ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Haikyuu [fanfic] | ผู้จัดการสาวกับรอยยิ้มที่หายไป (Iwaitsumi x OC)

    ลำดับตอนที่ #9 : 9 - แค่คนรู้จัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26
      3
      18 ก.ย. 67

    -9-

     

    ต่อจากตอนที่แล้ว

     

    “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายยังรักฉันอยู่” น้ำเสียงของหญิงสาวเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าและสิ้นหวัง

     

    “ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่เชื่อ”

    “เพราะถ้านายยังรักฉัน นายจะโทรมาหาฉันทันทีที่รู้ว่าฉันโดนลักพาตัวไปขาย ไม่ใช่หายไปเฉยๆ” น้ำตาแห่งความเศร้าได้ไหลอาบแก้มใสๆของอายากะ

     

    “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ฉันต้องมารับกรรมในสิ่งที่คนอื่นก่อไว้ มันไม่ยุติธรรมเลยว่าไหม” เรื่องมันก็มีแค่ยูกิที่เป็นแม่ของอายากะ ถูกเลือกให้เป็นลิเบอโร่ทีมชาติญี่ปุ่น ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกกลับตามฆ่าเธอและยูกิผู้เป็นแม่ มันไม่ยุติธรรมเลย

     

    “แล้วก็นะ หลังจากจบค่ายนี้ ฉันมีขึ้นศาล”

    “ให้ฉันไป--”

    “ซาคุสะจะไปกับฉัน ไม่ใช่นาย ฉันติดต่อไว้แล้ว” ถึงเหตุการณ์ที่เธอถูกลักพาตัวไปขายพึ่งผ่านไปไม่นาน แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์หรือเกี่ยวข้องก็คือซาคุสะ ไม่ใช่คนตรงหน้าเธอ

     

    “งั้นเหรอ ซาคุสะสินะ” ซาคุสะ คิโยโอมิ ปีสองจากอิทาจิยามะ เอซอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น 

     

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวก่อนนะ ฉันจะไปอาบน้ำ”

    “เดี๋ยวก่อน ฉันยังมีเรื่องต้องบอกเธออยู่” ชายหนุ่มเดินไปจับแขน พอดีเขามีเรื่องต้องบอกอายากะอยู่อีกอย่าง

     

    “เรากลับมาเป็นเพื่อนกันได้ไหม”

    “......” นี่คือหนึ่งในคำถามที่อายากะไม่อยากตอบมากที่สุดในชีวิต เธอไม่รู้ว่าควรตอบยังไงไม่ให้ตัวเองเสียใจในภายหลัง

     

    “ไม่ได้อ่ะ แต่ว่า.....”

    “.......”

    “เป็นแค่คนรู้จักกัน ก็น่าจะพอแล้ว” ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต ก็ลืมๆมันไปเถอะ ทั้งเรื่องที่เคยเป็นแฟนกันอะไรกันด้วย คิดซะว่าเป็นแค่คนที่รู้จักกันก็พอ

     

     

     

     

     

    “คุณอายากะครับ คือว่า.....”

    “โค้ชอุไคเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะ” คาเงยามะอยากปรึกษาเรื่องการส่งบอล คงจะเป็นลูกเซตหยุดสินะ

     

    “แต่ว่านะ ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก”

    “???”

    “เออ..... ฉันหมายความแบบนี้น่ะ” อายากะยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอบอกรุ่นน้องตัวเองว่าเธอเชี่ยวชาญเรื่องการรับบอลมากกว่าการส่งบอล แล้วการหยุดบอลที่จุดสูงสุดน่ะ เป็นเทคนิคที่เธอทำไม่ได้หรอก

     

    “ถ้าอยากฝึกละก็ นายควรไปถามอิชิกะนะ”

    “อิชิกะ...... แฝดคุณเหรอครับ”

    “ใช่ อิชิกะเล่นตำแหน่งเซตเตอร์บ่อยกว่าฉัน ยัยนั่นมีเทคนิคทุกอย่างที่นายต้องการเลยล่ะ” อายากะไม่ได้อยากจะอวยแฝดตัวเองเท่าไหร่ แต่มันเป็นเรื่องจริงน่ะสิ

     

    “ยังไงนายก็รออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปตามให้”

    “ข...ขอรบกวนด้วยนะครับ” อายากะได้ออกไปตามแฝดตัวเองให้ ที่จริงเธอก็อยากสอนอยู่หรอกนะ แต่เธอไม่ได้เล่นเซตเตอร์เก่งขนาดนั้น อิชิกะเล่นเก่งกว่าตั้งหลายเท่า

     

    ในขณะเดียวกัน

    “เอ๋!! อายากะกับอัตสึมุไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันแล้วเหรอ?!!”

    “ใช่ อายากะเป็นคนขอยกเลิกเองน่ะ” ระหว่างที่พวกบ้าวอลเล่ย์กำลังซ้อมกันอยู่ อายาโกะกับอิชิโกะก็นั่งคุยกันระหว่างทางเดินกลับห้องนอน

     

    “ทำไมเป็นงั้นได้ล่ะ”

    “ไม่รู้สิ สงสัยชอบคุณอิวาอิซึมิเข้าละมั้ง” อิชิโกะเอียงหัวด้วยความสงสัย เธอไม่รู้คนที่อายาโกะเอ่ยมาเมื่อกี้

     

    “อิวา เออ......”

