ตอนที่ 15 : xx ♥ 012(100%)
DoubleX 012
Theme song : Exodus - EXO
It was my season of battle wounds, battle scars.
เสียงเครื่องยนต์ดับสนิทพอดีกับเรียวขายาวของใครบางคนก้าวลงมาจากเมอซิเดสเบนซ์ ขยับเนกไทด์ที่ผูกด้วยใครบางคนที่มีผลต่ออัตราเต้นหัวใจเสมอ เสื้อสูทสีดำสนิทที่ถูกพาดบนไหล่ตอนแรกถูกหยิบมาใส่ เซฮุนเพียงแค่หันไปมองเพื่อนสนิทที่แต่งตัวมาแทบจะคล้ายกัน ต่างตรงที่ปาร์คชานยอลสวมกางเกงยีนส์ขาดเข่าในแบบที่ขัดกับเสื้อสูทที่สวมใส่อยู่แบบสุดๆ
“ไง”
“…”
เพื่อนตัวสูงที่ยืนพิงรถยนต์เอ่ยขึ้นพลางปล่อยบุหรี่ให้ร่วงลงกับพื้นทรายแล้วขยี้มันด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาว เซฮุนไม่ได้ตอบอะไรกับคำทักทายของเพื่อนสนิท เพียงแค่ยักไหล่แล้วสูดกลิ่นของท้องทะเลที่ลอยมาแตะจมูก บิดตัวคลายความเมื่อยล้าเมื่อเป็นเวลาเกือบสามชั่วโมงที่ต้องขับรถมาที่เซฟเฮ้าส์ส่วนตัว
มาสถานที่ที่ปลอดภัย เพื่อให้ความลับมันยังคงเป็นความลับ
“เลขาจองอยู่ข้างใน เธอหยิกกูอีกแล้วL”
“สมควร”
เซฮุนยักไหล่ ไม่ได้มีท่าทีเห็นใจชานยอลที่ลูบแขนตรงส่วนที่โดนเลขาจอมโหดประทุษร้ายร่างกายเลยสักนิดสาเหตุก็คงไม่ต้องเดา กางเกงยีนส์ขาดเข่าที่ดูไม่เรียบร้อยแบบสุดๆนั่นแน่นอน
เลขาจองก็เหมือนแม่ของเขาทั้งสองคน คอยมาจัดการชีวิตและเรื่องธุรกิจที่ร่วมกันทำ แม้อายุของพวกเขายังน้อยแต่ด้วยความคิดที่สร้างสรรค์เกี่ยวกับการบริหารงานและความรู้ทางกฎหมายของเขา ทำให้คุณพ่อของชานยอลยอมให้เงินมาลงทุนและอีกครึ่งนึงก็เป็นเงินประกันของพ่อเซฮุนที่เสียไป
“สวัสดีครับคุณจอง”
เอ่ยทักเลขาสาววัยกลางคนที่ยกยิ้มหวานที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด จองอึนจีคือเลขาสาวมากความสามารถที่เคยเป็นเลขาส่วนตัวของคุณพ่อของเซฮุนก่อนที่ท่านจะเสียไป ทันทีที่เธอรู้ว่าลูกชายของประธานที่เธอเคารพรักพยายามสร้างธุรกิจส่วนตัว เธอก็ยอมตกลงรับคำช่วยดูแลทันที แม้ว่าตอนนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าจะอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปี
“ยังดีที่คุณไม่ทำให้ฉันหงุดหงิดแบบคุณปาร์ค”
“โอเค..ผมแค่รีบมากไปหน่อยน่ะคุณจอง”
เอ่ยแก้ตัวด้วยเสียงทะเล้นตามประสาปาร์คชานยอล จนเลขาสาวได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ไม่ว่าจะบอกไปกี่ครั้งเกี่ยวกับการแต่งกายที่ควรดูสุภาพและภูมิฐานเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แต่ทั้งสองคนก็ยังทำให้เธอปวดหัวได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นปาร์คชานยอลหรือไม่ก็โอเซฮุน
แต่ถึงแบบนั้นฝีมือบริหารของทั้งคู่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่าเกินกว่าที่จะเป็นเด็กวัยรุ่น
“แล้วคุณที่นัดไว้จะมาเมื่อไหร่ครับ?”
“อีกไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงนะคะ นี่คือเอกสารการซื้อขายหุ้นที่จัดการมา”
เลขาจองยื่นแฟ้มสีดำสนิทให้เซฮุนที่หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้หนังที่ด้านหน้าเป็นโต๊ะประชุมตัวยาว ชานยอลที่กดโทรศัพท์ก็เดินมานั่งข้างๆเช่นกัน
“เรื่องหุ้นคุณชเวที่เคยคุยกันไปก่อนหน้า วิธีที่มึงบอกได้ผล แล้ว...”
“…” เซฮุนพยักหน้ารับชานยอลที่กำลังกดรอยยิ้มมุมปากพลางหัวเราะหึด้วยเสียงชั่วร้าย สายตายังกวาดมองตัวเลขที่อยู่ตรงหน้าแต่หูก็รอฟังคำบอกจากเพื่อนสนิท
“หุ้นที่เราถือตอนนี้ก็สี่สิบเปอร์เซ็นแล้ว อีกไม่นานหรอก..”
Knock knock !
ยังไม่ทันที่ชานยอลจะพูดต่อจนจบเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นแทรก ทำให้เลขาจองที่ยืนอยู่เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับผู้ชายร่างบางเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงที่เขาทั้งสองคนรอคอย เซฮุนและชานยอลยืนขึ้นเพื่อโค้งตัวตอบรับชายหนุ่มหน้าหวานที่กำลังโค้งตัวทักทายอยู่ตรงหน้าประตู
“คุณลีแทมิน สายของเราที่คุณสองคนกำลังรอค่ะ”
“สวัสดีครับบอส”
เสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มหวานทำให้ชายหนุ่มตัวโตทั้งสองต้องยื่นมือไปทักทาย เซฮุนกดรอยยิ้มและเชื้อเชิญให้นั่งลงตรงข้ามเพื่อที่จะคุยงานที่ทำให้ต้องออกมาคุยไกลถึงเซฟเฮ้าส์ที่เมืองติดทะเล
“ผมเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ต่อจากที่คุณเคยรายงานเลขาจองมาตลอด ผมอยากทราบว่าสถานการณ์ทางฝั่งนั้น ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” เซฮุนเอ่ยถามพลางดันแว่นที่อยู่บนสันจมูกด้วยความเคยชิน
“อ่า...หลังจากที่บอสให้ผมไปซื้อตัวฝ่ายบัญชีแล้วตกแต่งเลขบัญชีใหม่ก็ดูจะย่ำแย่เชียวแหละครับ ผมคิดว่ามันกำลังไปได้สวยเลยสำหรับฝ่ายเรา”
“โอเค...แล้วนี่คุณออกมาได้ยังไง?”
“คุณชานยอลลืมไปรึเปล่าครับว่านี่เป็นวันอาทิตย์ ผมไม่ใช่เลขาจองนะครับที่ยังคงต้องทำงานแม้กระทั่งวันหยุดJ”
“อ่า..เอ่อผมแค่ลืมไปนิดหน่อย”
แทมินอมยิ้มออกมาน้อยๆ ท่าทางใสซื่อแต่คำพูดที่ออกมาตรงข้ามนั้น ทำให้ชานยอลต้องกระแอมไอขึ้นมาเล็กน้อย เก่งกาจสมที่เป็นสายให้เขาทั้งสองคนจริงๆ และนั่นทำให้ได้เห็นแววตาพึงพอใจจากเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างตัวเช่นกัน
ลีแทมินอายุน้อยกว่าพวกเขาหนึ่งปีแต่กับดูร้ายกาจและเชี่ยวชาญกว่ามาก สมกับที่เคยโฆษณาไว้ก่อนที่เขาและเซฮุนจะเลือกมาให้รับงานเป็นสายสืบที่อยู่กับอีกฝ่าย พูดง่ายๆก็คือหนอนบ่อนไส้ในบริษัทที่เป็นเป้าหมายนั่นเอง
“บอสไม่ต้องห่วงหรอกครับว่าจะโดนจับได้ ผมผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี”
“…”
“ส่วนเรื่องการติดต่อซื้อตัว ผมไปคุยกับคนที่เคยอยู่ฝ่ายคุณพ่อของคุณเซฮุนมา ทุกคนก็ดูให้ความร่วมมือดีมากอย่างที่คิดไว้เลยแหละครับ”
“ผมดีใจที่เห็นว่างานไม่มีปัญหา”
“ความจริงก็มีปัญหาเล็กน้อยแหละครับ”
“…?”
