ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Haikyuu [fanfic] | ผู้จัดการสาวกับรอยยิ้มที่หายไป (Iwaitsumi x OC)

    ลำดับตอนที่ #4 : 4 - แฟนเก่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 92
      7
      30 ส.ค. 67

    -4-

     

    ต่อจากตอนที่แล้ว โมโมกะก็ตื่นเช้าเดินไปโรงเรียนตามปกติ แต่ที่เพิ่มเติมก็คือมีแฝดตัวเองเดินมาด้วยเนี่ยสิ ไม่ค่อยชินเท่าไหร่เลยแฮะ

     

    “ซ้อมแข่งอีกแล้วเหรอคะ อาจารย์ทาเคดะ แบบนี้มันไม่กะทันหันไปหน่อยเหรอ”

    “ต้องขอโทษด้วยนะ” โมโมกะได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนนี้เธอรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ ทุกคนในทีมต่างก็พยายามกันอย่างเต็มที แต่เธอกลับทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้

     

    “โมโมกะ ไม่สิ อายากะ”

    “...... เรียกแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นค่ะ อาจารย์” ให้ตายสิ สุดท้ายเธอก็หนีไม่พ้นชื่อเดิมของตัวเองจริงๆสินะ

     

    “ได้ข่าวว่าอายาโกะย้ายมาเข้าที่นี่ใช่ไหม”

    “ค่ะ หนูห้ามแล้วนะคะ” 

    “ถ้างั้น ก็ชวนเธอคนนั้นมาเป็นผู้จัดการด้วยสิ ทีมเราต้องการคนเก่งๆมาให้คำแนะนำอยู่พอดี” อาจารย์ประจำชมรมขอร้องมาทั้งที เธอจะปฏิเสธก็ไม่ได้ด้วย เพราะเดิมทีก็ปฏิเสธคนไม่เป็นอยู่แล้ว

     

    “รับทราบค่ะ เดี๋ยวจะเอาไปบอกให้”

    “จริงสิ ทีมเราได้โค้ชแล้วนะ” อาจารย์ทาเคดะพูดด้วยความดีใจ จริงๆเขาก็อยากให้เธอมาช่วยซ้อมอยู่หรอก

     

    “หมายถึงคนขายของตรงเชิงเขาสินะคะ”

    “ท...ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ”

    “รู้จักเป็นการส่วนตัวค่ะ” หลานชายของโค้ชอุไค เธอเคยเจอกับเขาอยู่สองสามครั้ง เป็นคนรู้จักของปู่เธอ

     

    “เหหห แล้วอายาโกะจะมาที่นี่เมื่อไหร่”

    “เย็นนี้ค่ะ แล้วก็ น้องชายหนูเองก็มาด้วย”

    “ยูกับโยสินะ เยี่ยมไปเลย” ก่อนหน้านี้โมโมกะเคยบอกไปแล้ว ว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะกลับไปเล่นวอลเล่ย์บอลแบบจริงจัง เพราะด้วยสถานะที่เป็นอยู่ ก็เลยผันตัวมาเป็นผู้จัดการแทน

     

    “แล้วก็ พยายามเข้านะ เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป”

    “หนูเองก็หวังว่างั้นนะคะ//ยิ้ม” เธอหวังและคิดแบบนั้นมาตลอด 

     

     

     

     

     

    “ขอแนะนำนะ สามคนนี้พึ่งย้ายมา พวกเขาจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ แนะนำตัวสิ” อาจารย์ทาเคดะพูด

     

    “เนโกมาตะ อายาโกะ”

     

    “เนโกมาตะ ยู”

     

    “เนโกมาตะ โย”

     

    “ยินดีที่ได้รู้จัก” เด็กใหม่ทั้งสามคนได้แนะนำตัวให้ทุกคนในชมรมรู้จัก

     

    “อาจารย์ครับ แล้วคุณโมโมกะล่ะครับ”

    “ไปโตเกียวน่ะ อีกสามวันถึงจะกลับมา” คาเงยามะและพวกปีหนึ่งต่างก็เอียงหัวด้วยความสงสัย ว่าโมโมกะจะไปโตเกียวทำไมตอนนี้