    “อิวาอิซึมิ ฮาจิเมะ เอซปีสามของเซย์โจน่ะ”

    “อ๋อออ เพื่อนของคุณโออิคาวะน่ะเหรอ” อิชิโกะนึกออกทันทีที่อายาโกะพูดชื่อเต็ม ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ ที่จริงนึกไม่ถึงด้วยซ้ำ อายากะชอบคนแบบนั้นเหรอเนี่ย

     

    “ใช่ คุณอิวะมาที่บ้านแทบทุกเย็นเลยล่ะ เห็นพี่เรนกับพี่ริวบอกว่า คุณอิวะนี่แหละที่อาสามาคนดูแลคุณแม่”

    “เหหหห ไม่อยากเชื่อเลย” อิชิกะไม่ค่อยตามข่าวเรื่องพ่อแม่ตัวเองเท่าไหร่ เพราะเธอและอิชิโกะโตมากับปู่ตัวเอง

     

    “คุณแม่ชอบเอามากๆเลยล่ะ”

    “คนที่ชื่ออิวะอะไรนั่นน่ะเหรอ”

    “ใช่ เห็นพูดอยู่ว่าถ้าได้มาเป็นลูกเขยก็คงดี อย่างน้อยคุณแม่ก็สบายใจ เพราะคุณอิวะดูแลอายากะได้” แต่คนที่จะมาเป็นแฟนอายากะนั้น ต้องทำให้คนคนนึงชอบให้ได้ก่อน

     

    “แต่ว่านะ ถ้าพี่วากะโทชิไม่ชอบก็เท่านั้นแหละ”

    “อ๋าาา พี่โทชิสินะ รายนั้นรักอายากะจะตายไป” ทั้งสองคนคงไม่รู้หรอก ว่าบทสนทนาที่ทั้งคู่คุยกันอยู่ จะมีใครบางคนได้ยินเข้าเต็มสองหู

     

     

     

     

     

    “อะไรนะ!! มีขึ้นศาลอีกแล้วเหรอ?!”

    “ใช่ค่ะ พอเข้าค่ายนี้เสร็จ วันถัดไปก็ขึ้นศาลเลย” ใครมันจะอยากขึ้นโรงขึ้นศาลบ่อยๆกัน ก็ทนายของเธอพึ่งโทรมาบอกไม่กี่วันก่อนเอง

     

    “คุณทนายบอกว่า ตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว แถมศาลเองก็ไม่อยากรอแล้ว ก็เลยต้องรีบตัดสินคดีก่อนจะยืดเยื้อ”

    “ตัดสินคดีครั้งสุดท้ายสินะ” นี่จะเป็นการขึ้นศาลครั้งสุดท้ายของอายากะ คดีค้ามนุษย์ 

     

    “ให้ปู่ไปเป็นเพื่อนไหม”

    “ไม่ได้ค่ะ คุณทนายบอกว่าคนที่จะไปได้ต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้น” ที่จริงอายากะก็อยากให้พวกแฝดเธอไปด้วย แต่มันทำไม่ได้น่ะสิ

     

    “...... ระวังตัวด้วยล่ะ อายากะ” ชายแก่พูดพร้อมกับลูบหัวหลานสาวไปด้วย การขึ้นศาลครั้งนี้เป็นตัวตัดสินชีวิตของอายากะได้เลยนะ

     

    “จะว่าไป วันนั้นหลานทะเลาะอะไรกับคุโรโอะเหรอ”

    “......” อายากะไม่ได้ตอบคำถามใดๆ เพราะเธอไม่อยากนึกถึงอดีต แต่ยิ่งหนีมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตามหลอกหลอนเธอมากเท่านั้น

     

    “ก็..... นิดหน่อยค่ะ” วันที่อายากะไปขึ้นศาล คดีขับรถชนแล้วหนี วันนั้นเธอกับพ่อเป็นผู้ชนะคดี และคืนในวันเดียวกัน.......

    .

    .

    .

    ย้อนอดีตเล็กน้อย

    “ทำไมรีบขึ้นมาก่อน มันเสียมารยาทนะ” ชายหนุ่มได้เดินตามแฟนเก่ามาอย่างรีบร้อน

     

    “.......”