“ตรงไหน?” เป็นเสียงชานยอลที่ถามออกมาแทบจะทันที
“ตรงที่...คุณเซฮุนควรกลับไปทานข้าวที่บ้านบ้างนะครับ ก่อนที่ท่านจะสงสัย”
เซฮุนชะงักเล็กน้อย พลางกดรอยยิ้มรับชายหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าที่ส่งยิ้มสดใสมาให้ คำพูดที่บอกออกมาเป็นเหมือนคำเตือนที่บอกว่า ตอนนี้เขากำลังทำตัวไม่ปกติอย่างมากจนทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาได้
“ขอบคุณที่บอกครับ เย็นนี้ผมจะรีบกลับเข้าไปทานข้าวที่บ้าน”
“ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะครับ เพราะนี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมต้องจัดการรูปของคุณก่อนที่จะไปถึงท่าน”
“หมายความว่ายังไงกันคุณแทมิน? มีคนตามไอ้เซฮุนอยู่แบบนั้นเหรอ?!”
“....”
เซฮุนหยิบรูปที่วางตรงหน้า เป็นรูปเขากับลู่หานในห้องสมุดที่คณะวันนั้น และต่อมาก็เป็นรูปที่เขาขับรถพาคนตัวเล็กขึ้นคอนโด แน่นอนว่านี่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วละครับไม่ต้องกังวล เพียงแต่หลังจากวันนี้คุณเซฮุนก็ต้องระวังตัวขึ้นมาอีกหน่อย ทำทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนเดิมนั่นแหละครับ”
“จะให้กูจัดการตามหาคนที่ถ่ายไหม?”
“ไม่ต้องหรอกชานยอล”
เซฮุนหันไปตอบเพื่อนสนิทที่เปลี่ยนมาทำเสียงเครียด เขาเชื่อว่าถ้าแทมินพูดว่าจัดการเรียบร้อยแล้วก็แปลว่าจัดการให้แล้วจริงๆ คงไม่มีคนที่ถ่ายรูปนี้ให้ชานยอลตามหา
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่ที่คุณปฎิเสธนัดของคุณแจริมนั่นแหละครับ”
เจ้าของดวงตาคมที่ตอนนี้เปลี่ยนสีเขียวเข้ม แสยะรอยยิ้มมุมปากด้วยท่าทีร้ายกาจแบบที่คนมองต้องแอบเสียวสันหลัง แต่ไม่ใช่กับลีแทมินที่เริ่มรู้สึกชินกับรอยยิ้มของบอสเวลาที่คิดแผนการชั่วร้ายอะไรบางอย่างออก
“ผมคงต้องระวังตัวจริงๆแล้วสินะ”
จากนี้โอเซฮุนต้องเริ่มระมัดระวังตัวเองบ้างแล้วล่ะ เพราะดูท่าฝ่ายนั้นก็เริ่มระแวงเขาไม่ใช่น้อยซะเมื่อไหร่
XX HUNAHN XX
สามลมเอื่อยของฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะหมดไปไล่แตะแก้มใสจนลู่หานได้แต่เผลอหลับตา ปลายจมูกโด่งรั้นสูดกลิ่มหอมอ่อนจากดอกไม้ที่รายล้อมอยู่รอบตัว สวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากเพ้นเฮ้าส์สักเท่าไหร่ เป็นตัวเลือกที่ดีเสมอหากจะหาสักที่ที่พอให้ได้อยู่กับตัวเอง