     

    “อาจารย์ ยังไม่ได้เล่าให้พวกปีหนึ่งฟังสินะคะ”

    “อืม พอดีเจ้าตัวเขาขอไว้น่ะ พวกเราก็เลยไม่ได้เล่าให้พวกปีหนึ่งฟัง” ไดจิที่เป็นกัปตันพูด ตอนนี้โค้ชคนใหม่ยังไม่ได้ จะเล่าดีไหมนะ

     

    “คุณโมโมกะ..... ไปโตเกียวทำไมเหรอครับ” ฮินาตะถามด้วยความสงสัย จะว่าไปแล้ว โมโมกะแทบไม่เข้าชมรมเลยนี่นา เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ

     

    “คือว่า......”

     

     

     

     

     

    ณ ศาลประจำกรุงโตเกียว

    “ลูกมาช้านะ อายากะ”

    “ขอโทษด้วยค่ะ” ตอนนี้เธอมาในฐานะอายากะ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะขึ้นศาล ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้นนะ

     

    “ขาเป็นไงบ้างคะ คุณพ่อ”

    “ถอดเหล็กออกแล้วล่ะ แต่ก็ต้องระวังอยู่ดี” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใส เนโกมาตะ ฮิโรมาสะ ชื่อของชายวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อของเธอ

     

    “จะว่าไป ช่วงนี้ลูกเป็นไงบ้าง”

    “....... ก็สนุกดีค่ะ” ระหว่างที่รอขึ้นศาล สองพ่อลูกก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย ระหว่างนั้นหญิงสาวก็หยิบแมสขึ้นมาใส่

     

    “หนูหวังว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ขึ้นศาล”

    “พ่อเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน” ใครมันจะอยากไปขึ้นศาลฟ้องร้องกันบ่อยๆล่ะ จริงไหม

     

    “งั้นไปกันเถอะ”

    “ค่ะ^^”

     

    - 4 ชั่วโมงผ่านไป -

     

    “เห้อออ จบสักที”

    “เท่านี้ก็จบไปอีกหนึ่งคดีแล้วนะ” คดีขับรถชนแล้วหนี ผู้เสียหายก็คือสองพ่อลูกฮิโรมาสะกับอายากะ ฟ้องร้องมาหลายเดือนแล้วด้วย

     

    “ที่เหลือก็......”

    “คดีค้ามนุษย์ น่าจะอีกนานเลยล่ะ” คดีที่ใหญ่และดังไปทั่วประเทศแบบนั้น คงอีกนานกว่าจะจบ

     

    “ลูกจะกลับเลยไหม”

    “หนูว่าจะอยู่ต่ออีกสักสองวันค่ะ” ที่จริงเธอก็อยากกลับเลยนั่นแหละ แต่ปากดันบอกว่าอยากอยู่ต่อเนี่ยสิ

     

    “เหรอ งั้นเราไปหาคุณปู่กันไหม”

    “เอาสิคะ^^” นานๆเธอจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับปู่ตัวเอง ถ้าไม่ไปหาเลยคงรู้สึกผิดแย่

     

    “จะว่าไปเย็นนี้ ชมรมวอลเล่ย์บอลจากเนโกมะจะมาทานข้าวที่บ้านเราด้วยนะ” พอคนเป็นพ่อพูดแบบนั้น หญิงสาวถึงกับนิ่งไปเลยล่ะ

     

    “.......”

     

    “งั้นเหรอคะ”

     

    “ใช่ ท่าทางลูกไม่ดีใจเลยนะ”

    “คงงั้นแหละค่ะ” เวลามีแขกมาบ้าน คนส่วนใหญ่มักจะตื่นเต้นและดีใจกัน แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกแบบนั้นนะ 

     

    “...........”

     

    “แล้วเท็ตสึโร่...... สบายดีรึเปล่า” หญิงสาวถามด้วยความกล้าๆกลัวๆ น้ำเสียงของเธอเองก็สั่นด้วย

     

    “..........”