     

    “ไหนๆก็อยู่กันสองคนแล้ว ฉันมีเรื่องจะถามพอดี” บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ

     

    “เธอคิดยังไงกับฉัน” คำถามจี้ใจดำที่ตรงไปตรงมา ได้หลุดออกมาจากปากชายที่ชื่อคุโรโอะ เท็ตสึโร่

     

    “ตอนนี้ เธอคิดยังไงกับฉัน”

    “เกลียดนาย ตอนนี้ฉันเกลียดนาย” อายากะตอบแบบไม่ลังเล ตอนนี้เธออึดอัดเอามากๆ เธออยากอยู่คนเดียว

     

    “แล้วนายล่ะ คิดยังไงกับฉัน”

    “....... รู้สึกผิดหวัง” อายากะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูด ว่าเขาผิดหวังอะไรในตัวเธอ

     

    “ทำไมตอนนั้นเธอไม่บอกฉัน ว่าโดนจับตัวไปขาย”

    “เพราะฉันรอนาย รอให้นายโทรมา” วันนั้นอายากะรอให้ชายหนุ่มโทรมา สุดท้ายกลับไม่มีเลยสักสายเดียว มันน่าเศร้านะ

     

    “วันนั้นนายหายไปไหน ทำไมไม่โทรหาฉัน”

    “เพราะฉันยุ่งน่ะสิ ถามได้” จากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็ทะเลาะกันจนเสียงดังลงไปข้างล่าง

     

    “เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย”

    “เดี๋ยวฉันไปดูให้” ยาคุ โมริสุเกะ ลิเบอโร่ปีสามจากโรงเรียนเนโกมะ 

     

    “ให้ตายสิ เจ้าคุโรโอะ คราวนี้พูดอะไรออกไปอีกล่ะเนี่ย” น้ำเสียงของยาคุดูเอื่อมระอากับเพื่อนร่วมทีมเอามากๆ “หือออ”

     

    “แล้วตอนนั้นเธอตอบตกลงคบกับฉันทำไม เพราะฉันหล่อเหรอ หรือคบเพราะผลประโยชน์ เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่ อายากะ” 

    “ฉันไม่ได้คบกับนายเพราะหน้าตา ที่ฉันคบกับนายเพราะนายเป็นนาย และตอนนั้น..... ฉันรักนาย มันก็แค่นั้นแหละ เท็ตสึโร่” นั่นคือบทสนทนาที่ยาคุบังเอิญได้ยินเต็มสองรูหู

     

    “รัก? รักฉันงั้นเหรอ อย่ามาพูดให้ขำหน่อยดีกว่า” อายากะที่ได้ยินแบบนั้นก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตัวเธอได้ร้องไห้ออกมา

     

    “ที่ฉันถามเนี่ย เพราะฉันจะได้ตัดสินใจถูก ว่าเรื่องของเราควรจะไปต่อหรือพอแค่นี้”

    “เรื่องของเรามันจบไปแล้ว เท็ตสึโระ มันจบไปนานแล้ว” อายากะเถียงด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง

     

    “มันจบตั้งแต่..... นายบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงขายตัว มันจบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” ยาคุที่แอบฟังอยู่ข้างนอกก็ตกใจเป็นอย่างมาก

     

    “พอหนีมาได้ ฉันก็ถูกตามล่า และเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันเลยตัดสินใจย้ายโรงเรียน เปลี่ยนชื่อ นามสกุล ปกปิดตัวตน และหลบหนี” อายากะยิ้มไปพูดไป ทั้งที่ตัวเธอกำลังร้องไห้อยู่

     

    “นายไม่รู้หรอกว่าฉันเจออะไรมาบ้าง”

    “.......” ยิ่งพูดออกมามากเท่าไหร่ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น

     

    “ให้ตายสิ เธอนี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”

    “ไงนะ.......”

    “เป็นผู้หญิงขี้แย ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง สมแล้วที่เธอไม่มีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขาน่ะ.......” จากนั้นอายากะ ก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดอีกเลย

     

    โครมมมมม!!

    เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คงไม่มีใครคิดหรอกว่าอายากะจะผลักคุโรโอะตกบันได และคนที่เห็นเหตุการณ์นั่นก็คือยาคะที่เป็นเพื่อนร่วมทีม

     

    “คุโรโอะ!!”

    “กัปตัน!!” เพื่อนร่วมทีมต่างก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง ไม่มีใครคาดคิด ว่าอายากะจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ

     

    “เธอทำอะไรลงไปน่ะ?! อายากะ!!”

    “รุ่นพี่คุโรโอะหัวแตกเลยนะ!!” อิชิกะกับอิชิโกะถามด้วยความไม่เข้าใจ พวกเขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น

     

    “กล้าพูดออกมาได้ ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรแท้ๆ”

    “หือออ” อายากะพูดไปร้องไห้ไป แต่ทุกคนกลับไปโฟกัสสิ่งที่อยู่ในมือซ้ายของเธอ มันคือมินิอัลบั้มที่อายากะเป็นคนทำ

     

    “ฉันน่ะ เกือบตายเลยนะ ถูกเอาไปขายในตลาดมืด ตกนรกทั้งเป็นแบบนี้ แต่นายกลับบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงขายตัว นายพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง!!” อายากะระเบิดอารมณ์ออกมา

     

    “ถูกเอาไปขาย.......”

     

    “หรือว่า....?!!” พวกสมาชิกชมรมวอลเล่ย์นั้นเริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

     

    “แล้วอีกอย่าง ที่นายพูดเมื่อกี้ ฉันอยากจะถามกลับว่า หน้าฉันมันเหมือนคนมีความหวังขนาดนั้นเลยเหรอ.....”


    **คอมเมนท์มาคุยกันได้นะ**

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×