครับ ที่ทำให้คุณถูกใจ ถ้าผมช่วยได้ก็จะได้ช่วยหาให้นะครับคุณปาร์ค”
ริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นว่าปลาตัวโตเข้าฮุบเหยื่อ พอดีกับเลขาคนเก่งของบริษัทเดินถือถ้วยแก้วกระเบื้องเนื้อดีวางลงกระทบโต๊ะไม้ กลิ่นหอมกาแฟลอยแตะจมูกทำให้นักธุรกิจหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นมากกว่าเดิม
“คุณช่วยผมได้อยู่แล้วคุณคิม”
“จริงหรือ? งั้นคุณปาร์ครีบบอกมาเลย”
มือใหญ่ยกแก้วกาแฟหอมกรุ่นขึ้นจิบ หลับตาลงลิ้มรสรสชาติขมอมหวานที่แตะปลายลิ้น วางแก้วกระเบื้องสีขาวลงกระทบแผ่นรองจนเสียงดังให้ได้ยิน ขยับตัวนั่งไขว้ห้างด้วยท่าทีที่ถนัด แล้วเอ่ยบอกประโยคสิ่งที่ถูกใจ จนคนที่ได้รับฟังเบิกตาโตด้วยความตกใจ
“ผมต้องการเขา”
ปลายนิ้วชี้ไปยังร่างเล็กที่ยืนสงบนิ่งอยู่มุมห้อง เจ้าของใบหน้าน่ารักซีดลงด้วยความตกใจในสิ่งที่ได้ยิน กระพริบตาปริบพลางหยิกเนื้อนิ่มว่านี่ไม่ใช่ฝันร้าย มองปลายนิ้วที่ชี้ตรงมายังตนเองแล้วน้ำลายก็พาลเหนียวหนืดยากเกินกลืนลงคอ
“คุณล้อเล่นหรือคุณปาร์คชานยอล”
“หึ...คุณคิดว่าผมมีเวลามากพอมานั่งล้อเล่นกับคุณ?”
บรรยากาศที่แปรเปลี่ยนเป็นความกดดัน ทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องรับรองดูแย่ลง คิมซึงโฮขบสันกรามแน่นอย่างไม่พอใจเท่าใดนักกับสิ่งที่ได้ยิน ส่วนคนที่มีไพ่เหนือกว่าอย่างปาร์คชานยอลเพียงกอดอกรอกับคำตอบที่จะได้รับ
“ผมคงยกเขาให้คุณไม่ได้หรอกครับคุณปาร์ค”
“คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าตัดสินถูก คุณซึงโฮ...อย่าลืมนึกไปด้วยนะว่าผมเป็นใคร คุณรู้จักซิซิเลี่ยนดี และคุณก็คงรู้จัก Cosa nostra ดี”
น้ำเสียงเข้มที่ดังขึ้นอย่างวางอำนาจ ประโยคที่ออกจากริมฝีปากหยักไม่ใช่คำคมขู่ แต่คือความจริงที่เกิดขึ้น อำนาจของซิซิเลี่ยนไม่ใช่เพียงกลุ่มองค์กรธรรมดา แต่คือ มาเฟียที่ยิ่งใหญ่ของอิตาลี คืออำนาจที่มากกว่าใครจะคาดเดา ทั้งด้านสว่างและด้านมืดที่ผสมรวม
และเพราะแบบนั้นคนที่กุมอำนาจด้านหนึ่งของซิซิเลี่ยนอย่างปาร์คชานยอล จึงไม่ควรมีใครมาขัดความต้องการของ ทายาทเจ้าพ่อมาเฟีย คนนี้
“ผมอยากได้เขา และผมก็ต้องได้”
#มาเฟียขย้ำแบค
ติดแท๊กคอมเม้นให้กำลังใจกันด้วยนะคะ
รับรองว่าทุกคนจะไม่ผิดหวังกับคุณมาเฟียแน่ค่ะ
@master_yp
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอ๋าาาาา อิพี่ มาอยากได้ไรตั้งแต่ตอนแรกกกกกก 55
#ชอบเฮียชานลุคมาเฟีย