     

    “แน่นอน สบายดีสิ//ยิ้ม” คุโรโอะ เท็ตสึโร่ กัปตันชมรมวอลเล่ย์บอลของโรงเรียนเนโกมะ เป็นแฟนเก่าของเธอเอง 

     

    “เขาจะมาด้วยใช่ไหม”

    “มาสิ ก็เขาเป็นกัปตันนี่นา” ทำไมเธอถึงถามคำถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ ความรู้สึกที่สับสนนี่มันอะไรกัน แลไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด

     

    “นั่นสินะ เขาเป็นกัปตัน ใช่ เขาเป็นกัปตัน”

    “อายากะ........” จู่ๆความทรงจำที่น่าคิดถึงก็ผุดขึ้นมาในหัว ช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต เป็นอะไรที่น่าคิดถึงจริงๆ

     

     

     

     

     

    ณ โรงเรียนคาราสึโนะ

    “เอ๋?!!! โมโมกะเคยถูกลักพาตัวไปขายในตลาดมืด!!”

    “ใช่ ตลกดีไหมล่ะ” ทุกคนในชมรมต่างก็อึ้งกับสิ่งที่อายาโกะเล่า 

     

    “ทำไมถึงได้......”

     

    “........”

     

    “พวกฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ไม่มีใครรู้หรอก ว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โมโมกะโดนเอาไปขาย แถมยังถูกใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนาๆ 

     

    “งั้นแปลว่าตอนนี้ ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้สินะครับ” คาเงยามะถาม

     

    “ใช่แล้วล่ะ” ที่จริงเรื่องนี้ดังเอามากๆเลยล่ะ แต่จู่ๆเรื่องก็เงียบไปได้ประมาณสองเดือนแล้วมั้ง

     

    “อย่างงี้นี้เอง มิน่าละคุณโมโมกะถึงได้ทำหน้าเศร้าแบบนั้นตลอดเวลา” ฮินาตะพูด

     

    “แล้วก็นะ อายากะคงไม่อยากไปเนโกมะเท่าไหร่หรอกมั้ง”

    “ทำไมล่ะครับ” พวกปีหนึ่งถาม

     

    “ก็เพราะว่ากัปตันเนโกนะ เป็นแฟนเก่าพี่อายากะเขาน่ะครับ แถมจบกันได้ไม่ดีด้วย” ยูพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่ตอนนี้เขากลับเป็นห่วงพี่สาวตัวเองเอามากๆ

     

    “ทำไมถึงเลิกกันล่ะ”

    “ไม่รู้ครับ พวกผมไม่ได้ถาม เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เขา” โยตอบไปแบบนั้น ที่จริงก็อยากถามอยู่หรอกนะ

     

    “ถ้าพี่อายากะดีขึ้น เดี๋ยวเจ้าตัวก็เล่าให้ฟังเองแหละครับ เพราะตอนนี้สภาพจิตใจพี่เขาไม่พร้อม ที่จริงก็เกือบเลิกเล่นวอลเล่ย์ถาวรแล้วด้วย” สองแฝดต่างก็เป็นห่วงพี่ตัวเอง รวมถึงอายาโกะด้วย

     

    “พวกครูและโค้ชทีมต่างๆก็รู้เรื่องนี้ดี ทุกคนเลยช่วยอายากะจังกันอย่างเต็มที่” 

     

    “........”

     

    “ก็นะ อายากะจังติดทีมชาติตั้งแต่อายุ 14 ปี แถมได้เป็นตัวจริงอีกต่างหาก เล่นตำแหน่งลิเบอโร่ด้วย” 

    “สุดยอดดดด” ทุกคนต่างก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งประกาย

     

    “อายาโกะเองก็ติดทีมชาติไม่ใช่เหรอ”

    “ค่ะ หนูเล่นตำแหน่งมิดเดิ้ลบล็อกเกอร์ ที่จริงพวกเราแฝดหกติดทีมชาติกันทุกคนเลยล่ะค่ะ” อายาโกะพูดก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

     

    “แฝดหก......??”