ตั้งแต่เซฮุนมาส่งที่หน้าเพ้นเฮ้าส์ลู่หานก็เลือกที่จะเดินต่อออกมาอีกนิดหน่อยที่สวนสาธาณะแห่งนี้ ถึงจะมีเสียงโวยวายของเด็กที่วิ่งเล่นตรงสนามเด็กเล่นด้านหลัง มีเสียงเจ้าแมวตัวฟูกำลังขู่ลูกสุนัขตัวเล็กตรงหน้า แต่ลู่หานก็ยังรู้สึกว่ามันสงบอยู่ดี
“เฮ้ย!” แต่เหมือนเขาจะคิดผิดL
สัมผัสเย็นๆจากกระป๋องน้ำอัดลมที่แตะลงแก้มนุ่มเพราะฝีมือของใครบางคน ที่เข้ามาขัดจังหวะชีวิตที่สงบสุขของเขาได้เสมอ รอยยิ้มทะเล้นที่ถูกส่งมาจากเจ้าของผิวแทนที่ใครว่ากันว่าเซ็กซี่นักหนาทำให้ลู่หานรู้สึกหมั่นไส้จนผลักอีกคนที่นั่งอยู่บนผนักพิงให้เกือบหงายหลังตกเก้าอี้ แต่น่าเสียดายที่คิมจงอินยังทรงตัวไว้ได้
“ไม่เห็นต้องทำหน้าบึ้งขนาดนั้น”
“มึงมันน่ารำคาญL”
“โอ๋หน่า นี่กูซื้อน้ำมาให้เชียวนะ”
“กูเกลียดน้ำอัดลม”
จงอินยักไหล่อย่างไม่แยแสกับคำบอกที่ลู่หานต้องบอกเป็นรอบที่ร้อย แต่ก็เท่านั้นเพราะหมอนี่เปิดกระป๋องเรียบร้อยพร้อมยัดใส่มือให้เสร็จสรรพ แล้วเขาจะทำอะไรได้นอกจากยกขึ้นดื่มน้ำหวานอมเปรี้ยวที่ทำให้ฟองแตกฟู่ฟ่าไหลไปกองรวมกันในกระเพาะ
“อร่อย?”
“คงงั้น” ยกดื่มรอบที่สามเมื่อน้ำหวานที่แตกฟองฟู่อยู่ในปากนี่อร่อยกว่าที่คิด
“ต้องอย่างงี้สิไอ้ลูกกวาง”
ลู่หานเบะปากใส่คนที่ขยับตัวรัดคอไปใกล้แล้วยีหัวเหมือนอย่างทุกทีที่ชอบทำ ถึงลู่หานจะทำท่ารำคาญใจใส่จงอินมากเท่าไหน แต่ก็เท่านั้นแหละเพราะชีวิตเขาคงขาดหมอนี่ได้ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ (แน่นอนว่าเขาเคยลองมาแล้ว)
“ดีขึ้นรึยัง? หัวใจมึงหนะ”
“…”
ลู่หานเงียบใส่คนที่กำลังไหลตัวลงไปกองกับโต๊ะไม้สีฟ้าสดใสที่เริ่มหลุดลอกไปตามเวลา ผลุบตาต่ำมองรองเท้าผ้าใบสีขาวของตัวเองที่ตอนนี้เริ่มมีร่องรอยเปื้อนมากกว่าเดิมเพราะเหยียบย่ำพื้นน้ำเปียกฝนไปเมื่อคืน ไม่ต่างจากหัวใจของเขาสักเท่าไหร่ที่มันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้วเหมือนกัน
“…”
“ก็คงดีขึ้นกว่าเดิม”
ลู่หานหันไปมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนสนิท จงอินเพียงแค่พยักหน้ารับกดรอยยิ้มขึ้นมาบางๆแล้วยกกระป๋องน้ำอัดลมสีเดียวกันกับที่ให้เขาขึ้นดื่ม ทำให้ลู่หานยกกระป๋องในมือขึ้นดื่นเช่นกันก่อนที่ความเย็นจะหายไปแล้วทำให้ความอร่อยลดน้อยลง
สายลมเอื่อยไหลผ่านตัวเราทั้งสองคน พร้อมทั้งระดับน้ำกระป๋องในมือลดน้อยลง
ครืด ครืด
แรงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงทำให้ลู่หานต้องละมือจากเจ้าลูกหมาตัวอ้วนกลมที่กลิ้งตัวอยู่บนพื้นหญ้า หยิบมือถือขึ้นมามองสายโทรเข้าแล้วกดรับทันที
‘ลู่หาน...’