    “อ๋อ ฉันเป็นแฝดคนที่ห้าน่ะ ส่วนอายากะเป็นแฝดคนที่หก แฝดคนที่หนึ่งกับสองชื่อเอมิโกะกับเอมิกะ ส่วนแฝดคนที่สามกับคนที่สี่ชื่ออิชิกะกับอิชิโกะ” อายาโกะพูด

     

    “ฉันย้ายมาที่นี่เพราะพ่อบอกให้มา ยูกับโยเองก็ด้วย ส่วนแฝดคนอื่นๆของฉันเรียนอยู่ที่โตเกียว” 

     

    “แต่ว่านะ ถึงจะเป็นแฝดกัน แต่พวกเราไม่ได้โตมาด้วยกันหรอกนะ นานๆจะเจอกันที” ระหว่างที่อายาโกะเล่า ทุกคนในทีมก็ซ้อมไปด้วย

     

    “ทำไมล่ะครับ” ฮินาตะถามด้วยความสงสัย

     

    “เห็นพ่อเล่าว่าตอนเด็กๆ พี่อายากะติดญาติฝั่งแม่ที่อยู่ที่นี่เอามากๆ เลยอยู่ที่นี่จนถึงป.4 จากนั้นก็ย้ายไปเรียนที่โตเกียวจนถึงม.ต้น” โยพูด

     

    “พอขึ้นม.ปลาย มีแค่พี่อายาโกะกับพี่อายากะที่ไปเรียนต่อที่คันไซ นอกนั้นยังอยู่ในโตเกียว พี่อิชิโกะกับพี่อิชิกะต่อที่เนโกมะ ส่วนสองคนที่เหลืออย่างพี่เอมิโกะกับเอมิกะต่อที่ฟุคุโรดานิ” ยูพูด

     

    “แล้วนายล่ะ ได้ข่าวว่าย้ายมาไม่ใช่เหรอ”

    “อ๋อ ฉันกับโยย้ายมาจากเนโกมะ ที่จริงก็ไม่ได้อยากมานักหรอก แต่พ่อบอกว่าให้มาดูแลพี่อายากะเขาน่ะ” ยูพูด ใครมันจะอยากย้ายโรงเรียนกันล่ะ จริงไหม วุ่นวายจะตายไป

     

    “เธอย้ายมาจากคันไซเหรอ”

    “ใช่แล้วล่ะ ฉันกับอายากะย้ายมาจากอินาริซากิน่ะ” แน่นอนว่าพออายาโกะพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมด

     

    “อินาริซากิเหรอ?!!! เอาจริงดิ!!”

    “ก็นะ เมื่อปีที่แล้ว ชมรมวอลเล่ย์ชายได้อันดับสองของการแข่งทั่วประเทศ” ที่จริงอายาโกะไม่ค่อยอยากพูดเรื่องของตัวเองและครอบครัวเท่าไหร่ มันดูโอ้อวดยังไงก็ไม่รู้

     

    “ส่วนชมรมวอลเล่ย์หญิงที่ฉันกับอายากะ พวกเราพาทีมขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของประเทศได้” เพราะทุกคนในทีมให้ความร่วมมือกันดีมากไงล่ะ 

     

    “สุดยอดดด”

     

    “แล้วทำไมถึงได้ย้าย--”

    “บอกไม่ได้” อายาโกะรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที ทำเอาหลายคนตกใจไม่น้อยเลย

     

    “เหตุผลมันซับซ้อน ฉันบอกมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ความเคียดแค้นก็แล่นเข้ามาในหัวทุกที

     

    “แต่ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ ไว้จะบอกให้ฟังก็แล้วกัน//ยิ้ม”

     

    - ตกดึกในวันเดียวกัน -

     

    “ขอรบกวนด้วยครับ!!” เสียงของเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายดังก้องไปทั่วบ้าน บรรยากาศค่อนข้างสดใสพอสมควร

     

    “พวกเราเอาของมาฝากครับ คุณอาฮิโรมาสะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงครับ”

    “ขอบใจนะ เท็ตสึโร่” ชมรมวอลเล่ย์บอลชายของโรงเรียนเนโกมะได้เอาช่อดอกคาโมมายล์มาฝาก เป็นการอวยพรให้ชายวัยกลางคนผ่านเรื่องเลวร้ายไปได้ด้วยดี

     

    “พอรู้ว่าพวกเธอจะมา เอมิโกะกับเอมิกะก็ทำหม้อไฟรอเลยล่ะ ทำตัวตามสบายเลยนะ” ฮิโรมาสะพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใส

     

    “ขอบคุณครับ!!” 

     

    “อ้าว แล้วอายากะละคะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”

    “วันนี้ไปศาลด้วยกันนี่นา” เอมิกะกับเอมิโกะถามด้วยความสงสัย

     

    “อยู่บนห้องน่ะ หลับตั้งแต่บ่ายสามแล้วล่ะ ท่าทางน่าจะเครียดมาก พ่อเลยไม่กล้าปลุกน่ะ” ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็ถอนหายใจออกมา

     

    “ให้ผมไปปลุกไหมครับ”

     

    “แต่ว่า--”

     

    “ฝากด้วยนะ^^” ยังไม่ทันที่เอมิกะจะพูดจบ คนเป็นพ่อดันชิงพูดซะก่อน “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

     

    “พ่อคะ?! คิดอะไรอยู่น่ะ!!”

    “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก” เอมิกะกับเอมิโกะตกใจเอามากๆ ก็คนที่ชายวัยกลางคนให้ไปตามนั่นน่ะ เป็นแฟนเก่าของอายากะเลยนะ แถมจบกันได้ไม่ดีด้วย ขืนให้ไปตามมีหวังทะเลาะกันพอดี

     

    “แต่ว่า......”

     

    “นี่เป็นโอกาสดีเลยนะ ที่ทั้งสองคนจะได้เปิดอกคุยกัน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆด้วยสิ” ฮิโรมาสะพูดอย่างมีความหวัง

     

    “แล้วถ้าอายากะทำร้ายคุโรโอะขึ้นมาล่ะคะ” ตอนนี้สภาพจิตใจของอายากะบอบช้ำมาก น่าจะยังไม่พร้อมพบหน้าแฟนเก่าตัวเองแน่ๆ

     

    “ถึงตอนนั้น ค่อยว่ากันทีไรหลัง ตอนนี้ต้องกินเลี้ยงกันก่อนไม่ใช่เหรอ”

     

    “......”

     

    “นั่นสินะคะ//ยักไหล่” ตอนนี้ต้องสนใจกับการกินเลี้ยงก่อน เรื่องปัญหายิบย่อยนั่นค่อยจัดการทีหลัง

     

     

     

     

     

    ครืนนนนนน

    “ตื่นแล้วเหรอ แปลกใจนะเนี่ย”

    “พวกนายเสียงดังขนาดนั้น ไม่ตื่นก็แปลกแล้ว” การพบกันครั้งแรกในรอบสองปี บรรยากาศช่างอึดอัด เหมือนตอนที่เลิกกันหมาดๆ

     

    “ข้าวเย็นวันนี้เป็นหม้อไฟ เอมิกะกับเอมิโกะเป็นคนทำ ยังไงวันนี้ก็รบกวนหน่อยนะ”

    “อื้ม ได้สิ ทำตัวตามสบายเลยนะ” หญิงสาวพูดก่อนจะเดินออกจากห้อง

     

    “ยังเก็บรูปนั้นไว้อยู่เหรอ”

     

    “..........”

     

    “ผิดด้วยรึไง” รูปสมัยที่ทั้งคู่เป็นแฟนกัน มันเป็นช่วงเวลาที่อายากะมีความสุขที่สุด ผิดด้วยรึไงที่เธอจะเก็บมันไว้เป็นของดูต่างหน้า “ไปกินข้าวกันเถอะ”


    **คอมเมนท์มาคุยกันได้นะ**

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×