“ว่ายังไงอี้ชิง”
‘ฉันอยากให้นายมาหาหน่อย มีเรื่องที่เราน่าจะต้องคุยกัน’
“…อื้ม ได้สิ”
จงอินปล่อยมือให้ลูกหมาเป็นอิสระแล้วหันมามองหน้าเขาแบบมีคำถาม กดวางสายจากอี้ชิงแล้วความรู้สึกที่เคยผลักไปให้ไกลตัวก็กลับมาอีกครั้ง ถึงไม่รุนแรงเหมือนกับในทุกที แต่ก็พอให้รู้สึก
“เป็นยังไง”
“…”
“เห็นสีหน้ามึงแบบนี้ทีไรกูอยากพาหนีไปไกลๆจัง”
ลู่หานไม่ตอบอะไรกับเพื่อนตัวโตที่เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นห่วง เขาไม่เคยเล่าเรื่องทุกอย่างให้จงอินฟังก็จริง แต่เหมือนเพื่อนของเขาคนนี้ก็พยายามเข้าใจและปลอบใจอยู่เสมอ ไม่เคยเอ่ยถามให้ต้องอึดอัดในหัวใจ
“มึงต้องขาดใจตายเพราะไม่ได้เจอพี่คยองซูแน่”
“เออหวะ”
หลังจากนั้นลู่หานก็ต้องยิ้มกว้างออกมาเพราะเสียงหัวเราะแสนตลกของเพื่อนสนิท ที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญกับชีวิตไป บรรยากาศแสนหม่นจางหายเหมือนก้อนเมฆฝนที่ถูกสายลมอุ่นถูกพัดให้ไกลออกไปจากหัวใจ
เรามักกุมความลับคนละหนึ่งข้อไว้ในมือ
Aries Lu
Loading…70%
เสียงรองเท้าดังกระทบพื้นปูนสะท้อนไปมาในทางเดินที่เงียบสงบแห่งนี้ กลิ่นฉุนของน้ำยาฆ่าเชื้อที่ลู่หานไม่เคยชอบมันเลยสักนิดลอยมาเตะจมูก เท้าเล็กก้าวไปตามทางเดินอย่างมั่นคงแม้ว่าความรู้สึกภายในใจจะหนักอึ้งแค่ไหนก็ตาม
เพราะเป็นเวลามืดมากแล้วทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้เงียบสงบ ลิฟท์เปิดออกพอดีกับความคิดที่ดูยุ่งเหยิงหยุดลง ลู่หานเอื้อมมือไปกดเลขชั้นที่คุ้นเคยพลางถอยหลังไปพิงผนังด้านหลังแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
ใช้เพียงเวลาไม่นานลู่หานก็เดินมาหยุดยืนหน้าห้องประตูสีขาวสะอาด ยังไม่ทันได้ยกมือขึ้นเคาะ บานประตูตรงหน้าก็เปิดออกเผยให้เห็นรอยยิ้มใจดีของคุณหมออี้ชิงเพื่อนสนิทของเขา
“เข้ามาก่อนสิ”
“…”
ลู่หานเดินตามเข้าไปในห้องตามคำเชื้อเชิญของคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า อี้ชิงบอกให้ลู่หานนั่งอยู่บนโซฟาข้างโต๊ะทำงาน ส่วนตัวเองก็เดินไปง่วงกับเครื่องดื่มที่จะนำมาเสิร์ฟแม้ลู่หานจะบอกปฏิเสธแต่เพื่อนผู้ใจดีของเขาก็ยังเลือกที่จะหาชาร้อนรสชาติดีมาให้อยู่ดี
“โทรตามฉันมาทำไม”
รับชาแก้วเล็กมาจากเพื่อนสนิท แล้วเอ่ยถามทันทีทำให้ใบหน้าของคนที่หย่อนตัวนั่งลงโซฟาตัวเล็กข้างๆ ต้องเปลี่ยนจากรอยยิ้มแสนใจดีเป็นใบหน้าที่จริงจังขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลแผ่นใหญ่ที่วางอยู่ตรงโต๊ะตัวเล็กขึ้นมาวางบนตัก
“หลังจากวันนั้น อาการที่ฉันเคยคิดว่าเขาจะดีขึ้นก็ดูแย่ลง”
“หมายความว่ายังไงกัน?” ลู่หานสูดหายใจแล้วรอให้อี้ชิงได้อธิบายต่อ
“ดูจากแผ่นกราฟคลื่นสมองนี่สิ มีส่วนนึงที่แตกต่างจากตอนที่ฉันบอกว่าอาการดีขึ้น และที่สำคัญ ดีอาร์เอ็มไดอะแกรมยังคงขึ้นผลบวกอยู่ ซึ่งนั่นแปลว่า...เกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาแทบไม่ได้ช่วยอะไร”
“….”
ลู่หานชะงักค้างกับคำบอกจากเพื่อนสนิท ไหล่เล็กลู่ลงเมื่อความกดดันไหลลงสู่หัวใจ มือเล็กถูกเพื่อนสนิทจับไว้และบีบเบาๆ อี้ชิงขยับมือบีบนวดให้ลู่หานรู้สึกผ่อนคลาย พลางพูดปลอบว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น
“ฉะ ฉันควรทำยังไงดีอี้ชิง” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเมื่อความจริงเกินจะรับไหว
“นายทำมามากพอแล้วลู่หาน ฉันว่าบางที...คริสอาจต้องทำการรักษาอย่างจริงจัง”
“แต่...”
“ชู่...ฉันรู้ ฉันรู้ดีลู่หาน แต่บางครั้งทางเลือกมันก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้นหรอกนะ ฉันเลยให้นายมาหาที่นี่เพื่อที่จะเซ็นรับรองว่าจะให้เขาเข้ารับการรักษา”
ลู่หานเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาของอี้ชิงที่มองมา แววตาวูบไหวที่แสดงออกทำให้เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกันตรงยกมือขึ้นลูบหลังเบาๆ เหมือนก้อนหินก้อนใหญ่หล่นทับลงบนหัวใจ นี่มันเกินกว่าที่ลู่หานจะรับไหว
“ฉันช่วยเขาไม่ได้อีกแล้วงั้นเหรอ?”
“อ่า...นายช่วยได้ แต่แค่วิธีนี้มันไม่ได้ผลแล้ว เชื่อฉันสิ...อย่าโทษตัวเองอีกเลย ไม่มีใครโทษนายหรอกนะลู่หาน...แม้กระทั่งคนบนฟ้า”
“…”
มือเล็กกำแน่นอยู่บนหน้าตัก หัวใจดวงเล็กบอบช้ำเมื่อคลื่นความกดดันและเสียใจถาโถมเข้าใส่ ลู่หานสูดหายใจเข้าลึกขึ้น รู้สึกถึงความเจ็บที่ก้อนเนื้อที่อกด้านซ้ายเต็มไปหมด เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านเขาแทบช่วยอะไรคริสไม่ได้เลย
อี้ชิงปล่อยให้ลู่หานจมอยู่ในความคิด เป็นกลไกธรรมดาของภาวะจิตใจที่อี้ชิงให้เพื่อนของเขาจัดการด้วยตัวเอง แม้เขาจะรู้วิธีรับมือกับมันก็ตาม
เพราะทุกครั้งที่คนเราได้รับมือกับความเจ็บปวด นั่นจะสร้างเกาะให้เราได้เข้มแข็งกับมันมากยิ่งขึ้น เหมือนเด็กที่หกล้ม ในครั้งแรกอาจลุกขึ้นมาไม่ได้ แต่ในครั้งต่อไปก็จะเรียนรู้ได้ว่าทุกครั้งที่ล้มลง เราสามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้เสมอ
นาฬิกาเข็มยาววนผ่านไปเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ อี้ชิงยังคงนั่งอยู่ข้างกันกับเพื่อนตัวเล็กที่จมอยู่ในความคิดตัวเอง คิดหาวิธีการที่จะช่วยให้เพื่อนหลุดจากความรู้สึกแสนหม่นที่ห่อหุ้มรอบตัว ตั้งใจจะใช้วิธีเหมือนกับที่เคยเจอจากการทำงาน แต่เสียงเรียกของลู่หานก็ทำให้อี้ชิงต้องหยุดชะงัก
“อี้ชิง...”
“….?”
“ฉัน...ควรเซ็นตรงไหน” อี้ชิงเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อเพื่อนสนิทที่แสนเข้มแข็งคนเดิมกลับมาแล้ว เขารู้จักเพื่อนคนนี้ดี ลู่หานไม่ชอบจมอยู่ในความคิดด้านลบสักเท่าไหร่ เป็นคนที่อ่อนแอแต่ก็เข้มแข็งในความรู้สึกของเขาเสมอ
คุณหมอหนุ่มยื่นเอกสารเซ็นรับรองให้กับเพื่อนสนิทตรงหน้า ลู่หานเอื้อมมือไปหยิบเอกสารที่เข้ารับการรักษาของคริส กวาดสายตาอ่านโดยทั่วก็พบว่าวิธีการรักษาไม่ได้ต่างจากที่อี้ชิงเคยบอกสักนิด ถึงเขาจะทำใจเรื่องนี้มาโดยตลอดแต่พอถึงเวลาที่ต้องรับรู้อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ทำให้ลู่หานแทบรับมือไม่ไหวเช่นกัน
“ฉันบอกนายรึยัง”
“เรื่อง?”
“ฉันอาจต้องพาคริสไปรักษาที่อเมริกา”
Loading…90%
เจ้าของดวงหน้าใสหลับตาพริ้มจนเผยให้เห็นแพรขนตาหนาที่เรียงเส้นสวยรับพอดีกับเปลือกตาสีมุก จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากกระจับสีแดงเรื่อสุขภาพดี ลู่หานขยับพลิกตัวพร้อมกับดึงรั้นผ้าห่มให้คลุมตัวมากยิ่งขึ้น เกือบสองชั่วโมงมาแล้วที่เขานอนพลิกตัวไปมาในความมืดนี้
ตั้งแต่กลับมาจากที่คุยกับอี้ชิง คำพูดของเพื่อนสนิทก็ยังดังก้องไปมา ความคิดที่วุ่นวายยังไหลวนไม่หายไปไหน ความรู้สึกผิดที่กัดกินในหัวใจดวงเล็กทำให้ลู่หานได้แต่ขดตัวและกอดตัวเองให้แน่นมากยิ่งขึ้น
ความทรงจำในอดีตไหลย้อนกลับมา เป็นความทรงจำที่เขายังคงโหยหาอยู่เสมอ แต่ลู่หานก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะเข็มนาฬิกาไม่เคยหมุนย้อนกลับไป ...เขารู้ดี
ครืด ครืด...
แรงสั่นจากมือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงทำให้ลู่หานต้องหลุดจากภวังค์แสนหม่น มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์เครื่องบางแล้วกดรับสายทันที
“คิดถึง...”
แค่คำพูดจากเสียงทุ้มแหบของใครบางคนที่แค่ได้ยินก็ทำให้หัวใจเต้นแรงจนเสียงดังน่ารำคาญ แต่ถึงแบบนั้นเจ้าของริมฝีปากอวบอิ่มก็ยกยิ้มขึ้นมาบางเบา
“อะไร...”
“...”
ไม่มีเสียงตอบกลับอะไรมา เพียงแค่เสียงหายใจของเราสองคนที่ดังผ่านสายสัญญาณท่ามกลางความมืด ลู่หานขยับตัวลุกขึ้นจากที่นอน นิ้วเล็กเกี่ยวผ้าห่มผืนหนาเล่นอย่างไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกในใจที่เปลี่ยนเป็นความประหม่าที่เกินจะรับมือไหวนี่ได้อย่างไร
เท้าเล็กวางลงบนพื้นพรม ลู่หานขยับตัวลงจากเตียงก้าวไปที่หน้าต่างเมื่อในใจหวังจะเห็นหมู่ดาวที่คงมีให้เห็นเพียงน้อยนิดในคืนนี้ แต่ร่างสูงของใครบางคนที่ยืนพิงเมอซิเดสเบนซ์ที่ปรากฏในสายตาก็ทำให้ลมหายใจสะดุด เซฮุนมองตรงมาพร้อมกับเสยผมด้วยท่าทีที่ฮอตเป็นบ้าเหมือนทุกที
และนั่นเหมือนถูกดึงดูดด้วยแรงบางอย่างที่ลู่หานไม่สามารถต้านทานได้เลยสักครั้ง
ทำให้ตอนนี้ลู่หานมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนร้ายกาจที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำให้เขาคล้ายเป็นคนแพ้เสมอ แพ้กับหัวใจตัวเอง แพ้กับความรู้สึกมากมายในหัวใจ ที่ไม่ว่าลู่หานพยายามเก็บลงไปให้ลึกมากเท่าไหร่ โอเซฮุนก็จะดึงให้เผยออกมาเสมอ
“รู้ตัวไหม ว่าทำให้ผมคิดถึงพี่มากขนาดไหน?”
คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ มีเพียงสัมผัสอุ่นๆที่ประทับลงบนข้างริมฝีปาก ทับกับรอยเดิมเหมือนในคืนนั้นที่ลู่หานได้พบเซฮุน ที่เดิมตรงนี้ แต่ต่างจากเดิมตรงที่หัวใจเต้นแรงมากกว่าในทุกครั้ง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ไป ได้โปรดเชื่อใจผม”
ประโยคขอร้องที่จบลงด้วยตราประทับจากริมฝีปากอุ่นร้อน
ผมรักคุณนั่นแปลว่าผมรักคุณ
Oh Sehun
#ดับเบิ้ลxฮฮ
Loading….100%
ตอนหน้าเลาจะรีบปั่นนะเพิ่ลๆ
ตอนนี้พวกนายก็รีบส่งกลจให้เลามาเยอะๆกันก่อน
ด้วยการคอมเม้นและติดแท๊ก #ดับเบิ้ลxฮฮ ให้ชื่นใจ :-)
เดี๋ยวให้พี่ฮุนคนฮอตไปกอดกันทีสองที
ปล.ตอนหน้าแซ่บแหน่ xoxo
มาสเตอร์ที่รักพวกคุณหมาก
@Master_yp
O W E N TM.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เชื่อใจกันและกันนะไม่ว่า
อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยไป
โอเซ บอกให้เชื่อใจ ได้โปรดอย่าทำให้ลู่หานร้องไห้นะ
จะเกิดอะไรต่อจากนี้นะ ทิ้งท้ายไว้แบบ..ลุ้นอ่ะ
แล้วพี่คริสเป็นอะไรหนอ สงสัยยิ่งกว่าสงสัยอีก
เซฮุนจะทำอะไรอะ ทำไมต้องเชื่อใจ
โอยยยยยย อย่าเพิ่งดราม่านา
รักกันๆก่อน
แค่เรื่องคริส ลู่ก็เครียดแล้วอ่า
โอยยยยย ตื่นเต้นๆๆฟ
ไรท์สู้ๆนา มาต่อเร็วๆนะคะ^^